Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
น้ำตาพ่อ



“พ่อจ๋า พ่อจ๋า ไก่ออกไข่แล้ว ตั้งสิบฟองแหนะ” ฉันตะโกนบอกพ่อในมือถือไข่วิ่งตรงรี่มายังแปลงผัก พ่อวางจอบลงแล้วลูบผมฉันเบาๆ ก่อนจะรับไข่จากมือที่ฉันยื่นให้ น้ำตาพ่อร่วง ฉันงงคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจแค่ดีใจที่ไก่ออกไข่มันผิดตรงไหน นานมาแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นพ่อร้องไห้ ตั้งแต่วันที่ฝนตกหนักวันนั้น


พ่อกอดฉันกอดแม่แล้วร้องไห้ “เราตายแน่ปีนี้พายุมันเล่นเราซะสองรอบ คราวนี้จะเอาอะไรกินกันล่ะ ” พ่อบอกแม่ด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อหมายถึงอะไร แต่ก็ได้ยินพ่อคุยกับแม่ว่า รอบแรกยังพอทำเนาแค่ร่วงเท่านั้น แต่รอบสองมันดันเอาต้นไปด้วย พ่อคงหมายถึงต้นลำใยของเราที่ถูกพายุโค่นล้มระเนระนาด เป็นร้อยๆ ต้นละมัง และการที่พ่อกับแม่กลุ้มใจกันขนาดนี้คงเป็นเพราะบ้านเรามีรายได้อยู่ทางเดียว คือการทำสวนลำใย มันออกลูกปีละครั้งเท่านั้น ในเมื่อปีนี้ไม่มีลำใยขาย พวกเราก็ไม่มีเงินใช้

หลังจากวันนั้นฉันเห็นพ่อเอาแต่นั่งกอดเข่า แม่บอกว่าพ่อแกไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว แม่เองก็ยังซังกะตายอยู่หลายวัน ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดีคิดไม่ออกมันมืดแปดด้านไปหมด ฉันไม่ค่อยเข้าใจคำว่ามืดแปดด้านของแม่แต่ก็คิดเอาเองว่ามันคงมืดมากจริงๆ แม่ยังบอกอีกว่าถ้าไม่มีทางออกจริงๆ คงต้องเอาที่ดินไปจำนองหรือไม่ก็ขายมันซะ คิ้วฉันเริ่มย่นเข้าหากันเหมือนพ่อกับแม่บ้าง ถ้าเราขายสวนแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากย้ายไปจากที่นี่ ฉันมีเพื่อนซี้ อย่างม่าเหมี่ยว แดง แตงกวา ถ้าฉันย้ายไปฉันคงคิดถึงทั้งสามคนมาก

พ่อนั่งจับเจ่าอยู่ได้สองวันก็ออกปากชวนแม่ไปทำบุญที่วัด พ่อชอบทำบุญมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พ่อบอกว่าทำแล้วใจสบายสมองจะได้ปลอดโปร่งคิดอะไรดีๆ ออก และก็จริงอย่างที่พ่อว่าเมื่อกลับจากวัดฉันเห็นพ่อหยิบจอบมาขุดดินแม่ก็ช่วยด้วย พ่อคงคิดอะไรดๆ ของพ่อออกแล้วละมัง ฉันไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะทำอะไรฉันไม่กล้าถาม แต่ก็ช่วยขุดด้วยเหมือนกัน


พ่อเช็ดน้ำตาหลังจากส่งไข่คืนให้ฉันก่อนจะเดินไปหยิบข้องที่วางอยู่ริมบ่อปลาขึ้นมาสะพาย

“เอาไข่ไปอวดแม่กัน” พ่อบอกพร้อมกับจูงมือฉันเดินกลับเข้าบ้าน
ฉันเหลียวหลังมองบ่อปลาแล้วยิ้มยืดอกขึ้นรู้สึกภูมิใจที่ในวันนั้น ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ช่วยพ่อขุดบ่อปลาบ่อนี้

พ่อปล่อยมือฉันเมือเดินมาถึงตรงใต้ถุนบ้าน แม่กำลังเด็ดผักอยู่ มันเป็นผักที่มาจากแปลงของพวกเราเอง หลังจากที่ขุดดินในวันที่กลับมาจากวัดเสร็จ พ่อก็เข้าเมืองไปซื้อพันธ์ปลา และเมล็ดพันธุ์ผักมาด้วยหลายชนิด อย่างเช่นคะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม กระหล่ำ แล้วก็พวกผักสวนครัวต่างๆ พ่อบอกว่าจะเลี้ยงปลาและปลูกผักไว้กิน ฉันไม่ได้ช่วยพ่อเอาปลาลงบ่อแต่ฉันช่วยหยอดเมล็ดเล็กๆ ของผักเหล่านั้นลงในหลุมบนแปลงดินที่พ่อทำไว้ และรดน้ำมันทุกวัน เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่มันจะโพล่พ้นดินขึ้นมาสักที วันแรกที่พวกมันแทงยอดขึ้นมาฉันก็ดีใจพอๆ กับวันนี้ที่เห็นไก่ออกไข่นี่แหละ

ฉันชูไข่ไก่สีนวลสวยใบย่อมให้แม่ดูเมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องนี้ แล้วก็ลืมเรื่องพ่อร้องไห้ไปเสียสนิท

แม่ยิ้ม “ดีจริงวันนี้เราจะได้กินไข่ ที่มาจากไก่ของเราเองแล้ว”
“ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ มีตั้งสิบฟองแหนะ” ฉันอวด

“เอาตะกร้าไปเก็บมาสิ” แม่บอก ฉันวางไข่ในมือลงบนกระจาดผักของแม่จากนั้นก็รีบคว้าตระกร้าสานสีน้ำตาลรี่ไปยังเล้าไก่

ไก่ของเรามีทั้งหมดสิบห้าตัว พ่อบอกว่าเลี้ยงไว้แค่นี้ก่อนเอาแค่พอมีไข่ไว้เก็บกิน พ่อทำเล้าไก่คร่อมบ่อปลาไว้เพื่อเวลาที่มันขี้จะได้หล่นลงไปเป็นอาหารปลา ปลาในบ่อของเรามีปลาช่อน ปลาดุก และปลานิล พ่อบอกว่าทั้งปลา ไก่ ผัก และผลไม้ในสวน ซึ่งตอนนี้นอกจากลำใยที่ยังเหลืออยู่ พ่อยังปลูกกล้วยน้ำหว้ากับกล้วยไข่ และมังคุดด้วย แล้วก็ยังมีไร่ข้าวโพดที่พ่อกำลังเตรียมดินที่จะปลูกอีก

พ่อจะใช้วิธีธรรมชาติไม่ใช้สารเคมีกับพวกมัน เพราะถ้าพ่อฉีดย่าฆ่าแมลงที่สวนผลไม้ ไร่ข้าวโพดหรือที่แปลงผัก เวลาฝนตกสารเคมีพวกนี้จะไหลลงบ่อปลา และตกค้างอยู่ตามดิน ถ้าไก่หรือปลากินเข้าไปมันอาจจะไม่ถึงตายแต่มันก็สะสมอยู่ในเนื้อซึ่งเราใช้เป็นอาหาร สารเคมีพวกนี้ก็เข้ามาสะสมในร่างกายเราทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย แล้วก็ต้องเสียเงินไปหาหมอ พ่อว่าถ้าต้องไม่สบายก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ อย่าให้มันเกิดจากเราทำร้ายตัวเองเลย ตอนนี้พ่อยังต้องซื้อปุ๋ยใช้อยู่แต่อีกหน่อยพ่อจะทำปุ๋ยหมักเองจากซากพืชซากสัตว์ที่เหลือใช้

พ่อบอกว่าตอนนี้พ่อเน้นการทำมาหากินมากกว่าทำมาค้าขาย เมื่ออเราเก็บผลผลิตได้เกินกว่าที่เราจะกิน เราค่อยนำส่วนนั้นไปขาย ตอนนี้ผืนดินของเราเป็นเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยทีเดียว มีทั้งปลา ไก่ ไข่ ผัก และผลไม้ ครบถ้วน เรากินทุกอย่างที่ปลูกและปลูกทุกอย่างที่กิน เหลือเพียงข้าวเท่านั้นที่เรายังต้องซื้ออยู่ พ่อไม่ถนัดเรื่องการทำนาจึงไม่เสี่ยงทำดีกว่า

ฉันชอบไปช่วยแม่ช่วยขายของในตลาดสนุกดี ร้องขายเสียงดังๆ ฉันภูมิใจในของที่ฉันขายเพราะทุกอย่างฉันได้ช่วยพ่อกับแม่ทำ และทุกอย่างปลอดสารพิษ ชาวบ้านชอบซื้อของเรา พวกเขาบอกว่าของเราถูกและดี บางทีแม่ก็แถมให้อีกต่างหาก ต่อไปใครบอกว่าของถูกและดีไม่มีในโลกฉันเถียงใจขาดเลย

ชาวบ้านส่วนใหญที่มาซื้อก็เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันดี บางคนก็เคยไปคุยกับพ่อว่าการทำไร่นาสวนผสมอย่างที่เราทำกันอยู่นั้นมันดียังไง และต้องเริ่มต้นยังไงบ้าง พ่อจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทุกครั้งที่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนบ้านฟัง พ่อเรียกว่ามันเป็นวิทยาทาน ฉันก็ไม่รู้ว่าวิทยาทานคืออะไร แต่คิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่ดีเพราะพ่อทำแล้วมีความสุข ตอนนี้พ่อเริ่มชวนชาวบ้านทำศาลาชุมชนในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้ความรู้ในเรื่องนี้ และอีกหน่อยอาจจะมีการทำเป็นร้านซ่อมเครื่องจักรเล็กๆ จะได้ไม่ต้องเอาไปซ่อมไกลถึงในเมือง

พ่อบอกว่าตอนนี้นอกจากเราจะมีกินแล้วเรายังมีเงินเหลือเก็บด้วย มีทั้งเงินรายวัน เงินรายเดือนและเงินรายปี ฉันทำหน้างงๆ พ่อเลยอธิบายต่อว่าพวกพืชผักสวนครัวต่างๆ เราสามารถเก็บได้ทุกวันถ้าขายได้ก็เป็นเงินรายวัน ไก่กับปลาต้องรอเป็นเดือนกว่ามันจะโตหรือออกไข่ถ้าขายได้ก็เป็นเงินรายเดือน ส่วนผลไม้ก็จะออกปีละครั้งขายได้ก็เป็นเงินรายปี

ทุกคืนฉันเห็นแม่ชอบนั่งเขียนอะไรบางอย่าง พอฉันถามแม่ก็บอกว่าแม่ทำบัญชีรายวัน ฉันสงสัยว่าอะไรคือบัญชีรายวัน แม่บอกว่าเป็นการจดรายละเอียดรายรับรายจ่ายใตแต่ละวัน เพื่อดูว่าเราใช้เงินกันยังไงบ้าง เป็นการเตือนสติไม่ให้มือเติบ แม่ยังเล่าอีกว่าเมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าผงชูรสที่เราซื้อกันบ่อยๆ เนี่ยพอรวมกันเป็นเดือนแล้วหลายตังส์เหมือนกัน แม่เลยตัดรายจ่ายส่วนนี้ออกเพราะพ่อบอกว่ามันไม่จำเป็น แม่ทำอาหารอร่อยอยู่แล้วไม่ต้องพึ่งผงชูรสหรอก วันนั้นฉันเห็นแม่ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว


ฉันถือตะกร้าที่มีไข่สิบฟองวางเรียงกันอยู่เดินกลับไปยังใต้ถุนบ้าน แต่ด้วยสายตาอันว่องไวฉันก็เหลือบไปเห็นกล้วยเครือเบ้อเริ่มที่มีหวีหนึ่งกำลังสุกได้ที่ ฉันรีบวิ่งเอาตะกร้าไข่ไปส่งให้แม่ ก่อนจะคว้ามือพ่อมาเขย่า

“พ่อจ๊ะ หนูจะกินกล้วย เมื่อกี้เดินผ่านมาเห็นมาสุกเหลืองเชียว” พ่อหัวเราะแล้วโยกหัวฉันไปมา พร้อมกับหยิบพร้าแล้วจูงมือฉันพาไปยังต้นกล้วยต้นนั้น

พ่อตัดกล้วยเครือนั้นลงมาวางไว้ข้างฉัน บอกว่าบ่มสักสองสามวันก็สุกแล้ว ก่อนจะเดินกลับไปตัดหัวปลีสีแดงมาด้วย

“เอาไปให้แม่เขาแกงปลาย่างหัวปลีให้กิน พ่ออยากกินมาหลายวันแล้ว” พ่อว่า ใบหน้ายิ้มแย้ม

“พ่อจ๊ะ หนูอยากได้ถุงเท้าใหม่สองคู่ คู่เก่าที่ใส่อยู่มันขาดจนนิ้วโพล่แล้ว” พ่อทำหน้างงที่อยู่ๆ ฉันก็โพล่งเรื่องนี้ออกมา พ่อเคยบอกว่าอะไรที่จำเป็นเราก็ซื้อได้แต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าการซื้อถุงเท้ามันฟุ้งเฟ้อหรือเปล่า

“เอาสิลูก ปีนี้ขึ้นปอสองแล้วใช่มั้ย ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ฉันพยักหน้าหงึกๆ “ไปรีบกลับเถอะ ฝนตั้งเค้าอีกแล้ว” พ่อบอกหลังจากแหงนหน้ามองท้องฟ้า ที่ส่งเสียงร้องดังครืนๆ


คืนนี้ฝนตกหนักมากอย่างกับฟ้ารั่ว ลมก็พัดแรง พ่อบอกว่าพายุเข้าอีกแล้ว เหมือนในวันนั้น วันที่พ่อกับแม่กอดคอกันร้องไห้ ฉันกลัวว่าเช้าขึ้นมาทุกอย่างจะเป็นเหมือนวันนั้นอีก เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว แม่เคยบอกว่าฟ้าผ่าเพราะรามสูรขว้างขวาน ฉันไม่แน่ใจว่าขวานของรามสูรมีกี่ด้ามกันแน่คืนนี้ถึงได้ขว้างบ่อยจัง แต่อย่างน้อยคำบอกของแม่ก็ทำให้ฉันกลัวน้อยลง


เช้าวันรุ่งขึ้นมีต้นกล้วยและต้นลำใยบางส่วนที่นอนล้มอยู่ พ่อบอกว่าร่องสวนช่วยชลอความแรงของน้ำและบ่อปลาช่วยกักเก็บน้ำไว้ทำให้ลดปริมาณน้ำที่จะท่วมสวนได้ ฉันโล่งใจที่ไม่เห็นพ่อกอดฉันแล้วร้องไห้อีก

“ถึงบางส่วนจะเสียหาย แต่ก็ยังเหลือส่วนที่เราใช้กินและเก็บขายได้อีกนะลูกนะ” พ่อยิ้ม มันเป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น ฉันอยากให้พ่อยิ้มแบบนี้ทุกวัน

วันนั้นพ่อพาฉันไปทำบุญที่วัด ฉันเลยได้ยินพ่อคุยกับหลวงตาถึงได้เข้าใจวันนั้นที่พ่อมาวัดแล้วกลับไปขุดบ่อปลา เพราะหลวงตาท่านบอกให้พ่อทำตามคำสอนของในหลวง ที่แท้อะไรดีๆ ที่พ่อว่าก็เป็นคำสอนของในหลวงนี่เอง และฉันยังได้รู้อีกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำนั้นเรียกว่า การทำเกษตรและการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ที่ฉันได้ยินในโทรทัศน์บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเข้าใจสักทีว่าเป็นยังไง ตอนนี้ฉันทั้งเข้าใจและเรียนรู้ด้วยเอง พอคิดได้แบบนี้ฉันก็นั่งอมยิ้มหวาน เปิดเทอมคราวนี้มีเรื่องไปอวดคุณครูและเพื่อนๆ แล้ว


ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน ฉันเห็นบางบ้านนั่งกอดคอกันร้องไห้เหมือนที่บ้านฉันเคยเป็นเลย โดยเฉพาะบ้านของลุงมีที่สวนติดกัน เขาเคยว่าพ่อของฉันว่าทำไร่ทำสวนหลายๆ อย่างปนกันแบบนี้จะขายได้กี่ตังส์ ? เมื่อไหร่จะรวยล่ะ ? ตอนนั้นพ่อได้แต่ยิ้มไม่ว่าอะไร ฉันไม่เห็นแม้แต่พ่อจะแสดงความโกรธด้วยซ้ำ

เมื่อมาถึงบ้านฉันเห็นพ่อหยิบพร้าแล้วเดินหายเข้าไปในสวน ส่วนฉันวิ่งขึ้นบันได้บ้านเข้าไปกอดแม่ที่กำลังถูพื้นอยู่

“แม่จ๊ะ เมื่อกี้ฉันเห็นบ้านลุงมีกอดคอกันร้องไห้ด้วย” ฉันว่า
แม่หยุดถูพื้น ถอนหายใจออกมาดังเฮือก “สงสารเขา เห็นว่าโดนมาสองปีติดกันเลย แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรกิน”

“แม่ ! เดี๋ยวแบ่งปลากับผักที่เราจะเอาไปขาย แล้วก็ไข่ที่ลูกเก็บมาเมื่อวานไปให้บ้านพี่มีแกหน่อยนะ อ้อ ! กล้วยด้วยพ่อแบ่งเป็นหวีๆ ไว้ให้แล้ว” พ่อร้องบอกจากใต้ถุนบ้าน

“จ้า” แม่รับคำสั้นๆ

“แม่จ๊ะ เมื่อวานตอนหนูเก็บไข่ใบแรกมาให้พ่อดูพ่อร้องไห้เหมือนคราวโน้นด้วยล่ะ ” ฉันบอกแม่เมื่อนึกถึงเรื่องพ่อร้องไห้ขึ้นมา

“คราวนั้นน่ะพ่อเขาร้องไห้เพราะว่าเขาเสียใจ แต่คราวนี้ไม่เหมือนกันนะลูก” แม่บอกแล้วลูบหัวฉันไปด้วย ก่อนที่จะหันหน้าไปยิ้มให้กับรูปของในหลวงและพระราชินีที่แขวนอยู่บนหัวนอน และมองนิ่งที่รูปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงก้มลงกราบรูปของท่านทั้งสองเหมือนทุกคืนก่อนนอน ฉันก็กราบตามแม่ด้วย “คราวนี้พ่อเขาร้องไห้ด้วยความตื้นตันน่ะลูก” แม่บอกเสียงเครือ ฉันเห็นแม่ยิ้มเป็นยิ้มกว้างเท่ากับยิ้มของพ่อเมื่อเช้านี้ ฉันอยากให้พ่อกับแม่ยิ้มแบบนี้ทุกวันเลย


.....................................................





Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 4:16:49 น. 2 comments
Counter : 730 Pageviews.

 
เขียนผิดเยอะไปนิดครับแต่เนื้อหาดีมาครับเป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปครับ


โดย: Innosend IP: 61.19.21.3 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:10:49:09 น.  

 


โดย: tum IP: 58.9.26.155 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:05:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gagayear
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]































Site Meter

New Comments
Friends' blogs
[Add gagayear's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.