Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Thumbelina เจ้าหญิงตัวจิ๋ว

Thumbelina ธัมเบลีนา-เจ้าหญิงตัวจิ๋ว

กาลครั้งหนึ่งมีหญิงนางหนึ่งเกิดอยากจะได้เด็กเล็กๆ มาเลี้ยง แต่ก็ไม่ทราบว่าจะไปขอจากที่ไหน จึงได้ไปหาแม่มดเฒ่า แล้วถามว่า “ฉันอยากจะมีเด็กเล็กๆ มาเลี้ยงสักคนหนึ่ง ได้โปรดบอกทีเถิด ว่าฉันจะไปเสาะหาได้จากแห่งใด”

“เรื่องเล็ก ง่ายสุดๆ เอาเมล็ดข้าวเปลือกบาร์เลย์นี่ไป แต่นี่ไม่ใช่อย่างที่จะให้เอาไปปลูกในนาข้าว หรือ เอาไปเลี้ยงนกนะ ให้เอาไปปลูกในกระถางดอกไม้ แล้วคอยเฝ้าดูละกัน” แม่มดเฒ่าบอก

“ขอบคุณมากเลยค่ะ” ว่าแล้วหญิงนางนั้นก็เอาเงินให้แม่มดชิลลิงหนึ่ง พอกลับถึงบ้าน นางก็ปลูกเมล็ดข้าวที่ได้มาทันที ไม่ช้ามีดอกแสนสวยคล้ายดอกทิวลิปผุดขึ้นมา ดอกยังตูมกลีบดอกจึงพันเกลียวกันมิดชิด

“สีสวยจังเลย” นางบรรจงหอมดอกสีแดงอมเหลือง ทันใดนั้นกลีบดอกก็ผลิบาน เป็นดอกทิวลิปจริงๆ แต่ปรากฏว่าที่กลางดอกมีเด็กหญิงตัวจิ๋วนั่งอยู่ เธอน่ารัก บอบบาง สูงไม่เกินนิ้วหัวแม่มือ จึงได้ชื่อว่า Thumbelina ธัมเบลีนา-เจ้าหญิงตัวจิ๋ว

เตียงนอนของเธอคือเปลือกถั่ววอลนัทที่ขัดเป็นเงา กลีบดอกบลูไวโอเลตเป็นฟูก และมีกลีบดอกกุหลาบเป็นผ้าปูที่นอน ตอนกลางคืนเธอจะเข้านอนในเปลือกถั่ว แต่ตอนกลางวันก็วิ่งเล่นอยู่บนโต๊ะ ซึ่งหญิงที่เลี้ยงเธอจะเอาจานใส่ดอกไม้ลอยน้ำ โดยดอกใหญ่สุดตรงกลางเป็นกลีบดอกทิวลิป ที่ธัมเบลีนานั่งอยู่และพายจากฝั่งหนึ่งของจานไปอีกฝั่งหนึ่งด้วยขนจากแผงคอม้าขาว นั่นเป็นภาพที่น่ารักมาก เธอร้องเพลงได้ด้วย เสียงเล็กๆ ของเธอนั้นหวานหูอย่างที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อน

คืนหนึ่งขณะที่เธอนอนหลับอยู่บนเตียงแสนสวย คางคกน่าเกลียดน่ากลัวตัวหนึ่งก็กระโดดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างบานที่แตกอยู่ ตัวมันเป็นเมือกน่าขยะแขยง มันกระโดดขึ้นบนโต๊ะที่ธัมเบลีนากำลังนอนอยู่บนกลีบกุลาบ

“เธอคงจะเป็นภรรยาที่ดีของลูกชายฉันแน่” แม่คางคกคิด พลันก็ปิดฝาเตียงวอลนัทที่ธัมเบลีนานอนอยู่ แล้วหนีบติดอ้อมแขนกระโดดออกไปทางหน้าต่างสู่สนามหญ้า

ณ ลำธารกว้าง ตลิ่งมีน้ำขังเป็นโคลนแฉะ แม่คางคกอาศัยอยู่ที่นี่กับลูกชายของเธอ อึ๋ย! แล้วเขาจะน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนแม่ไหมล่ะ – แน่นอนเหมือนแม่ที่สุด! “อบๆ แอบๆ” เขาพูดได้แค่นั้น เมื่อได้เห็นสาวน้อยในเปลือกวอลนัท

“จุ๊ๆ อย่าดังไป ลูกจะทำให้เธอตกใจตื่น” แม่บอก “เธออาจจะวิ่งหนีเราไป ตัวเธอน่ะเบาราวขนหงส์ เราพาเธอไปที่ลำธาร เอาไปวางไว้บนใบบัวดีกว่า ตัวเธอทั้งเล็กและเบา ใบบัวจะกลายเป็นเกาะกลางน้ำสำหรับเธอ แค่นี้ก็หนีไม่ได้แล้ว ระหว่างนี้เราจะได้ไปเตรียมห้องใต้โคลนสำหรับลูกและเธออยู่ด้วยกันนะจ๊ะ”

มีใบบัวมากมายลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ใบที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ไกลออกไปที่สุดเช่นกัน หากก็ไม่พ้นฝีมือแม่ เธอว่ายน้ำออกไปและวางเปลือกวอลนัทที่ธัมเบลีนานอนอยู่ข้างในลงเรียบร้อย

รุ่งเช้า เจ้าหญิงตัวจิ๋วที่น่าสงสารก็ตื่นขึ้น และเมื่อตระหนักว่าอยู่ที่ไหน เธอก็ร้องไห้ปานขาดใจ ด้วยเห็นแต่น้ำล้อมรอบใบบัว และไม่มีวิถีทางใดจะเข้าฝั่งได้เลย

แม่คางคกง่วนจัดแต่งห้องใต้โคลนด้วยหญ้าน้ำและดอกบัวสีเหลือง เพื่อให้ว่าที่ลูกสะใภ้อยู่สบายที่สุด เมื่อเสร็จเรียบร้อย เธอและลูกชายก็ว่ายน้ำออกไปหาธัมเบลีนา ซึ่งกำลังยืนอยู่บนใบบัว กะว่าจะไปเอาเตียงวอลนัทไปจัดแต่งในห้องนอนก่อน แม่คางคกผงกหัวให้เธอและพูดว่า “นี่คือลูกชายของฉัน เขาจะเป็นสามีของเธอ เธอทั้งสองจะอยู่ด้วยกันในบ้านที่น่ารักใต้โคลน”
“อบๆ แอบๆ” ลูกชายพูดได้แค่นั้น

แล้วทั้งแม่และลูกก็ว่ายน้ำไปพร้อมที่นอนวอลนัท ส่วนธัมเบลีนาก็นั่งลงร้องไห้แต่เพียงลำพัง เพราะเธอไม่อยากจะอยู่กับแม่คางคก หรือแต่งงานกับลูกชายที่น่าเกลียดทั้งนั้น พวกฝูงปลาเล็กๆ พากันว่ายมาที่ธัมเบลีนา มันได้เห็นคางคกทั้ง 2 ตัว และได้ยินที่เขาคุยกัน และเห็นตรงกันว่า รับไม่ได้ที่สาวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูต้องไปอยู่กับคางคก จึงว่ายลงไปที่ก้านใบบัว แล้วใช้ฟันกัดแทะจนใบบัวหลุดลอยไปตามลำธาร ไกลพอที่ คางคกแม่ลูกจะตามหาเธอไม่เจอ

ธัมเบลีนาลอยใบบัวผ่านไปหลายคุ้งน้ำ นกน้อยซ่อนในพุ่มไม้ยังตะลึงเมื่อได้เห็นเธอ “โอ้ ช่างเป็นสาวน้อยแสนสวย” และเธอก็ยังคงลอยออกไปอีก จนถึงดินแดนต่างๆ แสนไกล

ผีเสื้อสีขาวสุกสว่างตัวหนึ่งบินวนเวียนไปรอบๆ ตัวเธอ จนในที่สุดก็เกาะบนใบบัว เพราะผีเสื้อหลงรักเธอเข้าแล้ว และเธอก็ยินดีอย่างยิ่ง ด้วยว่าคางคกก็ไม่อาจตามมาได้ ส่วนโค้งน้ำนี้ก็ร่มรื่นนัก แสงอาทิตย์สะท้อนผิวน้ำดังทองชั้นดี ธัมเบลีนาถอดแถบริบบิ้นผูกเอวออกแล้วผูกปลายข้างหนึ่งไว้กับผีเสื้อ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ผูกเข้ากับใบบัว ซึ่งก็แล่นฉิวขึ้นทันที โดยมีธัมเบลีนายืนเด่นเป็นสง่า ทันใดนั้นเองก็มีด้วงตัวเขื่องบินลงมาโฉบตัวเธอพาหายไปบนต้นไม้ ส่วนใบบัวก็ยังคงลอยต่อไปพร้อมกับผีเสื้อด้วยริบบิ้นที่ผูกไว้นั่นเอง
มันช่างน่าตกใจเหลือเกินที่ธัมเบลีนาถูกโฉบเช่นนี้ แต่เธอกลับนึกเสียใจที่ผีเสื้อคงจะต้องอดตายด้วยริบบิ้นที่เธอผูกมันไว้ แต่ตัวด้วงไม่ได้กังวลด้วยเลย มันนั่งลงข้างๆ เธอบนใบไม้ใหญ่ ส่งน้ำหวานดอกไม้ให้ พร้อมกล่าวชมความงามของเธอ ทั้งๆ ที่เธอก็ไม่ได้เหมือนด้วงเลยแม้แต่น้อย อีกไม่นานเหล่าด้วงในบริเวณนั้นก็มารุมล้อมดูเธอ เหล่าสาวด้วงขยับหนวดชี้ชวนกันวิจารณ์ว่า “ดูสิ มีแค่ สองขาเอง” “ช่างน่าสมเพชจริง” “ไม่มีหนวดด้วย” “เอวกิ่วเชียว” “อึ๋ย เธอคล้ายๆ คนนะ” “ดูน่าเกลียดจัง” ต่างๆ นาๆ จนในที่สุดด้วงตัวที่โฉบเธอมาก็เริ่มคล้อยตาม และไม่คิดจะเก็บเธอไว้อีกต่อไป ด้วงพาเธอลงมาจากต้นไม้ วางเธอไว้บนดอกเดซี่ นั่นเองทำให้เธอร้องไห้และร้องไห้ เพราะเธอน่าเกลียดจนด้วงเอามาปล่อย ทั้งๆ ที่ตลอดมาเธอสวยพิเศษดังกลีบกุหลาบงาม

ตลอดฤดูร้อนนั้นธัมเบลีนาที่น่าสงสารก็ดำรงชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในป่ากว้าง เธอเอาใบหญ้าทำเป็นเตียงนอนแขวนไว้ใต้ใบไม้ใหญ่หลบฝน อาศัยน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหาร ดื่มน้ำจากน้ำค้างยอดหญ้า จนผ่านเข้าฤดูใบไม้ร่วง แต่บัดนี้ถึงเวลาของฤดูหนาวอันยาวนาน นกทั้งหลายที่ช่วยขับกล่อมเพลงไพเราะก็หายหน้าไป ต้นไม้ดอกไม้ก็พากันเหี่ยวเฉา กิ่งก้านไม้ใหญ่ที่เธออาศัยก็กลายเป็นเพียงกิ่งเหลืองซีด เธอหนาวจับจิต ด้วยชุดที่สวมอยู่ก็รุ่งริ่งเต็มที เธอบอบบางจนเกรงว่าจะหนาวตายได้ หิมะเริ่มตก เกล็ดหิมะแต่ละอันที่ตกลงบนตัวเธอนั้น ราวกับเอาพลั่วตักหิมะสาดใส่เราอย่างนั้น เพราะเธอตัวเล็กเท่าหัวแม่มือเราเท่านั้นเอง เธอเอาใบไม้แห้งมาพันกาย ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้อุ่นขึ้นนัก เธอหนาวจนตัวสั่น

วันหนึ่งเธอเดินมาถึงชายป่าซึ่งเป็นทุ่งข้าวโพดเหลือแต่ซาก ฝักข้าวโพดถูกเก็บเกี่ยวไปหมดนานแล้ว พื้นดินยังคงเย็นยะเยือก เหมือนกับตลอดทางที่เธอผ่านมา อีกสักพักใหญ่เธอก็มาหยุดที่ประตูบ้านของหนูนา ซึ่งก็คือหลุมโพรงที่โคนต้นข้าวโพดนั่นเอง ที่นั่นเป็นสถานที่ๆ ดีทีเดียวสำหรับหนูนาอาศัยอยู่ มีห้องที่เต็มไปด้วยข้าวโพด ห้องครัวกว้างขวาง และห้องรับประทานอาหาร ธัมเบลีนายืนที่ประตูขออาหารไม่ต่างอะไรจากขอทาน เธอไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันแล้ว

“เจ้าหนูที่น่าสงสาร” หนูนาผู้ใจดีพูดขึ้น “เข้ามาก่อน แล้วมาหาอะไรกินกันในห้องอุ่นๆ นี่”

หนูนารู้สึกชอบธัมเบลีนาตั้งแต่แรกเห็น จึงกล่าวว่า “ฉันยินดีให้เธออยู่กับฉันตลอดหนาวนี้เลยนะ ตราบใดที่เธอไม่ทำให้บ้านรก แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฉันฟัง” ธัมเบลีนาอยู่ที่นี่ตามที่หนูนาชวนและรู้สึกสะดวกสบายขึ้นมาก

“ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานเราจะมีแขกมาเยี่ยม” หนูนาเอ่ยขึ้น เพื่อนบ้านของฉันมาจะแวะมาอาทิตย์ละหน บ้านของเขาอบอุ่นกว่า ใหญ่กว่าของฉัน ขนของเขาเป็นกำมะหยี่สีดำ ถ้าเธอได้เขาเป็นสามีนะ สบายไปทั้งชาติ แต่เขาตาไม่ดีนะ เธอต้องเล่าเรื่องสนุกทุกเรื่องให้เขาฟัง”

ธัมเบลีนาไม่ได้ใส่ใจเรื่องจะแต่งงานกับเพื่อนบ้านคนนี้เลย เพราะเขาคือ ตัวตุ่น เขามาเยี่ยมพวกเราในชุดกำมะหยี่สีดำ เขารวยและฉลาดกว่าหนูนา บ้านของเขาใหญ่กว่าสักยี่สิบเท่าได้ เขามีความรู้ดี แต่ไม่สามารถทนกับแสงแดดและดอกไม้สวยๆ ได้ ธัมเบลีนาร้องเพลง “ladybird ladybird fly away home” และเพลง “Ring-a ring-o-roses” ตัวตุ่นหลงรักเธอ เพราะเธอร้องเพลงไพเราะจับใจ แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อเธอ เขาเป็นพวกค่อนข้างระมัดระวังที่จะทำอะไร

ไม่นานมานี้เขาขุดอุโมงค์เชื่อมบ้านของเขาไปสู่ผิวดินและเพื่อนบ้าน ซึ่งเขาได้เชิญหนูนาและธัมเบลีนาให้ไปเดินเล่นได้ตามที่ต้องการ และเขายังบอกว่าไม่ต้องกลัวนกตายที่นอนในอุโมงค์ มันเป็นนกทั้งตัว จงอยปาก ขนยังอยู่ครบ แสดงว่ามันเพิ่งจะตายในต้นฤดูหนาวนี่เอง แล้วถูกนำมาฝังตรงจุดที่ตัวตุ่นขุดอุโมงค์พอดี

ตัวตุ่นคาบกิ่งไม้มาด้วย ซึ่งเป็นชนิดที่จะเรืองแสงในที่มืด เมื่อมาถึงที่นกนอนตาย ตัวตุ่นก็เอาจมูกงัดเพดานอุโมงค์จนทะลุพื้นดิน ให้แสงส่องเข้ามา จึงมองเห็นว่าเป็นนกนางแอ่น หัวและขาซุกอยู่ในปีก นกคงจะตายด้วยความหนาวเหน็บ ธัมเบลีนาสงสารนกจับใจเพราะนกพวกนี้ร้องเพลงไพเราะขับกล่อมเธอตลอดฤดูร้อน ตัวตุ่นเตะนกแล้วพูดว่า “ดีละจะได้ไม่ต้องร้องเจื้อยแจ้วอีก ช่างเคราะห์ร้ายที่เกิดมาเป็นนก ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีลูกของฉันตัวไหนเกิดเป็นนก ได้แต่ร้องไปวันๆ แล้วก็หิวตายในฤดูหนาว”

“นึกแล้ว ว่าตัวตุ่นช่างคิดจะต้องเห็นอย่างนี้” หนูนาพูด “ไม่รู้ว่านกจะร้องไปทำไม พอถึงหน้าหนาวก็หิวแล้วก็แข็งตาย แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้วล่ะ”
ธัมเบลีนาไม่ได้พูดอะไร แต่พอหนูนาและตัวตุ่นคล้อยหลังไป เธอก็โค้งตัวไปลูบขนนก และจูบนกที่เปลือกตา “ใครจะรู้ นกตัวนี้อาจจะเป็นตัวที่ร้องเพลงให้ฉันฟังเมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมาก็ได้” เธอนึกในใจ

คืนนั้นธัมเบลีนานอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นหอบเอาผ้าห่มมัดฟาง ไปห่มให้นก และยังเอาผ้าขนสัตว์ในห้องหนูนามาใส่ในผ้าห่มด้วย นกจะนอนอุ่นบนพื้นดินที่เย็นเฉียบ

“ลาก่อน เจ้านกน้อยที่น่ารัก ลาก่อน ขอบคุณสำหรับเสียงเพลงในฤดูร้อน ตอนที่ต้นไม้ยังเขียว ดวงอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่น” แล้วเธอก็เอาศรีษะแนบไปที่อกนก ทันใดนั้นเธอก็ต้องตกใจ เพราะเธอได้ยินเสียงหัวใจเต้น นกยังไม่ตาย มันนอนชาหมดสติ ตอนนี้พออุ่นขึ้น มันก็กลับมีชีวิตอีกครั้ง

โดยปกติแล้วในฤดูใบไม้ร่วงนกนางแอ่นจะบินไปยังประเทศที่อบอุ่น แต่หากตัวไหนบินตามไม่ทัน มันก็จะพบกับความหนาวและตกลงมาตาย ซึ่งก็นี่คือที่ที่นกตกลงมา แล้วถูกคลุมไว้ด้วยหิมะ

ธัมเบลีนารู้สึกตกใจ เพราะนกตัวโตกว่าเธอมาก แต่เธอก็รวบรวมความกล้า เอาผ้าขนสัตว์วางไว้รอบๆตัวนก เอาใบมิ้นท์ที่เธอใช้เป็นผ้าคลุมเตียงโรยบนหัวนก

คืนต่อมา เธอแอบลงไปหานกอีก มันรู้สึกตัวขึ้นอีกนิด ขยับเปลือกตาเหลือบดูธัมเบลีนาเมื่อเธอลงมาเยี่ยม

“ขอบใจมากเด็กน้อยที่รักของฉัน” นกนางแอ่นเอ่ยขึ้น “ฉันรู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นมาก ฉันจะแข็งแรงและบินได้อีกในไม่ช้า บินไปหาแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น “
“แต่ตอนนี้ข้างนอกยังหนาวมากนะ ยังมีหิมะตก มีน้ำแข็ง พักอยู่ที่นี่เถิด ฉันจะดูแลเธอเอง”

แล้วเธอก็เอาน้ำใส่กลีบดอกไม้มาให้นกจิบ นกเล่าว่าปีกของมันแหว่งเพราะถูกหนามพุ่มไม้เกี่ยว จึงทำให้มันบินไม่เร็วเท่าฝูงขณะบินอพยพไปประเทศที่อบอุ่น ในที่สุดก็ร่วงลงสู่พื้น หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก และก็ไม่ทราบว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

นกนางแอ่นอยู่ที่นี่ตลอดฤดูหนาว ธัมเบลีนาก็มีความสุขที่ได้ดูแลนก ทั้งหนูนาและตัวตุ่นไม่ได้สนใจและไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนกนางแอ่นเคราะห์ร้าย

เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง อากาศเริ่มอุ่นขึ้น นกนางแอ่นกล่าวอำลาแก่ธัมเบลีนา เธอดันเพดานอุโมงค์ขึ้น แสงแดดส่องเข้ามาอย่างน่ายินดี นกนางแอ่นชวนธัมเบลีนาให้ไปด้วยกัน ไปยังป่าสีเขียว แต่เธอคิดว่าหากเธอจากไปคงทำให้หนูนาเสียใจ

“ฉันไปไม่ได้หรอกจ้ะ” ธัมเบลีนาปฏิเสธคำชวน “ลาก่อนนะ ลาก่อน เธออันเป็นเด็กน้อยที่รัก” นกนางแอ่นกล่าวลา แล้วก็บินจากไปสู่แสงแดดอบอุ่น ธัมเบลีนามองตามด้วยน้ำตาเพราะเธอก็ชอบนกนางแอ่นอยู่มาก

“จิ๊บ จิ๊บ” นกร้องแล้วก็บินหายเข้าป่าไป

ธัมเบลีนาเศร้าเสียใจ เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปเดินรับแสงแดดอันอบอุ่น ต้นข้าวโพดที่ปลูกอยู่ด้านบนสูงมาก สำหรับเธอมันก็เหมือนป่าทึบนั่นเอง

“เธอต้องเริ่มเตรียมชุดเจ้าสาวในฤดูร้อนนี้แล้วนะ” หนูนาบอก เพราะตอนนี้ตัวตุ่นได้มาสู่ขอเธอแล้ว “เธอต้องมีชุดผ้าขนสัตว์ ผ้าลินิน แล้วก็ชุดที่ใส่ได้ในหลายๆ โอกาส หลังจากแต่งงานไป”

ธัมเบลีนาต้องเริ่มปั่นด้าย หนูนาให้แมงมุม สี่ตัวมาช่วยทอผ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ทุกเย็นตัวตุ่นจะแวะมาหา คอยถามว่าเมื่อไหร่จะหมดฤดูร้อน เพราะตอนนี้มันก็แผดเผาดินจนแข็งจะเป็นหินอยู่แล้ว และเมื่อหมดฤดูร้อนก็จะถึงวันแต่งงาน แต่ธัมเบลีนาไม่อยากแต่งกับตัวตุ่น ทุกเช้าเย็นเธอจะแอบขึ้นไปชมท้องฟ้า และเฝ้าฝันว่านกนางแอ่นจะบินผ่านมาสักครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แวว มันคงจะไปไกลถึงป่าสีเขียวสวยงามแล้วล่ะ

บัดนี้ก็ล่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วง ชุดเจ้าสาวทั้งหมดของธัมเบลีนาก็พร้อมสรรพ
“อีกสี่อาทิตย์ก็จะถึงวันแต่งงานแล้วนะ” หนูนาบอก แต่ธัมเบลีนาก็โอดครวญว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับตัวตุ่นที่แสนจะจู้จี้

“จะบ้าเหรอ” หนูนาหงุดหงิด “อย่าดื้อไปหน่อยเลย เดี๋ยวฉันก็กัดเข้าให้หรอก ทำไมล่ะ เขาจะเป็นสามีที่ดีนะ ขนาดราชินีเองยังไม่มีขนกำมะหยี่สีดำอย่างเขาเลย ห้องครัวเอย ห้องเก็บของเอย ของเขาเยี่ยมที่สุด เธอต้องขอบคุณสวรรค์เลยเชียวที่เขาจะเป็นของเธอ”

ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง ตัวตุ่นมารอรับธัมเบลีนาอยู่แล้ว เธอจะต้องอยู่กับเขาในรูใต้ดิน และจะไม่ได้ขึ้นมาดูเดือน ดูตะวันอีกแล้ว เพราะเขาไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้ สาวน้อยที่น่าสงสารเศร้าใจนักที่จะต้องลาจากดวงอาทิตย์แสนสวย ซึ่งตอนที่อยู่กับหนูนายังได้มองดูจากช่องประตู

“ลาก่อน ดวงอาทิตย์สดใส” เธอรำพึงพร้อมกับยืดแขนออกไป เธอเดินออกไปจากประตูสองสามก้าว “ลาก่อน ลาก่อน” ว่าแล้วเธอก็หันไปโอบกอดดอกไม้สีแดงที่อยู่ใกล้ๆ “ถ้าได้เจอนกนางแอ่นฝากความคิดถึงให้ด้วยนะจ๊ะ”

“จิ๊บ จิ๊บ” ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงนกร้อง เมื่อแหงนหน้าขึ้นมองก็เห็นนกนางแอ่นกำลังบินผ่านมาพอดี เจ้านกก็ดีใจเช่นกัน เธอบอกว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับตัวตุ่นที่อาศัยอยู่ในรูใต้ดินมืดมิด ไม่มีแสงอาทิตย์ แค่คิดเธอก็อดจะร้องไห้ไม่ได้

“อีกไม่นานฤดูหนาวก็จะมาเยือนที่นี่” นกนางแอ่นบอก “ฉันกำลังจะอพยพไปประเทศที่อบอุ่น เธอจะไปกับฉันไหม เธอนั่งไปบนหลังฉันนะ เอาริบบิ้นของเธอมาผูกไว้กับตัวฉัน แล้วเราจะบินไปจากตัวตุ่นที่น่าเกลียด ข้ามภูเขาไปยังเมืองที่อบอุ่น ที่ที่แสงอาทิตย์แจ่มจ้ากว่าที่นี่ ตลอดทั้งปีมีแต่ฤดูร้อนเต็มไปด้วยดอกไม้บานสดชื่น ธัมเบลีนาน้อยที่รัก ไปกับฉันเถิด เธอเป็นผู้ช่วยชีวิตฉันไว้”

“ตกลง ฉันจะไปกับเธอ” ธัมเบลีนาตอบ เธอปีนขึ้นหลังนกไป เหยียบบนปีกที่กางออก และผูกริบบิ้นกับปีกที่แข็งแรงที่สุด แล้วนกนางแอ่นก็พาเธอบินขึ้นสูง ผ่านทะเลสาบ ผ่านป่า ข้ามภูเขาที่มีแต่หิมะปกคลุม ธัมเบลีนาหนาวสั่นเมื่อสัมผัสอากาศเย็นข้างบน สุดท้ายเธอก็ซุกตัวเข้าใต้ปีกอันอบอุ่น โผล่เพียงศรีษะขึ้นมาดูวิวสุดลูกหูลูกตา

ในที่สุดก็มาถึงเมืองที่มีอากาศอบอุ่น ดวงอาทิตย์ส่องแสงจ้า ท้องฟ้าใส ทุ่งหญ้ามีสวนองุ่นดำและองุ่นเขียว ในป่ามีทั้งมะนาวและส้ม อากาศหอมสดชื่นกลิ่นมิ้นท์ เด็กๆ วิ่งเล่นไล่จับกับผีเสื้อสีสวย นกนางแอ่นยังคงบินต่อไป เมืองต่อไปก็สวยขึ้นๆ จนสุดท้ายมาถึงเมืองโบราณสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวท่ามกลางหมู่ไม้สีเขียว ตั้งอยู่ไม่ห่างจากทะเลสาบสีน้ำเงิน ไม้เลื้อยพันขึ้นรอบเสา และบนเพดานก็มีรังนกนางแอ่นอยู่มากมาย หนึ่งในรังเหล่านี้ก็คือบ้านของนกนางแอ่นที่พาธัมเบลีนามานั่นเอง

“นี่ บ้านของฉันจ้ะ” นกนางแอ่นบอก

“แต่เธอเห็นดอกไม้สวยๆ ข้างล่างนั่นไหม เธอเลือกมาเลยว่าชอบดอกไหน ฉันจะพาไป เธอก็จะอยู่ได้ตามสบาย”

“ดีจังเลย” เธอตอบพร้อมกับปรบมือชอบใจ

เสาหินอ่อนสีขาวต้นใหญ่ที่ล้มอยู่บนพื้น เป็นสามส่วน มีดอกไม้สีขาวสวยพิเศษขึ้นอยู่ นกนางแอ่นพาเธอลงไป และวางเธอลงบนกลีบดอกอันใหญ่ ช่างน่าประหลาดใจ ที่กลางดอก มีผู้ชายตัวเล็กขาวและโปร่งใสราวกับทำจากแก้วนั่งอยู่ เขาสวมมงกุฏทองอันเล็กๆ แต่ประณีตที่สุด และมีปีกสวยงามติดกับไหล่ ขนาดตัวเท่ากันกับธัมเบลีนา เขาเป็นรุกขเทวดาของมวลดอกไม้ แต่ละดอกก็มีผู้หญิง หรือผู้ชายนั่งอยู่ แต่เขาเป็นราชาของทุกคน

“พระเจ้า เขาหล่อมากเลย” ธัมเบลีนากระซิบแก่นกนางแอ่น เจ้าชายน้อยค่อนข้างตกใจเพราะนกนางแอ่นกลายเป็นนกยักษ์สำหรับเขา แต่เมื่อได้เห็นธัมเบลีนา เขาก็ตกหลุมรักเธอทันที เพราะเธอเป็นสาวสวยที่สุดที่เขาได้พบเจอ เขาถอดมงกุฏออกแล้วเอามาสวมให้เธอ และถามเธอว่าเธอยินดีเป็นภรรยาของเขาหรือไม่ หากเธอรับเธอจะเป็นราชินีของดอกไม้ทั้งมวล แน่นอน เขาคงจะเป็นสามีที่คู่ควรกับเธอ ไม่เหมือนกับลูกคางคก ไม่เหมือนกับตัวตุ่น เธอจึงตอบตกลงต่อราชาหนุ่มหล่อ เหล่าหญิงชายในดอกไม้ต่างๆ พากันยินดี นำของขวัญมามอบแก่ ธัมเบลีนา ที่พิเศษที่สุด คือ ปีกแสนสวยจากแมลงสีขาวตัวโต จากนั้นก็เป็นงานรื่นเริง นกนางแอ่นนั่งอยู่บนรัง ร้องเพลงที่ไพเราะที่สุดขับกล่อม ทั้งๆ ที่มันก็เศร้าใจเพราะมันก็ชอบเธอมากและ ไม่อยากพรากจากเธอเช่นกัน

“เธอไม่น่าชื่อ ธัมเบลีนา หรอกนะ ไม่เพราะเลย เธอออกจะสวย เราจะเรียกเธอ ว่า Maia มายอา” เจ้าชายพูด

“ลาก่อน ลาก่อน” นกนางแอ่นรำพึง แล้วก็บินจากที่นั่น กลับมายังเดนมาร์ก ที่นั่นยังมีรังเหนือหน้าต่างบ้านของชายนักเล่านิทาน ที่นั่นนกนางแอ่นร้อง “จิ๊บ จิ๊บ” ให้เขาฟัง และนี่ก็คือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น




Create Date : 25 มกราคม 2554
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2554 0:17:09 น. 3 comments
Counter : 13044 Pageviews.

 
อยากได้ไฟล์เป็นภาษาอังกฤษคะพอมีมั้ยคั


โดย: เบลล์ IP: 202.29.34.253 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา:12:15:53 น.  

 
ไม่มีค่ะ แต่ถ่ายรูปจากหนังสือ ส่งให้ได้ค่ะ


โดย: พวงแสด ลำปาง วันที่: 26 กรกฎาคม 2561 เวลา:22:58:06 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ


โดย: แพทริเซีย IP: 158.108.135.106 วันที่: 3 มีนาคม 2565 เวลา:4:08:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พวงแสด ลำปาง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add พวงแสด ลำปาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.