Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2557
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 พฤษภาคม 2557
 
All Blogs
 
การเดินทางสู่อเมริกา

ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละที่นั้นไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ว่าจะไปที่ใด แต่ขึ้นอยู่กับว่าได้ตั๋วโปรโมชั่นหรือไม่เพราะยังไม่ใช่คนร่ำรวยที่จะใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย ดังนั้นจึงถือหลักว่าการไปท่องเที่ยวจะต้องจ่ายเงินออกจากกระเป๋าให้ได้น้อยที่สุดเพื่อจะได้ไปท่องเที่ยวในหลายๆจุด เพิ่มได้อีกโดยไม่กระทบเศรษฐกิจส่วนตัว  บังเอิญที่สายการบินนอร์วีเจี้ยนซึ่งทำการบินแบบโลวคอสต์และเปิดเส้นทางจากสวีเดนไปนิวยอร์กมาพร้อมกับราคาโปรโมชั่นที่ค่อนข้างถูกถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเท่าไหร่นัก แต่พอดีมีวันหยุดช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นเวลา 1 อาทิตย์  ในเมื่อจังหวะเวลาโอกาสทุกอย่างมาบรรจบกันทริปการเดินทางไปนิวยอร์กจึงเกิดขึ้น

ตามกำหนดการจะเดินทางออกจากสนามบิน Arlanda สต็อกโฮล์มประเทศสวีเดนในเวลา 18.30 ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์พอดีซึ่งอย่างเหมือนจะเป็นไปตามกำหนดแต่เนื่องจากเครื่องบินลำปกติของสายการบินนอร์วีเจี้ยนต้องส่งเข้าบำรุงรักษาจึงว่าจ้างสายการบิน ยูโรแอตแลนติกมาทำการบินแทน ซึ่งจ้างมาจากประเทศโปรตุเกสทุกคนขึ้นเครื่องแล้ว แต่เครื่องบินไม่ขึ้นบิน ผู้โดยสารเริ่มกังวลแล้วก็มีเสียงประกาศให้ลงไปรอข้างนอกเครื่องบินเนื่องจากมีบางอย่างขัดข้อง และให้รอฟังประกาศอีกครั้ง ซึ่งต่างคนก็รอแล้วรออีกพอถึงเวลาฟังประกาศก็บอกให้รอเวลานั้นเวลานี้จนมาจบตรงที่ว่าเครื่องบินไม่สามารถขึ้นทำการบินได้ สายการบินได้เปิดโรงแรม Clarion ในสนามบินให้นอนพร้อมทั้งให้อาหารเย็น




เมื่อถึงเวลานัดอาหารเย็นแล้วค่อนข้างเซอไพรซ์เพราะทางโรงแรมทำอาหารไทยให้ผู้โดยสายราวๆ 300คนและคิดว่าผมคงเป็นคนไทยคนเดียวในเที่ยวบินนี้ก็เป็นความภูมิใจเล็กในฐานะที่เป็นคนไทยที่สำคัญเรากินได้ถึงแม้จะไม่ทำแบบไทยแท้ๆก็ตาม เมนูนั้นคือแกงเผ็ดไก่

1 คืนผ่านไปต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์เวลา 7.30 . ทีนี้ไม่พลาดละทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยออกเดินทางโดยสวัสดิภาพนั่งๆนอนๆบนเครื่องบิน 8 ชั่วโมงด้วยความเพลีย ก็มาถึงสนามบิน JFK เมืองนิวยอร์กรัฐนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา ปกติการเข้าประเทศนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าตม.ค่อนข้างเข้มงวด แต่เผอิญที่ถือสัญชาติสวีเดนด้วยจึงเดินทางเข้าประเทศด้วยพาสปอร์ตสวีเดน ทุกอย่างจึงง่ายดายถามแค่จะอยู่นานแค่ไหนเท่านั้นเอง และด้วยกระเป๋าเป้สะพายหลังแค่ใบเดียว เจ้าหน้าที่ศุลกากรแทบจะงงว่าไม่ขนอะไรเข้าประเทศเลยเหรอปกติมีแต่กระเป๋าใบใหญ่ๆของเยอะๆ จนต้องรีบเชิญเข้าประเทศ

การเดินทางจากสนามบินเข้ามาในเมืองก็ใช้วิธีการนั่งรถไฟฟ้าAirtrain มาลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินตรงสถานี Jamaica แล้วซื้อตั๋ว รถไฟฟ้าใต้ดินเข้าเมืองซึ่งตามแผนคือจะซื้อตั๋วแบบเหมาจ่าย 7 วันแต่ด้วยความเบลอและเหนื่อยหล้าจากการเดินทางกลับได้บัตรเติมเงินมาซะอย่างนั้น  แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบรื่นทั้งการเดินทางและเข้าโรงแรมที่จองไว้ซึ่งราคาถูกตามแบบฉบับของเราเหมือนเป็นที่เอาไว้แค่นอนแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้แย่และอีกนั้นแหล่ะด้วยความเหนื่อยหล้าและเจ็ตแล็กอุตส่าห์เข้าที่พักบ่ายโมงตรง และด้วยความเพลียเลยว่าจะพักซัก 3 ชั่วโมงค่อยออกไปแต่กลายเป็นว่าเหนื่อยหลับจนถึงเที่ยงคืนวันแรกในนิวยอร์กจึงหมดไปโดยยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน

วันต่อมาเป็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์นัดเพื่อนคนไทยจะออกไปเที่ยวด้วยกันด้วยความที่ตื่นตั้งแต่เที่ยงคืนก็เล่นเน็ตเล่นเกมไปเรื่อยจนถึงเวลาเพื่อนมารับออกไปกินข้าวเที่ยง เพื่อนพาออกไปกินอาหารจีนที่ไชน่าทาวน์ ซึ่งรสชาติอร่อยมากราคาอาหารที่นิวยอร์กก็ไม่ได้แพงเท่าสวีเดน แต่พอรวมภาษีรวมทิปแล้วก็พอๆกัน

จากไชน่าทาวน์เพื่อนผู้แสนดีได้พาไปเดินย่านจตุรัสไทม์สแคว์อันลือเลื่องก็ได้มาเห็นของจริงซะทีหลังจากดูแต่ในทีวีมานานซึ่งนับว่าเป็นย่านที่ทันสมัยมีเสน่ห์ด้วยป้ายโฆษณาแบบจอ LED สร้างสีสันให้มาที่นี้สินค้าดังๆทั่วโลกลงทุนมาโฆษณาที่นี้ ถ่ายรูปพอหอมปากหอมคอแล้วก็ไปยังย่าน Queen ซึ่งเป็นแหล่งรวมชาวเอเชีย เพื่อนพาไปตัดผมร้านคนจีนบรรยากาศในร้านแทบไม่เหมือนอยู่ในนิวยอร์กเลย ทั้งพนักงาน การตกแต่งร้านรวมทั้งลูกค้ามีเป็นเอเชียทั้งนั้น ทั้งจีน ไทย แขก แต่ไม่มีฝรั่งเลย



เอาล่ะตัดผมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อยากจะไปทำบุญเพื่อนก็จัดให้พาไปวัดไทย ซึ่งเดินไปได้จากร้านตัดผมเป็นวัดที่มีความเป็นไทยทั้งศิลปะภายนอกและภายใน มีช่อฟ้าใบระกาเหมือนอยู่ที่ไทยและมีผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนหนึ่ง ได้ทำการถวายสังฑทานไป ก็ได้อิ่มบุญกันไป



วันนี้จะมีกลุ่มมิตรสหายตามมาจากสวีเดนอีกสามคนเรานัดกันที่ไทม์สแคว์ตอนหกโมงเย็นพร้อมกับหาอะไรกินกัน ซึ่งจบลงที่เบเกอร์และนัดแนะสำหรับไปดูเทพีเสรีภาพในวันรุ่งขึ้น

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ตื่นมาอากาศหนาวมากหิมะก็ลงอุณหภูมิติดลบ แต่ทำไงได้ เมื่อมาถึงก็ไม่หวั่นต่ออากาศ เพราะอยู่สวีเดนก็หนาวพอๆกันซึ่งก็แปลกตรงที่ปีนี้สวีเดนหน้าแป๊บเดียว แต่ที่นิวยอร์กกลับหนาวนาน วันนี้มีนัดไปดูเทพีเสรีภาพกันโดยนัดกับกลุ่มที่ท่าเรือตรง Battery Park เพื่อขึ้นเรือไปชมเทพีเสรีภาพ ก่อนจะขึ้นเรือมีการตรวจเข้มมาตรฐานเดียวกับสนามบิน นั่งเรือไปเกาะที่เป็นที่ตั้งของเทพี ไม่ไกลมากแต่อากาศที่หนาวมาก จึงอยู่บนเกาะได้ไม่นาน ก็กลับเข้าฝั่ง และเดินไปเที่ยวบริเวณที่เป็นตึก World TradeCenter เดิมปัจจุบันเรียกอนุสรณ์เหตุการณ์ 9/11 แต่ไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะต้องต่อคิวยาวและคิดว่าไม่น่าสนใจมากเท่าไหร่ ก็เลยพากันเดินไปหาอาหารไทยกินที่ไชน่าทาวน์แทนชื่อร้านผ่องศรี อาหารก็โอเค แต่ก็ปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นฝรั่งอยู่ดี




โปรแกรมต่อมาของพวกเราคือไปขึ้นตึก EmpireState ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกปัจจุบันถึงแม้จะไม่สูงที่สุดแต่ก็ยังสูงมากๆอยู่ เป็นจุดที่สามารถชมเมืองนิวยอร์กได้อย่างรอบทิศเลย จากนั้นก็ไปเดินเล่นหาที่นั่งทานกาแฟที่ HeraldSquare ที่ ห้าง Macy’s ซึ่งเขียนชื่อติดไว้อย่างใหญ่ว่าเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่งพักขาไปซักพัก เพื่อนมารับกลุ่มพวกเราไปทานอาหารปุฟเฟต์เกาหลี ญี่ปุ่นร้านอลังการมากลูกค้าต้องมาเข้าคิวรอก่อนร้านเปิดเสียอีก อาหารหลากหลายรสชาติอร่อยคุยกันสนุกทั้งไทยทั้งฝรั่ง จนเหนื่อยจึงแยกย้ายกันกลับที่พักของใครของมัน




18 กุมภาพันธ์ วันนี้มีโปรแกรมเดินทางไปวอชิงตันดีซีในช่วงบ่าย แต่ช่วงเช้าก็ได้เข้าไปเดินเล่นที่Central Park แต่เนื่องจากเป็นฤดูหนาวก็ได้เห็นแต่หิมะแทนความเขียวขจีของพืชพรรณไม้ได้จองที่นั่งรถทัวร์ไปกลับวอชิงตันดีซี-นิวยอร์กกับบริษัท Megabus ราคาถูกมากไป ไปกลับนิวยอร์ก วอชิงตันดีซี รวมทุกอย่าง 8 ดอลล่าร์บนรถมีที่นั่งที่มีมาตรฐานดี มีไวไฟให้เล่นฟรีตลอดทางถูกจนคิดว่าเขาจะเอากำไรมาจากไหน รถวิ่งจากนิวยอร์กใช้เวลา เกือบ 5 ชั่วโมงถึงวอชิงตันดีซีวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองไปจอดที่Union Station ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงวอชิงตันดีซี รถวิ่งไปถึงก็ราวๆหกโมงเย็น จึงรีบไปเข้าที่พักอากาศที่นี้ไม่หนาวเท่านิวยอร์ก วันที่ไปหิมะละลายแล้ว เหลือร่องรอยอยู่บ้าง พอเข้าห้องพักเสร็จสิ่งแรกคือหาอาหารเย็นกิน ที่โรงแรมทำข้อมูลร้านอาหารไว้ดีมากในกรุงวอชิงตันดีซี มีร้านอาหารแทบจะทุกชาติในโลก และแน่นอนผมต้องหาอาหารไทยกิน ซึ่งก็ได้เมนูปีกไก่ทอด และกระเพาเป็ดย่างรสชาติดีแต่ไม่เข้มข้นแบบไทยแท้ๆ ซึ่งก็พอเข้าใจว่าต้องปรับให้เข้ากับลิ้นของคนต่างชาติ




เย็นนี้ที่ๆพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทำเนียบขาวลักษณะห้องพักดูย้อนยุคมากๆ ที่สำคัญชอบที่ในโรงแรมที่ตู้ส่งจดหมายสามารถทิ้งจดหมายได้ทุกชั้น ซึ่งจดหมายจะลงมายังตู้จดหมายเอง




วันถัดมาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ตามแพลนก็เดินเที่ยวในกรุงวอชิงตันดีซี แต่โชคร้ายที่ช่วงเช้าก่อนเที่ยงฝนตกจึงออกเที่ยวสายๆหน่อยจะหมกตัวแต่ในที่พักก็จะเป็นการไม่คุ้มค่า เวลาราวๆห้าโมงเช้าฝนยังตกปรอยๆ แต่ก็ตัดสินใจเดินออกไปที่ทำเนียบขาวซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ในกรุงวอชิงตันดีซี เต็มไปด้วยศูนย์ราชการกระทรวงต่างๆตั้งอยู่ที่นี้ในบริเวณแถบเดียวกันกับทำเนียบขาวตัวทำเนียบขาวเองดูเล็กกว่าที่คิดไว้มาก เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ๆหลังหนึ่ง บริเวณนี้นอกจากจะมีศูนย์ราชการแล้วยังมีสวนสาธารณะและ อนุสรณ์สถานจากเหตุการณ์ต่างๆและอนุสรณ์สถานบุคคลสำคัญๆและต่อเนื่องกันมีสถาบันสมิธโซเนียน ซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก



ฝนเริ่มหยุดตกฟ้าเริ่มเปิด มีแสงแดดอากาศก็ดีขึ้นได้เดินเล่นชมอนุสรณ์ต่างๆอาทิอนุสรณ์สถานสงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี สงครามโลกเป็นต้น แต่ที่โดดเด่นที่สุดคืออนุสรณ์สถานประธานาธิบดีอับราฮัมลินคอล์น และท้องก็เริ่มเรียกร้องหาอาหารก็เลยได้ชุดไส้กรอกมันฝรั่งใกล้ๆกับอนุสรณ์สถานประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นนั่นเองคุณน้าผิวหมึกคนขายให้มันฝรั่งเยอะมากๆ จนต้องแบ่งให้นกกินช่วย


อากาศเริ่มเป็นใจขึ้นเรื่อยๆก็เลยจะเดินไปที่สภาคองเกรส ซึ่งตั้งหันหน้าประจันกับอนุสรณ์สถานประธานาธิบดีอับราฮัมลินคอล์นแต่ห่างกันหลายกิโลเมตรมากๆ แต่ระหว่างที่จะถึงก็คิดไว้ว่าจะแวะพิธภัณฑ์เป็นบางจุดเพราะว่ามีขนาดใหญ่มากจึงเลือกสิ่งที่อยากจะดู โดย เพราะถ้าจะเดินจริงๆก็คงต้องใช้เวลาหลายวัน และจุดที่เลือกดูได้แก่พิพิธภัณธ์การบินทั้งทางอากาศและอวกาศและดูพิพิธภัณฑ์อเมริกัน อินเดียน อยากจะดูพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อีกที แต่เวลาก็หมดซะแล้วกว่าจะเดินถึงสภาคองเกรส ก็ห้าโมงเย็น แต่ว่าอากาศดีแสงแดดสวยเลยนั่งเล่นและถ่ายภาพ และอยู่ๆก็มีฝรั่งมีน้ำใจ มีเสนอตัวถ่ายรูปให้ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลย

ที่นี้จะมีความรู้สึกเป็นประเทศของฝรั่งกว่าที่นิวยอร์กเพราะที่นิวยอร์กจะเจอแต่คนผิวดำและเอเชียเป็นส่วนมากฝรั่งที่ว่าหัวทองที่นิวยอร์กกลับมีน้อย ที่วอชิงตันดีซี จะเห็นคนแต่งตัวดีๆประเภทใส่สูทรมาประชุมสัมมนาค่อนข้างเยอะรวมทั้งนักเรียนท้องถิ่นและจากต่างประเทศมาทัศนศึกษาก็มาก




จากสภาคองเกรสที่ถือว่าเป็นจุดที่เป็นเมืองหลวงอย่างแท้จริงของประเทศสหรัญอเมริกาก็เดินไปยัง Union Station เพื่อสำรวจจุดจอดรถที่จะกลับไปนิวยอร์ก ซึ่งได้เจอศูนย์อาหารที่ใหญ่และราคาไม่แพง มีร้านอาหารจีนอร่อยๆเลยได้เมนูไก่น้ำผึ้งมะนาวมาในราคา5 ดอลล่าร์ซึ่งไม่ต้องมีทิปเพราะเป็นแบบบริการตนเองเสร็จภาระกิจอิ่มท้องแล้วก็เดินกลับไปยังโรงแรมและสำรวจสถานที่ต่างๆระหว่างทางไปด้วย

เช้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักราวๆสองโมงเช้า ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกินที่สถานี Union เพราะรถเมล์จะออก10 โมงเช้า แต่เนื่องจากว่าช่วงเช้าศูนย์อาหารเขายังไม่เปิดร้านกัน น่าจะเริ่มขายตอน 11.00 น.เลยได้พึ่งร้านแบบสะดวกซื้อที่มีขายทั้งอาหารกล่องและเครื่องดื่มและสลัด


ถึงเวลารถเมล์ก็ออกวิ่งตามปกติจนถึงนิวยอร์กบ่ายสองโมงกว่าๆถึงบ่ายสามก็เข้าที่พักแถวๆ Time Square คืนนี้นอนแพงหน่อยเพราะคืนสุดท้ายของนิวยอร์กแล้ว มีเวลาช่วงบ่ายแก่ๆเลยไปเดินเล่นที่สะพาน Booklyn ซึ่งเป็นสะพานเก่ามีคนมาเดินเล่นกันเยอะเลย แต่อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆและไปกินอาหารเย็นร้านอาหารที่เพื่อนทำงานอยู่ชื่อร้าน Rin ThaiCruisine ร้านตกแต่งบรรยากาศดีมาก อาหารก็อร่อยมากๆใครไปนิวยอร์กก็ขอแนะนำร้านนี้เลย พนักงานก็อัธยาศัยไมตรีดีเจ้าของร้านก็เป็นมิตรดีมากๆ นั่งอยู่จนร้านปิดจึงได้กลับที่พักพร้อมกับทุกๆคน



วันที่ 21 กุมภาพันธ์วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับนิวยอร์ก เพราะเครื่องบินกลับสวีเดนจะออกเวลา 21.30 น.จึงออกไปเที่ยวย่านต่างๆที่อยากไปดูอาทิเช่น ตึกที่ทำการสหประชาติ แต่เนื่องจากหมอกหนามากแม้แต่อยู่ข้างหน้าทางเข้าตึกก็ยังไม่สามารถมองเห็นตึกเลย ไปดูสถานีรถไฟกลาง Rockefellerซึ่งมีจุดชมวิวอีกจุดของนิวยอร์กแต่ไม่ได้ขึ้นเพราะคิดว่าดูที่เอ็มไพร์สเตทก็เพียงพอแล้ว กลับมาเดิน Time Squareเดินมาเรื่อยๆจนถึง Herald Square เข้าห้าง Macy’s ได้กระเป๋าสตางค์มาใบหนึ่ง เดินจนเหนื่อย เพื่อนและเจ้าของร้าน Rin ThaiCruisine ผู้ใจดีบอกให้ไปทานอาหารที่ร้านก่อนกลับ ก็เลยได้อิ่มท้องและอร่อยด้วยจนห้าโมงเย็นกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมเดินทางกลับไปสนามบินและเดินทางกลับสวีเดนโดยสวัสดิภาพ






Create Date : 02 พฤษภาคม 2557
Last Update : 2 พฤษภาคม 2557 18:32:58 น. 2 comments
Counter : 1482 Pageviews.

 
ขอบใจนะ ที่ส่งข่าวมา ให้อ่านเรื่องเที่ยว อเมริกา เที่ยวนิวยอร์ค วอชิงตัน น่าจะเป็นอเมริกาตะวันออก ครูยังไม่เคยไปเลย ไปแต่ซีกตะวันตก คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจอร์ลิส แกรนด์แคนยอน ได้อ่านเรื่อง ทางนิวยอร์ค วอชิงตัน ก็ได้ความรู้ไว้ มีโอกาสครูจะไปเที่ยวบ้าง

อย่าลืมไปเที่ยวภูเขาไฟ คาวาอีเจี้ยน กับ โบว์โม ด้วยนะ ทรหดอดทนดี จริง ๆ กลับมา เล็บเท้าต้องถอดไปหลายเล็บ อิอิ

ไปซีอานแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นเขียนให้อ่านเลย


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 4 พฤษภาคม 2557 เวลา:10:44:04 น.  

 
ซีอานเขียนนานแล้วครับ ลองเข้าไปลิงค์นี้นะครับ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=zabby&group=53


โดย: Zabby วันที่: 4 พฤษภาคม 2557 เวลา:16:03:17 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Zabby
Location :

Thailand

Sweden

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




หากผ่านเข้ามาที่บล็อกนี้ก็ทักทายกันได้ครับ ยินดีตอบคำถามข้อสงสัยที่พอจะช่วยได้ ปกติอาศัยอยู่ประเทศสวีเดน ส่วนตัวเป็นคนรักในการเดินทาง สนใจธรรมะ พลังจิต คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีต่างๆ การพัฒนาเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การตกแต่งบ้านและสวน เขียนบล็อก
free counters
Free counters
Friends' blogs
[Add Zabby's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.