* * * * สันติ ลุนเผ่ * * * * บล็อกที่ 834
* สันติ ลุนเผ่ *
เพลง รักพ่อ ขับร้องโดย สันติ ลุนเผ่ ความยาว 4.17 นาที
คุณสันติ ลุนเผ่ เป็นนักร้องเสียงเทเนอร์ทรงพลังอมตะมานานหลายปี ลองถามคนไทยทุกจังหวัด รุ่นคุณปู่คุณย่า คุณลุงคุณป้า และคุณพ่อคุณแม่ดูเถอะ ต่างจะตอบว่า รู้จักคุณสันติ ลุนเผ่ และคุ้นหูกับเสียงทรงพลัง เพลง เย้ยฟ้าท้าดิน เพลง ความฝันอันสูงสุด ของท่านได้ดี
เมื่อคืนวันที่ 5 ธันวาคม 2554 คนไทยทั้ง 77 จังหวัด (ขอนับกรุงเทพเป็นจังหวัดหนึ่งด้วย) ต่างได้ยินเสียงขับร้องนำในเพลง สรรเสริญพระบารมี และเพลง สดุดีมหาราชา ของคุณสันติ ลุนเผ่ อีกครั้ง ในงานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพร ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เสียงร้องของคุณสันติ ลุนเผ่ ยังทรงพลังเสียงเทเนอร์ที่สูงกังวานใสเช่นเดิม คุณแม่ของ จขบ.บอกว่า จำเสียงได้ ร้องเพลงเพราะมากๆ เสียงไม่เคยตกเลย
คุณสันติ ลุนเผ่ มีชื่อเกิดว่า ไพศาล ลุนเผ่ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ปัจจุบันอายุ 75 ปี เกิดที่บ้านในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ หม่องลุนเผ่ ..หม่องลุนเผ่นั้นเป็นนักร้องละคร ชาวพม่า อพยพมาอยู่ ณ จังหวัดลำปาง แล้วนำชื่อ ลุนเผ่ ของตน มาตั้งเป็นชื่อสกุล ก่อนจะย้ายรกรากมายังกรุงเทพมหานคร
อนึ่ง คุณสันติ ลุนเผ่ เกิดปีเดียวกันกับ จอร์โจ อาร์มานี, จูดี้ เดนช์, ซิดนีย์ พอลแลค, โซเฟีย ลอเรน, หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย, ประชา คุณะเกษม, ประทิน สันติประภพ, ประยอม ซองทอง, พูลศรี เจริญพงษ์, สมเด็จพระจักรพรรดินี มิชิโกะ, วิจิตร ศรีสอ้าน, วิระยา ชวกุล, สมณะโพธิรักษ์, สายสุรี จุติกุล, สุเทพ วงศ์กำแหง, เสนาะ เทียนทอง, หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช, และ อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นต้น
คุณสันติ ลุนเผ่ ให้สัมภาษณ์ น.ส.พ. กรุงเทพธุรกิจ เขียนโดย ชาธิป สุวรรณทอง วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2550 ไว้ดังนี้
สันติ ลุนเผ่กับดนตรีมาเจอกันได้อย่างไร
บ้านผมอยู่แถววัดราชบพิตรหลังกระทรวงมหาดไทย พ่อผมเป็นคนชอบร้องเพลง ก็มีคนรู้จักกันหาแผ่นเสียงจากต่างประเทศมาให้พ่อ ที่บ้านก็จะมีแผ่นเสียงเพลงคลาสสิกเยอะ ส่วนพี่ชายเป็นนักเรียนเซนต์คาเบรียล พี่เขาก็ชอบเปิดแผ่นเสียงของนักร้องคลาสสิกคนหนึ่งคือ เอนริโก คารูโซ ผมแว้ออกมาวันแรก 22 มิถุนายน 2479 ประมาณห้าโมงเย็นที่บ้านก็กำลังเปิดคารูโซอยู่ มันก็เลยเข้าหูมาตั้งแต่เกิด ผมก็ฟังเพลงมาตั้งแต่ตอนนั้น
พอเริ่มโตขึ้นมาก็มานั่งคิดว่าทำไมเสียงมันเพราะเหลือเกิน เพราะผิดมนุษย์มนา ผมก็เริ่มศึกษา เริ่มร้องตาม ตั้งแต่ประมาณ 4-5 ขวบ ร้องตามใหม่ๆ ก็ต้องตะโกนตาม ชาวบ้านก็โผล่มาดูว่ามันบ้าหรือไง ก็เลยเปลี่ยนเป็นเอาหัวทิ่มโอ่งน้ำหลังบ้านเปิดแผ่นฟังไปด้วยแล้วก็ร้องอยู่ในโอ่ง พอลุกขึ้นมาก็หน้ามืด เลยตัดสินใจลงไปอยู่ในโอ่งปิดฝาร้องเลย หูแทบแตก เป็นเพราะเราฟังนักร้องคนนี้แล้วรู้สึกมันเพราะมาก อยากจะร้องได้อย่างเขาบ้าง มันก็ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก
ฟังแต่คลาสสิกอย่างเดียว สนใจดนตรีไทยบ้างหรือเปล่า
ดนตรีไทยก็ฟัง ผมฟังครูเหนี่ยว ดุริยพันธุ์ ท่านมีวงไทยเดิมไปเล่นออกวิทยุผมก็ฟัง ตอนเล็กๆ ผมก็ไปหัดระนาด แต่ผมรู้ตัวตลอดเวลาว่ามันไม่ใช่ทางของเรา ผมสนใจนะ แต่ไม่ใช่ทาง
จริงๆ การที่ฟังเพลงไทยเล่นเพลงไทยมานี่เหมือนกับเป็นครูที่ทำให้ผมได้คิดว่า เราร้องเพลงไทยทำไมเอื้อนเยอะ เราฟังคลาสสิกด้วยก็มาเปรียบกับเพลงไทย ก็เลยสรุปส่วนตัวได้ว่าเพลงไทยเขามีวิธีเอื้อน เขาจะเอื้อนด้วยตัว อ.อ่าง จะไม่มีตัว ฮ.นกฮูก เอื้อนด้วยตัว ฮ.นกฮูกนี่คือเพลงฝรั่งกับเพลงจีน
ฝากเด็กไทยสมัยนี้ด้วยว่า ที่ร้องกัน ฉาน ระ-ฮ๊าก เธอ นี่ ไม่ใช่ของไทย ไทยเราเอื้อนแบบนี้ไม่ได้ เอื้อนตัว ฮ.เมื่อไหร่ ไม่ใช่ของไทย โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าทำ
พออายุ 11-12 ก็เริ่มเล่นไวโอลิน ก็มาจากการฟังแผ่นเสียงก่อนเหมือนกัน เพลงที่มีไวโอลินเพลงแรกที่ฟังคือ ยิปซีแอร์ ของซาราซาเต้ ที่เดี๋ยวนี้มาแปลงเป็น 'จันทร์กระจ่างฟ้า' แหม...มันเพราะเหลือเกิน ตอนนั้นเก็บเงินได้ 120 บาทก็ไปซื้อไวโอลินแถวหลังกระทรวงกลาโหม นั่งเล่นมั่วไป ตอนหลังก็ไปเรียน เล่นมาเรื่อย จนกระทั่งมาถึงเพลง ยิปซีแอร์ ที่ทำให้เราอยากเล่นนี่ ปรากฏว่า...ตาย เล่นยังไงก็เล่นไม่ได้
ในฐานะที่มีความรู้ดนตรีทั้งไทยสากล มองกระแสการเอาดนตรีไทยประยุกต์กับเครื่องดนตรีสากลอย่างไร
อย่างผมเคยเล่นระนาด ผมเคยคุยกับครูว่าระนาดเนี่ย มันจะมีอยู่เสียงหรือสองเสียงที่เปียโนไม่มี นี่คือไทยเดิม ผมก็เลยได้รู้ว่าถ้าจะเอาระนาดมาเล่นกับวงสากล หรือจะเอาเครื่องดนตรีสากลมาเล่นเพลงไทยเดิมมันก็จะไม่ใช่เพลงไทย
เมื่อก่อนผมมีวง ก็เคยคิดว่าจะเอาเพลงไทยเดิมมาเล่นกับวงสมัยใหม่ แต่ปรากฏว่าเสียงของไทยกับสากลมันไม่ได้เท่ากันพอดี เลยเลิกคิดแต่นั้นมา เดี๋ยวนี้ก็มีหลายๆ คนเอามาเล่นด้วยกันซึ่งมันต้องปรับเสียงดนตรีไทยให้ไปเข้ากับสากล แต่จริงๆ แล้วเราไปปรับไม่ได้ ถ้าปรับก็ไม่ใช่ไทยเดิม แต่คนเดี๋ยวนี้เอาใหญ่ เอาเพลงไทยเดิมมาเล่นเปียโนบ้างกีตาร์บ้าง หลอกคนอื่นได้แต่หลอกผมไม่ได้
การที่ผมเคยสอนร้องเพลงทำให้เห็นว่า คนไทยทำไมร้องเพลงแบบนี้ เพราะโทนเสียงที่เป็นคลาสสิกมันไม่มี มีแต่เสียงดังแต่ไม่มีแก้วเสียง (Ringing) ที่มันต้องออกมาจากข้างใน เราสู้ฝรั่งเขาไม่ได้ตรงนี้ ซึ่งก็โทษกันไม่ได้เพราะไทยเดิมมา เราไม่ได้สอนกันเรื่องนี้
กลายมาเป็นนักร้องเพลงปลุกใจหรือเพลงรักชาติได้อย่างไร
ช่วงที่จะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผมก็มีวงดนตรีเล็กๆ กับพันจ่าเอกธวัช ไพโรจน์ เล่นประจำที่ภัตตาคารสวนกุหลาบ ทีนี้วงดนตรีดุริยางค์กองทัพเรือของพันจ่าเอกธวัชก็จะต้องไปแสดงในงานพระราชทานเลี้ยงตัวแทนเหล่ากาชาดทั่วโลก ณ พระตำหนักดุสิต ทางวงก็เลยชวนผมไปร้อง
ผมก็เลยได้ไปร้องเพลงเฉพาะพระพักตร์องค์สมเด็จฯ หลังจากนั้นผมก็เลยได้รับการติดต่อให้ไปร้องเพลงถวาย ช่วงนั้นก็จะเป็นการร้องแล้วบันทึกแผ่นเสียงเพลงพระราชนิพนธ์ อย่างเพลง ความฝันอันสูงสุด, ทหารพระนเรศวร, ดุจบิดรมารดา, เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย, มาร์ชทหารไทย แต่องค์สมเด็จฯ ทรงรับสั่งให้เรียกว่า บทเพลงรักชาติ ไม่ใช่ เพลงปลุกใจ
อย่างเพลง ความฝันอันสูงสุด นี่จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ใช่เป็นผมร้อง เป็นคนอื่นร้องมาก่อน ก่อนจะมาจบที่ผมร้อง กว่าจะร้องได้ 7-8 เดือนนะ แก้กันทีละนิดกว่าจะชัด แล้วท่านก็ให้พล.ร.ต.มล.อัศนี ปราโมช มาออเคสเตรชั่น ก็เริ่มมีเป็นแผ่นเสียงออกมา แผ่นแรกที่ออกมาก็ได้ สมาคมไลออนส์ ออกทุนให้ มี 20 กว่าเพลง
แต่เพลงเหล่านี้ ปรากฏว่าสถานีวิทยุที่อยู่ในเมืองไม่เปิดกัน เพราะเปิดแล้วไม่ได้เงิน ไม่เหมือนเปิดเพลงอื่นๆ ที่เขาทำขายกัน เพลงพวกนี้ก็ไปอยู่ตามชายแดนเอาไว้ให้ทหารฟัง
ความที่เพลงรักชาติถูกนำมาเปิดบ่อยในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้ชื่อและเสียงของสันติ ลุนเผ่อยู่คู่กับเหตุการณ์เหล่านั้น?
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ เวลาไม่มีเรื่องก็ไม่เปิดกัน พอจะมีเหตุการณ์ก็เอามาเปิด จนกระทั่งผมกลายเป็นตัวก่อเรื่องไป พอปฏิวัติปุ๊บต้องได้ยินเสียงผม อย่างตอนที่มีเหตุการณ์เมษาฮาวาย ผมก็เกือบติดคุก ทั้งๆ ที่ผมเล่นดนตรีหากินอยู่ที่ราชบุรีไม่รู้เรื่องเลย
ตอนที่เพลงเหล่านี้ออกไปตามชายแดนมากๆ ไม่รู้เท็จจริงยังไงนะ มีจดหมายมาบอกว่าให้ผมเลิกร้องเพลงปลุกระดม จดหมายมาจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยส่งมาที่กองดุริยางค์ทหารเรือเลย บอกถ้าไม่เลิกร้อง จะเก็บผม ผู้ใหญ่ถามกลัวมั้ย ผมบอกไม่กลัว แต่จริงๆ กลัวนะ
ชีวิตที่ผ่านมาเรียกได้ว่าหากินกับเพลงอย่างเดียว
ผมก็มีชื่อเสียงมาด้วยการร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ช่วงปี 2514-16 ที่มีพระราชทานเพลิงศพทหารรบกับคอมเยอะๆ จากเป็นนักร้องมาเป็นโฆษกของวงดุริยางค์ทหารเรือด้วย ได้ยศพันจ่าเอก อยู่มาได้ 7-8 ปี พอรู้ว่าไม่ได้เบี้ยหวัดเบี้ยบำนาญเพราะอายุราชการเราไม่ครบ 15 ปีก็เลยเซ็ง พูดตรงๆ ผมก็อยากได้นะเบี้ยบำนาญ เพราะผมทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นนะ เคยไปค้าขายก็เจ๊งวินาศ หมดเป็นล้าน เป็นหนี้เขาอยู่จนทุกวันนี้ ยังใช้ไม่หมด ก็ต้องหากินกับดนตรี
ทุกวันนี้ก็ยังร้องเพลงอยู่ แล้วก็มีวงคอรัสส่วนตัว ปีนึงเล่น 2-3 ครั้ง เอาเพลงโอเปร่าเพลงคลาสสิกมาร้องกันในโบสถ์คริสต์ เพราะเพลงพวกนี้มักจะเป็นเพลงเกี่ยวกับศาสนา ฟังเสร็จคนฟังก็บริจาคกัน บางทีคนมาเยอะก็เก็บได้เป็นหมื่น หารด้วยจำนวนสมาชิก 20 คน ได้คนละพันสองพันก็ยังดี
วันนี้ของสันติ ลุนเผ่ ทำอะไรอยู่ที่ไหน
เมื่อก่อนนี้ร้องเพลงเล่นดนตรีวันละ 4-5 ชั่วโมง ตอนนี้ไม่ไหว ก็ยังเหลือวันเสาร์มีร้องที่โรงแรมเวียงใต้ ร้องเพลงสากลเก่าๆ ตั้งแต่ 12.00-14.00 น. นอกจากนั้นก็เป็นที่ปรึกษาคณบดีคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แล้วเป็นที่ปรึกษาบริษัท rms studio ที่ทำเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลงไทย มีทำเพลงประจำหน่วยงาน ให้บริษัทห้างร้าน แล้วก็มีวงคอรัสส่วนตัว ...เราทำงานตรงนี้ต้องคิดว่าร้องเพลงเพื่อเพลง เรื่องเงินน่ะแค่มีกินก็พอแล้ว แต่ถ้าได้อีกเราก็เอา.
ชื่อจริงของคุณสันติ ลุนเผ่ เกิดขึ้น หลังจากได้เข้าไปถวายงานร้องเพลงให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ..รับสั่งให้ร่วมขับร้อง เพลงพระราชนิพนธ์ และ เพลงรักชาติ ..สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดให้เรียก เพลงปลุกใจ ว่า เพลงรักชาติ เนื่องจากคำว่า เพลงปลุกใจ สื่อความหมายไปในด้านความรุนแรง ..ในครั้งนั้น รับสั่งเรียกชื่อ คุณไพศาล ลุนเผ่ ว่า สันติ ..ด้วยความปลาบปลื้ม คุณสันติ ลุนเผ่ จึงเปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อ สันติ ลุนเผ่ ตั้งแต่นั้นมา
เพลงที่คุณสันติ ลุนเผ่ ขับร้อง เช่น เพลง เย้ยฟ้าท้าดิน, หนักแผ่นดิน, ความฝันอันสูงสุด, สยามานุสติ, ทหารพระนเรศวร, ศึกบางระจัน, แผ่นดินของเรา, ลุ่มเจ้าพระยา, ดุจบิดามารดร, เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย, แด่ทหารหาญในสมรภูมิ, มาร์ชทหารไทย, ถามคนไทย, รักพ่อ, แปดสิบสี่ พรรษาเฉลิมพระชนม์, และ ชัยชนะ เป็นต้น ..จขบ.ชอบ เพลง ชัยชนะ เป็นพิเศษ ฟังได้ซ้ำ ไม่เคยเบื่อ
เพลง ชัยชนะ ขับร้องโดย ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก) และ สันติ ลุนเผ่ ความยาว 5.27 นาที
สันติ ลุนเผ่ ได้รับพระราชทานยศ เรือตรี
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเรือตรีเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ พันจ่าเอก สันติ ลุนเผ่ ทหารพ้นราชการ สังกัดกองทัพเรือ เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้อุทิศตนประกอบคุณงามความดี เพื่อช่วยเหลือกิจกรรมของกองทัพ และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2552 ประกาศ ณ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เพลง ความฝันอันสูงสุด ขับร้องโดย สันติ ลุนเผ่ ความยาว 7.34 นาที
ขอขอบคุณที่ติดตาม
จาก สิน yyswim
Create Date : 06 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2554 13:42:57 น. |
|
13 comments
|
Counter : 6154 Pageviews. |
|
|
|