จะยิ้มเมื่อไหร่ดี
จะยิ้มเมื่อไหร่ดี
ยิ้ม เราไม่ต้องเสียเงิน เราไม่ต้องเสียแรง และเราไม่ต้องเสียเวลา แต่ยิ้มจะให้คุณค่าทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อสำนักงาน และต่อสังคม แวดล้อม
ยิ้ม ให้กำลังใจในยามท้อถอย ให้แสงสว่างในยามเหงาเศร้า เป็นยาชูกำลังในยามเหนื่อยอ่อน เป็นสิ่งผูกมิตรยามไม่รู้จักกัน และเป็นมนต์อัศจรรย์ยามบรรยากาศเงียบวังเวง
ยิ้มให้กัน ดีกว่า โกรธเข้าหากัน ยิ้มให้กัน ดีกว่า วางเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จะไม่รู้สึกเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น จะไม่รู้สึกเหงาเมื่ออยู่ร่วมกลุ่มกับผู้อื่น เติมยิ้มเข้าไปในการทำงานสักนิด จะทำให้ผลงานดีขึ้นกว่าเดิมมาก ยิ้มเถิดครับ หน้าตาสดใสด้วยไม่แก่ด้วย.
แต่สิ่งอะไรก็ตาม ถ้ามีมากเกินไป มีผิดเวล่ำเวลา ผู้อื่นก็จะมองไม่เห็น คุณค่าของสิ่งนั้น แถมยังจะมองว่าเราแหย เราไม่มีน้ำยาซะอีก
ฉะนั้น จะยิ้มทั้งที ก็ต้องเลือกให้ยิ้มกันหน่อย ไม่ใช่จะให้กับทุกคน ทุกเรื่อง ทุกเวลา และทุกสถานที่
จะยิ้มเมื่อไหร่ดี
หนึ่ง เราควรยิ้มเมื่อเราเจอหน้าคนที่รู้จักสนิทสนมเป็นครั้งแรกของ แต่ละวัน โดยอาจให้ยิ้มไปแทนคำทักทาย หรืออาจให้ยิ้มไปพร้อมกับ ให้คำทักทาย
พฤติกรรมที่ดี เราจะทักทายคนที่เรารู้จักสนิทสนมเมื่อพบหน้ากันเป็นครั้งแรกอยู่แล้ว แต่ในช่วงที่เราหรือเขามีงานมาก ไม่ว่าง รีบ กำลังมีแขก หรือกำลังยืนในระยะห่างกันจนไม่อาจจะทักทายได้ เราก็อาจให้ยิ้ม เพื่อมอบความเป็นมิตรแทนคำทักทายได้ ซึ่งจะให้ประโยชน์ไม่แตกต่างกัน
สอง เราควรยิ้มเมื่อเราต้องการจะเสนอตัวให้คนที่ยังไม่รู้จักตัวเรา พอใจหรือสนใจในตัวเรา
ยิ้มเป็นมารยาทที่ทุกชาติทุกภาษายอมรับว่า เป็นการแสดงมารยาทอันดีงาม มีความเป็นมิตร มีน้ำใจให้ต่อกัน ใครยิ้มให้ใครก็เท่ากับให้มารยาทอันดีงามให้ความเป็นมิตรแก่คนนั้น เมื่อเราต้องการจะรู้จักใคร หรือเมื่อเราต้องการจะให้ใครมาชอบเรา เราก็ควรจะยิ้มให้เขาเสียก่อน
และในทำนองเดียวกัน หากผู้อื่นมอบยิ้มให้กับเราก่อน เราก็ควรจะมีมารยาทอันดีงามยิ้มตอบให้เขาด้วย
การได้เพื่อนใหม่ การติดต่องานที่ราบรื่น จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะรอยยิ้มนี่แหละ
สาม เราควรจะยิ้มเมื่อผู้อื่นสุขใจ เมื่อผู้อื่นชื่นชมยินดีในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเมื่อผู้อื่นกำลังทำสิ่งที่ดีงาม
หากผู้อื่นสุขใจแล้วเราร่วมสุขใจด้วย ก็เป็นการแสดงมุทิตาจิตของเรา นั่นเอง
ควรยิ้มให้คุณพ่อคนใหม่ขณะที่เขากำลังชะเง้อมองดูลูกน้อยผ่านห้องกระจก ควรยิ้มให้ผู้ที่กำลังจูงสุนัขส่งเข้าประกวด ควรยิ้มให้ผู้ที่กำลังวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเย็นๆ ควรยิ้มให้ผู้ที่กำลังทาสีบ้านใหม่ ควรยิ้มให้ผู้ที่สวมครุยปริญญา ควรยิ้มให้ผู้ที่ชนะและคล้องเหรียญรางวัล
โอกาสดีงามเหล่านี้อย่าละเลยที่จะมอบยิ้มให้ รับรองว่า จะไม่มีใครคนไหนโกรธตอบหรอก
สี่ เราควรจะยิ้มเมื่อเรากล่าวคำยกย่องชมเชยผู้อื่น
เมื่อเรายิ้มและมองสบตาผู้รับคำชมเชยอย่างเป็นมิตร แสดงว่าเรายกย่องชมเชยเขาอย่างจริงใจ อย่าชมเชยคนด้วยใบหน้า ที่ดุโกรธ เครียดซีเรียส เรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย หรือหลบสายตา เป็นอันขาด
ห้า เราควรจะยิ้มเมื่อเราต้องการจะกระเซ้าเย้าแหย่ผู้อื่น
โดยปกติการกระเซ้าเย้าแหย่จะมีลักษณะเป็นดาบ 2 คม ด้านหนึ่งทำให้ผู้ถูกกระเซ้าเย้าแหย่รู้สึกถึงความเป็นกันเอง รู้สึกถึงความสนิทสนมกัน
แต่อีกด้านหนึ่ง หากกระเซ้าเย้าแหย่ ผิดบุคคล ผิดเรื่อง ผิดเวลา ผิดสถานที่ หรือกระทำรุนแรงเกินไป ก็อาจทำให้ผู้ถูกกระเซ้าเย้าแหย่รู้สึกอับอาย เสียหน้า เสียงาน บาดเจ็บ จนโกรธเคืองกันในที่สุดได้
หากเรายังควบคุมสติได้ก็ไม่ควรจะกระเซ้าเย้าแหย่ผู้อื่น อาจทำเพียงแค่สร้างความเป็นกันเอง เช่น เรียกชื่อเล่น จับมือ ปรบมือ หรือเกาะไหล่กันก็เพียงพอ เพราะเราไม่อาจจะทราบว่า ในขณะนั้นผู้อื่นเขาอยากจะให้เรากระเซ้าเย้าแหย่หรือไม่ หรือเขาชอบวิธีที่เรากระเซ้าเย้าแหย่หรือไม่
แต่ถ้าคึกคะนองจนห้ามใจตนเองไว้ไม่อยู่ หลักสำคัญที่จะต้องกระทำควบคู่ไปกับการกระเซ้าเย้าแหย่ด้วยเสมอ ก็คือ ให้ใบหน้ายิ้ม อ่านเพิ่มเติมเรื่องแค่เล่นๆนะแต่ไม่ใช่ของเล่นได้ที่นี่
หก เราควรจะยิ้มเมื่อเราเผชิญหน้ากับผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจหรือผู้ที่ คิดร้ายต่อเรา
รอยยิ้ม จะทำให้อารมณ์โกรธเคืองขุ่นมัวของบุคคลหยุดชะงัก หรือช็อกไปชั่วคราว ซึ่งเป็นโอกาสให้เราหาหนทางพูดจารอมชอม ให้สิ่งเลวร้ายหรือสิ่งที่เข้าใจผิดปรับเป็นให้เข้าใจดีขึ้น หรือบรรเทาเบาบางลงได้
เจ็ด เราควรจะยิ้มเมื่อเราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลั้งพลาดโดยไม่เจตนา
การยิ้มเมื่อเราทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลั้งพลาด จะแสดงผลออกมาในขณะนั้น 2 ทาง คือ เราทำเพราะไม่ได้ตั้งใจเพราะใบหน้ายังยิ้มแย้มอยู่ และอีกทางคือ เรายอมรับว่าเราเองที่เป็นคนทำพลั้งพลาด ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จึงไม่ค่อยจะรู้สึกโกรธเคือง แถมอาจจะขำขันท่าทางของเราด้วยซ้ำ หรือถ้าจะโกรธเคืองก็อาจจะโกรธเคืองไม่มากนัก
การยิ้ม นอกจากเราจะยิ้มให้กับผู้อื่นแล้ว เราก็อาจจะมอบยิ้มให้กับตัวเราเองด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีและกล่อมอารมณ์ตนเอง
แล้วจะยิ้มให้กับตนเองเมื่อไหร่ดี
แปด เราควรจะยิ้มเมื่อเราสบายใจหรือกำลังทำกิจกรรมใดๆคนเดียวแล้วต้องการจะสร้างบรรยากาศสบายใจ
ถ้าขณะนั้นไม่มีใครเห็น ก็ยิ้มเถอะครับ เช่น ทราบว่าเงินเดือนขึ้น ทราบว่าแฟนตอบรับรัก ทราบว่าตนสอบชิงทุนได้
ขณะนั้นกำลังจะเดินทางไปเยี่ยมแฟน ขณะนั้นกำลังจะไปเล่นกีฬา ขณะนั้นกำลังจะไปพบลูกค้า อยู่คนเดียวก็ยิ้มเพื่อสร้างความสบายใจ หรือสร้างบรรยากาศที่ดีได้ครับ
เก้า เราควรจะยิ้มเมื่อดูกระจกเงาในตอนเช้า
ถ้าอยากจะสร้างมงคลชีวิตที่ดี สร้างดวงชีวิตที่ดีให้กับตนเองในวันนี้ เราควรจะมอบยิ้มให้กับตนเองในกระจกเงาทุกเช้า ขอยิ้มที่ดีที่สุด มีเสน่ห์ที่สุดด้วยนะครับ
ภาพในกระจก จากคนที่ง่วงนอนใบหน้ายับดูเงื่องหงอย ก็จะเปลี่ยนเป็น ใบหน้าของคนที่ดูอารมณ์ดี สดชื่นเบิกบาน อ่อนเยาว์มีเสน่ห์ ดูน่าเข้าใกล้ น่าคบหาทีเดียว
..นี่และครับอำนาจของยิ้ม
และภาพในกระจกนี้ จะติดตาติดใจเรา จนอยากจะให้ใบหน้าและรอยยิ้มอย่างนี้ มีตลอดไปทั้งวัน อยากให้ใครๆได้พบเห็น ทำให้เราเองต้องคอยปรับปรุงบุคลิกให้ดูดีตลอดเวลา
สำหรับบางท่านที่เชื่อโชคลาง อาจมองการยิ้มตอนเช้าว่า ถ้าเราเจอภาพที่ดูดีตั้งแต่เริ่มตื่นนอน
..วันนั้นทั้งวันเราก็จะเจอแต่คนที่ดีและเรื่องที่ดี ไปตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าจะคิดในแง่ไหน ยิ้มให้กับตนเองในกระจกในตอนเช้า เป็นแต่สิ่งให้คุณ ทั้งนั้น
มีดในครัวเมื่อเราจะเลือกใช้ เราก็จะเลือกใช้โดยให้ถูกกับสิ่งของ ถูกกับเวลาฉันใด
ยิ้มที่หล่อและสวย บาดใจ เราก็ควรจะเลือกใช้โดย ให้ถูกกับคน และถูกกับเวลาฉันนั้น
.ยิ้มจึงจะมีคุณค่าครับ
..
Create Date : 14 กรกฎาคม 2548 |
|
18 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2548 0:13:29 น. |
Counter : 1024 Pageviews. |
|
|
|
|