ขับรถทางไกล




ขับรถทางไกล



# 01 การเตรียมตัว








1. ผู้ขับขี่ ควรจะเตรียมความพร้อมของเครื่องยนต์(รถ) ตรวจระดับน้ำมัน น้ำมันเครื่อง ตรวจระดับน้ำหล่อเย็น ตรวจเบรกและระดับน้ำมันเบรก น้ำมันคลัทช์ ตรวจความตึงของสายพาน ตรวจยางและแรงดันลมยาง รวมทั้งที่ยางอะไหล่ ตรวจสภาพไฟส่องสว่างและแตร ให้อยู่ในสภาพตามที่คู่มือรถคันนั้นกำหนด


เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ควรจะนำรถเข้าศูนย์บริการ และแจ้งให้ตรวจสภาพเพื่อการเดินทางไกล








2. ควรจะเตรียมร่างกาย...ให้ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลับสนิทอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ไม่สวมเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามเกะกะ หรือฟิตอึดอัด ไม่รับประทานอาหารจนอิ่มเกินไปเพราะอาจจะทำให้ง่วง ไม่ท้องเสีย ไม่มีอาการไข้ ไม่รับประทานยาที่จะทำให้ง่วง ไม่อยู่ในอาการมึนเมา ไม่มีอารมณ์โกรธ ทุกข์โศก หรือรีบร้อนจนควบคุมสติไม่ได้ ถ้าขับรถในตอนกลางวัน ควรจะเตรียมแว่นกันแดดไว้ด้วย


ห้ามขับขี่รถยนต์ ในขณะที่หย่อนความสามารถทางการขับขี่ เช่น บาดเจ็บรุนแรง พิการ มองไม่เห็น ง่วงนอน เป็นต้น








3. ควรจะบรรทุกสัมภาระ จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ....หากเป็นสิ่งของที่สามารถเคลื่อนตัวได้ เมื่อออกรถหรือขึ้นลงทางลาดชัน ควรจะผูกมัดให้ตรึงอยู่กับที่อย่างปลอดภัยและไม่โดนแดดฝน ไม่ควรจะบรรทุกสิ่งของและผู้โดยสารมากจนเกินไป เพราะจะมีผลเสียต่อรถและการควบคุมรถ


เช่น เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น สึกหรอเร็วขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น ระบบรองรับน้ำหนักของรถอ่อนตัวหรือล้าเร็ว ระยะทางการหยุดรถจะใช้ยาวขึ้น รถจะเสียการทรงตัว การควบคุมทิศทางของรถจะยากขึ้น เมื่อขึ้นเนิน รถจะขับได้ช้า แต่เมื่อลงเนิน รถจะแล่นเร็วซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้ง่าย ยิ่งหากเป็นการบรรทุกหนักไว้ที่ท้ายรถ หน้ารถจะยกสูงขึ้น ทำให้ไฟส่องสว่างสูง อันจะเป็นอันตรายต่อรถคันที่สวนทางมา







# 02 การขับรถ







1. ผู้ขับขี่ จะต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย และต้องไม่ล้ำเส้นกึ่งกลางของทางเดินรถ รถที่มีความเร็วช้าจะต้องขับใกล้ทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะทำได้ เว้นแต่ ทางเดินรถด้านซ้ายจะมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดกั้นการจราจร, หรือเมื่อจะแซงหน้ารถคันอื่น, หรือเมื่อการเดินรถนั้นกำหนดให้เดินรถทางเดียว, และเมื่อทางเดินรถนั้น กว้างไม่ถึง 6 เมตร



2. ในทางเดินรถที่แคบ เมื่อขับรถสวนกัน ผู้ขับขี่แต่ละฝ่าย จะต้องลดความเร็วลง เพื่อให้รถวิ่งสวนกันได้โดยปลอดภัย แต่ในทางเดินรถที่แคบมาก ที่ไม่อาจขับรถวิ่งสวนกันได้โดยปลอดภัย ผู้ขับขี่รถที่คันใหญ่กว่า จะต้องหยุดรถให้ชิดขอบทาง เพื่อให้รถคันที่เล็กกว่าผ่านไปก่อน



3. ผู้ขับขี่ จะต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าพอสมควร ในระยะที่หยุดรถได้โดยปลอดภัย ผู้ขับขี่ ที่จะเลี้ยวรถ หรือจะให้คันอื่นแซง หรือจะเปลี่ยนช่องทางเดินรถ หรือจะจอดรถ จะต้องใช้สัญญาณมือ หรือสัญญาณไฟ เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร ให้รถคันอื่นทราบ



4. ผู้ขับขี่ที่ขับรถขึ้นสะพาน หรือทางลาดชัน จะต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้รถถอยหลังไปโดนรถคันอื่น








5. ผู้ขับขี่ จะต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้รถชนหรือเฉี่ยวคนเดินเท้า ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของทาง และจะต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้า ให้รู้ตัว



6. ในเวลากลางคืน เมื่อขับรถสวนกัน จะต้องใช้ไฟส่องต่ำ



7. ในขณะขับรถ จะต้องนำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ติดตัว โดยใบอนุญาตนั้นจะต้องถูกต้องตามชนิดและประเภทของรถ พร้อมนำสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถติดตัวไปด้วย เพื่อจะได้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของรถจริง แต่อย่าเก็บสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถนั้นไว้ในลิ้นชักรถ เพราะหากคนร้ายขโมยรถไป คนร้ายก็จะแสดงตนว่าเป็นเจ้าของรถได้



8. ผู้ขับขี่ จะต้องมีความรู้เรื่องกฎจราจร เครื่องหมายสัญญาณจราจร และจะต้องปฏิบัติตาม







# 03 การจอดรถ









1. ผู้ขับขี่ จะต้องจอดรถทางด้านซ้ายของทางเดินรถ แต่ไม่จอดบนช่องทางเดินรถประจำทาง และจะต้องจอดให้ขนาน ชิดขอบทางห่างไม่เกิน 25 ซม. หรือจอดรถ ณ ที่ที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนดไว้



2. ในกรณีที่เครื่องยนต์ขัดข้อง จนต้องจอดรถในช่องทางเดินรถ ถ้าจำเป็นจะต้องจอด จะต้องจอดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร และจะต้องแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่กำหนด ให้เห็นชัดเจน และจะต้องรีบนำรถออกมาให้พ้นทาง ทันทีที่สามารถทำได้



3. ห้ามผู้ขับขี่ จอดรถบนทางเท้า, บนสะพานหรือในอุโมงค์, บนทางร่วมทางแยกหรือในระยะ 10 เมตรจากทางร่วมทางแยก, บนทางข้ามหรือในระยะ 3 เมตรจากทางข้าม, ในเขตที่มีเครื่องหมายห้ามจอด, ในระยะ 3 เมตรจากท่อน้ำดับเพลิง, ในระยะ 10 เมตรจากที่ตั้งสัญญาณจราจร, ในระยะ 15 เมตรจากทางรถไฟผ่าน, จอดรถซ้อนรถคันอื่นที่จอดอยู่ก่อนแล้ว, ตรงปากทางเข้าออกอาคาร, ในระยะ 15 เมตรก่อนถึงป้ายหยุดรถประจำทางและเลยป้ายไปอีก 3 เมตร, ในระยะ 3 เมตรจากตู้ไปรษณีย์, และในลักษณะกีดขวางการจราจร








4. การจอดรถบนทางลาดชัน ผู้ขับขี่ จะต้องหันล้อหน้ารถเข้าขอบทาง



5. ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่อยู่ที่รถ หรืออยู่แต่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ให้เจ้าพนักงานจราจร มีอำนาจเคลื่อนย้ายรถได้



6. ในเวลาที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ที่รถคันอื่นจะมองเห็นรถที่จอดอยู่ในทางเดินรถ ในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร ผู้ขับขี่ จะต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภทที่กำหนด



7. เมื่อผู้ขับขี่เห็นสัญญาณระวังรถไฟ จะต้องลดความเร็วรถลง และหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อรถไฟผ่านไปแล้วและมีสัญญาณให้รถผ่านได้ จึงจะขับรถผ่านไปได้







# 04 ข้อเตือนสติ








1. ควรศึกษาแผนที่ หรือถามผู้รู้ หรือถามเจ้าหน้าที่ เช่น ตำรวจท้องที่ ตำรวจทางหลวง ก่อนจะออกเดินทาง ควรจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ของตำรวจ หน่วยกู้ภัย โรงพยาบาล บริษัทประกันภัย และคนที่รู้จัก ในจังหวัดที่ตนจะขับรถผ่าน



2. หากขับรถทางไกลในเวลากลางคืน ระยะทางเกินกว่า 150 กม. ขึ้นไป ควรจะมีผู้ขับขี่อีกคนหนึ่งช่วยขับรถแทนเมื่อง่วงนอน และห้ามดื่มสุราเพื่อกระตุ้นไม่ให้ง่วง



3. อย่าขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด อย่าขับรถแข่งกันด้วยความคึกคะนอง อย่าขับรถตามหลังคันอื่นในระยะกระชั้นชิด อย่าขับรถแซงรถคันอื่นบนสะพาน บนทางลาดชัน บนทางโค้ง บนทางแยก หรือ ณ ที่ที่มีเส้นขาวทึบหรือเหลืองทึบ



4. จะต้องสังเกตและปฏิบัติตามป้ายสัญญาณจราจรที่อยู่สองข้างทางเสมอ



5. ขณะขับรถที่มีฝนตกใหม่ๆหรือถนนลื่น จะต้องชะลอความเร็วของรถ ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มาก หากจะต้องหยุดรถ พยายามเปลี่ยนเป็นใช้เกียร์ต่ำ อย่าเบรกรถกะทันหัน หรืออย่าเลี้ยวรถกะทันหัน เพราะจะทำให้รถปัดหรือหมุนได้


เมื่อขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วม น้ำอาจจะแทรกเข้าไปในเบรก ทำให้เบรกไม่อยู่ ควรขับช้าๆด้วยเกียร์ต่ำ เมื่อผ่านบริเวณน้ำท่วมไปแล้ว ควรจะลองเบรกดู ว่ายังใช้ได้หรือไม่ โดยเหยียบเบรกหลายๆครั้ง เพื่อไล่น้ำ จนกระทั่งมั่นใจว่าเบรกใช้งานได้ตามปกติ








6. ขณะขับรถขึ้นเขา หรือขึ้นสะพานสูง เครื่องยนต์จะทำงานหนัก เพราะความสูงของถนนที่ลาดชัน จะทำให้รถไหลลง ดังนั้นจึงควรจะลดเกียร์ ใช้เกียร์ต่ำ แต่ถ้าบังเอิญเครื่องดับเพราะรถขึ้นไม่ไหว จะต้องรีบเหยียบเบรกและดึงเบรกมือช่วย ถ้าเป็นรถหนัก จะต้องใช้ไม้หนาๆ หนุนล้อทั้ง 4 ล้อด้วย เพื่อป้องกันรถไหล



7. ขณะขับรถลงเขา หรือลงจากสะพานสูง ความเร็วของรถจะสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีโอกาสจะเป็นอันตรายได้ จึงต้องขับอย่างระมัดระวัง ควรจะลดเกียร์ ใช้เกียร์ต่ำ และเหยียบเบรกเป็นระยะ ขณะขับรถลงเขา ห้ามใช้เกียร์ว่าง ขณะขับรถลงเขา



8. ขณะขับรถขึ้นเขา หรือลงเขา จะต้องห้ามขับแซง เพราะผู้ขับขี่จะมองไม่เห็นรถคันที่สวนมา หรือถึงแม้จะมองเห็น แต่จะควบคุมรถในขณะนั้นได้ยาก



9. หากเกิดอุบัติเหตุรถเสีย ให้นำรถเข้าจอดข้างทาง หรือในที่ที่มีแสงสว่างที่จะให้รถผ่านไปมามองเห็นได้ชัด จะต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน(ไฟกระพริบ)เพื่อเตือนให้รถคันอื่นเห็น หากไฟฉุกเฉินเสีย ให้ใช้ไฟฉายหรือจุดโคมไฟ หรือถ้าจำเป็นให้ใช้กิ่งไม้กองไว้ วางห่างจากด้านหน้าและด้านหลังรถพอสมควร เพื่อเตือนให้รถที่วิ่งผ่านไปมา สังเกตเห็นได้ง่าย หากเป็นเวลากลางคืน จะต้องใช้กิ่งไม้ก่อเป็นกองไฟไว้ ให้ห่างจากหน้ารถ และหลังรถพอสมควร แต่จะต้องระวังเรื่องควันไฟ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของรถคันอื่น







# 05 ไฟฉุกเฉิน








ตามหลักสากล การใช้ไฟผ่าหมาก หรือไฟกะพริบ หรือไฟฉุกเฉิน จะใช้เพื่อแจ้งให้รถคันหลังทราบว่า มีรถเสีย หรือมีเหตุฉุกเฉินอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อจะต้องการให้รถคันหลังแซงหน้าขึ้นไปก่อน โดยรถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินนี้ จะต้องนำรถเข้าจอดข้างทาง(หากทำได้) เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร



แต่ มีผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อยที่ใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ยังไม่ถูกต้อง เช่น



1. เมื่อถึงสี่แยกแล้วต้องการ "ตรงไป" บางท่านก็จะเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อเตือนรถคันอื่นที่ร่วมใช้สี่แยกเดียวกันทราบ ….แบบนี้จะ อันตราย เพราะผู้ขับรถคันที่แล่นมาทางซ้ายของรถคันที่เปิดไฟฉุกเฉิน จะเห็นแค่ไฟกะพริบด้านหน้าซ้ายเพียงมุมเดียว จึงอาจจะเข้าใจว่า ผู้ขับรถคันที่เปิดไฟฉุกเฉิน กำลังจะเตรียมเลี้ยวซ้าย จึงไม่ได้ชะลอความเร็วลงขณะแล่นผ่านสี่แยก ทำให้ชนกับคันที่เปิดไฟฉุกเฉินที่แล่นผ่านสี่แยก


วิธีปฏิบัติที่ปลอดภัยและถูกต้อง เมื่อจะผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร คือ ชะลอความเร็วของรถลง มองซ้ายมองขวาอย่างรอบคอบ แล้วจึงขับรถตรงไป และอาจจะเพิ่มการเปิดไฟส่องหน้าให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายด้วยก็ได้



2. เมื่อฝนตกหนัก หมอกลงจัด หรือทัศนวิสัยไม่ดี บางท่านก็จะเปิดไฟฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ขับรถคันที่ตามมาเกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นรถที่จอดอยู่เฉยๆ หรือถ้ามีรถยนต์คันอื่นจอดเทียบอยู่ในบางมุมของรถ ไฟกะพริบ 2 ดวงด้านท้ายหรือด้านหน้า ก็อาจจะทำให้มองเห็นเป็นไฟเลี้ยวดวงเดียว ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้


วิธีปฏิบัติที่ปลอดภัยและถูกต้อง เมื่อฝนตกหนัก หมอกลงจัด หรือทัศนวิสัยไม่ดี คือ ผู้ขับขี่ ควรจะเปิดไฟหน้าหรือไฟหรี่ และขับโดยใช้ความเร็วต่ำอย่างระมัดระวัง หรือจอดหลบข้างทางแล้วเปิดไฟฉุกเฉินไว้







# 06 หมอนพิงศีรษะ



ลักษณะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้รับความสนใจมานาน จากวิศวกรและแพทย์ที่ทำงานด้านความปลอดภัยในรถยนต์ มักเป็นการชนทางด้านหน้า (Frontend Collision)



แต่ในระยะหลัง ความสนใจต่อการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ ที่เกิดจากการถูกชนทางด้านหลัง (Rear-end Collision) ได้เพิ่มมากขึ้น



การถูกชนทางด้านหลัง อาจจะทำให้เกิดการฉีกขาดของเอ็นยึดกระดูกต้นคอ จากการสะบัดไปมาของลำคอ ซึ่งคล้ายกับการสะบัดแส้ จึงเรียกการบาดเจ็บชนิดนี้ว่า Whiplash Injury



สภาพเมื่อถูกชนจากด้านหลัง ถ้าถูกชนอย่างรุนแรง ตัวรถที่หยุดนิ่งอยู่จะได้รับแรงมากระทำ ให้พุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรงทันที ทำให้เกิดความเร่งขนาดสูง มากระทำต่อตัวรถ ...ความเร่งนี้จะถ่ายทอดมาที่เบาะรถด้วย ทำให้ลำตัวผู้ขับขี่พุ่งไปข้างหน้ากะทันหันอย่างแรง ในขณะที่ศีรษะของผู้ขับขี่ ที่มีความเฉื่อยอยู่ ซึ่งจะนิ่งอยู่ในช่วงแรก



ผลรวมที่เกิดขึ้น จากการที่ลำตัวพุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่ศีรษะอยู่นิ่ง ทำให้เกิดการเงยคออย่างรุนแรง แล้วศีรษะก็จะสะบัดกลับไปยังข้างหน้าอีกครั้ง (ดูภาพประกอบ)







เหตุการณ์เช่นนี้ จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียง 0.2 วินาที ผลที่ตามมา ก็คือ เอ็นยึดกระดูกคอฉีกขาด และทำให้เกิดอาการปวดต้นคออย่างรุนแรง



พระเอกในรถ ที่รู้จักกันดี คือ เข็มขัดนิรภัย จะมีบทบาทสำคัญในการล็อกลำตัวผู้ขับขี่ ไว้กับที่นั่ง ไม่ให้พุ่งไปข้างหน้า



พระรองในรถ คือ หมอนพิงศีรษะ นั่นเอง


เหตุผลเพราะ แม้ลำตัวจะถูกยึดติดอยู่กับเบาะก็ตาม แต่เนื่องจากเบาะและตัวรถพุ่งไปข้างหน้า ศีรษะของผู้ขับขี่ที่ไม่มีอะไรรองรับ ก็จะสามารถแกว่งกลับมาข้างหลังอย่างแรงได้ แต่ถ้ามีหมอนพิงศีรษะรองรับไว้ ก็จะช่วยทำให้คอไม่หงายกลับมามากเกินไป จนถึงขนาดเป็นอันตราย




Head restraint ไม่ใช่ Head rest


ผู้เชี่ยวชาญทางอุบัติเหตุ ได้เขียนถึง การปรับหมอนพิงศีรษะไว้อย่างน่าสนใจว่า


ยังมีความเข้าใจผิดอยู่ เกี่ยวกับเรื่อง Head rest ที่จริงแล้วหมอนพิงศีรษะ มีชื่อจริงว่า Head restraint เพราะถ้าเมื่อใด มันถูกใช้เป็นตัว Rest คอ เมื่อนั้นก็จะผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากจริงๆแล้ว มันถูกออกแบบมา เพื่อเป็นตัวให้ Restraint ต่างหาก ซึ่งหมายถึง การให้ความปกป้องต่อศีรษะและคอนั่นเอง



แต่ถ้ามันถูกปรับให้ต่ำลงเพื่อจะหนุนคอให้สบาย มันจะกลายสภาพเป็นจุดหมุนต่อต้นคอทันที นั่นคือ ศีรษะจะสามารถสะบัดไปด้านหลังได้ โดยมีหมอนพิงศีรษะเป็นตัวค้ำอยู่ที่คอ ทำให้ศีรษะสะบัดไปข้างหลังได้ดีและแรงยิ่งขึ้น



ปรับอย่างไร ให้ถูกต้อง


เมื่อผู้ขับขี่ ควรจะปรับหมอนพิงศีรษะให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพราะมันจะป้องกันไม่ให้ศีรษะสะบัดไปด้านหลังอย่างรุนแรง ภาพด้านล่าง แสดงให้เห็นถึงการปรับโดยมีระยะ Backset และ Height







จากการทดลองเชื่อว่า ระยะที่ดีที่สุดในการป้องกันคือ ปรับความสูงของหมอนพิงศีรษะ ให้สูงกว่าปลายบนสุดของใบหู และจะต้องมีระยะห่าง Backset ให้น้อยกว่า 10 ซม.



และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า การออกแบบลักษณะหมอนพิงศีรษะ ในหลายๆ รุ่น จะมีการทำให้งองุ้มมาด้านหน้า เพื่อที่จะให้อยู่ใกล้ศีรษะมากที่สุด



การตรวจสอบตำแหน่งง่ายๆ ก็คือ ถ้าพิงตัวลงไปที่เบาะนั่งอย่างเต็มที่ แล้วศีรษะด้านหลังส่วนที่เป็นกะโหลกแข็งๆ สัมผัสกับหมอนพิงศีรษะ แสดงว่าปรับได้ตำแหน่งที่ปลอดภัยแล้ว แต่ถ้าพิงแล้วหมอนมารับที่ท้ายทอยอย่างสบายๆ เท่ากับว่า ปรับตำแหน่งหมอนต่ำเกินไป



อุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกันเสมอ และไม่ต้องเน้นกันอีกแล้ว ก็คือ เข็มขัดนิรภัย ถ้าปรับหมอนดีแล้ว แต่ลำตัวผู้ขับขี่ยังพุ่งไปข้างหน้าได้ …..ก็จะมีประโยชน์อะไรเล่า







# 07 สัญญาณไฟท้ายรถบรรทุก








เมื่อเราขับรถออกต่างจังหวัด เราจะสังเกตว่า รถบรรทุกมักจะชอบส่งสัญญาณไฟกระพริบหลายจังหวะให้เราทราบ ซึ่งแม้ว่าสัญญาณไฟเหล่านี้จะไม่ถือเป็นสากล แต่รถบรรทุกหลายคัน ก็นิยมที่จะทำสัญญาณ ในความหมายที่ต้องการจะสื่อเหมือนๆกัน ผู้ขับขี่จึงน่าจะรู้ไว้ใช่ว่า เกี่ยวกับสัญญาณไฟเหล่านี้



เราเป็นฝ่ายขับตามรถบรรทุก ให้สังเกตไฟท้ายของรถบรรทุก


1. เปิดไฟเลี้ยวซ้ายที – ขวาที สลับกัน เป็นสัญญาณว่า “ให้ระวัง” เขาอาจจะเบรก หรือบอกว่าข้างหน้าอาจจะมีด่าน หรือมีอุบัติเหตุ หรือมีรถข้างหน้าเขาเกิดเบรกกะทันหัน ขอให้เราขับตามไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบแซงเป็นอันขาด



2. เปิดไฟฉุกเฉิน คือ หากอยู่ใกล้ทางแยก เป็นสัญญาณว่า เขากำลังจะขับตรงไป หากเปิดไฟฉุกเฉินหลังจากที่เปิดไฟเลี้ยวซ้ายที – ขวาที สลับกัน ก็เป็นสัญญาณว่า “ฉันกำลังจะหยุดรถ”



3. เปิดไฟซ้ายอย่างเดียว กรณีที่รถเราวิ่งตามอยู่ และรถเขาไม่ได้เตรียมจะจอด เป็นสัญญาณว่า “เชิญแซงขึ้นไปได้เลย” หากถนนที่วิ่งเป็นเลนสวน แสดงว่า “ข้างหน้าไม่มีรถสวน แซงได้ ไม่ต้องกลัว”



4. เปิดไฟขวา อาจเปิดค้างไว้หรือเปิดเป็นจังหวะ กรณีที่รถเราวิ่งตามอยู่ เป็นสัญญาณว่า “ฉันไม่ให้แซง ฉันกำลังจะแซงรถคันหน้า หรือฉันกำลังจะเลี้ยวขวา” หากถนนที่วิ่งเป็นเลนสวน แสดงว่า “กำลังมีรถสวนมา อย่าเพิ่งแซง” ให้รอจนกว่าเขาจะแซงไป หรือรอจนกว่าเขาจะเปิดไฟเลี้ยวซ้าย




การขับรถตามกันไปนี้ เมื่อเราแซงขึ้นไปจนพ้น เขาอาจจะส่งสัญญาณตามมาให้อีก ดังนี้



5. จังหวะที่เรากำลังตีคู่กัน หากเป็นเวลากลางคืน เขาจะเปิดไฟสูงให้เราเห็นทางข้างหน้า และลดไฟลงต่ำ เมื่อเราแซงพ้น หรือบางคันอาจจะปิดไฟหน้า เป็นสัญญาณว่า “คุณแซงพ้นแล้ว ให้เข้ามาในเลนได้” แต่หากเป็นในเวลากลางวัน เขาจะกระพริบไฟ 1 ครั้ง หรือบีบแตรสั้นๆ 1 ครั้ง



6. เมื่อเราแซงขึ้นไปในระดับเดียวกันกับเขา เราอาจจะบีบแตรสั้นๆ 1 ครั้ง เป็นการขอบคุณเขา ซึ่งเขาเองก็จะบีบแตรตอบกลับมา 1 ครั้งเช่นเดียวกัน









การขับรถสวนกัน ให้สังเกตไฟหน้าของรถสิบล้อ


7. ดับไฟหน้าแล้วเปิด เป็นสัญญาณว่าทางข้างหน้าของเรา ที่เขาเพิ่งขับผ่านมานั้น “มีด่าน หรือมีอุบัติเหตุร้ายแรง ให้ระวัง”



8. กระพริบไฟหน้า บางทีแค่เป็นการทักทาย หรือช่วยเช็คว่า เราหลับในหรือเปล่า? หรือเป็นการถามว่า ทางที่เราเพิ่งผ่านมามีด่านหรือเปล่า? หากทุกอย่างเรียบร้อยดี ให้กระพริบไฟตอบไป 1 ครั้ง



9. กระพริบไฟหน้าแล้วเปิดไฟเลี้ยวมาทางเรา เป็นสัญญาณว่า “มีด่านอยู่ฝั่งเรา ข้างหน้า”



10. กระพริบไฟหน้าแล้วเปิดไฟเลี้ยวไปทางเขา เป็นสัญญาณว่า “มีด่านอยู่ฝั่งเขา ข้างหน้า”



11. กรณีที่เขาขับมาเป็นขบวน ให้สังเกตรถลำดับที่ 2 ในแถวไว้ให้ดี หากรถลำดับที่ 2 หรือคันต่อๆไปในแถวที่สวนมา กระพริบไฟ หรืออาจเบี่ยงหัวออกมานิดหนึ่ง แล้วกระพริบไฟ เป็นสัญญาณว่า “รถคันแรกในขบวน ขับช้า ฉันจะแซงออกมาแล้วนะ” เราเองต้องชะลอความเร็วลง และระวังให้มาก เพราะส่วนใหญ่เมื่อกระพริบไฟเสร็จ เขาจะหักหัวออกมาทันที




แหล่งที่มาของข้อมูล เรื่อง สัญญาณไฟท้ายรถบรรทุก นำมาจาก นิตยสาร “สุดสัปดาห์” ฉบับที่ 562 วันที่ 1 กรกฎาคม 2549







# 08 รถตกน้ำ








เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในน้ำ หรือตกลงไปในลำคลอง ปกติรถจะไม่จมน้ำลงไปที่พื้นล่างของน้ำทันที ไม่เหมือนกับหินตกน้ำ แต่จะค่อยๆจมลงทีละน้อยๆ จนในที่สุดก็จะถึงพื้นล่าง



ในช่วงนาทีวิกฤตนั้น จะเพิ่งโวยวายหรือเสียสติตามคนอื่น ควรจะตั้งสติให้ดี เพื่อจะหาทางรอด ดังนี้



1. ปลด Safety Belt ออก และควรจะสั่งให้คนอื่นถอดออกด้วย



2. อย่าเพิ่งออกกำลังแรงเพื่อหวังจะผลักประตูรถออกไป เพราะขณะนั้นน้ำที่ล้อมรอบตัวถังรถอยู่ จะมีน้ำหนักมากกว่าอากาศภายในรถ จะทำให้ไม่อาจมีใครผลักประตูรถออกไปได้ แม้หากจะมีใครสามารถผลักประตูรถออกไปได้จริงๆ พลังของน้ำอันมหาศาลก็จะไหลทะลักราวกับน้ำป่าเข้ามาภายในรถทันทีและอย่างรุนแรง จนอาจทำให้คนภายในรถถึงกับหมดสติ เหมือนกับถูกหินหล่นทับก็ได้


ทางที่ดี ควรจะสงวนแรงและสงวนอากาศหายใจซึ่งมีอยู่จำนวนจำกัด เพื่อการหนีออกเมื่อเปิดประตูรถได้ ….จะดีกว่า



3. ระหว่างนั้น พยายามปลดล็อกประตูรถทุกบาน



4. พยายามยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำ เพราะน้ำจะค่อยๆเอ่อขึ้นมา แทรกเข้ามาในรถเพิ่มมากขึ้น และควรจะบอกให้คนอื่นยกส่วนศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำด้วย …ถ้าน้ำเข้ามาในรถได้ทีละน้อย กว่าที่น้ำจะเข้ามาจนเกือบเต็มคันรถ ก็คงจะใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน



5. เมื่อน้ำเข้ามาใกล้จะเต็มคันรถแล้ว ความดันภายในรถก็จะมากเกือบเท่าภายนอกรถ ตอนนี้ถ้าจะออกแรงผลักประตูรถออกไปแรงๆ ประตูรถก็จะเปิดออกได้



6. จากนั้นก็ดำน้ำออกจากห้องโดยสารรถ และหาทางลอยตัวขึ้นเหนือน้ำ




ในกรณีที่น้ำลึกหรือน้ำขุ่น อาจจะมองไม่เห็นว่า ทิศใดอยู่เหนือน้ำ เพราะว่ายังงงอยู่ หรือเพราะน้ำขุ่นจนมองไม่เห็นทาง ไม่ควรจะว่ายแบบสุ่มเดา เพราะอาจจะว่ายไปทางทิศที่ไม่ใช่ขึ้นเหนือน้ำ



กรณีเช่นนี้ ควรจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือจะลองเป่าปากดูว่า ฟองอากาศลอยขึ้นไปทางทิศใด ก็ให้ว่ายไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไป …ก็จะไม่มีอาการหลงน้ำ



7. และก่อนที่จะว่ายออกจากตัวรถ หากมีผู้โดยสารที่เป็นเด็ก ก็อาจจะหนีบเด็กออกมาได้ 1-2 คน







# 09 ยางรถระเบิด








เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ยางรถระเบิด ขณะขับรถอยู่ ควรปฏิบัติดังนี้


1. มือทั้งสองจะต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง ถอยเท้าออกจากคันเร่งทันที


2. ควบคุมสติอย่าตกใจ มองกระจกหลังเพื่อให้ทราบว่า จะมีรถใดตามมาหรือไม่ และอาจจะกดแตรเป็นสัญญาณร่วมด้วยก็ได้


3. แตะเบรกอย่างแผ่วเบา และถี่ๆ ห้ามแตะเบรกอย่างแรงเต็มที่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถหมุน


4. ห้ามเหยียบคลัตช์โดยเด็ดขาด เพราะถ้าเหยียบคลัตช์ รถจะไม่เกาะถนน รถจะลอยตัว และจะทำให้บังคับรถได้ยากขึ้น เนื่องจากการเหยียบคลัตช์จะเป็นการตัดแรงบิดของเครื่องยนต์ให้ขาดออกจากเพลา


5. ห้ามดึงเบรกมือโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถหมุน


6. เมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณ ให้ยกสัญญาณไฟเลี้ยว เข้าข้างทาง


7. เมื่อความเร็วลดลงระดับควบคุมรถได้ ให้เปลี่ยนเกียร์ต่ำลง แล้วหยุดรถ





ข้อสังเกตเมื่อยางรถระเบิด ไม่ว่ายางรถด้านใดจะระเบิด จะล้อหน้าหรือล้อหลังก็ตาม หากระเบิดด้านซ้าย รถจะแฉลบไปทางด้านซ้ายก่อน แล้วก็จะสะบัดกลับ และจะสะบัดไปด้านซ้ายอีกที สลับกันไปมา ในทำนองเดียวกัน หากระเบิดทางด้านขวา รถก็จะเกิดอาการกลับเป็นทางตรงกันข้าม



อุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นส่วนมากก็คือ หากยางรถระเบิดในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงมากๆ พอยางระเบิดขึ้น รถก็จะกลิ้งทันที จะช่วยอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นการขับรถที่ใช้ความเร็วสูงมากๆ จึงมักจะแก้ไขอะไรไม่ค่อยได้



เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตเช่นนี้ จึงควรจะขับรถทางไกล โดยจำกัดความเร็ว ไม่เกิน 100 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เป็นดีที่สุด …


เพราะนอกจากจะถูกกฎจราจร และไม่เปลืองน้ำมันแล้ว ยังจะรักษาทั้งชีวิตรถ และชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคนอีกด้วย







การขับรถเร็วๆ หลวงพ่อคูณ ยังเคยบอกขำๆว่า

“ กู กระโดดลงจากรถของมัน ตั้งแต่ถึง 90 ...แล้วละโว๊ย!! ”














โดย yyswim




 

Create Date : 12 เมษายน 2550
46 comments
Last Update : 12 เมษายน 2550 10:18:58 น.
Counter : 6256 Pageviews.

 


บล๊อกเรื่องนี้เขียนยาวไปหน่อย แต่เห็นว่าเนื้อเรื่องดี เหมาะกับบางท่านที่อาจจะต้องเดินทางไกล ...ผมก็เลยเขียน แบบไม่อั้นข้อมูล


หากเพื่อนๆจะอ่านไม่จบ หรือไม่ว่าง ...อิอิ หรือไม่ชอบอ่าน ...ก้อไม่เป็นไร นะครับ


คือ ผมหวังลึกๆ ว่า อาจจะให้ประโยชน์กับเพื่อนบางท่าน สักคน หรือสองคน ...ผมก็เอาแล้ว...ชื่นใจแล้ว



เรื่องแนวรถยนต์เนี่ย....ผมเคยเขียนมาแล้วครั้งหนึ่ง เขียนในยุคแรกของการเริ่มเขียนบล๊อก โน่นเลย


หากใครอยากจะอ่านซ้ำ ว่า มันเขียนเรื่องอะไร ลองกดที่นี่นะครับ เดี๋ยวก็รู้ ...อิอิ


 

โดย: yyswim 12 เมษายน 2550 10:35:44 น.  

 

ข้อมูลดีมากๆเลยค่ะคุณสิน

แต่คงไม่ได้ไปไหน ช่วงวันหยุดนี้

ทำงานทุกวันเลยค่ะ

ขอให้อุบัติเหตุน้อยๆเถอะ สาธุ

 

โดย: random-4 12 เมษายน 2550 11:03:26 น.  

 

วันหยุดนี้คงต้องเดินทางอีกแล้วค่ะ

 

โดย: เสลาสีม่วง (เสลาสีม่วง ) 12 เมษายน 2550 12:20:23 น.  

 

วันก่อน ขับรถแล้วฝนตกหนักมาก
ขาวไปหมด
เลยตัดสินใจจอดข้างทาง
รอฝนซาลงหน่อย
สำหรับตัวเอง
ถ้าเกิดไม่แน่ใจในการขับรถไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร
คิดว่าควรตัดสินใจจอด น่าจะดีที่สุด

เรื่องวันนี้มีประโยชน์มากค่ะ
แต่เกรงว่า เพื่อนๆ ที่ออกเดินทางไกล จะออกเดินทางกันไปแล้วน่ะสิคะ
^^

 

โดย: I am just fine^^ 12 เมษายน 2550 13:55:51 น.  

 

มีประโยชน์ เข้ากับช่วงเวลานี้เป๊ะเลยครับ

ได้มีการเซฟเก็บไว้อีกแน่นอน


ป.ล. ผมก็ชอบโฆษณานมโฟร์โมสต์นะ ผมว่ามันไม่ได้หวาดเสียวอะไรนักหนาหรอก ผมก็เขียนให้มันเว่อร์ๆ ไปอย่างนั้นแหละครับ

ผมว่ามันดูว่าคนเรามีน้ำใจเอื้อเฟื้อกันเสียด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังอยากแซวโฆษณานี้อยู่ดี

 

โดย: คนทับแก้ว 12 เมษายน 2550 14:00:44 น.  

 



ก้าวเข้าสู่ ปีใหม่ ด้วยใจรอ

จงมุ่งหน้า อย่าท้อ อย่าถดถอย

เหมือนเวลา ยังเดินหน้า ไม่มาคอย

อดทนนิด ฝืนสู้หน่อย จะดีเอง สวัสดีปีใหม่ไทยครับ




ดี ๆๆ

 

โดย: somnumberone 12 เมษายน 2550 14:35:18 น.  

 

ขอบคุณมากได้ความรู้มากคับ ส่วนตัวแล้วต้องขับและขี่ทางไกลบ่อยคับ
จะได้เอาสิ่งที่อ่านไปใช้งาน

 

โดย: aeann 12 เมษายน 2550 14:56:45 น.  

 

ข้อมูลเยอะมาก แต่อ่านผ่านๆน่ะท่านสิน(อ่านละเอียดตรงรถตกน้ำ) เพราะว่าเคยมีเพื่อนรวมงานคนหนึ่ง ขับรถไปส่งคนงานตอนเลิกงาน แน่นอนว่าคนงานมักจะดื่มเหล้าเป็นประจำหลังเลิกงาน เพื่อก็ดันดื่มเข้าไป ขากลับคงจะมึน+รีบเร่งเพื่อให้ถึงบ้านเร็วๆ ปรากฎว่ารถดันไปตกคลอง ...
ไม่มีปาฎิหารครับ ตาย ครับ
ถึงเพื่อนร่วมงานคนนี้มาอ่าน blog นี้ก็คงจะรอดยากครับ เพราะเค้าว่ายน้ำไม่เป็นครับ ถึงว่ายน้ำเป็นก็ใช่ว่าจะรอกอีกน่านแหละ เพราะคนงานบอกผมว่า เบียร์หมดไปเป็นลัง

----------------------------

พอดีว่า ขับรถยนต์ไม่เป็น
เอ๋! จะว่าไปก็ไม่เชิงขับไม่เป็นหรอกนะ
ตอนเป็นนายช่างทำถนนอยู่แถวๆตรัง ก็มีรถให้ใช้หน้างานอยู่คันหนึ่ง เถ้าแก่บอกว่าให้เอามาให้ฝึกขับ
ก็ฝึกอยู่จนพอที่จะขับตรวจงานถนนได้

แต่ว่าด้วยความที่มักชอบหลับใน 2ปีขับรถลงข้างทางบ้าง ลงคูน้ำบ้าง ไม่มากมาย แค่ 5 ครั้ง เท่านั้น อิๆ ดีว่ารถมันเป็นรถเก่าเอาไว้ใช้หน้างาน ความเสียหายก็เลยไม่ค่อยผิดหูผิดตาเถ้าแก่มากนัก แถมเวลารถลงคูข้างทางก็ ว.ให้พวกลูกน้องที่ขับรถตัก รถเกรด รถ10ล้อ มาช่วยกันลากขึ้นไป.... นี่ขนาดถนนส่องกล้องเอง ให้ระดับเอง สร้างเอง แถมยังไม่เปิดให้รถอื่นได้ใช้งาน ยังขับลงข้างทางบ่อยเลย ขื่นถนนเปิดให้รถวิ่งกัน มีหวัง...

พอเลิกเป็นนายช่างทำถนนก็เลยไม่ขับรถยนต์อีกต่อไปเลย ... นี่ก็เกือบ 10 ปีแล้วที่ไม่ได้จับพวงมาลัย ทุกวันนี้จะมีก็แต่ยิงมาลัย (ฮา)

ปล. พักหลังอย่าว่าอย่างโน่นอย่างนี้เลยครับ ผมเริ่มจะต่อต้านคนใช้รถยนต์แบบเกินความพอดีแล้วล่ะครับ รถยนต์หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้โลกร้อนขึ้นน่ะครับ


 

โดย: merf1970 12 เมษายน 2550 14:59:25 น.  

 


และประเพณีที่ทุกคนชื่นชอบ...คือการเล่นสาดน้ำไง....
ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ
ช่วงนี้ป้าอาจจะผลุบๆโผล่ๆนะคะ
มีหน้าที่ต้องดูคุณป้าแมวอย่างใกล้ชิดอ่ะค่ะ
ช่วงนี้พอดีพี่ขวัญอยู่บ้านเลยรีบมาอัพบล๊อกซะก่อน
***รักและคิดถึงทุกๆคนนะคะ***
ป้าชอบรถสีแดงอ่ะ..อิ..อิ..อิ

 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 12 เมษายน 2550 16:11:57 น.  

 

เรื่องดีมีประโยชน์มากค่ะคุณสิน จะ save เอาไว้เวลาขับรถทางไกลในวันข้างหน้า
บ่ายนี้ขับรถไปจอดแถวถนนใหญ่ รถทะเบียนกรุงเทพฯ วิ่งมาเป็นสาย สงสัยว่าจะออกกันตอนเช้า จะยูเทิร์นแต่ละครั้ง ต้องรอนานมาก พรุ่งนี้เช้าไม่รู้จะมากอีกเท่าไร
แต่ที่ชอบมองคือรถคันสวยๆ ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของ ได้ชื่นชมก็เป็นบุญตาแล้วค่ะ
รูปรถของคุณสินนี่สวยสุดใจเลย ภายในน่านั่งขับมาก รถคุณสินสวยแบบนี้ไหมคะ อยากเห็นจริงๆ อิ อิ

 

โดย: ซออู้ 12 เมษายน 2550 16:19:16 น.  

 

คุณสิน

รถสวยค่ะ
เนื้อเรื่อง เข้ากับเทศกาลเลยนะคะ
ไม่มีรถน่ะค่ะ ขับก็ไม่เป็น กะว่ากลับเมืองไทย จะ ขี่จักรยานใน แคมปัส น้องชายบอกว่า "เดี๋ยวได้ไหม้ตายหรอก บ้านเราร้อนจะตายชัก"

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ

 

โดย: ปอ (O_Sole_mio ) 12 เมษายน 2550 16:34:05 น.  

 


อ่านแล้วได้ควมรู้ดีค่ะ กลัวเรื่องยางระเบิด

สุขสันต์วันปีใหม่ของไทย

นำดอกไม้มาฝากค่ะ


ดอก Wallflower

 

โดย: law of nature 12 เมษายน 2550 18:17:59 น.  

 


สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ หมายถึงสาวๆหน่ะค่ะ

 

โดย: Htervo 12 เมษายน 2550 21:06:19 น.  

 

เรื่องดีๆ มีประโยชน์แบบนี้ ต้องอย่าแค่อ่านแต่ก็ต้องเอาไปปฏิบัติตามล่ะคะ เพราะจะได้ผลมากมายค่ะ ...

พูดเรื่องรถราและการขับรถตามรถบรรทุกนี่ยอมรับเลยนะค่ะว่าน่ากลัว แบบเห็นตามหลังมานี่ต้องเลี่ยงให้พี่เค้าไปก่อนเลย เพราะเคยเจอที ขับมากระชั้นเหลือเกิน เราก็กลัวแบบว่าเบรคเค้าแตกเราจะแย่เอา ...

แอบคิดมาก แต่ก็คิดไว้ก่อนก็ดีอ่ะค่ะ เผื่อเจอ เลยเลี่ยงซะเลย

 

โดย: JewNid 12 เมษายน 2550 23:23:23 น.  

 

โห...ผมน่าจะอ่านที่นี่ก่อน...
ขับรถไม่คล่องอ่ะคับ...
ขอบคุณเด้อ...

 

โดย: Kurt Narris 13 เมษายน 2550 5:06:50 น.  

 

ไปเล่นน้ำกันที่สิงห์บุรีนะ

 

โดย: เสลาสีม่วง (เสลาสีม่วง ) 13 เมษายน 2550 7:55:06 น.  

 

 

โดย: โสมรัศมี 13 เมษายน 2550 9:02:24 น.  

 

อ่านแล้วได้ประโยชน์มากๆเลย เก็บไว้เป็นความรู้ เพราะไม่ได้ขับรถทางไกล สงกรานต์พี่สินไปเที่ยวไหนครับ หรือนอนตีพุงอยู่บ้าน

 

โดย: coming soon (The Yearling ) 13 เมษายน 2550 13:21:16 น.  

 

 

โดย: ทาสบอย 13 เมษายน 2550 15:00:53 น.  

 

ข้อมูลดีๆแบบนี้อ่านคนเดียวไม่พอค่ะ
ขออนุญาตเซฟไว้ส่งอีเมลล์ให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะคะคุณสิน
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

สุขสันต์วันสงกรานต์ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: Petit Patty 13 เมษายน 2550 15:45:41 น.  

 

ไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่ ไม่ขอออกความเห็นแล้วกันเนอะ

ปกติ นั่งรถให้พี่ขับให้ตลอด
แต่ก้อไม่ได้หลับหรอกนะคับ
ต้องมาเล่นกับหลานในรถเนี่ยแหละ
สู้รบปรบมือกัน ซนจิงๆ หุหุ

ปล.สวัสดีปีใหม่ไทยนะคับ

 

โดย: mingky 13 เมษายน 2550 15:47:41 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ

ฝนมาเก็บความรู้ค่ะ การขับรถไกลๆ นี่ไม่ค่อยชอบเลยนะคะ เพราะว่าปวดหลัง ปวดคอ เมื่อยไหล่มั่กๆ แต่ว่ามีรถไปไหนมันก็สะดวกดีค่ะ

 

โดย: Malee30 13 เมษายน 2550 16:20:44 น.  

 

สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ



''ดอก Pieris''

 

โดย: law of nature 13 เมษายน 2550 17:58:16 น.  

 

สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ



''ดอก Pieris''

 

โดย: law of nature 13 เมษายน 2550 17:59:02 น.  

 





สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ คุณyyswim



เที่ยวให้สนุกน่ะค่ะ


 

โดย: icebridy 13 เมษายน 2550 19:15:17 น.  

 





สวัสดีวันปีใหม่ไทยค่ะ
มีความสุขมากๆ พบเจอแต่สิ่งดีๆ
ไปเล่นน้ำก็ดูแลตัวเอง และ สุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: SweetHeart_หวานใจ 13 เมษายน 2550 19:34:07 น.  

 

ถ้าเลือกได้อยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถมากกว่าขับเองเยอะเลยค่า

สวัสดีปีใหม่แบบไทยๆค่ะ

((ไอค่อนสาดน้ำเต็มถัง)) อิอิ

Tikky!

 

โดย: Stricky-rice 13 เมษายน 2550 20:10:51 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยครับพี่สิน มีความสุขมากๆ นะครับพี่ อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

 

โดย: Due_n 13 เมษายน 2550 23:44:45 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ

ข้อมูลแน่นอลังการงานสร้างเหมือนเดิมเลยครับ

 

โดย: นายเบียร์ 14 เมษายน 2550 0:24:25 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยนะคะคุณสิน มีความสุขมากๆนะค่ะ..

 

โดย: แสงไร้เงา IP: 76.105.182.121 14 เมษายน 2550 9:45:18 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ

รถสวยดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม

 

โดย: ตงเหลงฉ่า 14 เมษายน 2550 12:05:33 น.  

 

เมาไม่ขับ กลับแท๊กซี่
ถ้าแท๊กซี่ม่ายมี
ก็นอนตรงที่ ที่คุณเมา สิคะ

Tikky!

ปล. ติ๊กกี้เอาคติสำหรับพวกขี้เมามาฝากค่ะ

 

โดย: Stricky-rice 14 เมษายน 2550 16:10:31 น.  

 

สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ เที่ยวให้สนุกนะคะ

**รูปรถที่ใช้ประกอบบทความสวยดีค่ะ
***แต่ยังไงก็ยังเชียร์ให้มิลานชนะแมนยูอยู่ดี

 

โดย: Nobody know me 14 เมษายน 2550 22:05:29 น.  

 

อืม ขอบคุณครับ ชีวิตผมเนี่ย ขับรถทางไกลเป้นว่าเล่นไปแล้ว เดือนๆนึงเนี่ยขับก็เยอะอยู่ ชีวิตเสี่ยงตายหลังพวงมาลัยมากๆ

ขอบคุณคุณสินนะครับที่เอาเรื่องดีๆมาฝาก

 

โดย: นายเจย์-JaYGUY IP: 124.157.165.78 15 เมษายน 2550 12:03:13 น.  

 

--กำลังค่อยๆอ่านหลายๆหัวข้ออยู่คับ ตอนนี้อ่าน **แม่ชีศันสนีย์*** อยู่คับ

 

โดย: aeann 15 เมษายน 2550 19:19:34 น.  

 



เพิ่งขับรถไปดอยอินทนนท์กับปายมาครับ
ไม่ชอบเป็นคนนั่งเฉยๆ เพราะจะเมารถทุกทีเลย

 

โดย: กะได 15 เมษายน 2550 22:30:58 น.  

 

ไม่ได้แวะมาเยี่ยมคุณสินเสียนาน
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
blog ยังให้ประโยชน์กับคนอ่านอย่าวสม่ำเสมอนะคะ

 

โดย: ladybear 16 เมษายน 2550 0:13:31 น.  

 



ป้าเอาข้าวแช่มาฝากจ่ะ
***เย็นชื่นใจ คลายร้อน..***


 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 16 เมษายน 2550 11:33:19 น.  

 

มาเยี่ยมค่ะ สงกรานต์ไปเที่ยวชายทะเลที่ไหนคะ

วันนี้ตั้งแต่เช้าถนนสายใต้นี่รถติดกันยาวเหยียดเลย ทะเบียนกรุงเทพฯ ทั้งนั้น คงจะรีบไปให้ถึงกรุงเทพฯ ก่อนค่ำ
พอหลุดไฟแดงไปได้ ขับกันแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย สงสัยไม่ได้อ่านคำเตือนของคุณสิน น่าเป็นห่วงพวกเขาจัง
พรุ่งนี้อีกวันนึง รถกลับกรุงเทพฯ คงติดกันยาว ช่วงเทศกลาทีถึงจะเห็นภาพแบบนี้ น่ารักดีเหมือนกันค่ะ

สุขสันต์ตลอดสงกรานต์นะคะ

 

โดย: ซออู้ 16 เมษายน 2550 15:07:55 น.  

 

โอ้ว พระเจ้า กฏที่ดีนี่มันเยอะเหมือนกันนะครับ...
ทั้งแบบสากล และแบบไทยๆ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ นะครับ

 

โดย: biggg 16 เมษายน 2550 15:57:24 น.  

 

นำดอกไม้มาฝากค่ะ



ดอก Weigela

 

โดย: law of nature 16 เมษายน 2550 16:26:52 น.  

 

ผมเชื่อว่าพี่สินจะมีความสุขในช่วงสงกรานต์นี่นะครับ
ผมไม่ได้ไปไหน อยู่กับครอบครัวครับ

 

โดย: basbas 16 เมษายน 2550 19:04:17 น.  

 

สวัสดีค่า
ขอบคุณที่แวะมาอวยพรวันเกิดที่บล็อคเรานะคะ
แล้วก้อสวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
(แอบช้าไปนิดนึง ม่ายว่ากันนะคะ แฮะๆ)

 

โดย: a r i t s u m e m o o n 17 เมษายน 2550 0:16:04 น.  

 





WOW !!
ขอบคุณมากคะ


แอบบบบ กระซิบอีกแย้วววว
สุขสันต์วันสงกรานต์ ขออวยพร
ให้มีความสุขมากๆ ชุ่มฉ่ำ เหมือนสายน้ำคะ เย้ๆๆ ๆ

 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 17 เมษายน 2550 9:44:40 น.  

 

ขับรถไม่เป็นเจ้าคะ

แต่อ่านอันที่รถตกน้ำ เป็นประโยชน์มากเลยคะคุณสิน

สุขสันต์สงกรานต์ย้อนหลัง

ป.ล.ไม่ได้มานานเพราะกลับบ้านคอมพ์ที่บ้านแก่เเล้ว

 

โดย: วาฬอันดามัน 17 เมษายน 2550 10:08:43 น.  

 

ผมเคยขับรถไปเชียงใหม่ครับ ขับสลับกับเพื่อนอีกสองคนๆ ละ 3 ชั่วโมง
แบบว่าถนนมันโล่งอะครับ ผมขับเร็วไปนิดเดียวเอง โดนใบสั่งด้วยครับ
เขาไม่ยึดใบขับขี่แต่เสียค่าปรับตรงนั้นเลย รู้สึกประทับใจ

อ่านเรื่องรถจมน้ำกับรถยางแตกแล้วเป็นประโยชน์ดีครับ

 

โดย: พลทหารไรอัน 5 มิถุนายน 2550 18:15:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.