สัมภาษณ์ THAITICKET
สัมภาษณ์ THAITICKET
บล็อกเรื่องนี้ นำมาจาก บทความเรื่อง Thai Ticket Major ธุรกิจจองตั๋วออนไลน์
เขียนโดย : ณรงค์ รู้จำ
วารสาร อุตสาหกรรมสาร
ปีที่ 52 ฉบับเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2552 หน้า 26 - 28
เมื่อเอ่ยชื่อ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ เชื่อว่าเกือบทุกคนจะนึกถึงการจองบัตรคอนเสิร์ต ซึ่งที่ผ่านมาผู้ให้บริการจองตั๋วรายนี้ ก็ครองตำแหน่ง The greatest of entertainment ticket center ของไทยไปแล้ว ด้วยการบริการทางจุดจำหน่ายกว่า 100 สถานที่ ศูนย์โทรศัพท์ 30 คู่สาย และทางเว็บไซต์ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน
ล่าสุด วิชั่นของผู้บริหารที่นี่ จะยกระดับแบรนด์ให้เป็น Thailand ticket center ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ไปคุยกับ คุณโชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด
เริ่มทำธุรกิจ Ticket booking มาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เราเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2002 ครับ ( 7 ปีมาแล้ว : จขบ.) ตอนนั้นมีบริษัทที่ใหญ่กว่าเรารายหนึ่งที่จำหน่ายตั๋วในระบบออนไลน์อยู่ เราเข้ามาเป็น Second player แต่ตอนนั้นเรามี Market share มีประมาณ 90% ของจำนวนบัตรงานแสดงทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งก็สอดคล้องกับเป้าหมายของเราที่วางไว้ว่า ปี 2002 - 2006 เราจะเป็นผู้จำหน่ายตั๋วด้านเอนเตอร์เทนเม้นท์ที่ดีที่สุดของไทย
ซึ่งเราก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดงานกว่า 100 บริษัท ทั้ง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, อาร์เอส, คลิคเรดิโอ, แมทชิ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์, บีอีซี เทโร เป็นต้น รวมทั้งผู้บริโภคก็รู้จักชื่อเสียงของเราในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ตลาดก็เริ่มอิ่มตัวแล้ว ในปี 2007 ถือเป็นปีที่พีคที่สุดของเรา จำหน่ายตั๋วให้ประมาณ 200 โชว์
มีแรงผลักดันอะไรในปีนั้น
มีละครเวทีของคุณบอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ซึ่งเปิด รัชดาลัยเธียเตอร์ ขึ้นมา แล้วก็สร้างละครเวทีออกมาเรื่อยๆ หลังจากเรื่องแรกที่ขายบัตรได้ดีมากคือ ฟ้าจรดทราย ต่อด้วย ลูกคุณหลวง บัลลังก์เมฆ เป็นโชว์ดี ๆ ทั้งนั้นเลย ตลาดละครเวทีปีนั้น ก็อัพขึ้นมาเป็น 100% ยอดขายบัตรรวมของเราปีนั้น ขายได้ 1.5 ล้านใบ มูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเราคิดว่าตลาดเต็มแล้ว หลังจากนั้นจะเพิ่มหรือลดก็เป็นไปตามวงจรธุรกิจ และคิดว่าในเมืองไทยไม่น่าจะมีโชว์มากกว่านี้เท่าไหร่แล้ว เราก็เลยมองที่การขยายธุรกิจในตลาดอื่น
ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ถือว่าเป็นคนพลิกตลาดโชว์ในเมืองไทยทั้งในด้านผู้จัดและคนซื้อตั๋ว
เราเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคหมดแล้ว เมื่อก่อนการจัดคอนเสิร์ตแต่ละครั้งผู้จัดต้องไปลุ้นในวันก่อนแสดงว่า ขายตั๋วได้เท่าไหร่ แล้วก็ลุ้นอีกทีหน้างานว่า จะมีคน Walk in เข้ามาอีกมั๊ย แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วครับ คนดูประเภท Walk in น้อยมาก วันก่อนเล่น อาจจะมีบ้าง แต่ถ้าเป็นโชว์ดีๆ Sold out ตั้งแต่นับเปิดจองแรกๆแล้ว ที่ดีๆ ไม่ต้องหาเลย วันแรกหมดแล้ว เพราะเราเปลี่ยนพฤติกรรมเขาแล้วว่า ถ้าคุณอยากดูโชว์ที่ดีๆ ที่นั่งที่ดีๆ ต้องจองวันแรก
ธุรกิจรับจองตั๋วในไทยกับต่างประเทศ
ที่จริงประเทศไทย ตลาดจองตั๋วไม่ได้ใหญ่นะครับ ถ้าเทียบระดับโลกหรือในเอเชีย จากข้อมูลที่ทุกปี ผมจะไปสหรัฐอเมริกาเพื่อประชุมร่วมกับ องค์กรตั๋ว (International Ticketing Association) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมเป็นพันคนจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในอเมริกา ลาตินอเมริกา เอเชียก็มีบ้าง อย่างเกาหลี ถ้าเทียบปริมาณการขายตั๋วแล้ว ของเราที่ขายได้ 1.5 ล้านใบต่อปี (ค่าธรรมเนียมการจองตั๋วต่อใบของไทยทิคเก็ต คิดเงิน 10 บาท : จขบ.) เขาขายกันแค่ Weekend เดียว (ยิ้ม) อย่างสหรัฐ เขามีบาสเกตบอล เบสบอล ฮอกกี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงคอนเสิร์ตหรือโชว์ ซึ่งเขายังมีละครบรอดเวย์อีกด้วย
ตั๋วที่ขายดีที่สุดของเขาคือด้านไหนครับ?
กีฬาครับ เพราะแข่งวันเสาร์วันเดียว แต่ก็มีหลายสนาม เกือบทุกรัฐ แล้วพฤติกรรมการซื้อตั๋วของเขาจะเป็นแบบแฟนคลับ คือจองตั๋วปีกันเลย การขายก็มีทั้งทีมขายเอง และผ่านตัวแทนจำหน่ายตั๋ว
ระบบการจองตั๋วต่างกันมั๊ย?
ของเราก็ทัดเทียมกับเขานะครับ เราวาง Infrastructure เป็นระบบ Online Real time โชว์แรกที่ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัว ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ (สมัยนั้นยังเป็น ไทยทิคเก็ตมาสเตอร์) ก็คือ Disney on ice ซึ่งปัจจุบันเราก็ยังทำอยู่ทุกปี
คุณโชคชัยเป็นคนเริ่มต้นที่นี่เลยหรือ?
ครับ ก่อนหน้าที่จะเปิดตัว ไทยทิคเก็ต ผมก็อยู่กับ บีอีซี เทโร มาก่อน ซึ่งเป็นคนจัดโชว์เอง แต่ใช้ระบบฝากขายตามห้าง ตอนนั้นเราเจอเหตุการณ์ Nightmare โหดสุดๆ เลย คือโชว์ กายกรรมกวางเจา เป็นโชว์ยาวเล่นกว่าร้อยรอบ ไปต่างจังหวัดกว่า 10 แห่งด้วย ต้องจ้างพนักงาน 5 คน เขียนตั๋วอย่างเดียวเดือนหนึ่ง (หัวเราะ) แล้วความผิดพลาดก็มี เพราะเป็นตั๋วระบุที่นั่งด้วย สมมติโชว์ที่กรุงเทพฯนะครับ มี 20 รอบ ก็มีตั๋ว 20 ตั้ง รอบหนึ่งมีบัตร 3 ราคา แล้วแบ่งที่ขายประมาณ 10 แห่ง ทั้งที่เซ็นทรัล เดอะมอลล์ โรบินสัน นี่แค่หนึ่งจังหวัดนะครับ (ยิ้มกว้าง) ตอนนั้นเราเริ่มคิดกันแล้วว่า ธุรกิจนี้ถ้าไม่มีระบบคอมพิวเตอร์เข้ามานี่ ทำไม่ได้แน่ ขายตั๋วได้เงินก็สูญไปกับความผิดพลาดในหลายขั้นตอน
ก็เลยถึงเวลาเซตระบบจองตั๋วออนไลน์จริงจัง
ครับ คือผมทราบถึงปัญหาจนรู้สึกว่าต้องมีแล้ว ตอนนั้นเป็น ปี 2000 พอดี คนใช้คอมพิวเตอร์เริ่มมีมากแล้ว แต่การใช้อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย ความเร็วของอินเตอร์เน็ตก็ยังถือว่าช้ามาก แต่เราคิดว่า ยังไงซะก็ต้องทำ ก็ระดมทีมกันเขียนซอฟแวร์ขึ้นมา
เขียนขึ้นมาเองเลย ไม่มีแบบสำเร็จรูปหรือ?
ก็สามารถใช้ของคนอื่นได้ครับ เราเองก็ไปดูมา 3 4 ที่ แต่ต้องบอกว่าไม่ Match กับบ้านเรา ในต่างประเทศนี่ เวลาคุณไปซื้อตั๋ว ยื่นเงินไปแล้วเค้าจะจัดตั๋วให้ คุณไม่มีสิทธิเลือกที่นั่ง แต่ของไทยไม่ได้ ประกอบกับ ณ ตอนนั้น ผู้จัดงานในบ้านเราก็มีไม่กี่ราย ตลาดยังไม่ใหญ่ ดังนั้นโอกาสที่จะคืนทุนจากการลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ซอฟแวร์มาใช้ ซึ่งต้องใช้เงินเป็นหลักสิบล้านบาท แล้วเป็นระบบต่อสัญญา พอหมดสัญญาจะต่อหรืออัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ ก็ต้องเสียเงินอีก คิดแล้วมันก็ไม่คุ้ม สรุปต้องมาเขียนเอง สร้างทีมโปรแกรมเมอร์ขึ้นมาเอง
ยากไหมครับ ใช้โมเดลที่อื่นบ้างหรือเปล่า?
การทำไอทีทุกอย่าง โปรแกรมเมอร์เค้าจะไม่รู้หรอกว่า จะต้องเขียนอะไรเพื่อให้ได้ตรงกับที่ฝ่ายตลาดต้องการ เราก็ต้องจับสองคนนี้มาคุยกันให้รู้เรื่อง ซึ่งตอนนั้นเราก็ผ่านการจัดโชว์มาเป็นร้อยแล้วเหมือนกัน ทีมการตลาด ปฏิบัติการ บัญชี ก็รู้งานกันอยู่แล้ว ก็จับมาคุยกันหมด เขียน Flow chart การทำงานแต่ละฝ่ายให้ลิ๊งก์กันหมด ซอฟต์แวร์โมเดลแรกจึงออกมาได้สำเร็จ ซึ่งเราทำแบบเชิงลึกตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน
แล้วเวลาไปร่วมกับคนอื่นมีปัญหาเรื่องการใช้ซอฟต์แวร์บ้างมั๊ย?
เรื่องนี้เราก็ต้องมีการ Integrate กันว่าแต่ละที่มีระบบอย่างไร ก็ต้องคิด Module ขึ้นมาเพื่อทำให้เชื่อมกันได้กับทุกหน้าร้าน ไม่ว่าจะเป็น เมเจอร์ซีเนเพล็กซ์ ไปรษณีย์ไทย บขส. ซึ่งเราเพิ่งเปิดขายแฟรนไชส์ด้วย ก็จะใช้ซอฟแวร์ตัวเดียวกันนี้
มีกี่แห่งแล้วครับ แฟรนไชส์
ก็มีคนติดต่อเข้ามาเยอะครับ แต่มี 3 ที่ ที่เซ็นสัญญากันแล้ว อยู่ในกรุงเทพฯหมด เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เราไปไม่ถึง
คุณโชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร
การเปิดจุดขายเพิ่มเพราะลูกค้ายังซื้อที่หน้าเคาท์เตอร์มากกว่าอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า?
ใช่ครับ แต่ช่องทางจำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ต ก็โตขึ้นทุกปีนะครับ เพราะเราเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินหลายทางมาก ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต ของธนาคารกรุงเทพ เคาท์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หรือจะเอารหัสไปชำระที่ธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารกรุงเทพ ทั้งที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มก็ได้ พอตอนรับบัตร ก็อยู่ที่ลูกค้าว่า จะให้ส่งทางไปรษณีย์ที่บ้าน หรือมารับหน้างาน ซึ่งที่หน้าเว็บไซต์ของเราจะอธิบายไว้อย่างละเอียดเลย
เคยดูจากเว็บไซต์เหมือนกันก็มีความชัดเจนดี
เราทำเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและวางใจ โดยเฉพาะเรื่องการชำระเงินหรือการคืนเงิน แต่ละปีเราคืนเงินให้ลูกค้าเป็นร้อยล้านบาทเหมือนกัน จากโชว์ที่ยกเลิก ซึ่งก็จะมีทุกปี ปีที่แล้วปิดสนามบินเดือนพฤศจิกายน SM Town ก็ต้องเลื่อน ปีก่อน เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ โดนหมายจับ มาไม่ได้ ซึ่งตั๋วขายหมดแล้ว กำลังคุยเรื่องเพิ่มรอบ ก็ต้องยกเลิก หวังว่าปีนี้ ไม่น่าจะมีนะ (มีครับ คอนเสิร์ต อัสนี วสันต์ ถูกเลื่อนไปเพราะจลาจล : จขบ.)
รวมจุดขายตอนนี้
ประมาณ 100 กว่าจุดครับ ซึ่งถ้าระบบที่เราวางกับไปรษณีย์ไทยเสร็จ คาดว่าสิ้นปีนี้นะครับ ก็จะเพิ่มอีก 1,140 จุด จาก 62 จุด ที่เรามีในกรุง เทพฯ และปริมณฑล ซึ่งทางผู้บริหารของไปรษณีย์ไทยเองก็เห็นศักยภาพของเราตรงนี้ว่า มีการจำหน่ายตั๋วมาก ยิ่งมีสินค้าเข้ามาใหม่ อย่างตั๋วรถทัวร์ ซึ่งเหมาะกับกิจการไปรษณีย์ไทยมาก
เวลาเราไปจับมือร่วมกับใครต่างฝ่ายต้องลงทุนเพิ่มมากมั๊ย?
ก็ไม่ได้เป็น Big investment ที่ต้องคาดว่าจะคืนทุนสูงอย่างนั้น เป็นค่าพัฒนามากกว่า คือ ทางไปรษณีย์ไทยก็อยากวางตำแหน่งตัวเอง เป็นช่องทางบริการแก่ประชาชนในทุกด้านเหมือนกัน
ช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ถ้าเป็นการซื้อ ก็ยังเป็น Walk in ที่จุดขาย แต่ถ้าเป็นด้านข้อมูล เรามีหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซต์, อีเมล์, News letter, Call center อย่างเว็บไซต์วันหนึ่งๆมีคนเข้ามาดูกว่า 8,000 ไอพี ถ้าสมาชิกก็สมัครเป็นล้าน แต่เราจะอัพเดท ใครที่ไม่แอคทีฟ ก็จะเคลียร์ออกทุก 2 ปีครับ ด้านพีอาร์ ตอนนี้ถ้าลองเสิร์ชคำว่า Ticket ใน google ชื่อเราติด 3 อันดับแรก นี่เราไม่ได้จ่ายเงินนะครับ
เรารับทำการตลาดให้กับโชว์ด้วยมั๊ย?
ครับ แต่ตามหลักการและประสบการณ์ที่เจอนั้น การเลือกช่องทางจำหน่ายที่ดีก็เป็นหนึ่งในปัจจัยของความสำเร็จ แต่ที่สำคัญคือ สินค้าต้องดีก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็คงทำโชว์เองขายเองแล้วถ้าคิดว่าขายได้ แต่มันมีปัจจัยอื่นอีก คอนเท้นท์ดี โปรโมทดี อีกอย่างหนึ่งโชว์ที่เราเห็นว่าขายดี แต่ละโชว์นั้นลงทุนไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาททั้งนั้น (อุ แม่ เจ้า : จขบ.)
คุณโชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร
ทุกวันนี้เราเป็นฝ่ายเลือกสินค้าหรือเปล่า?
ไม่ครับ เราเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาเลยครับ ไปทุกเจ้า เราวางตัวเองเป็น Commercial art ไม่ใช่ Pure commercial อย่างเช่นงานของนักศึกษา โรงเรียนสอนเด็ก ซึ่งที่จริงแต่ละโชว์ก็จะมีกลุ่ม Target ของเค้าด้วย เราเองก็ถือเป็นตัวช่วยทางหนึ่ง ไม่อย่างนั้นวงการก็ไม่มีบุคลากรดีๆเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ คนเขียนบท นักแสดง ในส่วนที่เราทำแบบไม่เอารายได้ เชิงบริจาคก็มีเหมือนกัน
ค่าใช้จ่ายในการขายบัตรเราคิดยังไง?
ส่วนมากจะเป็น Commission จากการขาย ขายได้ถึงคิด แล้วก็มีค่า Admin fee บ้าง เป็นต่อครั้ง เพราะช่องทางที่เรามี ก็ต้องใช้เงิน แต่เราทำให้คุณหมด ไม่มีเว็บไซต์เราก็ทำให้ เหมือนคุณอยากจะขายบ้าน จะขายเองก็ได้ แต่ถ้าขายผ่านนายหน้า โอกาสที่คนเห็นก็มากกว่า
ทราบว่ามีการทำตลาดต่างประเทศแล้วด้วย
ครับ ในตลาดต่างประเทศ เราก็มีการทำบัตรส่งไปให้ที่ กัมพูชาบ้าง เช่น คอนเสิร์ตของ Sean Kingston Ronan Keating เราก็ทำส่งไป อีกด้านหนึ่งเราก็จำหน่ายซอฟแวร์ระบบจองตั๋วออนไลน์ด้วย เจ้าแรกที่ใช้ซอฟต์แวร์ของเราคือ มาเลเซีย บริษัท Axcess Sdn. Bhd. ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรเข้าชมงานแสดงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ปกติเขาก็ใช้ซอฟแวร์ของต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ของเรา Match มากกว่าแล้วก็ราคา Reasonable กว่า ซึ่งตอนนี้เรากำลังพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ออกมา Advance ขึ้นไปอีกหลายเท่า
เป็นอย่างไรครับ?
ถ้ามองในด้าน Front end อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก อาจจะเห็นที่นั่งบนมือถือ ช่องทางการชำระเงินอาจง่ายกว่า ซึ่งปัจจุบันก็สะดวกอยู่แล้ว ยังไม่มีใครบ่นว่ายาก แต่ถ้าเป็น Back end จะสามารถทำอะไรได้อีกเยอะเลย เช่น ซื้อตั๋วชม Disney on ice แล้วก็สามารถเสนอขายสินค้าต่อเนื่องได้ ทั้ง ดีวีดีการแสดง ของเล่น เสื้อผ้า หรือการ Insurance Ticket การันตีตั๋ว จองล่วงหน้า 2 เดือน ถึงเวลามาไม่ได้ ทำเรื่องคืนเงินได้เลย 100% (ไม่หักเลย!! จริงๆหรือ : จขบ.)
ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่จะใช้งานเมื่อไหร่ครับ?
ตั้งใจไว้ว่า ภายในปีนี้ น่าจะเริ่มทดลองใช้ได้
ทิศทางการขยายธุรกิจ
คงไม่หยุดนิ่ง เพราะเราอยู่ในเครือของ บีอีซี เทโร และ เมเจอร์ ซีนีแพล็กซ์ กรุ๊ป ซึ่งอยู่ในตลาดหุ้นด้วย (อุ๊บ น่าซื้อหุ้น : จขบ.) ก็ต้องเน้นการเติบโตตลอด ลงไม่ได้ (ยิ้ม) ถึงแม้จะโตมา 3 หลักตลอด (งง จ้า ตรงนี้อะไรหรือคือ 3 หลัก หรือว่า 100 ล้าน : จขบ.) เพียงแต่ต่อไปกราฟอาจจะไม่ชันนักเหมือนก่อน (ยิ้มกว้าง)
ตอนนี้ เราพยายามจะรวบรวมสถานที่จัดงานที่เป็น Local content เช่น สยามนิรมิต ดรีมเวิร์ล และอีกหลายที่ คือทุกวันนี้เวลาคนจะไป ก็คือไปซื้อหน้างาน แต่เราจะทำตลาดให้คุณทางในและต่างประเทศ
ที่ผ่านมา เราลองทำให้ที่ Pattaya Hi5 บัตรท่องเที่ยว 5 แห่ง เป็น Highlight เมืองพัทยา คือ สวนเสือศรีราชา, ทิฟฟานี่, ไทยอลังการ, ทักซิโด, และ ริบลีย์ เราจับมารวมกัน ขายแพก 999 บาท จากมูลค่ารวมกว่า 5,000 บาท (โอว์ ว๊าวส์ แบบนี้ จขบ.ชอบ : จขบ.) แต่เราขายแค่เดือนเดียว จบแล้วเลิกเลย (อ้าวววว!!! : จขบ.) ก็จะมีการจับรวมกันในลักษณะนี้อีกเรื่อยๆ โดยเน้นลูกค้าคนไทยเป็นหลักครับ.
บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด
3199 อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์ ชั้น 27 ถนนพระราม 4
แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุง เทพฯ 10110
โทรศัพท์ 0 2262 3943 - 7 โทรสาร 0 2262 3898
www.thaiticketmajor.com
yyswim
yyswim@hotmail.com
Create Date : 10 มิถุนายน 2552 |
|
12 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 13:45:33 น. |
Counter : 4414 Pageviews. |
|
|
|
|