Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 
องค์ประกอบในการคิดเรื่องสำหรับการ์ตูน

หมายเหตุผู้เขียน:
บทความนี้นำมาข้อความที่ผมได้ลงในเว๊บบอร์ดไทคอมิค และนำมาปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนที่ขาดตกบกพร่องไป ข้อมูลต่างๆที่เขียนได้รับมาจากความรู้ที่เรียนมาจากการคอร์สอบรมเขียนบทภาพยนตร์ ประยุกต์กับบทความในนิตยสารไบโอสโคป ฉบับที่ 10 - 16 เคยได้ลงในเว๊บปกิณกะภาพยนตร์ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างร้างผู้คน เลยนำมาแก้ไขชื่อบทความ และรายละเอียดนิดหน่อย เนื่องจากเห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ์ตูนอย่างแท้จริง เพียงนำเสนอให้นักเขียนการ์ตูนไทยสมัครเล่นกระจ่างขึ้นกับความหมายของคำแต่ละคำ และวิธีคิดเรื่องเท่านั้น

เกริ่นนำ
เคยสงสัยไหมว่าทำไมหลายคนวาดการ์ตูนสวย แต่อ่านยังไงก็ไม่สนุก องค์ประกอบสำคัญในการสร้างเรื่องเพื่อให้น่าติดตามมันมีอะไรซับซ้อนหนักหนาหรืออย่างไร?

เพื่อสร้างความกระจ่างตามกำลังสติปัญญาผู้เขียนจะมีได้ ก็จะขอใช้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนบทภาพยนตร์มาเพื่ออธิบายบทการ์ตูน ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักอ่านการ์ตูน นอกจากนี้ยังมีส่วนในการคิด และเขียนสำหรับนักเขียนการ์ตูนสมัครเล่นของไทยอีกด้วย

ความรู้เกี่ยวกับด้านบทภาพยนตร์นั้นมีประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการ์ตูนอย่างเห็นได้ชัด เพราะการวาดภาพเพื่อเล่าเรื่องราวนั้น ก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์ที่เกิดจากภาพนิ่งหลายๆภาพมาทำให้เกิดภาพเคลื่อนไหวโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม อย่างไรก็ตามการ์ตูนก็มีองค์ความรู้อื่นๆมาประกอบ เนื่องด้วยเป็นสื่อที่มีมิติของหนังสือประเภทนวนิยายมาผสมผสานเช่นกัน ดังนั้นบทความนี้จึงได้ประยุกต์บางส่วนให้เหมาะสมกับการเล่าเรื่องแบบการ์ตูน

สิ่งที่จะนำมาอธิบายเป็นอันดับแรกในตอนที่หนึ่งนี้คือ องค์ประกอบสำคัญในการคิดเรื่อง หมายความได้อีกทางว่า การ์ตูนเรื่องหนึ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้จากสิ่งใดได้บ้างนั่นเอง

องค์ประกอบสำคัญในการเกิดเรื่องมาจาก 4 ปัจจัย ได้แก่


Dragonball


1. แนวคิด (Idea)
หมายถึง จุดเด่น- ความคิดสร้างสรรค์ย่อยอย่างหนึ่งในการสร้างเรื่อง มักเป็นสิ่งแรกๆที่คนจะสังเกตและนึกถึงเวลาอ่านการ์ตูน ดูหนัง เช่น โดราเอมอนมีกระเป๋าวิเศษ ใน Doraemon, การขอพรวิเศษได้ 1 ข้อจากการรวบรวมลูกแก้ววิเศษใน Dragonball , ซาเอบะ เรียวเป็นมือปืนที่ลามกมากซึ่งเกินระดับกว่าที่เราจะคุ้นเคยคนที่มีอาชีพนี้ ใน City Hunter

ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือว่าเงื่อนไขหลักในเรื่อง ถือเป็นไอเดียได้หมดครับ ซึ่งไอเดียของการ์ตูนนั้นเหตุที่สังเกตได้ง่ายเพราะการ์ตูนโดยส่วนใหญ่มีขนาดยาวกว่าภาพยนตร์ ไอเดียของการ์ตูนเรื่องนั้นจึงต้องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนคิดแล้วว่าโดดเด่นจริงๆ จึงได้นำมาใช้ เพื่อตรึงคนอ่านให้ติดตามตลอดนั่นเอง


GTO


2. โครงเรื่อง (Plot)
หมายถึง เช่น ฮันเตอร์x ฮันเตอร์ เป็นเรื่องของกอร์นเด็กซึ่งเข้าไปพัวพันกับองค์กรว่าฮันเตอร์ซึ่งมีความซับซ้อนเพื่อตามหาพ่อ โครงเรื่องโดยรวมของเรื่องจะเป็นการสู้เพื่อโดยไม่ละลดของตัวละครในแบบ "สู้เพื่อฝัน" , GTO เรื่องของนักเลงคนหนึ่งที่กลายมาเป็นครูซึ่งได้ใช้วิธีสอนแบบตนเองแก้ไขปัญหาของนักเรียนทุกคน ฯลฯ

สังเกตได้ว่าพลอตสามารถซ้ำกันได้ขึ้นอยู่ว่าคุณจะเอาไปทำในลีลาแบบไหน เช่น Onepiece ที่มีพล็อตคล้ายกับ Hunter x Hunter ในการตามหาเป้าหมายบางอย่าง แต่ลักษณะไอเดียในการต่อสู้ต่างๆ และบรรยากาศในเรื่องถูกกำหนดขึ้นมาคนละแบบ

ตัวอย่างการนึกถึงพลอตอย่างง่ายๆ ก็คือเมื่ออ่านการ์ตูนเรื่องนั้นจนจบ ให้ลองเล่าเรื่องอย่างย่อๆ ภายในหนึ่งบรรทัด นั่นแหละครับพลอต

หนังบางเรื่องเหมือนไม่มีพลอต เพราะอาศัยการนำเสนอแต่น้อย ราวกับไม่เน้นการเล่า แต่อาศัยการใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ต่างๆ เพื่อสร้างความสมจริง หรืออีกวิธีหนึ่งคือเล่าแบบไม่คำนึงถึงห้วงเวลา ปฏิเสธวิธีแบบตามลำดับที่คนคุ้นเคย ซึ่งจัดเป็นวิธีการเล่าที่มีคนทำน้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ตูนขนาดยาวต้องเรียกว่าไม่มีคนทำ เพราะการตีพิมพ์ในลักษณะหนังสือเป็นส่วนผสมของสื่อชนิดนี้ ย่อมไม่ควรสร้างความสับสนให้คนดูที่ต้องอ่านหลายๆเล่ม


Onepiece


3. แก่น (Theme)
หมายถึง สาระสำคัญหลักของเรื่อง อันนี้ไม่ว่าหนังสือ , เพลง, หนัง ,การ์ตูน ก็มีทั้งนั้น การ์ตูนเรื่องหนึ่งอาจมีสาระหลากหลายมากมายในความบันเทิง การที่มีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องเครียด แต่กลับเพิ่มเนื้อสารเข้าไป ทำให้การ์ตูนสนุกขึ้น ส่วนใหญ่ Theme จะมีลักษณะเหมือนข้อคิดสอนใจ หรืออีกกรณีอาจเป็นสิ่งที่เน้นในเรื่อง (มักเป็นนามธรรม เช่น ความศรัทธา,คุณค่าของชีวิต,ธรรมชาติ,ความสูญเสีย,คุณค่าของเวลา) แล้วให้คนไปคิดเองว่าควรจัดการกับมันอย่างไร

ตัวอย่างของธีมในการ์ตูน เช่น โดราเอมอน มีธีมเกี่ยวกับการแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิต ซึ่งเรื่องแสดงให้เห็นว่าการที่โดเรมอนให้ของวิเศษโนบิตะ ไม่ได้ส่งผลดีเลย นอกจากว่าโนบิตะจะพยายามซะเอง , One Piece ว่าด้วยความฝันที่ไม่ควรละทิ้ง ซึ่งทำให้พวกเขาแต่ละคนที่มีความฝันต่างกันมาพบกัน รวมกัน และเกิดมิตรภาพ กับการผจญภัยมากมาย ฯลฯ

สรุปได้สั้นๆ Theme ก็เหมือนประโยคหนึ่งๆ คล้ายข้อคิดสอนใจซึ่งหนักแน่นเพียงพอที่จะใช้กับเรื่องๆหนึ่ง อาจเป็นสัจธรรมหรือไม่ก็ได้ (ซึ่งอาจจะตรงประเด็นชัดเจน หรือ กำกวมชวนตีความก็แล้วแต่ว่าผู้เขียนอยากนำเสนอข้อคิดนั้นให้ออกมาแบบไหน)

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระมัดระวังก็คือ ขึ้นชื่อว่า Theme แล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะสร้างสรรค์อะไรดีๆให้สังคม การ์ตูนบางเรื่องมี Theme ที่เน้นปัจเจกชนเสียจนละเลยขนบธรรมเนียมและไม่สนใจสังคมรอบข้างเลยหรือแม้แต่กระทั่งเชิดชูคนโกงก็มีให้เห็นเหมือนกัน คนอ่านจะต้องระวังบ้าง คนเขียนก็ต้องมีจรรยาบรรณด้วยเหมือนกัน


Jojo Bizarre Adventure


4. หลักการโดยรวม (Concept)
หมายถึง การปรุงแต่งเรื่องราวทั้งหมดว่าจะให้เป็นไปทางใด เช่น การกำหนดแนวเรื่องเพื่อความเหมาะสมกับพลอต หรือเพื่อสร้างความแปลกใหม่ รวมไปถึงการสร้าง Frame หรือกรอบของเรื่องว่ามีเงื่อนไขต่างๆอย่างไร เข้ากับเวลาและสถานที่ในเรื่องหรือไม่ เช่น ดรากอนบอล คือ การนำไซอิ๋ว มาปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยด้วยสไตล์ที่เคลือบด้วยการ์ตูนตลก แต่เร้าใจด้วยฉากแอ๊คชั่น โดยรวมแล้วเป็นงานแบบแอ๊คชั่น คอเมดี้ ในโลกแฟนตาซีที่กำหนดให้มีลักษณะแบบอนาคตและอดีตปนเปไป ทั้งนี้เพื่อขับเน้นบรรยากาศของโลกของผู้ชายที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและต่อสู้ , หรือ โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ที่แต่ละภาค แต่ละเฟรมในเรื่องก็จะแตกต่างกันไปตามสถานที่,ยุคสมัย, โดยคงส่วนที่เป็นไอเดียสำคัญไว้คือ สแตนด์ (ยกเว้นภาค 1-2) หรือตัวแทนความสามารถพิเศษของแต่ละบุคคล

กรณีการสร้าง Frame นั้นอาจนำมาจากรายละเอียดในชีวิตจริง โดยดึงจากสังคม,วัฒนธรรมต่างๆ และนำมาประยุกต์เพื่อให้เข้ากับความเป็นการ์ตูนที่เราต้องการให้มากที่สุด ถ้ายังไม่นึกไม่ออก ลองนึกถึงภาพยนตร์กันบ้างดีกว่า เพราะการที่หนังแต่ละเรื่องใช้ผู้แสดงจริง ถ่ายจากสถานทีจริงไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำเพื่อความสมจริงเสมอไป เช่น There's Something About Mary ตัวเอกในเรื่องต้องเจ็บตัวปางตาย(ปนทะลึ่ง)ไม่ต่างจากการ์ตูน, Bringing Out The Dead ที่ถ่ายทำเน้นความมืด แม้ในยามกลางวัน และให้ภาพวูบวาบเกินจริงบ่อยครั้งเพื่อสะท้อนสภาพชีวิตบุรุษพยาบาลที่หมดศรัทธา ซึ่งจะนำมาอธิบายอีกทีในส่วนของโครงสร้างของเรื่อง

วิธีกำหนด Concept ง่ายๆ นั้นใช้แนวเรื่องสำหรับวรรณกรรม ที่เรียกว่า Genre(ตระกูล หรือ ประเภท) เช่น Comedy (ซึ่งยังแบ่งย่อยออกได้เป็นอีก เช่น ตลกเจ็บตัว,ตลกเสียดสี,ตลกร้าย,ตลกล้อเลียน), Action (เช่น ผจญภัย,เผชิญหายนะ), ไปจนถึง งานแนวสืบสวน(Suspense),เขย่าขวัญ(Thriller), สยองขวัญ(Horror), เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะผสมผสานหลายแนวทางไว้ด้วยกัน เช่น Rough เป็นหนังตลกที่เน้นเรื่องราวความรักระหว่างชาย - หญิงที่ครอบครัวเป็นปฏิปักษ์ทางฝ่ายพ่อ หนังรักมันซ้อนแนวที่ว่าด้วยการเรียนรู้ ซึ่งก็คือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงเรียนรู้ใจตนเอง ในบรรยากาศแบบหนังวัยรุ่น เน้นไปที่เรื่องราวในโรงเรียนมากกว่าที่อื่น นอกจากนี้ยังผสมกับแนวกีฬาเข้าไปด้วย


Doraemon


กรณีตัวอย่างกับองค์ประกอบในการเกิดเรื่อง: โดเรมอน

เหตุที่ยกตัวอย่างการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครที่เป็นนักอ่านการ์ตูนแล้วจะไม่รู้จักแมววิเศษตัวนี้เป็นแน่แท้ แม้จะเป็นการ์ตูนที่เก่าแต่มีอะไรหลายๆอย่างที่น่าสนใจมากมายจนคงความเป็นการ์ตูนอมตะได้ถึงทุกวันนี้ ก็เลยนำมาใช้อธิบายประกอบเพื่อความกระจ่างยิ่งขึ้น

Idea ไอเดียของโดเรมอนมีมากมาย เพราะเป็นการนำของวิเศษหลากหลายมานำเสนออย่างไม่ซ้ำ แต่ทั้งนี้ไม่ได้คำนึงถึงเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หากแต่เพื่อผนวกเข้ากับพลอตและธีมของเรื่อง จึงใช้ของวิเศษเพื่อช่วยเหลือและตอกย้ำตัวโนบิตะเอง หรือหากจะบอกว่าไอเดียต่างๆเกิดจากไอเดียที่คิดหุ่นยนต์แมวตัวนี้เลยก็น่าจะได้ (ตามคำบอกเล่าเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของผู้เขียน)

Plot ว่าด้วยเรื่องราวหลักๆคือมีผู้วิเศษจากอนาคตมาช่วยแก้ไขเด็กคนหนึ่งในโลกปัจจุบันเพื่อมิให้เป็นคนล้มเหลวในอนาคต, ขณะที่เรื่องที่นำเสนอคนดูเป็นเรื่องราวขยายความจากโครงเรื่องดังกล่าว คือหลังจากที่โนบิตะมีโดเรมอนแล้ว กลายเป็นเรื่องของคนๆหนึ่งได้รับบททดสอบใหม่ๆให้กับชีวิตจากการได้อำนาจ(ของวิเศษ)เพื่อให้ตระหนักในคุณค่าที่ตนเองขาดหาย และเติบโตขึ้นอีกระดับ

Theme เป็นเรื่องของการแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต โดยเรื่องนี้ต้องการบอกว่าไม่มีสิ่งใดสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดของเราได้นอกจากตัวเราเอง เพราะในขณะที่โดเรมอนช่วยโนบิตะด้วยของวิเศษ นิสัยที่ไม่ดีของโนบิตะก็มักลงเอยใช้ของวิเศษนั้นในทางที่ผิดทุกครั้งไป หรือไม่ก็มีอีกประเภทหนึ่งที่เลือกให้โนบิตะสำนึกผิดเองก่อนและเข้าใจหลักที่ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

Concept เป็นการ์ตูนประเภทจบในตอน ผสมผสานแนวตลกหลากหลายแนว ตั้งแต่ ดราม่าเจือตลก,ตลกเจ็บตัว,ตลกเสียดสีสังคม,ไปจนถึงตลกล้อเลียนภาพยนตร์อย่าง Star Wars ก็ยังมี กับแนวไซไฟซึ่งผู้เขียนได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องของไทม์แมชชีนและการย้อนเวลา โดยมีเหตุการณ์อยู่ในช่วงเวลาเดียวกับของผู้เขียนคือ 1969 จนถึงปลายยุค 80s และเพื่อไม่ให้เกิดความน่าเบื่อ โดเรมอนจึงมักมีตอนพิเศษขนาดยาวเพื่อเปลี่ยนแนวทางให้กลายเป็นแนววิทยาศาสตร์-ผจญภัย(Scifi-Adventure) อยู่เรื่อยๆ
อาจกล่าวได้ว่าแนวทางเรื่องของโดเรมอนที่ผสมผสานหลายแนว เพื่อขับเน้นจินตนาการแนวแฟนตาซีของโนบิตะ ที่มีแม่ที่ดุและจู้จี้ขี้บ่นให้มีคนคอยดูแลที่ดี (สังเกตดูว่าโดเรมอนมาอยู่ในบ้านอย่างไม่มีใครต้องเอะใจ) ช่วยจัดการปัญหาทุกอย่างแม้กระทั่งการเลือกคู่ชีวิตทุก ๆอย่างในปัจจัย ๔ ประการนี้ควรมีเหตุมีผลสอดคล้องเหมาะสมกันทั้งหมด เพราะหากจัดวางผิดก็จะทำให้งานขาดความสมเหตุสมผล และไม่สนุกเอาได้ง่ายๆ

องค์ประกอบในการเล่าเรื่องดังที่ว่านอกจากจะช่วยในการอ่านการ์ตูน,ดูหนังสนุกขึ้น(หรือบางคนอาจว่าคิดมากก็แล้วแต่) ยังช่วยในการคิดเรื่องของการ์ตูนด้วย ไม่เชื่อลองนำไปใช้ดู อะไรที่เรายังไม่มีก่อนสร้างเรื่อง อย่าพึ่งไปเขียนทำเนม เพราะจะเสียเวลาค่อนข้างมากในการเขียนการ์ตูนให้จบอย่างสมบูรณ์ลงตัว โดยอาจจะเริ่มจาก Idea ก่อนว่าอยากให้ตัวละครบางตัวมีจุดเด่น จุดด้อยอะไร, บางคนอาจถนัด Theme เรื่องหนึ่ง เช่น ความศรัทธาในชีวิต, ธรรมะชนะอธรรม ก็อาจจะนำเสนอเรื่องหลายๆแนว ใน Theme ที่ถนัด, หรืออาจจะนึกที่จะเล่นพลอตๆ หนึ่งอย่างคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคแม้ไร้ทางสู้ ให้เป็นรูปแบบของตัวเอง( เช่น ถ้าเราคิดแบบซีเรียสมากๆ และต้องการสื่อถึงคนที่ไม่อาจปล่อยวางจากปมชีวิตได้ ก็จะได้ Berserk)เมื่อทราบถึงองค์ประกอบในการสร้างเรื่องแล้ว ในบทต่อไปเราจะพูดในรายละเอียดในโครงสร้างของการ์ตูนกันต่อไปครับ


-----------------------------------------------------------


เชิงอรรถ : เนม หมายถึง การร่างภาพการ์ตูนตามเรื่องที่จะเขียนทั้งหมดก่อนเขียน



Create Date : 07 ธันวาคม 2548
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 18:31:57 น. 24 comments
Counter : 37739 Pageviews.

 
อ่านคร่าวๆนะคะ ไม่ได้อ่านละเอียด (ทำงานอยู่อ่ะค่ะ)
เดี๋ยวนี้ถ้าพูดถึงธีมการ์ตูนส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปทาง ความฝันกับมิตรภาพผองเพื่อนเป็นหลักนะคะ (การ์ตูนเด็กผู้ชายตอนต้น) อย่าง นารุโตะ วันพีช ฮันเตอร์xฮันเตอร์ ซามุไรดีปเปอร์เคียว และอื่นๆ พูดตรงๆบางทีอ่านบ่อยๆนานๆแล้วเบื่อเหมือนกัน เน้นย้ำจริง
เดี๋ยวนี้ถ้าเป็นอนิเมที่ออกมาใหม่ๆ ก็เน้นไปในแนวคาแรกเตอร์โมเอะมากขึ้น บางทีพล็อตไม่ค่อยจะมีอะไรด้วยซ้ำ
อ่านมากๆแล้วทำให้โหยหาการ์ตูนสมัยก่อนมากๆเลยค่ะ
แต่ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากนะคะ ไว้ตอนดึกๆจะเข้ามาอ่านอีกที ข้อมูลละเอียดดีค่ะ


โดย: Fruit_tea วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:13:12:54 น.  

 
ผมว่า "สู้เพื่อฝัน" มันก็เป็นธีมคลาสสิคของการ์ตูนญี่ปุ่น และหนังญี่ปุ่นหลายเรื่อง เลยครับ บางเรื่องทำได้ดีมาก(วันพีซ) บางเรื่องก็ไม่ไหว(เคียว) ของอย่างนี้ก็มีดีมีแย่ปะปนไปครับ จุดเด่นการ์ตูนสมัยนี้ก็มี ที่เห็นชัดสุดน่าจะเป็นงานภาพที่ไม่ตายตัวมากขึ้น รู้จักประยุกต์ได้อย่างสวยงาม


โดย: yuttipung (yuttipung ) วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:13:17:15 น.  

 
มาอ่านค่ะ

ก็คล้ายๆ การเขียนเรื่องสั้นกับนิยายนะคะ
เพียงแต่การ์ตูนสื่อด้วยภาพด้วยน่ะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:13:35:02 น.  

 
คิดว่าไม่ใช่นะครับ

ตามความคิดผมการเขียนบทภาพยนตร์ กับการ์ตูนจะคล้ายๆ กันครับ เนื่องจากก่อนจะสร้างงานออกมามันต้องเตรียมความพร้อมค่อนข้างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด

แต่กับหนังสือ หรือ เรื่องสั้น เป็นศาสตร์ที่ผมเชื่อว่าเขียนแบบปล่อยอารมณ์ มีจินตนาการตามความถนัดของผู้เขียน จะเป็นงานที่ดีกว่าครับ นักเขียนสมัยใหม่ที่ยึดเอาวิธีแบบภาพยนตร์มาเขียนให้กระชับ รวดเร็ว จึงโดนวิจารณ์พอสมควร


โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:13:38:21 น.  

 
แวะมาอ่านอีกรอบค่ะ เป็นบทความที่เหมาะกับผู้ที่เขียนการ์ตูนโดยตรง ส่วนนิยามคำว่าเนมนี่อ่านแล้วเข้าใจค่ะ คนที่เป็นนักอ่านทั่วไปก็สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากค่ะ แต่ดีใจค่ะ ที่มีบล็อกและบทความแบบนี้

งานภาพที่ไม่ตายตัว? หมายถึงมุมกล้องหลากหลาย ลูกเล่นของภาพเหรอคะ?

พูดถึงเรื่องธีมอีกครั้งนึง น่าจะคล้ายๆกับอะไรที่สร้างให้ผู้อ่านเกิดความประทับใจ ซาบซึ้งหรือสะท้อนเข้าไปสู่จิตสำนึกได้ในบางตอน ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบนารุโตะกับเคียว เพราะจุดซึ่งเป็นความฝัน ความพยายามอะไรก็แล้วแต่ถูกเขียนขึ้นมาซ้ำๆกันบ่อยครั้งและบางอย่างได้มาง่ายเกินไปจนบางทีเป็นการลดคุณค่าของความรู้สึกตรงนั้นลง (แต่ก็ไม่ถือว่พล็อตของเรื่องแย่นะคะ ยังน่าติดตามอยู่ แต่คนเด็กๆอาจจะชอบตรงนี้ก็ได้นะ นานาจิตตัง)


โดย: Fruit_tea วันที่: 7 ธันวาคม 2548 เวลา:14:41:49 น.  

 
งานภาพที่ไม่ตายตัว? หมายถึงมุมกล้องหลากหลาย ลูกเล่นของภาพเหรอคะ?
^
^
ใช่ครับ อีกอย่างคือตัวคาแร็คเตอร์ของการ์ตูนปัจจุบันค่อนข้างดิ้นได้จะเป็น SD หรือเปลี่ยนบุคลิกตามแต่ความเหมาะสมของการนำเสนอ ซึ่งจะยืดหยุ่นกว่าการ์ตูนสมัยก่อน

โดยส่วนตัวนารุโตะ และเคียว มีข้อบกพร่องตรงตัวละครมีพลังแฝงออกมาได้ไม่จำกัดอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้คนอ่านดักทางได้ครับ แต่นารุโตะยังดูดีกว่าในแง่ว่า ต่อไปตัวละครมีปมที่ต้องต่อสู้กับความชั่วร้ายในตัวเองมากขึ้น ขณะที่เคียวคนแต่งเรื่องได้ไม่มีลุ้นเลย


โดย: yuttipung IP: 58.9.15.76 วันที่: 8 ธันวาคม 2548 เวลา:10:59:07 น.  

 
หาเวลามาอ่านเต็มๆ ได้แล้ว
น่าแปลกที่สิ่งที่แปลกใจที่สุดในบทความนี้คือเรื่อง theme สำหรับการ์ตูน
สารภาพเลยคุณท๊อป...
ว่าไม่คิดมาก่อนว่าการ์ตูนแบบที่เป็นชุดจะต้องมีธีมด้วย
อ่านที่ยกตัวอย่างเรื่องโดเรมอนแล้วถึงบางอ้อเลยอ่ะค่ะ

ได้ความรู้มากมายจากบทความนี้...ขอบคุณมากค่ะ
มีสาขาอื่นอีกมั้ยเนี่ย...จะได้โหวตอีกสักจึ๊ก


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 13 ธันวาคม 2548 เวลา:21:49:01 น.  

 
มันก็เป็นการประมวลจากการอ่าน การดูครับ เพราะ Theme ต่อให้เรื่องที่ไม่เป็นสาระยังไง มันก็มีครับ แต่อาจจะหายากหน่อย โดเรมอนนี่หาไม่ยากครับ เพียงแต่เราอาจจะลืมไปแล้ว มันนานมาก ก่อนจะเขียนบทความนี้(ประมาณ 2 ปีที่แล้วโน่น) บังเอิญได้อ่านโดเรมอนใหม่หลายเล่ม เลยสามารถยกมาได้ครับ


โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 14 ธันวาคม 2548 เวลา:12:20:05 น.  

 
วันนี้แวะมาเยี่ยมเฉยๆ ค่ะ
สบายดีนะคะคุณท๊อป


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:2:51:00 น.  

 
อ่อ...ลืมถาม มีตอนต่อรึป่าวคะเนี่ย

วันนั้นเข้ามาอ่านแล้วอยากหาการ์ตูนมาอ่านเลยอ่ะค่ะ


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:2:52:58 น.  

 
มีอีกตอนครับ แต่ว่าจะเขียนต่ออีก จริงๆ มันไม่ใช่ความรู้ด้านการ์ตูนเลยครับ เป็นการเอาความรู้ด้านบทภาพยนตร์ไปจับมากกว่า


โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 16 ธันวาคม 2548 เวลา:11:48:43 น.  

 
มาแอบเก็บความรู้

ผมว่าการ์ตูนญี่ปุ่นสมัยผมเด็ก ๆ อย่าง โดราเอม่อน หรือ ดราก้อนบอล นี่ แฝงคติสอนใจเด็ก ๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะครับ ดูง่ายเข้าใจลึกซึ้งกว่าการ์ตูนแถว ๆ ฝั่งตะวันตกอีกอ่ะ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 21 ธันวาคม 2548 เวลา:1:11:21 น.  

 
ยอด


โดย: นานิ IP: 125.27.112.171 วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:54:30 น.  

 
สุดยอด


โดย: 007 IP: 203.113.0.192 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:50:47 น.  

 
ฃอบการ์ตูนเรื่องวันพีช มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: น้ำ IP: 124.157.148.153 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:18:29:27 น.  

 
โดราเอมอนน่ารักดีค่ะ


โดย: หนามเตย IP: 203.113.17.171 วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:9:28:33 น.  

 
สวยมาก


โดย: แอม IP: 61.19.154.74 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:14:09:05 น.  

 
ชอบโดราเอม่อนจัง


โดย: ปัทมาวดี IP: 125.24.194.13 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:03:25 น.  

 
ยากรู้วิธีรวาดรู้การ์ตูนให้น่ารักและดูแล้วชวยงามนะครับเขียนมาหาผมที่sai_nattapat@hotmail.com


โดย: บอย IP: 125.27.218.167 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:43:15 น.  

 
เเวะมาทักทายค่ะ อยากเก่งแบบนี้บ้างจัง.


โดย: gobank21468 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:00:29 น.  

 
บทความเยี่ยมเลย ขอบคุนค่ะ ...


โดย: enjoydvd วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:0:29:37 น.  

 
กว่าจะเขียนการ์ตูนได้แต่ละเรื่อง.…...:))

ลำบากยากเข็นจิงๆ
แต่บทความนี้ดีนะค่ะ
ได้รุอะไรๆเยอะดี -].....


โดย: Jaoe_SC วันที่: 6 เมษายน 2554 เวลา:18:28:16 น.  

 
แวะมาทักทายนะคร้าาาา ^^


โดย: conio.h วันที่: 6 เมษายน 2554 เวลา:21:17:15 น.  

 
ต้องบอกทุกท่านที่มาแวะบล็อกนี้นะครับ ว่า "ผมไม่ใช่นักเขียนการ์ตูน"

แต่บทความนี้มาจากการถกเถียงในเวบบอร์ดของคนเขียนการ์ตูนเรื่องการเขียนเรื่อง ผมจึงนำเสนอเรื่องหลักการเขียนบทและได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เพราะการเล่าเรื่องผมคิดว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่น่าจะมาแชร์ประสบการณ์กัน ไม่ว่าจะประสบการณ์ด้านองค์ความรู้ หรือผู้ที่เคยเขียนเอง

จึงแจ้งให้ทราบ


โดย: yuttipung วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:14:06:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.