16 ตุลาคม กับงาน Worldfilm Cul-de-Sac หนังขาว-ดำของโปลันสกี้ เจ้าของรางวัลหมีทองคำ ปี 1966 ที่ความสามารถภาษาอังกฤษของผมกระท่อนกระแท่นแต่ยังดูสนุก เป็นงานตลกร้ายที่ไม่ต้องมีอะไรมาก นึกถึง Knife in The Water เวอร์ชั่นใหม่ ที่ตลกขึ้น มีคนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ดำเนินเรื่องด้วยคน 3 คนเหมือนเดิม ผมเข้าโรงช้าไปนิดหน่อยแต่ก็พอจับใจความได้ว่ามีเนื้อหาเกี่ยวกับโจรที่บาดเจ็บ หลบหนีมาจนที่ชายหาดแห่งหนึ่ง ทิ้งเพื่อนที่บาดเจ็บหนักไว้ในรถ โดยพยายามหาที่กำบังหลบซ่อนจนไปพบกับบ้านหรูแห่งหนึ่งที่ทำฟาร์มเลี้ยงไก่ สามีที่หน้าตายคล้ายคลึงกับ เบน คิงสลี่ย์ และภรรยาที่ช่างยั่วยวน ได้พบเขาในเวลาต่อมาแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก นอกจากทำตามคำสั่งที่ดูจะหนักข้อมากขึ้น โดยเฉพาะสามีซึ่งค่อยๆ แสดงความอ่อนแอในจิตใจให้เราเห็นมากขึ้น และภรรยาที่เดินแก้ผ้าเป็นว่าเล่น ขณะที่เธอเองก็เผยตัวตนที่แข็งกร้าวมากขึ้น ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ค่อยๆ เผยความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีความรัก และความสุขในชีวิตสมรสออกมาจนเป็นตลกร้ายที่พอจะเห็นเค้าลางแห่งโศกนาฏกรรมในตอนท้าย หนังเป็นตลกร้ายที่ยังดูสนุกมาก อาจไม่เกี่ยวกับตระกูลหนังโดยตรงแต่ Cul-de-Sac ได้บรรยากาศบางส่วนที่นึกถึงฟิล์มนัวร์ยุคเก่าๆ ส่วนฉากลองเทคที่เคยได้ชื่อว่ายาวที่สุดในยุคนั้นคือประมาณ 8 นาที ไม่มีอะไรตื่นตาในยุคนี้แล้ว แต่ก็ยังสวยงามในการถ่ายภาพในแบบ Mise en Scene ซึ่งทำให้เราเห็นภาพทั้งแบบระยะใกล้และระยไกลในฉากเดียวได้อย่างมีมิติ (ถ้าจะว่าไปการถ่ายภาพในหนังสวยงามมากๆ แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับขึ้นหิ้งก็ตาม) ดูจบก็จับทางโปลันสกี้ได้เหมือนกันว่าแม้เขาจะไม่ได้ทำหนังที่เขย่าขวัญคนดู มีอารมณ์มืดดำเหมือนในยุคกลางๆ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็มีลักษณะการสร้างบรรยากาศที่ผิดเพี้ยน ผิดที่ผิดทาง และการจบในลักษณะที่ราบเรียบแต่พอเพียงกับตัวหนัง ต่อมาผมก็เดินไปดู Ben 's Biography ซึ่งค่อนข้างไกล และเสียเวลากับการซื้อตั๋วที่ต่อคิวนานมาก...ซึ่งผมก็เชื่อว่าการซื้อตั๋วหนังมีปัญหาแน่ๆ เหมือนกันครับ โดยเฉพาะโรงสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งมีแถวเดียว แถมยังต้องซื้อแต่ละเรื่องในแต่ละโรงที่ต่างกันด้วย หนังอิสราเอลปี 2003 เรื่องนี้ผมเข้าช้าตามเคย แถมหนังยังเขียนเวลาในตารางเดิมผิดจากที่เขียนว่า 68 นาที กลายเป็น 93 นาที ทำให้ผมผิดนัดแฟน...ซวยไป เรื่องเกี่ยวกับชายชื่อเบน นักบัญชีที่มีบุคลิกมีปัญหา เขาอ่อนไหวไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้กับในชีวิตที่อายุล่วงเลยไปในปี 35 ปี แต่ยังไม่กล้าสัมผัสใคร สวมถุงมือตลอดเวลา และต้องเกรงใจคนอื่นถึงกับต้องเคาะประตูก่อนเข้าไป หรือกระทั่งเคาะประตูตู้เย็น เบนโชคดีที่เขาได้พบผู้หญิงคนหนึ่งที่มีครอบครัวแล้ว แต่อยากช่วยเหลือคนอย่างเขา จึงพยายามเปิดใจรับฟังปัญหา จนเธอได้ฟังเรื่องเล่าที่จากเดิมเป็นอารมณ์ขันร้ายๆ ในชีวิตของพ่อแม่เบน กลายเป็นเรื่องสะเทือนใจที่ฝังติดกับเบนมาแต่อดีต ปัญหาของหนังอยู่ที่ความลักลั่นระหว่างตลกร้ายกับอารมณ์สะเทือนใจในช่วงหลังที่ไม่ค่อยจะกลมกลืนกันเท่าไหร่นัก รวมไปถึงการหักมุมท้ายเรื่องซึ่งค่อนข้างจะจงใจไปสักนิด แต่ถ้านึกว่านี่คือหนังที่มีโทนตลกร้าย ก็ถือว่าทำได้ดี ผู้แสดงนำเป็นเบน คือ กัล เซด แสดงในหนังเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ที่เยี่ยมกว่าคือประวัติชีวิตก่อนการเกิดของเบนที่ถูกจินตนาการออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้เชื่อได้เลยว่าเขากลายเป็นคนมีปัญหาอย่างปัจจุบันได้แน่ๆ ถ้ามีพ่อแม่เพี้ยนแบบนั้น   Create Date : 17 ตุลาคม 2548 1 comments Last Update : 17 ตุลาคม 2548 11:43:16 น. Counter : 811 Pageviews. Share Tweet

เรื่องหลังนี่น่าดูจัง ขอบคุณที่เขียนวิจารณ์ไว้นะคะ   โดย: tui IP: 58.9.188.89 18 ตุลาคม 2549 11:52:31 น.