มกราคม 2560

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
18 มกราคม 2560
Company Outing in Taipei

(ขอบคุณรูปจาก Internet : Taipei 101)
 
 
กลับมาอีกครั้ง 555 มีปีละครั้งจริงๆ ปีนี้เริ่มต้นปีด้วย Company Outing in Taipei >>>
 
รอบนี้ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเองเท่าไหร่ อาศัยขโมยรูปจากน้องๆ ในทริปมาช่วยโพสต์ ทริปนี้ไปกัน 4 วัน 3 คืน สวยๆ ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2560 - 14 มกราคม 2560 เริ่มต้นด้วยจากการที่มีนางฟ้าของออฟฟิศ ทำหน้าที่ไกด์ทัวร์ และ erverything ที่นางจะสามารถทำได้ งานนี้ต้องยกให้นางจิงๆ เรียกได้ว่า หากทริปนี้ไม่ได้นาง ไม่รู้ว่าจะเละกันขนาดไหน 
 
เริ่มต้นด้วยการจองตั๋วเครื่องบิน ของ China Airline >> ตอนได้ E-Ticket แอบตกใจกะชื่อสายการบินเหมือนกัน แต่มาร้องอ๋อ ตอนอยู่บนเครื่องแล้ว ถึงรู้ว่าเป็นสายการบินพันธมิตรของ Bangkok Airways อันนี้ได้ตั๋วประมาณเดือนพฤศจิกายน 2559 ไป-กลับประมาณ 9,8XX บาท จำตัวเลขเปะๆ ไม่ได้ แต่บอกว่าไฟล์ทบินค่อนข้าง OK เลย ขาไปประมาณ 08.30 น. ขากลับประมาณ 13.50 น.
 
 
ตามด้วยตารางการท่องเที่ยวของเราเลยนะคะ ตารางนี้ นางฟ้าก็เป็นคนจัดการให้เหมือนกัน
 
 วันที่ 11 มกราคม 2560 1. น้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou)

2.Tamsui เมืองท่าริมทะเล

3.ตลาดกลางคืน Shilin (ซื่อหลิน)

 วันที่ 12 มกราคม 2560  One Day Trip-มีรถรับ-ส่ง

1.อุทยานเย่หลิว

2.น้ำตกสีทอง

3.ทะเลสองสี

4.สถานีรถไฟสือเฟิ่น

5.ตลาดจิ่วเฟิ่น









 วันที่ 13 มกราคม 2560 1. Chiang Kai Shek Memorial Hall
2. นั่งกระเช้าที่ Taipei Zoo
3.ตลาดปลา Taipei Fish Market  (台北魚市) 
4. Free Day ช่วงเย็น


 
 วันที่ 14 มกราคม 2560 เตรียมตัวกลับบ้านเฮา  
(ขอบคุณภาพในส่วนนี้จาก Internet ของจิงเดี๋ยวว่ากัน 555)
 
 
ทั้งหมดนี้คือตารางการท่องเที่ยวของเรา ที่นางฟ้าคนสวยของเราจัดไว้ให้ ซึ่งบอกเลยว่าจริงๆ แล้ว เป็นทริปที่นางทำการบ้านไว้ สำหรับพาครอบครัวของนางไปเที่ยวในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ถือว่าได้เป็นการสำรวจก่อนเที่ยวจริง เกริ่นมาถึงนี่แล้ว จริงๆ อยากเปิดตัวนางฟ้าแสนสวยและใจดีมาก ของเราจริงๆ ว่านางคือใคร ... เอาเป็นว่า เดี๋ยว end credit เราคงต้องเปิดเผยตัวนางแน่นอน ไปกันต่อเลยดีกว่า แต่จะบอกก่อนเลยนะคะ ว่าใครอยากจะมา copy trip เราก็ไม่ว่านะคะ 
 
อ้อ!!! ลืมบอกไปอีก 1 เรื่อง ความเริ่ศเลอของนางฟ้า ก็คือการทำการบ้านหาข้อมูล เราได้มีการลงทะเบียน Immigration Online ของไต้หวันแบบ online มาเรียบร้อยแล้ว ที่เว็บ https://oa1.immigration.gov.tw/nia_acard/acardAddAction.action เดี๋ยวจะหาว่าเราอวยนางฟ้ามากเกินไปรึเปล่า ... นางทำการบ้านจริงๆ 
 
 
นัดรวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช้าของวันพุธที่ 11 มกราคม 2560 เวลา 05.30 น. ซึ่งเราเดินทางไปถึงคนสุดท้ายเวลา 05.27 น.
 
(รูปนี้ถือว่ารวมบรรดาตัว TOP ของทริปนี้ไว้หมด แล้ว5555 ใบ้ให้ว่า 1 ใน 6 คนนี้มีนางฟ้า เดากันเองแล้วกันว่าคนไหน ... บอกให้ว่า ดูทรงแล้วคนไหนนางฟ้า ก็คนนั้นแหละ)
 
หลังจากรวมตัวกันครบ เราก็ไม่รอช้า รีบโหลดกระเป๋า นี่ๆๆๆ ความเริ่ศของนางฟ้ายังไม่จบ นาง check in online ให้ผู้ร่วมทริปกันเรียบร้อยด้วยจร้า 
 
 
 
เสร็จเรียบร้อยเราก็เข้าไปหาของรองท้องมื้อเช้ากันดีกว่า อ่อ นางฟ้ายังบอกอีกว่า ถ้าไม่อยากเสียค่าอาหารแพงๆ ให้ลงไปกินชั้นใต้ดินก่อนที่จะเข้าไปที่ Gate นะคะ ราคาอาหารถูกมาก เห็นนางบอกว่าข้าวต้มมื้อเช้า ราคาประมาณ 60 บาท แต่ด้วยความไปกันหลายคน เจ๊กลากไป ไทยลากมา ทั้งหมดก็เดินผ่าน ตม.ไปกันอย่างรวดเร็ว สรุปได้ไปกินมื้อเช้าบริเวณข้างในเป็นที่เรียบร้อย เดินหาร้านไปมา สรุปได้ที่ร้าน Coffee World หมดกันไป 2 คน ประมาณ 700 บาทถ้วน
 
 
ปฏิบัติภารกิจอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวไปที่ Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง...ทุกคนก็แยกย้ายตามอัธยาศัย และพร้อมกันที่ Gate เตรียมลัดฟ้าสู่เมืองเถาหยวน ประเทศไต้หวัน ขึ้นมาบนเครื่องก็ยังไม่มีอะไรมากมาย เตรียมหลับค่ะ เพราะเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่ ตี3 แต่สรุปสุดท้าย ก็ไม่ได้นอนนะคะ เม้าท์มอยหอยสังข์ จนถึงเวลาเสริฟมื้อเช้าบนเครื่อง (กินอีกแล้วหรอว่ะ เมื่อเช้ายังไมาทันย่อยเลย แต่ถามว่ากินมั้ย ตอบเลยว่าไม่อยากให้สายการบินเสียใจ)
 
(อาหารมีความเลี่ยนมั้ย...ขอบอกเลยว่ามาก ... ดีนะที่มียำอะไรสักอย่างช่วยตัดเลี่ยนได้ ถ้วยเล็กด้านบน ถ้วยที่ 2)
 
ผ่านไป ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนประเทศไต้หวัน(เวลาประเทศไต้หวัน เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ก่อนจะถึง ตม. เราก็จัดการซื้อซิมการ์ดของที่ไต้หวัน แพคเกจ 5 วัน ราคา NT300 หรือเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3XX บาท ใช้ Internet ได้ไม่จำกัด และโทรได้อีก NT50
 
 
เครือข่ายนี้น่าจะเหมือน DTAC ของบ้านเรามั้ง...ไม่รู้เหมือนกันแต่ก็มีหลายค่าย ราคาก็ใกล้เคียงกันเลือกได้เลย เราเลือกค่ายนี้ เพราะเป็น counter แรกที่เราเจอ ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ขอให้ใช้ได้พอ 555
 
เสร็จเรียบร้อยเช็คอินให้คนที่เมืองไทยได้รู้ว่าเรามาถึงแล้ว และถ่ายรูปแรกจากระหว่างรอเข้าคิว ตม.
 
 
ผ่านตม. เรียบร้อย เตรียมไปที่ รร.ที่พักเลยค่ะ...นางฟ้าได้เตรียมรถมารับจากที่สนามบิน ไปที่พักด้วย รถที่นี่บังคับให้นั่งได้เท่ากับจำนวนที่นั่งได้จริง รถ 4 ที่นั่ง ก็นั่งได้แค่ 4 คน ห้ามเกิน ไม่เหมือนบ้านเรานะคะ ที่นั่ง 4 ก็นั่ง 6 ที่นั่ง 6 ก็นั่ง 8 อ่ะๆๆๆ ไม่เกี่ยวแหละ ไปต่อค่ะ มาถึงที่พัก มีฝนลงหยุมหยิมให้เริ่มรำคาญ 5555 เราพักกันที่ NiHao Taipei Hostel ที่พักแบบชิคๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก ถ้าตามความคิดของเราที่พักก็คือที่ซุกหัวนอนแค่นั้น ของแค่มีเครื่องปรับอากาศ ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกให้ แค่นั้นก็เพียงพอแลม้วสำหรับตัวเรา  ห้องพักครั้งนี้ เป็นน้องนี 6 คนที่ต้องนอนรวมกัน ที่รู้ๆ มา คือเตียง 2 ชั้น...เป็นความฝันในวัยเด็กว่า อยากมีที่นอนแบบนี้ ตอนนี้โตแล้ว ก็ยังอยากนอนแบบนั้นอยู่ดี
 
ปล.ชั้นบนไม่เหมาะสำหรับสายเมานะคะ บันไดมีความชันมาก...เมามีตกบันไดแน่ๆ แต่อิชั้นก็เลือกเพราะชอบ แต่ก็ลอดพ้นมาได้ อาศัยว่ายวานให้คนข้างล่าง ทำโน่นนี่นั่นบ้าง 5555
 
เตรียมลุยสถานที่แรก ตามแพลนคือ...น้ำพุร้อนเป่ยโถว (Beitou) เริ่มออกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง แต่เราก็ต้องหา Easy Card เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทาง เข้า 7-11 หาบัตรและเติมเงินเลยค่ะ ที่เราได้มาแบบ Easy Card Kitty ราคาสูงกว่า แต่ด้วยความหลงไหล ยอมค่ะ ราคาบัตรปกติ NT100 แต่นุ้งKitty โดนไป NT450 ค่ะ ข้อดีของบัตรนี้ก็คือ ใช้ได้กับรถๆฟ รถโดยสาร หรือขนส่งมวลชนต่างๆ ของที่นี่ได้หมด และใช้ซื้อของได้ด้วยสำหรับที่ๆ รับบัตร Easy Card
 
 
หลังจากเดินทางไปถึงสถานีปลายทางแล้ว เริ่มหาของกินกันก่อนดีกว่า ตกลงได้ร้านราเมง ไม่รู้แหละอร่อยป่าว แต่หิว ต้องหาอะไรรองท้องแล้วค่ะ ได้ร้านราเมงร้านนี้ เข้าไปที่ร้านไม่ค่อยมีคน วัดดวงค่ะ งานนี้ไม่รู้จะยังไงเข้าไปถึงเมนูทุกอย่างเป็นภาษาจีน อ่านมิออก จิ้มเอาอย่างเดียวค่ะ อยากกินอะไรก็จิ้มค่ะ ตอนนั้นจำได้ว่าเช็คแค่หมู-เนื้อ แค่นั้นเพราะเราไม่ทานเนื้อ น่าจะสรุปที่เมนูที่ 16 ราคา NT160 (ถ้าจำไม่ผิดนะ) หลังจากนั้นแม่ครัวก็ทำการเสริฟอาหารตามที่สั่งไปทั้งหมด รู้สึกว่าในก๊วน มี 2 คนเท่านั้นที่สั่งไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งมีเมนูเนื้อ กะอะไรอีกอย่างจำไม่ได้ ที่เหลือ เป็นแบบเดียวกันหมด .... สิ่งที่ได้คือ ราเมงไส้หมูคร้าาาาาาา เอาล่ะ เป็นคนไม่กินเครื่องใน ... แต่สั่งมาแล้วลองก็ได้ น้องคนที่ได้ก่อนนั้น บอกว่าโอเค อร่อยดี ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิวหรือว่าอะไร
 
เอาเป็นว่ามาพูดถึงราเมงที่นี่ แล้วกัน รสชาติเราถือว่าจืด-จืดมากที่สุด (ซึ่งปกติเป็นคนกินอาหารรสจัดมาก) แต่โชคดีที่ร้านมีเครื่องปรุงให้ ซึ่งประกอบไปด้วย เกลือ พริกป่นญี่ปุ่น พริกไทย น้ำพริกเผา เต้าเจี้ยว ประมาณนี้ รอบนี้รอดได้เพราะน้ำพริกเผา ซึ่งมีความเผ็ดถึงใจเลยทีเดียว แต่สำหรับเรื่องไส้หมู กินไปแค่ 2 ชิ้นเอง ซึ่งไม่ค่อย OK เท่าไหร่...ออกไปหาไรกินต่อดีกว่า เมื่อกี้เห็นข้างๆ ร้านมี 7-11 
 
 
ใน 7-11 สิ่งที่มองหาก็คือ ชาเย็น เราเป็นคนค่อนข้างติดชามาก แต่ก็สมปรารถนานะ ขวดชาที่นี่สวยงาม พกพาง่าย มีหลายอย่างรอให้เราพิสูจน์ รสชาติถือว่า OK นะ ชอบเลยขวดสวยด้วย ราคาไม่แพงมาก NT30 และบรรดาลูกทัวร์ของเราก็ไปหยุดชะงักที่ตู้ไข่คนนั้นหยอดที คนโน่นหยอดที  
 
 
หลังจากที่เติมพลังเรียบร้อยก็เตรียมเดินขึ้นไปยังน้ำพุร้อน ซึ่งระยะทางที่ต้องเดินขึ้นไป ประมาณ 800 เมตรโดยประมาณนะคะ แต่ความ Fail สุดๆ ก็คือ เราเดินขึ้นไปถึงประตูทางเข้าเวลาประมาณ 16.58 น. ซึ่งเราไม่ได้เช็คกันมาก่อนว่าน้ำพุร้อนจะปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเวลา 17.00 น. ซึ่งในระหว่างที่เราจะเดินถึงทางเข้านั้น พนักงานค่อยๆ ดึงประตูปิด สรุปว่าอดค่ะ แต่ได้รูปมาบ้างนิดๆ โหน่ยๆ แต่ระหว่างทางเดินขึ้นไปก็มีบ่อน้ำพุร้อนให้เราแช่ด้วยนะ เท่าที่หาข้อมูลมาประมาณคนละ NT40 ราคาค่าเข้า แต่ต้องเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วยนะคะ หรือไม่ได้เตรียมไปที่นั่นก็มีให้เช่าเหมือนกัน
 
 
หลังจากที่ไม่ได้ไปดูน้ำพุร้อน งั้นเรามุ่งหน้าไปจุดหมายที่ 2 เลยล่ะกัน Tamsui เมืองท่าริมทะเล เราเปรียบเทียบที่นี่ก็เหมือนแหลมบาริฮาย พัทยา บ้านเรา...5555 ขำๆ นะอย่าไปซีเรียส นั่งรถไฟฟ้าไปกันต่อค่ะ ที่นี่พระอาทิตย์ตกค่อนข้างเร็วมาก ไปถึงที่นั่นก็พบว่าเริ่มมืดแล้ว ... ที่นี่ก็มี Street Food ให้เราได้ลองชิมกัน มีตลาดให้ Shopping อ่อ!!! ที่ไต้หวันเค้าคึกคักกันเวลากลางคืน เช้าๆ ไม่ค่อยมีร้านเปิด ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นๆ จะเปิดร้านประมาณเที่ยง แต่เช้าๆ ก็มีเปิดบ้างนะ พอมาถึงที่นี่ นางฟ้าของเราได้ตั้งฉายาให้กับกรุ๊ปทัวร์ครั้งนี้ของเราว่า "ทัวร์ไม่ถึงไหน" คือมีความย้วย มีความช้า มีความละเมียดมากกกกกกกกกกก-มากที่สุดดดดดดดดดดดดดด สรุปมาที่นี่ได้ลองกิน ไอติม (อันนี้ไม่ได้ลองเองซึ่งคนลองบอกว่าไม่อร่อย) ปลาหมึกทอด หมูหวาน และสิ่งที่ตื่นตามากก็คือ หวยขูด เหมือนล๊อตเตอรี่บ้านเรา ส่วนใหญ่คนที่มาขาย เป็นคนพิการของที่นี่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ถ้าถูกเลขรับเงินสดๆ กันไปเลยค่ะ แต่ไม่ต้องถามนะว่าเป็นไง ไม่รู้ค่ะ เล่นไม่เป็น และไม่มีใครลอง
 
 
เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป Shopping ตามอัธยาศัย...และก็กลับที่พัก จบไป 1 วันกับความเหนื่อยล้า อยากพักผ่อน และเริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยการไปหาอาหารเช้าอันนี้อยู่ข้างๆ ที่พักเลย หน้าตาคล้ายกับแซนวิช แฮมเบอเกอร์ บ้านเรา รสชาติก็ได้อยู่นะ แต่แม่ค้าไม่พูดอังกฤษ สั่งได้ด้วยการจิ้มอีกเช่นเคย สนนราคาอยู่ที่ NT45  (อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่แอบไปขโมยรูปหน้าตาอาหารเช้าของนางฟ้ามา มีความเหมือนแพนเค้กบ้านเรา รึเปล่าไม่รู้ 5555) และก็รอรถมารับพาเที่ยว One Day Trip วันนี้ฝนพรำทั้งวัน ตาม app weather ที่บอกมา ซึ่งเราเตรียมความพร้อมมาแล้ว ทั้งร่ม และ เสื้อกันฝน
 
 
ออกเดินทางเป้าหมายที่ 1 อุทยานธรณีเย่หลิว (Yehliu Geopark) ตามข้อมูลประมาณว่า เป็นพื้นที่หินที่มีรูปทรงต่างๆ ให้เราได้คาดเดากันว่าเป็นรูปอะไร บรรยากาศตรงนี้ดี ลมแรง มีฝนพรำเหมือนเดิม แต่ Signature ของที่นี่คือ "หินราชินี" จากรูปไปเดากันเองนะคะ ซึ่งน้องๆ ในกรุ๊ปบางคนเรียกตรงนี้ว่ารังปลวก 555 มันเป็นยังไงไปดูกันค่ะ ขอบคุณรูปหมู่จาก Mr.เฉิน...คนขับรถ งานนี้มีแจกเสื้อกันฝนด้วย ในรูปเลยได้เทเลทับบี้มาถ่ายด้วย 555
 
 
 
    (รูปนี้ขอบคุณรูปจาก Internet)
 
ไปเป้าหมายที่ 2 ต่อเลยค่ะ น้ำตกสีทอง + ทะเลสองสี อันนี้ไม่ได้ลงไปเอง นั่งรอในรถ เหนื่อย+ฝนพรำ ได้รูปมาตามนี้
 
 
เป้าหมายที่ 3 อันนี้ชอบสุด เพราะดันไปเจอของถูกใจ 5555 น้ำตกซือเฟิ่น (Shifen Waterfall) สถานที่โดยรวม สวยงาม มีกลิ่นน้ำมัน ตกแต่งสถานที่โดยรวมสวยงาม เดินเยอะ เดินเหนื่อย ตามสภาพของการขึ้นไปดูน้ำตก แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ปกติถ้าน้ำตกที่เมืองไทย อากาศจะเย็น แต่ไปที่โน่น มีความรู้สึกว่า อากาศไม่เย็นอย่างที่คิด มีร้อนเพราะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกด้วย 
 
 
น้ำตกตก มีจุดถ่ายรูปเยอะมาก ... ตอนแรกไม่รู้ไปรุมกันอยู่ที่แรกที่เห็น คนตรงนั้นจะเยอะมาก และความแย่ก็คือ ถ้าไปเจอทัวร์จีน นางจะไม่สนอะไรทั้งนั้น ชั้นจะถ่าย ชั้นไม่แคร์อะไรทั้งนั้น คิวคืออะไรชั้นไม่รู้จัก 
 
มาถึงทีเด็ด (สำหรับเรานะ คนอื่นไม่รู้ 5555) ไม่พ้นเรื่องของกินค่ะ เป็นชานมเฉาก๊วย + ลูกชิ้นปลาหมึก บรรยายทีละอย่างเลยล่ะกัน สำหรับชานมเฉาก๊วย รสชาก็เฉยๆ ปกตินะ แต่ทีเด็ดคือเฉาก๊วยที่มีความนุ่มหนึบ ละลายในปาก อร่อยเลยดีเดียว ส่วนลูกชิ้นปลาหมึก ที่นี่ไม่มีน้ำจิ้มนะ เค้าจะโรยผง spicy ซึ่งคาดเดาว่าเป็นพริกนั่นแหละ เพิ่มความจัดจ้าน อันนี้ชอบสุด ถ้าไปเจอที่อื่น ก็จะซื้ออีก สนนราคา ชานมเฉาก๊วย ราคา NT55 ส่วนลูกชิ้นราคา NT45
 
 
 
จุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้ก็คือ ตลาดจิ่วเฟิ่น มาถึงตรงนี้ฝนมาอีกแล้ว ตรงนี้ตามข้อมูลมีจุดชมวิว แต่ตอนที่เราไปถึงฝนตก หมอกหนามาก มองวิวไม่เห็นเลย มาที่นี่ก็คือมาหาอาหารรองท้อง เพราะเย็นนี้เรามีคิวไปกินมื้อหนัก กินไปได้ 2-3 อย่างก็เดินกลับไปที่จุดนัดหมายล่ะ เวลามีประมาณ 1.30 ชม. เท่านั้น พอมาถึงจุดจอดรถ คนขับรถก็ให้แผนที่สำหรับการเดินกลับมายังจุดนัดหมาย...ตอนแรกคิดว่าไม่น่ายาก แต่ก็ต้องกางแผนที่กันตลอด แล้วลุ้นเอากันว่าจะใช่มั้ย 5555 มาจุดนี้ได้กินอะไรไม่รู้ เหมือนกุ๊ยฉ่ายบ้านเรา แต่ไส้หมู แล้วก็ลูกชิ้นน้ำซุป และปลาหมึกทอด จบด้วยหอยย่าง ทุกอย่างที่นี่ใส่ผง spicy แล้วทำให้อร่อยทุกอย่าง 5555
 
 
 
 
จบสุดท้ายของทริปนี้ด้วยการไปกิน Din Tai Fung ที่ห้าง Sogo เขียว และ อิ่มไปอีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อิ่มเอมกันเป็นที่เรียบร้อย กลับห้องค่ะ พ้กก่อนไปเดินตลาดซื่อเหมิน (Ximen) แต่มีบางคนเรียกว่าตลาด X-Men แหมมมก็ชื่อมันเขียนคล้ายกันอ่ะเนอะ กลับมาพักที่ห้องได้ไม่ถึง ชั่วโมง...ก็ออกเดินทางต่อค่ะ เป้าหมายของการไป Shopping วันนี้ไม่มีอะไรมาก อยากได้เสื้อแจ็คเก็ต Adidas / ดูกระเป๋า Kanken ที่เพื่อนฝากซื้อ แล้วก็ช๊อปอะไรได้ ก็ตามนั้นค่ะ 555
 
ไปถึงก็ไม่พ้นลองของกินอีกนะ ไปตลาดนี้มีวีรกรรมกันด้วย แต่ไม่ใช่เรานะ เป็นน้องๆ ในทริป เนื่องจากตลาดนี้มีของกินที่มีชื่อเสียงหลายอย่าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ร้านของกินคนเยอะ คิวยาว เราเป็นพวกไม่ชอบรอ ได้กินก็กิน ไม่ได้กินก็ช่างมัน ไม่ได้ซีเรียส แต่น้องๆ ไม่ใช่ รอและกินตามที่เค้า เค้า และเค้าบอกว่า 555 ทำให้ได้วีรกรรมตามมา เอาเป็นว่าที่นี่มีร้านบะหมี่อาจง ที่ทุกคนว่าต้องลอง เราไปถึงร้านแต่คนเยอะมาก เลยไม่ได้กิน แต่เด็กๆ ไปจัดมาข่ะ ซึ่งไม่ได้ซื้อถ้วยเล็ก แต่ไหนๆ ต่อคิวรอแล้วเอาไซส์ใหญ่เลยล่ะกัน ปรากฏว่า เทค่ะ.....เด็กๆ เล่าถึงรสชาติแล้วมันไม่โอเค ซึ่งหลายๆ คนที่กินพูดเป็นเสียงเดียวว่าไม่ OK มากๆ ราคาเท่าไหร่ไม่รู้ จำไม่ได้ ส่วนอีก 1 อย่าง น้ำสีสันสวยงาม ชื่อร้าน Dream Color อันนี้ราคา NT80 เด็กๆ บอกว่าอันนี้เหมือนน้ำเปล่าผสมสี เราไม่ได้กินอีกเหมือนกัน สรุปที่ได้กินคือลูกชิ้นปลา ร้านนี้มี 2 แบบต้มธรรมดา กับต้มในหมาล่า (อันนี้ไม่ได้กิน) โรยด้วยผงต่างๆ มากมาย พริก / สาหร่าย / หมาล่า / วาซาบิ ซึ่งเราตกลงที่วาซาบิ รสชาติวาซาบิมาก มีขึ้นจมูกบ้างเล็กน้อย โดนรวมถือว่า OK
 
 
 
คืนนี้เดินเยอะ เลยได้ของที่ Watsans เป็นแผ่นดูดสารพิษที่เท้า แบบหลับสบายเพราะกลิ่นลาเวนเดอร์ + ที่มาร์สหน้าเพิ่มความงาม ตามสไตล์สาว สาว สาว และตบท้ายด้วยเบียร์ แอปเปิ้ลไซเดอร์ + ลูกพีช สรุปคืนนี้นอนหลับสบาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเบียร์หรือแผ่นปิดเท้า 55555555
 
 
 
หมดไปอีก 1 วัน เช้าวันนี้มาจัดโจ๊กใน 7-11 มาทดลองว่าอร่อยเปล่า  รสชาติก็ถือว่าเป็นโจ๊กปกตินะ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ พอกินได้ แต่ชาร้อนขวดนี้ เป็นอีก 1 อย่างที่ชอบเหมือนกัน รสชาติดี หอมดีค่ะ 
 
 
วันนี้มีคิวไป Chiang Kai Shek Memorial Hall ฝนพรำอีกเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้กัวอะไรกับการท่องเที่ยว ที่นี่อลังการงานสร้างมาก ทุกอย่างใหญ่หมด อย่างว่าแหละ ท่านเจียงเป็นผู้สร้างเมือง ก็ต้องยกย่องให้สมเกียรติ
 
 
 
ระหว่างที่รออยู่นั้น ก็ได้จังหวะการเปลี่ยนเวรของทหารพอดี เค้าทำได้อลังการอีกเช่นเดิม ดูได้จากคลิปนี้เลยค่ะ
 
 
เสร็จจากที่นี่ ไปนั่งกระเช้าต่อ ที่นี่สวยงามตามท้องเรื่อง กระเช้าสูงมาก ข้างบนอากาศหนาวมากที่สุด ตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันมา บนนี้หนาวสุดเลย มีของกินข้างบนอีกเช่นเคย 555 ไปที่ไหนกับเราไม่อดตาย 
 
 
 
 
มาแล้ววววว ของกิน!!!! 
 
 
อีก 1 สถานที่ที่รอคอยกันก็คือ "ตลาดปลา" ที่นี่เราจะได้กินซูชิ กินปูยักษ์กันค่ะ ณ จุดนี้เค้ามีสถานที่สำหรับกินกันที่นี่ได้เลย เลือกช๊อปเสร็จ ก็มารวมหัวลงแขกค่ะ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมาก มาดูกันเลยว่าอลังการขนาดไหน
 
 
 
 
 
หลังจากนั้น...ก็ Free day ล่ะ ใครอยากไปไหนก็ไปค่ะ ส่วนเราก็ไป shopping ในส่วนที่เหลือต่อ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า Onisuka น้ำหอม ฯลฯ ... ผลสรุปรองเท้าไม่ได้ น้ำหอมได้มาเต็ม ราคาถูกจิมๆ นะ น้ำหอมมีคนชี้พิกัดไปที่ร้าน Moli เบ็ดเสร็จวันนี้เป็นวันละลายทรัพย์ของเรานั่นเอง มัวแต่ช๊อป เลยไม่ได้รูปอะไรกลับมาทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ เย็นนี้มีมื้อหนักรออยู่อีกเหมือนเดิม เรามีนัดกันเวลา 20.00 น. ที่ร้าน หมาล่า ชาบู ชาบู ทีเด็ดของชาบูที่นี่ก็คือ มีเบียร์ + ไวน์ขาว + ไวน์แดง คิดรวมในค่าหัวเป็นที่เรียบร้อย เดาเอาเองว่าจะเป็นยังไง ส่วนน้ำจิ้มที่นี่ ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องไป Mix กันตามอัธยาศัย มีพริก น้ำส้ม กระเทียม ผักชี กับน้ำจิ้มหน้าต่างๆ มากมาย เลือกกันตามใจชอบ เบ็ดเสร็จตกอยู่ที่หัวล่ะ NT699 ถ้าจำไม่ผิด 5555 กินเสร็จก็รีบกลับห้อง เตรียมจัดกระเป๋าเดินทางกลับค่ะ
 
เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นเช้าเหมือนเดิม วันนี้รถมารับ 10.30 น. เพื่อไปสนามบิน เครื่องออกเวลา 13.55 น. นางฟ้ายังคงทำให้เหมือนเดิม Check in Online ไว้เรียบร้อย เหลือแค่โหลดกระเป๋า กะเข้าไป Shopping ซื้อขนมของฝากที่สนามบิน และแชะภาพกับนุ้งคิตตี้ Icon ของเรา ไปที่ไหนต้องมี kitty ที่นั่น และก็ได้ของฝากช็อคโกแล็ตมาอีกมากมาย  สุดท้ายวันนี้เดินทางกลับมาถึง กทม. โดยสวัสดิภาพ เป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืม สำหรับทริปนี้
 
 
ขอบคุณนางฟ้าที่อำนวยความสะดวกตลอดทริปการเดินทาง ...สนุกสนาน กันไปตามประสา ไม่รู้ว่ายังไม่มีคอรอเฉลยรึเปล่า ว่านางฟ้าทริปนี้เป็นใคร 
เธอคนนี้เลยค่ะ >>>
 
 
 
ฝาก Blog ของเธอด้วยนะคะ สำหรับสาย เที่ยว เล่น กิน นอน
 
 
 
 
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรมากมาย จบ Blog แรกของปี 2017 ตั้งแต่ต้นปี หวังว่าปีนี้จะมี ฺBlog มาให้ตามอ่านกันมากกว่าทุกๆ ปีนะคะ



Create Date : 18 มกราคม 2560
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2563 14:12:11 น.
Counter : 522 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

YuiYumikoOta
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]