ศรัทธา ๔ ประการ
ศรัทธา ๔ ประการ ศรัทธา ๔ ประการ
พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งเหตุและผล ไม่สอนให้เชื่ออย่างงมงาย แม้จะสอนเรื่องศรัทธา - ความเชื่อ แต่ความเชื่อนั้น ต้องตั้งอยู่บนรากฐานแห่งปัญญา
เนื่องจากศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีความเกี่ยวข้องกับกฏแห่งกรรมโดยตรง ฉะนั้น ในตอนนี้จึงได้นำเรื่องศรัทธามากล่าวไว้ด้วย
ศรัทธาในพระพุทธศาสนา มี ๔ อย่าง คือ
๑. กัมมสัทธา เชื่อว่า กรรมมีจริง
๒. วิปากสัทธา เชื่อว่า ผลของกรรมมีจริง
๓. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่า เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตนจริง
๔. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อ การตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า
การที่คนเราจะมุ่งทำความดีโดยจริงใจและจริงจังนั้น ก็ต้องมีศรัทธา หากขาดศรัทธาแล้ว การทำความดีหรืองานที่ทำนั้น ย่อมมีผลน้อย ถ้าศรัทธาในเรื่องใดมาก ก็ตั้งใจในสิ่งนั้นมาก ถ้าไม่ศรัทธาก็ไม่อยากทำ ฉะนั้น ศรัทธาจึงมีความจำเป็นมากอย่างหนึ่งในการทำความดี แต่เพื่อไม่ให้ศรัทธาของคนเรางมงาย หรือออกนอกลู่นอกทาง ทางพระพุทธศาสนาจึงวางศรัทธาไว้ใน ๔ เรื่อง อันเป็นศรัทธาที่วางอยู่บนปัญญา คือ
กัมมสัทธา เชื่อกรรม คือเชื่อว่า กรรมดีมีจริง กรรมชั่วมีจริง ไม่เชื่ออำนาจพระเจ้า ไม่เชื่ออำนาจดวงดาว ไม่เชื่ออำนาจสิ่งภายนอกว่าจะมาดลบันดาลให้ชีวิตของตนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เชื่อว่าสิ่งที่มาดลบันดาลชีวิตของตนมากที่สุด คือ กรรม
วิปากสัทธา - เชื่อผลของกรรม คือ เชื่อว่าใครทำดีต้องได้ดี ใครทำชั่วต้องได้ชั่ว ไม่แปรผัน ไม่สงสัยในเรื่องผลของกรรม
กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน คือเชื่อว่า กรรมนี้ทั้งดีและชั่ว ใครทำใครได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ ความบริสุทธิ์หรือความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน คนอื่นจะทำคนอื่นให้บริสุทธิ์นั้นหาได้ไม่ ถ้าหากว่าเขาไม่ทำเอาเอง
* ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อการตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า คือพุทธศาสนิกชนที่ดีทุกคนย่อมเชื่อว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง พระธรรมเป็นของประเสริฐจริง ไม่ใช่เป็นของที่ใครแต่งหรือใครเขียนขึ้นมา หากแต่พระธรรมนี้ถูกค้นพบจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
เมื่อเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ก็เชื่อว่ามีศรัทธาอีก ๓ ประเภทข้างต้นด้วย เพราะกฏแห่งกรรมก็ถูกค้นพบจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ศรัทธาทั้ง ๔ ประการนี้ มีมาในบาลีพระไตรปิฎก เฉพาะข้อที่ ๔ เท่านั้น ว่าโดยใจความแล้ว ศรัทธา ๓ ข้อต้น ย่อมรวมลงในข้อที่ ๔ ได้ทั้งหมด
เป็นสิ่งที่น่าสังเกตุว่า การที่พระอาจารย์ทางพระพุทธศาสนารุ่นหลัง เพิ่มศรัทธาอีก ๓ ประเภทข้างต้นเข้ามานั้น ก็ดึงเอามาจากความหมายในพระไตรปิฎกนั่นเอง เพื่ออธิบายหลักศรัทธา และหลักกรรมในพระพุทธศาสนาให้เข้าใจชัดยิ่งขึ้น และน่าจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ตรงกันข้ามหรือเพื่อลบล้างพวกมิจฉาทิฏฐิ ผู้ไม่มีศรัทธา พวกมิจฉาทิฏฐิ ๓ ประเภท ที่ได้พูดมาแล้ว คือ
๑. อกิริยทิฏฐิ เห็นว่าไม่เป็นอันทำ พวกนี้ค้านกรรม
๒. นัตถิกทิฏฐิ เห็นว่าขาดสูญ พวกนี้ค้านผลของกรรม
๓. อเหตุกทิฏฐิ เห็นว่าไม่มีเหตุ พวกนี้ค้านทั้ง ๒ อย่าง คือ ทั้งกรรมและผลของกรรม
กัมมสัทธา - เชื่อกรรม ก็เพื่อให้ตรงกันข้ามกับพวกอกิริยทิฏฐิ คือ พวกไม่เชื่อกรรม
วิปากสัทธา - เชื่อผลของกรรม ก็เพื่อให้ตรงกันข้ามกับพวกนัตถิกทิฏฐิ คือ พวกไม่เชื่อผลของกรรม
กัมมัสสกตาสัทธา - เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ก็เพื่อให้ตรงกันข้ามกับพวกอเหตุกทิฏฐิ คือ พวกปฏิเสธหมดทั้งเหตุทั้งผล คือทั้งกรรมและผลของกรรม เพราะพวกนี้เชื่อว่าคนจะชั่วก็ชั่วเอง คนจะดีก็ดีเอง ไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย
ฉะนั้น พุทธศาสนิกชนที่แท้จริงนั้น ต้องเชื่อหลักธรรมที่มีเหตุผล ๔ ประการเท่านั้น คือ เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน และเชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า.
FROM : )
//sangdham.8m.com/lawofkarma10.html
Free TextEditor
Create Date : 21 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2551 17:34:34 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1798 Pageviews. |
|
|