Ninja!
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
5 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
ปริศนายาสลบ

ผู้คนที่เคยมีชีวิตตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงเมื่อ 200 ปีก่อนมักจะรู้ฤทธิ์และพิษของความเจ็บปวดดียิ่งกว่าคนทุกวันนี้มาก และเขายังรู้อีกด้วยว่าความเจ็บปวดกับความตายนั้นในบางครั้งก็เป็นของคู่กัน เช่น ทหารที่ออกรบทุกคนจะมีความรู้สึกกลัวเป็นอย่างที่สุด ถ้ารู้ว่าตนต้องเข้ารับการผ่าตัดบาดแผล กระดูกหรือเนื้อร้ายในขณะที่ยังไม่มียาสลบใช้ ดังนั้นการผ่าตัดแต่ละครั้งก็คือ การทารุณคนไข้ทั้งเป็นนั่นเอง หรือในกรณีของคนที่ร่างกายมีโรคคุกคาม เขาก็มักจะปิดบังคนในครอบครัว และเพื่อนสนิทมิให้รู้ว่าตนเป็นโรคที่จะต้องเสียชีวิต
ในเวลาอีกไม่นาน ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดทันเวลาและเขาต้องตายไปก่อนที่คนรอบข้างจะรู้เรื่องเพราะเขากลัวการเจ็บทรมานในห้องผ่าตัดนั่นเอง

ดังนั้นในยุคที่แพทย์ยังไม่รู้จักใช้ยาสลบแพทย์จึงได้ใช้ฝิ่น มอร์ฟีน แอลกอฮอล์ ก๊าซ nitrous oxide และการสะกดจิตในการบํ าบัดหรือขจัดความเจ็บปวดของคนไข้ก่อนจะลงมือผ่าตัด เช่นในปี พ.ศ. 2387 Sir Humphrey Davy ได้ทดลองใช้ก๊าซ nitrous oxide เป็นยาดมที่ทํ าให้คนไข้หมดสติ ส่วนทันตแพทย์ H.Wells ก็ได้เคยทดลองใช้ก๊าซชนิดนี้กับตนก่อนให้หมอถอนฟัน และเขาก็ได้พบว่า เมื่อเขาฟื้นคืนสติ เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเพราะอาการถูกถอนฟันเลย C.Long ก็เป็นแพทย์อีกท่านหนึ่งที่ได้เริ่มทดลองใช้ก๊าซอีเทอร์(ether) ในการผ่าตัดเนื้องอกที่คอคนไข้โดยเขาให้คนไข้หายใจเอาก๊าซอีเทอร์เข้าอย่างต่อเนื่องจนคนไข้หมดสติ และเขาได้พบว่าขณะผ่าตัดคนไข้ไม่รู้เจ็บปวดแต่อย่างใด แต่ Long มิได้เผยแพร่ผลงานวิจัยที่เขาพบ ดังนั้นในวงการวิชาการจึงไม่มีใครรู้ว่าอีเทอร์สามารถทํ าให้คนสลบหมดสติได้

บุคคลแรกที่ได้แสดงให้โลกประจักษ์ว่า อีเทอร์ เป็นยาสลบขนานดีที่แพทย์สามารถนํ าไปใช้เวลาจะผ่าตัดคนไข ้ คือ William T.G. Morton และผลการค้นพบนี้ได้ทํากระบวนการทารุณทรมานคนไข้ในห้องผ่าตัดได้หมดสิ้นจากโลกไปตั้งแต่นั้นมา

Morton เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2362 ที่เมืองCharlton ในรัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา เขาสํ าเร็จการศึกษาเป็นทันตแพทย์เต็มตัวเมื่อมีอายุได้ 23 ปี และมีความถนัดด้านการประดิษฐ์และใส่ฟันปลอม แต่ในการที่จะใส่ฟันใหม่ให้คนไข้นั้นเขาต้องถอนฟันเก่าๆ ทิ้งก่อน และนี่ก็คือปัญหา เพราะเหตุว่าในสมัยนั้นยาชายังไม่มีใช้ฉีดและทันตแพทย์ก็ยังไม่รู้จักยาสลบที่มีประสิทธิภาพ ทันตแพทย์ยุคนั้นจึงนิยมให้คนไข้ดื่มแอลกอฮอล์จนเมาหรือให้สูบฝิ่นจนลืมเจ็บหรือในบางคร้งแพทย์ใช้วิธีสะกดคนไข้ไม่ให้รู้สึกเจ็บเวลาถูกถอนฟัน Morton คิดว่า ก๊าซ nitrous oxide ที่ทันตแพทยใ์นสมัยนั้นนิยมใช้ มีประสิทธิภาพไม่ดีพอที่จะทำให้คนไข้หมดสติได้นาน เขามีความประสงคจ์ะหายาสลบชนิดใหม่มาใช  และเมื่อแพทย์บางท่านในสมัยนั้นได้เสนอให้ใช้อีเทอร  Morton จึงได้ทดลองใช้อีเทอร์กับสุนัขก่อน และเมื่อได้ผลดีเขาจึงนําไปทดลองกับคน

ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2389 นั้นเอง Morton ก็ได้ “เหยื่อ” ระยะแรกๆ คนไข้ชื่อ Eben Frost มีอาการปวดฟันมาก เขาปวารณาตนให้ Morton กระทําเขาได้ทุกรูปแบบเพื่อให้เขาหายปวด Morton จึงให้ Frost สูดหายใจอีเทอร์เข้าไปจนหมดสติ แล้วเขาจึงลงมือผ่าตัดฟัน และเมื่อ Frost ฟื้นคืนสติ เขาได้รายงานว่า เขาไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดอะไรเลย

ข่าวความสําเร็จนี้ได้รับการรายงานในหนังสือพิมพ์ในเมือง Boston อย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังไม่มีแพทย์ใดให้ความสนใจข่าวนี้นัก จนกระทั่งเมื่อ Morton ประสบความสํ าเร็จในการใช้อีเทอร์ผ่าตัดคนไข้อีกหลายครั้ง ชื่อเสียงของ Morton ก็ได้แผ่ขจรกระจายเขาได้ขอจดทะเบียนสิทธิบัตรการค้นพบอีเทอร์เป็นยาสลบ แ่พทยแ์ละโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ใช้อีเทอร์ไม่ยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์ใดๆ การต่อสู้ฟ้องศาลในเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นติดต่อเป็นเวลานานจึงทำให้ Morton ต้องหมดเนื้อหมดตัว และหมดแรงในที่สุด เขาเสียชีวิตในปีพ.ศ. 2411 ขณะที่มีอายุได้เพียง 49 ปี

อีเทอร์ ที่ Morton พบว่าสามารถใช้เป็นยาสลบได้ดีนั้น ได้ปฎิวัติปฎิรูปวิธีการผ่าตัดคนไข้มาก ถึงแม้ว่าในปัจจุบันแพทย์จะใช้ยาสลบชนิดอื่น ๆ ก็ตาม แต่อีเทอร์ก็ได้เป็นยาสลบที่แพทย์ใช้มานานกว่า 100 ปี เพราะอีเทอร์ นอกจากจะมีคุณสมบัติว่าใช้ง่ายและขนย้ายติดตั้งก็ง่าย แล้วมันยังเป็นยาสลบที่ปลอดภัย แต่สํ าหรับคนบางคนเมื่อหายใจอีเทอร์เข้าไปมากๆ ก็อาจจะเกิดอาการข้างเคียง เช่น อาเจียน เป็นต้น Morton จึงได้รับการยอมรับ จากผลงานที่เขาเผยแพร่ว่าเป็นบุคคลแรกที่ได้นํ าวิทยาศาสตร์มาใช้ในการควบคุมความเจ็บปวดของมนุษย์เขาเป็นบุคคลแรกที่ได้นํ าเทคนิคใหม่มาใช้ในการปฏิรูปการผ่าตัด ซึ่งถ้าไม่มียาสลบ การผ่าตัดที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนและกินเวลานานก็จะทํ าไม่ได้เลย

เรื่องที่แปลกแต่จริง เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับยาสลบมีว่า ถึงแม้แพทย์จะรู้ว่า ether, halothane, nitrousoxide หรือ chloroform สามารถทํ าให้คนหมดสติมานานร่วม 150 ปี แล้วก็ตาม แต่หากเราถามแพทย์ว่ายาสลบต่างๆ นั้นทํ างานอย่างไร แพทย์ก็จะบอกว่า ไม่รู้ เพราะถึง ณ วันนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ดีว่า ยาสลบทําให้คนไข้หมดสติได้อย่างไร ข้อมูลพื้นฐานที่เราๆ รู้ก็คือ เวลาคนไข้สูดดมยาสลบเข้าไปถึงระดับหนึ่ง เขาก็จะหมดสติไม่กระดุกกระดิกร่างกาย หรืออวัยวะใด และเขาจะไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดอะไรเลยขณะหมอผ่าตัดเขา การสูดดมยาสลบเขา้ ไปจะทำให้กล้ามเนื้อเขาผ่อนคลาย ความดันเลือดจะลดอัตราการเต้นของหัวใจ คนไข้จะหายใจช้าลงและที่สุดของที่สุดคือ คนไข้จะจำอะไรไม่ได้เลย เวลาที่ฟื้นคืนสติมา และหากเราถามเกี่ยวกับคุณสมบัติทางกายภาพของยาสลบนี้ แพทย์ก็จะตอบเลี่ยงๆ ว่า มันสามารถละลายในนํ้ ามันมะกอก (olive oil) ได้ดี

ในวารสาร New Scientist ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2542 R. Leamer นักชีวเคมีแห่ง Scripps Research Institut ที่ La Jolla ในแคลิฟอร์เนียได้รายงานว่าเขาได้พบสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ oleamide ในนํ้าที่อยู่ในกระดูกสันหลัของแมวซึ่งเขาคิดว่าเป็นสารลึกลับที่สามารถแก้ปัญหาการหมดสติสัมปชัญญะของคนได้ เพราะเวลาเขาฉีด oleamide เข้าเส้นเลือดแมวหรือสัตว์อื่น ๆ สัตว์จะหลับทันทีและอุณหภูมิของสัตว์จะลด แต่เขายังไม่ได้ทดสอบสารนี้กับคน อนึ่ง เขายังได้พบอีกว่าในกระดูกสันหลังของคนก็มี oleamide เช่นกัน

Leamer ยังได้พบอีกว่าโมเลกุลของ oleamide และยาสลบทั่วไป เมื่อเข้าสู่ร่างกายคนมันจะพุ่งไป
หาเซลล์ประสาทเพื่อทํ าให้หลายส่วนของเนื้อเยื่อที่ห่อหุ้มเซลล์เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติงาน
ยกตัวอย่างเช่น
ไปทําให้กระบวนการส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์ประสาทต่างๆ เปลี่ยนแปลง คือให้ส่งด้วยความถี่ที่
ลดลงหรือไปทําให้การส่งผ่านอิออนของ chlorine ในสาร serotonin ดีขึ้น ทําให้คนที่ดมยาเข้าไปหลับเร็วขึ้น
ในทํ านองเดียวกันยาสลบอีเทอร์ก็สามารถทํ าให้ช่องผ่านระหว่างเซลล์ที่ใช้สํ าหรับการผ่าน sodium ปิดทําให้
ทำให้เซลล์ประสาทไม่ได้รับ acetylcholine ที่ร่างกายใช้ในการกระตุ้นเซลล์ประสาท และในขณะเดียวกันก็จะไปเปิดช่องผนังเซลล์ที่จะทำให้ chloride ผ่าน มีผลทำให้เซลล์ประสาทอื่น ๆ ไม่ทำงาน เป็นต้น

ขณะนี้ Leamer คิดว่าโครงสร้างโมเลกุลของสารนี้ เมื่อเข้าไปในสมองจะมีผลทําให้คนหมดสติและ
ถึงแม้ว่า การหลับและการสลบจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกันทีเดียวนักก็ตาม แต oleamide ก็เป็นสารเคทีเราพบในร่างกายคนด้วย ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อคนเช่นเดียกับยาสลบ และเขายังได้พบอีกว่า oleamide คือ
ยาสลบอย่างอ่อนที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อที่จะต้องการพักผ่อนและสารนี้มีโครงสร้างคล้ายยาฉีด anadamide ที่แพทย์ใช้ฉีดยาบําบัดความเจ็บปวดของคนไข้ รวมทั้งสามารถละลายในนํ้ ามันมะกอกได้ดีอีกด้วย
Leamer คิดว่าเขายังต้องวิจัยคุณสมบัติของ oleamide อีกมาก ในอดีตนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า
เมื่อสมองผลิต endophins คนที่ติดเฮโรอีนและมอร์ฟีนจะรู้สึกสุข ดังนั้นจึงอาจจะเป็นไปได้ว่า เมื่อสมองผลิต oleamide คนก็จะสลบหมดสติครับ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล //www.ipst.ac.th วิทยาศาสตร์น่ารู้ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2549 2:20:51 น. 4 comments
Counter : 1392 Pageviews.

 
สวัสดีครับ ลุงกล้วยมารับความรู้เพิ่มครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:31:30 น.  

 
ขอบคุณลุงกล้วยที่แวะเข้าเยี่ยมบล็อคผมครับ (นึกว่าจะไม่มีใครตอบแล้ว เพราะเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกิน)


โดย: postmaker วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:12:25 น.  

 
น่าสนใจมากๆค่ะ


ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ


โดย: -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:26:37 น.  

 
ขอบคุณ น้องโซยุ&วาซาบิจัง ที่เข้ามาชมบล็อคพี่เช่นกันครับ


โดย: postmaker วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:00:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MaThilDra
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MaThilDra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.