Ninja!
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ทำไมเศรษฐีกลายเป็นยาจกได้

คนรวยมากๆ ไม่ใช่จะรวยได้ตลอดชีวิตเสมอไป ความพลิกผันในเรื่องเงินที่เกิดขึ้นกับคนเหล่านี้จนล้มละลายมีบทเรียนให้ศึกษา

George Foreman แชมป์มวยผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในรุ่นเดียวกับ โมฮัมเหม็ด อาลี ต้องกลับมาชกมวยอีกครั้งตอนอายุ 45 ปี เพราะหมดตัวหลังจากได้เงินจากการชกมวยรวมนับร้อยล้านเหรียญสหรัฐ กลับมาคราวนี้ถึงแม้จะเจ็บตัวอยู่หลายไฟต์ แต่เขาก็พอมีเงินอีกครั้งและนำเงินไปลงทุนเปิดร้านขายแฮมเบอร์เกอร์จนไปได้ ดี

เศรษฐีอเมริกันหลายคนจบชีวิตลงอย่างยากไร้ ไม่ว่าจะเป็น Thomas Jefferson, Mark Twain, Debbie Reynolds, Mike Tyson, Michael Jackson ฯลฯ

Mike Tyson เคยชกครั้งหนึ่งได้ 30 ล้านเหรียญ เขารวยได้เงินมานับร้อยล้านเหรียญ แต่ในปี 2004 เขาล้มละลาย โดยแจ้งต่อศาลว่า มีหนี้ 27 ล้านเหรียญ ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้คือภาษีที่ค้างจ่าย เขาบอกว่าเดือนหนึ่งต้องใช้จ่ายเงินประมาณ 400,000 เหรียญ

Michael Jackson อีกรายที่กำลังมีปัญหาการเงิน ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเขามีหนี้ 270 ล้านเหรียญ โดยกู้มาเพื่อลงทุนซื้อลิขสิทธิ์เพลง ของ The Beatles และที่ดินนับพันเอเคอร์ที่เขาตั้งชื่อว่า Neverland ในปี 2005 เขาไม่ชำระหนี้จนจะถูกยึดที่ดินและกำลังเป็นปัญหากฎหมายกันอยู่

เรื่องเล่าเหล่านี้เล่ากันไม่จบ มีอีกมากมายทั้งไทยและเทศ คำถามก็คือเกิดอะไรขึ้นกับคนรวยเหล่านี้จนมีหนี้ท่วมตัว? ทำไมบางคนจึงจบลงด้วยความสิ้นเนื้อประดาตัว?

David Latko ให้คำตอบข้างต้นในหนังสือของเขาชื่อ "Every Body Wants Your Money" Latko บอกว่ามีอยู่ 5 หนทางที่ทำให้บุคคลหนึ่งร่ำรวยขึ้นมา คือ (1) รับมรดก (2) แต่งงานกับคนรวย (3) โกงเขามา (4) ถูกลอตเตอรี่ (5) ได้มาด้วยลำแข้ง

เขาบอกว่าเฉพาะรวยจากหนทางที่ (5) เท่านั้นที่ยั่งยืน คนที่รวยจากหนทาง (1) ถึง (4) มีทางโน้มที่จะผลาญเงินที่ได้มาหมด คนที่รวยด้วยตนเองมักจะดูแลเงินที่มีเป็นอย่างดี แต่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่รักษาความร่ำรวยไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะพวกที่ได้เงินมามากๆ ในเวลาอันสั้น ดั่งเช่น ดาราภาพยนตร์ นักมวย นักกีฬา นักดนตรี คนถูกลอตเตอรี่ ฯลฯ

พวกนี้ถ้าไม่มีคนดูแลเรื่องเงินให้เป็นอย่างดีแล้ว มักไม่มีอะไรเหลือ ในปี 1991 Warren Buffet อภิมหาเศรษฐีอเมริกาผู้รวยจากหุ้นบอกว่า ตามที่เขาเห็นมา หนี้กับเหล้า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐีเหล่านี้สิ้นเนื้อประดาตัว เขาเห็นว่า "มนุษย์ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ถ้าเก่งจริงก็จะหาเงินได้โดยไม่ต้องไปกู้ยืมเขามามากมาย ผมไม่กู้เด็ดขาด และไม่คิดว่าตนเองจะมีความสุขมากขึ้นเสมอไป ถ้าได้อะไรมากขึ้น"

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสาเหตุแรกของการถังแตกของเศรษฐีก็คือ คนรวยนั้นมีความแตกต่างจากพวกเราตรงที่มี Egos (ความเห็นหรือความรู้สึกเกี่ยวกับความสามารถและความสำคัญของตนเอง) มากกว่า การมีจิตวิทยาเช่นนี้ทำให้คิดว่า ตัวเองรู้ทุกอย่าง แต่ความจริงก็คือไม่ได้รู้ทุกอย่าง หลายคนจึงลงทุนผิดพลาดซ้ำซาก เพราะสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครๆ ก็ได้ทั้งนั้น

สาเหตุที่สองก็คือความสำเร็จทางการเงินทำให้ตนเองเกิดความเชื่อว่าตนเอง ยากที่จะทำอะไรผิด (หรือเป็นไปไม่ได้เลย) ถึงแม้จะมีหลักฐานว่ากำลังจะตัดสินใจลงทุนผิดพลาด หรือสิ่งที่ได้ลงทุนไว้แล้วกำลังจะมีปัญหาก็จะไม่ยอมรับ เพราะความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้ยอมรับไม่ได้

นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าจะมีเงินสดไหลเข้ามาเสมอ ดังนั้น จึงสามารถใช้จ่ายเงินได้มากมายไปก่อนด้วยการกู้ยืม เพราะตนเองมีหลักทรัพย์เพียงพอที่สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หนี้ของคนรวยจึงเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เช่นนี้ และหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเพราะไม่มีเงินไหลเข้ามาเพื่อชำระหนี้ หรือถึงมีเงินไหลเข้ามาก็ถูกใช้จ่ายไปอีกจนหมด การชำระหนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ปัญหาการเงินจึงเกิดขึ้นทันที

นักจิตวิทยาบอกว่าเศรษฐีคนใดจะมีปัญหาหรือไม่ ให้มองย้อนไปในอดีตในตอนวัยเด็กและตอนเติบโตว่า "ข้อความ" ที่เขาได้รับเกี่ยวกับเงินแต่เยาวัยนั้นเป็นอย่างไร และให้พิจารณาประกอบกับลักษณะทางอารมณ์ของตัวเขา ทั้งหมดนี้พอบอกได้ว่าเขาจะจัดการเรื่องเงินได้ดีเพียงใดในตอนเป็นผู้ใหญ่

ถ้าในวัยเด็กถูกสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ถูกสอนว่าเงินเป็นสิ่งหามาได้ยาก ก็จะมีทางโน้มสู่การหวงแหน และทนุถนอมเงินที่ตนเองได้รับ แต่ถ้าไม่ถูกสอนเลยหรือถูกสอนว่าเงินเป็นเรื่องง่ายๆ พ่อแม่มีมากมายให้ใช้ ดังนั้น จึงขอให้ใช้ได้อย่างสบายใจ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อโตขึ้นก็จะไม่รู้จักคุณค่าของเงิน และมีทางโน้มที่จะรักษาเงินไว้ได้ยากเมื่อโตขึ้น

นักจิตวิทยาทางการเงินผู้ให้คำแนะนำแก่เศรษฐีบอกว่า ในสังคมที่บุคคลต้องใช้จ่าย เพื่อแสดงฐานะของความเป็นเศรษฐีของตนเอง ไม่ว่าในเรื่องการอยู่กินหรือมีบ้านมีรถยนต์เพื่อให้ได้รับการยอมรับ มีโอกาสที่เศรษฐีจะเกิดปัญหาการเงินได้ง่ายกว่าในสังคมที่การยอมรับอยู่บน พื้นฐานของคุณธรรม

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือหมดตัวนั้นโดยแท้จริงแล้วก็คือบุคคลที่ไม่รู้สึกลงตัวกับการมีเงิน

กล่าวโดยสรุปได้ว่าถึงแม้จะเป็นเศรษฐีแต่ก็สามารถล้มละลายได้เสมอหากไม่ ระวังตัวให้ดี สิ่งที่จะทำให้เป็นปัญหาก็คือ การก่อหนี้โดยเชื่อมั่นว่า มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่มากมาย จนถึงแม้จะกู้มาใช้จ่ายอย่างสนุกมือก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดปัญหาในองค์กรเองหรือจากภายนอก หลักทรัพย์นั้นอาจมีมูลค่าลดลง และ/หรือเงินสดที่ไหลเข้า อาจลดลงจนไม่พอชำระหนี้ หนี้ก็จะพอกพูนขึ้นจนในที่สุดก็ไม่สามารถชำระหนี้ได้

เศรษฐีจะรวยได้ยั่งยืนก็คือเศรษฐีหัวไม่โต รู้จักการให้ ไม่เชื่อในเรื่องเป็นหนี้ อยู่กินอย่างพอเหมาะ ไม่ลงทุนอย่างสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะความโลภบังตาและบังใจ ไม่เล่นการพนัน และสุดท้ายมีสติเสมอ นี่คือข้อสรุปของบรรดาผู้ไม่ได้เป็นเศรษฐีแต่เห็นชัดเพราะอยู่ข้างนอกว่า เศรษฐีหมดตัวเพราะเหตุใด


หลายๆคนก็รวยไม่นานครับ สิ่งที่ผมวิเคราะห์ได้ก็คือ

1. คนที่รวยไม่นานมักขี้อวด ทำธุรกิจเพิ่งมีรายได้ดี ก็เอาเงินไปซื้อรถแพงๆมาขับอวด แทนที่จะสะสมทุนเพื่อให้รากฐานธุรกิจมั่นคง เพราะธุรกิจไม่ใช่ดีตลอดไป มันมีวัฏจักรขึ้นลง

2. คนที่รวยไม่นาน มักไม่ค่อยคำนวณตัวเลข เวลาซื้อรถยนต์จะมองแต่เงินดาวน์ ไม่ได้มองราคารถ ทั้งหมด อย่างเช่น รถ BMW เขาก็มองแค่มีเงิน 1 แสน ดาวน์ก็ออกรถมาได้ ขับไปได้สักพัก ผ่อนไปสามแสน ก็ไม่มีเงินผ่อนต่อ โดนยึด เงินสามแสนก็สูญไปหมด

3. คนที่รวยนาน ส่วนมากผมสังเกตุว่า คนพวกนี้ มักทำบุญให้ทานสม่ำเสมอนะครับ ผมเองก็มีความเชื่ออย่างนี้ ก็ทำบุญให้ทานมาตลอดเป็นสิบๆปีแล้ว ก็เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เชื่อมั่นเข้าไปอีกนะครับ เพื่อนๆ น้องๆ ก็อย่าลืมสะสมบุญกันไว้บ้างครับ ไม่ต้องทำเกินตัวจนกลายเป็นบ้าบุญไปนะครับ





Create Date : 12 เมษายน 2550
Last Update : 30 เมษายน 2550 0:30:35 น. 19 comments
Counter : 1643 Pageviews.

 

แล้วคนที่ไม่รวยแต่ชอบทำบุญเนี่ยมีหวังรวยกับเค้าได้อะป่าวอะ ตะเอง

ปล.. เราไม่กินปลาอะ เลยไม่เอาอะไข่ปลาคาเวียอะ..

เราชอบกินข้าวห่อสาหร่ายที่มีไข่กุ้ง ต่างหากละ..


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:21:23:03 น.  

 
อืม เป็นบทความที่ดีนะพี่ แต่เด็กดื้ออย่างหนูก็แอบสงสัย(อีกแล้ว)^^

-เพื่อนหนูคนนึง (บ้านรวยมาก)เคยบอกว่าคนที่รวยด้วยตัวเองหรือเคยลำบากมาก่อน ต่อให้รวยยังไงก็ไม่มีทางมีความสุขเท่าคนที่รวยตั้งแต่เกิด เพราะเวลาจะใช้เงินมากๆ เช่น ซื้อรถเบนซ์ คนที่รวยด้วยตัวเองจะรู้สึกเสียดายและรู้สึกผิดตลอดไม่ว่าจะรวยแค่ไหน พี่โพสคิดว่าไงคะ?

-ตอนเด็กๆ(ตอนนี้ด้วย) หนูว่าพ่อหนูสอนเรื่องเงินไม่ค่อยเหมือนกับคนส่วนใหญ่นะ พ่อจะให้ค่าขนมเยอะตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ซื้อให้ แต่พ่อจะบอกว่าที่ให้ค่าขนมเยอะ ซื้อของที่อยากได้ให้ ไม่ได้ต้องการให้ลูกเป็นคนฟุ่มเฟือย แต่พ่อบอกว่าพ่อเคยเห็นผู้หญิงที่ยอมผู้ชาย เพียงเพราะอยากสบายหรืออยากได้ของแพงๆ พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น พ่อถึงเลี้ยงลูกให้สบาย แต่พ่อจะสอนว่าห้ามยืมเงินคนอื่นเด็ดขาด แล้วกับแฟนให้พยายามช่วยออกเงินอย่าให้เขาเลี้ยงตลอด ห้ามขอให้เขาซื้ออะไรให้ (หมายถึงของแพงๆนะ)พี่โพสคิดยังไงกับการสอนลูกแบบนี้ (ตอบตรงๆได้หนูไม่โกรธ สัญญาๆ สมมุติว่าคนถามไม่ใช่หนูแล้วกัน)


โดย: น้องผิง วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:22:59:21 น.  

 

ดีจัยหมดเลยนึกว่าได้เจอตะเอง...แต่ที่ใหนได้ เจอข้าวห่อไข่กุ้ง..สะนี่ ...แต่ว่านะ..

มันก็อร่อยดีมะช่ายเหรอ แบบเนี่ย เอาผู้ชายมาแลกก้มะยอมอานะ..เอิ๊กๆๆๆ


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:23:17:26 น.  

 
พี่โพสอัพบลอคสาระอีกแล้ว เอาจริงๆเนี่ย กระต่ายไม่ค่อยถนัดอ่านอะไรที่มีสาระเล้ย จริงๆนะคะ


แต่อ่านๆไปก็เห็นด้วยกับ 3 ข้อสุดท้ายน่ะแหละ(ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองอีกและ)


โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:23:35:42 น.  

 
ขอตอบน้องผิงละกันน้า

- คนที่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเองกับคนที่ใช้(ผลาญ) ย่อมคิดไม่เหมือนกันครับ คนหาอะไรมาได้ด้วยตัวเองย่อมเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตัวเองหามาได้มากกว่าคนที่ไม่เคยหาอะไรหรือสร้างอะไร ๆ มาได้ด้วยตัวเองครับ
ดูอย่างพ่อพี่ เชื่อใหม ของทุก ๆ อย่างที่ใช้มา บางอย่างใช้มาเป็นสิบ ๆ ปีเช่น ตู้เย็น ทีวี ฯลฯ กว่าจะเปลี่ยนรุ่นใหม่เครื่องใหม่ได้ ต้องให้มันหมดอายุขัยไปเองเลยนะไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะเปลี่ยน และพอเปลี่ยนรุ่นใหม่ได้แล้ว รุ่นเก่าหล่ะบางอย่างพ่อผมยังเก็บเอาไว้เลย(ตอนนั้นผมยังรู้สึกรำคาญเลย) เพื่อที่รอขายซาเล้งรับซื้อของเก่า อะไหล่บางตัวไม่น่าเชื่อว่ายังเป็นเงินได้ หลัง ๆ พอพี่ได้หาเงินด้วยตัวเองและผจญชีวิตด้วยตัวเองถึงเข้าใจพ่อได้มากขึ้นครับ

- พ่อน้องผิงแนวคิดในการเลี้ยงลูกจะเหมือนพ่อพี่นะ เรื่องกินเรื่องค่าขนมเรื่องเล็ก และที่สำคัญแอนตี้เรื่องยืมตังค์คนอื่นมาก ๆ เลย แต่พ่อพี่จะไม่ให้ค่าขนมเยอะเหมือนพ่อน้องผิงนะ(เคยอ่านในบล็อคก่อน ๆ ของน้องผิงแล้ว) และของเล่นซักชิ้น เชื่อใหมน้องผิง พ่อพี่ไม่เคยซื้อให้พี่เลยซักชิ้นตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ส่วนมากพี่เก็บเงินเองจากค่าขนมที่พ่อให้มามากกว่า พี่ก็เข้าใจพ่อน้องผิงนะ ลูกโทน /ยุคสมัยก็เปลี่ยนไปมาก / ไม่ต้องการให้น้องผิงเตลิดหาทางออกทางอื่นเช่นเห็นเพื่อน/แฟนดีกว่าพ่อแม่ เข้าทำนองเลี้ยงลูกสาวตัวเองมาอย่างดีจนโตขึ้นแต่งงานคงไม่ยอมให้ไปล้างจานบ้านคนอื่นเด็ดขาดถ้าได้แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ตอนแรก ๆ พี่อ่านกระทู้แรก ๆ ของน้องผิงพี่ยังมองว่า พ่อแม่ตามใจมากเกินไป แต่พอติดตามไปเรื่อย ๆ พี่ว่า พ่อแม่น้องผิงเข้าใจน้องผิงมาก ๆ เลย(ดูจากเรื่องรักครั้งแรกของน้องผิง) ตามยุคตามสมัยมากนะ พี่ว่าจะตามใจมากตามใจน้อยก็แล้วแต่ ความเข้าใจในตัวลูกคือ "ภูมิคุ้มกัน" ที่ดีที่สุดครับ เพียงแต่ว่า การให้อาจจะมีมากเกินไปจนน้องผิงเองอาจจะมองข้ามในความยากลำบากในสิ่งที่พ่อแม่หามาให้ อยู่ที่ตัวน้องผิงเองครับว่าจะเห็นคุณค่าในสิ่งที่พ่อแม่สร้างมาให้มาได้แค่ไหน พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเราไปจนแก่นะ พ่อแม่ส่งเสียน้องผิงเรียนจบสร้างอาวุธทางปัญญาให้น้องผิง ๆ ก็ต้องหาเงินให้ได้มากกว่าหรือเท่ากับสิ่งที่พ่อแม่หามาให้ได้นะ ยิ่งน้องผิงบอกว่าไม่อยากทำงาน แต่พี่มองว่าน้องผิงสมควรทำงานมากที่สุดเลย(ถ้าสงสัยเพราะอะไร น้องผิงต้องกลับไปอ่านคำตอบที่1) นอกเสียจากว่าน้องผิงจะเจอแฟนดีเหมือนพ่อน้องผิง อย่างนั้นก็โชคดีไปครับ


โดย: postmaker วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:23:55:38 น.  

 
หุหุหุ

อยู่อย่างพอเพียงดีกว่าละ ไม่อยากรวยมาก แต่อยากอยู่ที่สบาย


โดย: nakwan6 วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:6:59:06 น.  

 
ขอบคุณคะ ได้ข้อคิดดีๆเยอะเหมือนกัน^^

ปล.รู้สึกว่าน้องไม่เคยใช้อีโมชั่นในการประกอบการเขียนบล็อคนะ

อะไรคืออีโมชั่นเหรอคะ งงๆๆๆ


โดย: น้องผิง วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:10:28:56 น.  

 



สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

ฤดูกาลผันผ่าน อาจเปลี่ยนวันวานตามไปได้
แต่ตราบใดที่ * มิตรภาพ* ยังไม่เปลี่ยนไป
ความรู้สึกว่า 'คิดถึง ห่วงใย' เป็นอย่างไร
ก็จะยังคงเป็นเช่นนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง



** มีความสุขมากๆในวันหยุดพักผ่อนนะจ้า **




โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:11:58:43 น.  

 



เอาหนุ่มหล่อมาหลอกล่อเราแล้วก็ทิ้งไปแต่งกับสาวหน่อย


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:13:30:04 น.  

 

อยากได้ BG ออกแนวแฟนตาซี ครับ


แฟนตาซี มะมีมีแต่ อันนี้อะนะ




ใช้แทนกานได้ปะ


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:14:07:05 น.  

 
สวัสดีจ้า
รับ tag เพิ่มหรือป่าวคะ

ได้โปรดรับไปเล่นสนุก ๆ น่า


โดย: nakwan6 วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:18:57:16 น.  

 
^
^
^
^
^
^
^

ฮ้าๆๆๆๆๆๆ ตะเอง โดน tagggggg วู๊ยยยยยย ดีจายสุดๆๆๆ


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:21:52:39 น.  

 
ขอไว้อาลัยให้แก่ลูกชายสุดที่รัก!!!!



จงไปสู่สุขคติสู่ภพที่ดีกว่า หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นคนมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมนะ จะไม่มีวันลืมเจ้าเลย!!!




โดย: postmaker วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:1:20:20 น.  

 

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะจ้าที่ลูกชาย( เหมียว ) จากไป

..เดินไปกุมมือ..เป็นกำลังใจให้น๊าตะเอง


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:3:25:52 น.  

 
เสียใจด้วยน่า


โดย: nakwan6 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:8:37:50 น.  

 
เข้ามาอ่านไว้เป็นอุทธาหรณ์ วันไหนรวยจะได้ระวังตัว 55

น้องแมวเป็นอะไรไปคะ โถ่..ลูก..เลี้ยงแมวเหมือนกันค่ะ ตัวอื่นล้มหายตายจากไปหมดแล้ว ปะคบปะหงมสุดขีด ตอนนี้เหลืออยู่ตัวเดียว กลัวมันเป็นอะไรไป เสียใจด้วยคะ



โดย: รถเมล์สาย 170 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:11:26:47 น.  

 



สวัสดีตอนค่ำของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า

กับวันเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทำให้เรารู้ซึ้งว่า "มิตรภาพ" มีค่าแค่ไหน
แม้วันเวลาหมุนเวียนผันผ่านเลยไป
แต่ความรู้สึกในใจเราจะคงมั่น ไม่มีลืม



** มีความสุขในวันแรกของการทำงานนะจ้า **


ทามรัยอยู่อะตะเอง

เมื่อไหร่ ส่ง tag น้องเค้าอะ.. แบบว่า เรารอดูอยู่น๊า


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:0:32:40 น.  

 

5555 เคยอ่านแล้วนะ รู้สึกว่าจะเป็นของน้อง พีท ถ้าจำมะผิด

เรื่อง Tag เนี่ย เรารอดตัวเพราะว่า..tag เล่าเนี่ยไม่ต้อง tag ก้เห้นเราอยู่แล้ว..เอิ๊กๆๆๆ


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:1:34:51 น.  

 
รวยทำบุญให้ทานกับคนอื่นแต่กับลูกตัวเองทอดทิ้งไม่ส่งเสียนี่ยังจะรวยนานมั้ย


โดย: ลูกที่ถูกพ่อเศรษฐีทิ้ง IP: 1.46.234.131 วันที่: 29 มีนาคม 2564 เวลา:18:17:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MaThilDra
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MaThilDra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.