Blood Diamond : มิตรภาพไม่มีอยู่ในฝูงโจร
IMDB Rating: 8.0/10 (58,890 votes) , ส่วนตัว 9.5/10
ว่าจะเขียนมาตั้งนานแล้วสำหรับเรื่องนี้แต่ไม่มีโอกาสเสียทีสำหรับ Blood Diamond (เทพบุตรเพชรสีเลือด)
แอฟริกา ดินแดนที่ถูกชาวต่างชาติเข้ามาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวมากมาย โดยเฉพาะเพชร ซึ่งตัวเลขของผู้ค้าเพชรทั่วโลก 2/3 ที่นับได้เป็นชาวอเมริกัน ที่ใดในแอฟริกาถูกค้นพบสิ่งของอันมีค่า คนท้องถิ่นแถบนั้นต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก อันเป็นฝีมือของกลุ่ม RUF กลุ่มกบฏที่ต้องการสิ่งของอันมีค่า นำไปแลกกับอาวุธสงครามเพื่อนำมาใช้ในการต่อสู้กับรัฐบาล
"โซโลม่อน" ถูกกลุ่มกบฏ RUF จับไปเป็นคนขุดหาเพชร ทั้งยังจับลูกชายไปล้างสมองให้มีอุดมการณ์เดียวกับพวกมัน แต่แล้วความบังเอิญที่เขาได้ขุดพบกับ เพชรเม็ดชมพู เรื่องนี้จึงไปกระทบหูของ "อาเชอร์" นักค้าเพชรผิวขาวเข้าให้ อาเชอร์ จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เพชรเม็ดนี้มาครองครอง การได้พบกันของทั้งสองจึงเปรียบเสมือนกับ มิตรภาพอันหลอกลวง อาเชอร์นั้น เป็นอดีตทหารรับจ้างที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับวงการค้าเพชรเถื่อนอย่างโชกโชน ส่วนโซโลมอนเป็นชาวบ้านที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่เพชร ที่อยู่ในกำมือ เขานั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่จะทำให้โซโลมอนสามารถต่อรองอะไรกับใครก็ได้
เพชร คือสิ่งที่อาเชอร์ต้องการแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต แต่โซโลมอนนั้นกลับต้องการความปลอดภัยในชีวิตครอบครัวมากกว่ามูลค่าของเพชร หลายๆสิ่งที่ อาเชอร์ช่วยเหลือ โซโลมอน มาตลอด ผมคิดว่าเขารักอาเชอร์มาก แต่มิตรภาพนั้นไม่มีอยู่ในคนโลภ เมื่อความโลภของอาเชอร์มากขึ้นเท่าไหร่ โซโลมอน ยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้น....
ข้อคิดที่ชัดเจนของหนังเรื่องนี้คือ ความเห็นแก่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างอันเลวร้ายเกิดขึ้นมาเพราะสิ่งนี้เท่านั้น ความโลภของเพชรเม็ดโตทำให้อาเชอร์ต้องพบชะตากรรมเช่นนั้นรวมถึง เจ้านายเก่าของเขาและ RUF ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครได้อะไรเลย และโซโลมอนก็สมควรแล้วที่เขาจะได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด
สำหรับการแสดงของ "Leonardo DiCaprio" ในเรื่องนี้นั้น ทำให้ชื่อของลีโอ อยู่ในอันดับต้นๆของดาราฮอลลีวู้ดได้เลย ทั้งทรงพลัง หนักแน่นและเท่ห์แบบธรรมชาติมากๆ ภาพลักษณ์ของเขาในเรื่องนี้ผมยกให้สูสี แบร็ด พิทท์ ได้นะ และในปีนี้ถ้าเขาได้ออสการ์ไปก็คงจะไม่เป็นที่ถกเถียงกันเท่าไหร่
ส่วน "Djimon Hounsou" การแสดงของเขาสุดยอดไม่แพ้คนแรกเช่นกัน แม้ว่าดูเผลินๆอาจไม่ยากกว่า แต่ทางด้านการแสดงอารมณ์และสีหน้าของเขายากกว่าลีโอเป็นไหนๆ ไซมอนสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงมากๆ จุดนี้เองน่าจะทำให้เขาถูกส่งชื่อเข้าชิงหลายรางวัลอยู่เหมือนกัน
เทียบเรื่องนี้กับ The Constant Gardener ผมคิดว่าเนื้อเรื่องบางส่วน และมี Feel บางอย่างที่คล้ายๆกัน คนที่ได้ชมเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ต้องหาอีกเรื่องมาดูให้ได้ แต่หากจะเปรียบกับหนังคุณภาพขึ้นหิ้งอย่าง Shawshank Redemption แล้ว แม้การเล่าเรื่องอาจจะไม่ถูกนำไปเทียบได้ แต่ความหนักหน่วงของอารมณ์ในเรื่องนี้กลับมีมากกว่า Shawshank เสียอีก...
สรุป หนังดราม่าอารมณ์หนักแน่น ที่สามารถให้ความบันเทิงกับผู้ชมได้ทุกกลุ่ม ประกอบกับการแสดงอันยอดเยี่ยมและทรงพลังของตัวเอกทั้งสองคนนั้น ทำให้สามารถลบข้อเสียของหนังที่มีอยู่ไม่มากนักได้อย่างหมดจด ผมไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อเรื่องนี้มาเก็บไว้และชมมันหลายต่อหลายครั้ง ด้วยความยาว 2 ชั่วโมงกว่าๆไม่เป็นอุปสรรคในการรับชม และผมก็คิดว่าน้อยคนนักที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้
The Constant Gardener //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yorch0710&month=12-2007&date=06&group=1&gblog=15<
Shawshank Redemption //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yorch0710&month=12-2007&date=03&group=1&gblog=8
Create Date : 16 มกราคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 1 เมษายน 2551 16:40:11 น. |
Counter : 1898 Pageviews. |
|
|
|