Love is what makes you smile when you're tired
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
กลับมาอีกครั้ง

ไม่ได้เข้ามา blog ตัวเองนานมากเลย

แล้วพอดีวันนี้ เข้ามาอ่าน blog คนอื่น

บวกกับเกิดอารมณ์เหงามาก อีกแล้ว

เลยนึกถึงอารมณ์ที่เคยเพ้อเจ้อจนมาเขียนซะยาว

วันนี้ได้กลับไปอ่าน เลยเอามาโพสที่นี่ด้วย

พอดีเมื่อครู่ได้เข้าไปอ่านอะไรบ้างใน zboard

นึกว่าจะไปหาอะไรเบาๆ สนุกอ่านแก้เซ็ง

แต่ดันไปเจอกระทู้ของพี่หญิง tokyodome เข้า

อ่านแล้ว รู้สึก สะกิดต่อมขึ้นมาเลยทีเดียว

ไม่ได้คิดถึงแฟนเก่าค่ะ เพราะไม่มี แต่คิดถึง อดีตคนคุ้ยเคยค่ะ

เรื่องมันเริ่มจาก เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เป็นปีที่วังเวงมากค่ะ อีกนิดเดียวผีจะหลอก

ไม่มี sms ไม่มีอะไรเลย จากใครก็ตาม และตัวเองก็ เกือบจะลืมๆวันนี้ไปด้วยซ้ำ

คงเพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรให้มากุ๊กกิ๊กหัวใจเลยซักนิด

จนกระทั่ง บ่ายแก่ๆ ก็มี sms จากพี่ชายที่แสนดีส่งมาให้ แต่ด้วยความเหนื่อย เลยไม่ได้ ส่งกลับและ

ไม่ได้ โทรกลับ อยู่บนรถด้วย ขอนอนก่อนค่ะ

จนช่วงค่ำๆ มีมาอีก 1 sms ที่ทำให้ เรา คุกรุนตะกอนขึ้นมาเลยทีเดียว

sms จาก คนอื่นคนไกล๊ไกล . . . .

ตั้ง 5-6 เดือนแล้วมั้งคะ ที่เราไมได้ติดต่อกันเลย

จากที่เคย คุยกัน แม้จะห่างกันกันคนละซีกโลก

msn กัน เกือบทุกวัน ส่ง emotion กันไปมา

ส่งเมลล์กัน ถามไถ่เล่าเรื่อง

pm กันจน inbox เต็มแล้วเต็มอีก

ส่ง postcard มาให้ ตอนที่เค้าไปเที่ยวประเทศอื่น

ช่วงเวลาหนึ่งที่เราได้รู้จักกัน มันทำให้เรารู้สึกว่า นี่หรอ คือความผูกพันธ์

ยอมรับนะคะว่าก็รู้สึกดี กับคนนี้ แต่ก็ คงเพราะอดีตที่สอนให้จำ ทำให้เราโชคดี

ที่หยุดเพียงแค่ รู้สึกดี ไม่รู้ว่า ห้ามใจได้ หรือใจมันด้านชา

จนวันนึง เพราะเรื่องบางเรื่อง ทำให้เราเริ่มห่างกัน ด้วยเพราะอะไรไม่ทราบ

อยู่ๆทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเราก็พร้อมใจกัน หยุด แต่ยังไม่เลิก

เราเองก็ อืมมม คงเพราะเรื่องที่เราคุยกันวันนั้น มันทำให้เรา ตัดสินใจ

เลิกคิดอะไรไปมากว่านี้ ระหว่าง เราและเค้า เป็นเพื่อน พี่น้อง ดีที่สุดแล้ว

และจากนั้นก็ใช้ชีวิตที่มีแต่งานๆๆ เรื่อยมา ไม่มีใครผ่านเข้ามาเลยสักคน

และไม่มีใครที่สะดุดตาเลยเหมือนกัน ทำให้ เลิกคิดเรื่องมีแฟนไปโดยปริยาย

จนกระทั่ง sms นั่นแหละ ทำให้เราไม่รีรอเลย

กดโทรศัพท์ไปหาเค้าทันที เสียงที่ได้ยิน สำเนียงนั้น ประโยคแบบนั้น

พี่เค้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ทุกๆอย่างที่เป็นเค้า หวนกลับมาอีกครั้ง

กิจวัตรที่เค้าทำ ใช้ชีวิตยังไง ทำอะไร เรารู้ได้เลยทันที่ทีได้ยินเสียงเค้า

มันเหมือน ช่วงเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ถูกตัดออกไป เหมือนวันนี้

วันที่เราคุยกันอยู่นี่ เป็นกิจวัตรที่เราก็ทำกันอยู่เกือบทุกวัน

20 นาทีกว่าผ่านไปเร็วจัง ต่างคนต่างก็หมดเรื่องคุยกันแล้ว ถึงเวลาแล้วสิ

ที่เราต้องจากลา บทสุดท้ายของการสนทนายังเหมือนเดิม

พร้อมกับ ความรู้สึกที่ต่างออกไปกับการวางสายครั้งสุดท้ายเมื่อ 5-6 เดือนก่อน

ครั้งนี้ รู้สึก เคว้งๆ เหมือนกับว่า เราจะต้องมีช่วงเวลาที่ที่หายไปอีกแล้ว

และไม่รู้ว่าอีกกี่เดือน หรือเป็นปี กว่าจะได้ยินเสียงกันอีก

เหมือนกับว่า นี่คือการจบบทสนทนา ที่พ่วงการจากลาเข้าไปด้วย

หลังจากวางสายไป ก็ไม่มีอะไร มากมาย โทรไปรายงานเพื่อนสนิทด้วยความตื่นเต้น

อารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนั้นมันดีใจนะ แต่เพิ่งมารู้ตอนนี้เองว่าในใจเราร้องไห้

ไม่รู้ตัวเองจนตอนที่พิมพ์อยู่นี่ ว่า การสนทนาครั้งนั้นมันรื้อฟื้นอะไรต่อมิอะไรในอดีตของเรามามากมาย

เหมือนการคนแรงๆที่ก้นบึ้งหัวใจ ทำให้ตะกอนต่างๆมากมาย

คลุ้งขึ้นมาอย่างที่ไม่รู้เหมือนกันว่า จะกลับไปนอนก้นอีกเมื่อใด

ที่จริงแล้ว เราเริ่มถูกสะกิดมาเล็กๆก่อนหน้านี้ จาก การพบปะมื้อค่ำหลังจากวันงานมีตติ้ง

คุยกับพี่ดอจไปมา จนถึงว่าอยากไป grill and garden เลยเกิดการนัด after meeting เล็กๆขึ้นมา

แล้ว แฟ้มเพื่อนใหม่ ที่มักจะถามถึงการมีแฟน

ได้ถามคำถามเราบางอย่างว่า ทำไม ถึงจะดูมีความสุขอย่างไปป์ได้

ไม่ต้องมีแฟน ก็ดูไม่เหงาไม่เดือนร้อน

คำตอบที่ให้จากฉันคือ ชั้นไม่คิดอะไรมาก

ไม่ได้รู้สึกว่าเดือดร้อนกับการเป็นโสด เหงาเหมือนกันนะ แต่สักพักก็ลืม

ตอบไปแบบสาวมั่น อยู่คนเดียวได้สบายๆ ชีวิตคนโสดเก๋กว่าตั้งเยอะ

แต่ พอมานั่งคิด ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาอยู่คนเดียว นั่นสิทำไมถึงไม่คิดอยากจะหาแฟน

และเรื่องทั้งสองเรื่องเข้ามาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

บวกกับว่า วันนี้เป็นวันหยุดที่ได้อยู่บ้าน 2 วันเต็มๆ

ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะออกไปไหนเลย อยากลาออกจากงาน

อยากอยู่บ้านเฉยๆ ไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว

และนี่แหละมั้ง ที่เค้าเรียกว่าเหงา

มันเหงาจริงๆนะ ดูภายนอกก็ปกติ คุยเอม เล่นเนท คุยโทรศัพท์ ปกติ

แต่มันรู้สึกเหงา อ้อ ลืมบอกไปว่าช่วงนี้ ติดนิยายในเนทมากมาย

อ่านไปหลายเรื่องมาก รู้กันใช่ไม๊ว่านิยายพวกนี้ เป็นตัวกระตุ้นเซลอยากมีแฟนได้ดีที่สุด

จนเมื่อพระอาทิตย์ตก เพิ่งอ่านนิยายไปอีกเรื่อง เลยมาพักสายตา

นอนเล่นอยู่บนเตียง มองไปเห็น โทรศัพท์เลยหยิบขึ้นมาดู

เมนูที่เลือกไปคงไม่พ้น my contact แน่นอน

แล้วรายชื่อใครต่อใครก็ประดังขึ้นมา เราไล่ไปทีละชื่อ

จนทำให้คิดว่าเอ๊ะ นี่ชั้น เหงาขนาดนี้เลยหรอ

หลายชื่อที่ไม่ได้คุยกันนาน บางคนขาดการติดต่อไปเป็นปี

นี่ไมได้เน้นแต่ผู้ชายนะ โทรหาเพื่อนที่ห่างกันไปนานด้วยเหมือนกัน

อ้อ ขอบอกนิสัยเสียอย่างนึงก่อน

เวลาเราคุยกันใครได้สักพักนึง ก็จะเบื่อ และ disconnect ไปเลยโดยปริยาย

จะตลกไม๊นะ ที่จะโทรไป ตอนนี้ ไม่ได้ ว้อนท์นะคะ แค่คิดถึง

คิดถึงนี่คือ ไม่คิดจะ return ใดๆทั้งสิน ก็บอกแล้วว่าแค่คิดถึง

คนแรก คนที่สอง คนที่สาม สี่ ห้า อืมม เค้าก็สบายดี

และทำให้เห็นได้ว่า 3 ในห้าคน ทำให้เวลาที่เราไม่ได้คุยกัน เป็นช่วงเวลาที่หายไป

ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พูดจาทักทาย ทุกประโยคสามารถเดาได้

มุขเก่าๆถูกรื้อเอามาเล่นใหม่ ต่างไปก็คือ ตอนนี้ เราต่างเป็นเพื่อนที่เคยคุ้นเคยกันในอดีต

จะมีก็คือพี่อีกคนนึง ที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่

นานๆทีถึงจะคิดถึงเค้าขึ้นมา เค้าดีกับเราจริงๆ

จำได้ว่า ช่วงนั้น เรามีปัญหาไม่หนักหนาเท่าไหร่หรอก

แต่เค้าก็มาให้กำลังใจอย่างดีมาก เทคแคร์เราซะมากมาย

ซึ่ง ความที่ เด็กด้วยมั้งในตอนนั้น เลยเอาแต่ใจซะยกใหญ่

ไหนๆก็ไหนๆละ ขอเผาตัวเองหน่อยแล้วกัน

วันนั้น เราเหมือนกำลังจะพ้นช่วงดูใจกัน

นัดเดทของเราในวันนั้นคือไปดูหนังที่เดอะมอลล์บางกะปิ

เค้าเลทนิดหน่อย ซึ่งนั่น ไม่ได้ทำให้เราขุ่นเคืองหรอก

แต่การพูดโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง จะไปเจอตรงไหน อะไรยังไง

มันทำให้เราหัวเสียอย่างมาก และซ้ำไปกว่านั้น

การดูหนังครั้งนี้ได้ตกลงกันไว้ ตั้งแต่เดทครั้งก่อนว่า

จะไม่ไปดู แฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะ เรานัดจะไปดูกับน้องสาวไว้แล้ว

และยังย้ำกันในโทรศัพท์ อีกรอบ และตกลงกันว่าจะไปดูอีกเรื่องนึงจำชื่อไม่ได้

แต่พอถึงเวลา เค้ากลับ จะดู แฮร์รี่ พอตเตอร์

เท่านั้นแหละ เกิดอาการงอนทันที

พี่เค้าเป็นคนเงียบๆ(และดื้อเงียบ) นั่นคงเป็นวิธีง้อที่ดีที่สุดของเค้าแล้ว คือ นั่งเฉยๆ

แต่สำหรับเรา นั่นคือการ นิ่งไม่ทำอะไรเลย เสียเวลามาก

เลยเดินจากไป แบบไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ

หนีไปอยู่ชั้นล่างได้ 15 นาที จนมั่นใจว่าเค้าไม่อยู่แล้ว

ก็ เดินกลับขึ้นไปซื้อตั๋วเรื่องที่เราตกลงกันไว้ว่าจะดู คนเดียว

และนั่นทำให้การดูหนังคนเดียวของเราในเวลาต่อมาเป็นเรื่องปกติมาก ออกจะชอบด้วยซ้ำ

หลังจากนั้น เราไม่คุยกับเค้าอีกเลย คงเพราะตอนนั้น เราไม่ได้สนใจเค้ามากมาย

และเริ่ด เชิ่ด หยิ่งมาก ไม่ง้อ ก้อเชิ่ดใส่ค่ะ สวยด้วย คบหลายคน

จนต่างคนต่างห่างกันไป มารู้ทีหลังจากพี่อีกคนว่า หลังจากที่เราเดินหนีเค้าออกมา

เค้าก็เลย เสียใจ และไปห้องพี่อีกคนแถวนั้น ด้วยความเซ็งๆ

จนบ่ายๆ ก็โทรหาเรา แต่ปิดเครื่อง(ก็อยู่ในโรงหนังหนิ แล้วลืม เปิดเครื่องจนถึงบ้านแหนะ)

เค้าเลยคิดว่าเราโกรธมาก ไม่รู้จะทำไง( ตาบื้อเอ้ย ง้อชั้นนิดเดียวก็หายงอนแล้วย่ะ)

มาคิดตอนนี้ เราเสียใจนะ พี่เค้าเป็น คนดีมากๆเลย

และพี่อีกคนก็บอกว่า จะเป็นไรไป หนังเรื่องเดียวดูสองรอบก็ได้

เผื่อว่ายังเก็บรายละเอียดไม่หมด ซึ่งบทเรียนครั้งนี้เทำให้เรา ดูหนัง 2 รอบเป็นเรื่องปกติ 555

หลังจากนั้น เราก็ได้คุยกัน บ้าง พี่เค้าบอกว่า เค้าเสียใจที่ทำให้เราโกรธ แต่ก็

โกรธหมือนกันว่าทำไมไม่แคร์เค้าบ้างเลย และตอนนั้นพี่เค้าก็ได้งานที่ชลบุรี

อ้อ บ้านเค้าอยู่ฉะเชิงเทรา ไม่ไกลจากบ้านที่หนองจอกเท่าไหร่

เค้าจะกลับมาบ้าน นานๆครั้ง และเราเองก็เรียนเยอะด้วย ตอนนั้นยังอยู่สาทรอยู่

เลยได้แต่โทรคุยกันไปตามประสา แต่ก็อย่างที่บอกเราไม่ได้สนใจพี่เค้าเท่าไหร่

ถึงจะมีพี่คนอื่นที่รู้จักกัน บอกว่าเค้าดีกับเรามากนะ เป็นคนดีด้วยทำไมไม่ชอบหละ

เราก็ไม่รู้จะตอบอะไรได้แต่เฉยๆไป

ตะกอนชิ้นนี้แหละ ใหญ่ที่สุด ฟุ้งขึ้นมาทีไร ใจหวิวๆทุกที

ถ้าเราเปิดใจให้เค้า ป่านนี้คงไมได้ใช้ชีวิตโสดแล้วมั้ง

แต่วันนี้ก็ไม่ได้โทรไปหาเค้านะ มันเขิลๆไงไม่รู้อะ

แล้วเด๋วนี้ คือตั้งแต่ที่งอนกันครั้งนั้น พี่เค้าแบบ กวนประสาท เป็นคนละคนเลย

จากที่เงียบๆ เด๋วนี้คุยกันแต่ละที กัดกันเลือดสาด ไม่รู้ไปสรรหา teen ที่ไหนมากวน

ตายละ พิมพ์ไปพิมพ์มา มากมาย ยืดยาวเลย

แอบสารภาพนิดนึงว่า ระหว่างพิมพ์เนี่ย เศร้ามากเลยนะ

ไม่ได้เสียดายหรือเสียใจที่แห้วนะคะ แต่รู้สึกว่า ทำไม

ชั้นถึงต้องมาเหงาแบบนี้ด้วยนะ คงอย่างที่บอกหละมั้ง

คิดว่า เพราะเรื่องในอดีต สมัยยังเอ๊าะๆเยาวชน เรื่องรักในวัยเด็ก แต่เจ็บลึกจนด้านชา

หลังจากฟูมฟายเป็นบ้าครั้งนั้น ก็ เหวี่ยงตลอด สุดแค่กิ๊กเท่านั้น ก็เบื่อละ

และก็ใครว่าจะสวยอยู่คนเดียวนะคะ ถูกคนอื่นเหวี่ยงมาเหมือนกัน แต่ก็อย่างที่บอก

เพราะความด้านชา เลยไม่แคร์ค่ะ ไม่ได้หวังจะคบอะไรมากมายอยู่แล้ว

ไม่อยากเรียกว่า หัวใจด้านชาเลย ฟังดูลิเกๆ แต่ก็เป็นคำที่บอกได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้หละมั้ง

ด้านชาหรือปิดตัวเอง อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ ชีวิตโสดก็มีเหงามั่ง ตะกอนฟุ้งบ้าง

แต่สุดท้าย ตะกอนก็ต้องกลับไปนอนที่ก้นอยู่ดี นอนที่ก้นบึ้งของหัวใจ...



Create Date : 20 มีนาคม 2551
Last Update : 26 เมษายน 2551 16:59:17 น. 1 comments
Counter : 328 Pageviews.

 
นอนไม่ค่อยหลับ..แวะมาอ่านครับไปป์

อ่านมาหลาย topic แล้วอยากเมนท์ topic นี้

ผมไม่เคยคิดถึงใครแบบที่ไปป์เป็นนะ เพราะชีวิตก้อมีเขาคนเดียวมาตลอดจนถึงวันนี้ เลยไม่มีเวลาไปคิดถึงใคร
..แหะ..แหะ
ไปป์รู้ตัวหรือเปล่าว่าไปป์เป็นคนน่ารักมาก ๆ ดูจริงใจ ไม่เสแสร้ง ผมรู้สึกได้นะว่า สิ่งที่ไปป์พูดกับผม กับวิน มันมาจากความห่วงใยจริง ๆ ในวันที่ผมไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีไปป์คนนึ่งที่พร้อมจะเป็นเพื่อน มันทำให้ไม่รู้สึกเหงาแล้วก็รู้สึกดีจริงๆ

หวานไม่เป็นนะ แต่อยากบอกว่า สงสัยผมจะรักไปป์เข้าแล้วหละ


โดย: นนท์ครับ (wind beneath my wing ) วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:10:20:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

3qiqpipE
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





Friends' blogs
[Add 3qiqpipE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.