Just be yourself
ทบทวนบทความ

บทความนี้อ่านหลายรอบแล้วคะ เพราะตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว การใช้ชีวิตคนเดียวมันเป็นแบบนี้เองเพิ่งได้รู้ เลยมีคำถามถามตัวเองอยู่อย่างนึง ว่า"เรามีความสุขจริงๆไหม หรือ เราแค่หลอกตัวเอง" เหงานะคะ แต่อยู่ได้ รักษาตัวรักษาใจไว้กับตัวเองนี้แหละดีที่สุด

ชีวิตเหงาจังทำอะไรดี


ชีวิตที่เหงาเป็นชีวิตที่รอคอยหรือเปล่าคะ เรารอคอยให้คนอื่นให้ รอคอยให้คนอื่นรักเรา ถ้าเราคอยอย่างนั้นมันก็เหงาแหละค่ะ ชีวิตที่เหงาเป็นชีวิตที่ขาดความอบอุ่น ลองเปลี่ยนดูซิคะ ท่าทีของการใช้ชีวิตที่จะฝึกที่จะรักกับคนอื่น มีความสุขที่จะให้คนอื่นและระวังจิตของผู้ให้ด้วยค่ะ จิตที่คิดจะให้นั้นเบา จิตที่จะเอามันหนัก ถ้าเราคอย เราก็จะหนักด้วยความเหงาอย่างนี้นะคะ ฝึกจะเป็นผู้ที่จะรักและมีความเบาแห่งจิตของผู้รัก เราก็เป็นผู้ให้ที่เป็นผู้รับแล้วค่ะ การที่เราฝึกที่จะมีชีวิตเข้าใจเจ้าตัวเหงา ท่านก็อยู่บนหนทางแห่งสติปัญญาแล้วนะคะ เหงาเป็นอย่างไรคะ มันเที่ยงไหม มันคงที่หรือเปล่า มันเกิดขึ้น มันทนอยู่ได้ยาก และมันมีเหงาของฉันหรือเปล่าคะ ไม่มีคะ ที่สุดของความเหงาไม่ใช่ของของเรา ลองภาวนากับเจ้าตัวเหงาดู หายใจเข้ารู้ หายใจออกปล่อย ปล่อยความเหงาออกไปเลยค่ะ ฝึกมีลมหายใจแห่งสติที่มีความรู้ตัวทั่วพร้อมที่จะมีชีวิตที่มีความสุข แล้วให้คนอื่นมีความสุขที่ได้รักคนอื่น แล้วไม่ต้องคอยคนคนนั้นจะให้เราคืนอย่างไร แต่เรารู้ว่าชีวิตแห่งคนที่มีความอบอุ่น คือชีวิตของผู้ที่มีความสุขที่ได้ให้ค่ะ

ธรรมสวัสดีค่ะ



ที่มา : //www.sathira-dhammasathan.org






Create Date : 22 เมษายน 2550
Last Update : 23 เมษายน 2550 13:24:49 น. 14 comments
Counter : 348 Pageviews.

 
หายใจเข้า-->เหงาหนอ
หายใจออก-->เหงาหนอ
หายใจไม่ออก-->เหง๊า..เหงาหนอ

สดใสๆ นะครับ

ขออนุโมทนาบุญกับท่านจขบ. ด้วยครับ


โดย: KyBlueSky วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:9:39:55 น.  

 


*** สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยมในวันหยุด มีความสุขมาก ๆ นะคะ เป็นบทความที่เยี่ยมมาก ***



โดย: หน่อยอิง วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:11:41:25 น.  

 


โดย: พี่ก๊อต IP: 124.121.20.151 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:16:19:19 น.  

 
หายใจเข้า-->เหงาหนอ
หายใจออก-->เหงาหนอ
หายใจไม่ออก--> ก็ตายอ่ะดิ ถ้าช่วยไม่ทัน อิอิ
ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพด้วย


โดย: ชีวิตที่เป็นอยู่ IP: 202.57.150.197 วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:14:26:38 น.  

 
ได้อะไรบางอย่างกลับไป ขอบคุณครับ

-/\\-


โดย: EyE[s] IP: 203.113.34.12 วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:23:21:15 น.  

 
เหงา....เข้าใจ



โดย: เจ๊พู่... (ชมพู่มะเหมี่ยว ) วันที่: 25 เมษายน 2550 เวลา:15:11:20 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยม


โดย: yoyo IP: 222.123.141.215 วันที่: 25 เมษายน 2550 เวลา:19:52:47 น.  

 
นานๆครั้งก็คิดถึง....นานๆนึกจึงถามหา

นานๆครั้งบางเวลา....อยากบอกว่าคิดถึงเธอ



โดย: ..ที่ว่าง.. IP: 124.121.27.102 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:56:34 น.  

 


โดย: yoyo IP: 222.123.144.224 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:06:43 น.  

 
ชิชิ พื้นหลังเหมือนกันอีกแระ ชิชิ..


โดย: naigod วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:21:41 น.  

 
แล้ววันนี้ก็มาถึง. . .
วันที่ต้องเริ่มนับหนึ่งกับความปวดร้าว
วันที่ต้องอยู่คนเดียวกับความเหงา วันที่ต้องเศร้าเหงาใจ

ก็เตือนตัวเองแล้วอย่าไปรัก
แต่ใจมันทึกทักจะไปให้ได้
พอเจ็บมาแล้วจึงเข้าใจ
ทำตามความคิดใว้คงจะดี. . .

คงไม่ต้องมาปวดร้าวอย่างนี้. . .
คงไม่ต้องมีวันน้ำตาไหล
ไม่รู้ว่าทำไมจึงยอมปวดใจ
ยอมที่จะรักใครบางคนที่ไม่รักเรา

หากวันไหนที่ต้องเริ่มนับหนึ่ง. . .
ให้เริ่มนับสองไปพร้อมกันเลยดีไหม
แล้วสาม. . .สี่คงตามไป. . .ด้วยหัวใจที่มั่นคง

ไม่เคยมีใครไม่ผิดหวังกับความรัก
ไม่เคยมีใครอยากอกหักกับความหวัง
หากรักใครอย่างจริงจัง. . .
แม้ผิดหวังแต่ได้บทเรียนที่ดี
อย่างน้อยเราก็ได้รู้. . .
ความเจ็บปวดจากความรักเป็นอย่างไร

เมื่อมีความรักอีกครั้งใยต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ที่ผ่านมารู้แล้วความเจ็บปวดเป็นอย่างไร
ฉะนั้นรักครั้งใหม่. . .นับสอง. . .สาม. . .สี่. . .ไปทีเดียว


โดย: kapook dot com IP: 124.121.17.99 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:31:01 น.  

 
ความสุขในชีวิตของคนทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่การงานหรือระดับเงินเดือน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นมีความรู้เท่าและตามทันจิตใจของตัวเองได้มากน้อยเพียงใดมากกว่า คนทำงานทุกคนจะมีทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป ไม่ใช่ว่าคนระดับล่างจะมีแต่ความทุกข์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงจะมีแต่ความสุขความอย่างเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครรู้จักคำว่าพอเพียงมากกว่ากัน ตอนเราเริ่มทำงานใหม่ ๆ เราคิดว่าถ้าเงินเดือนมากพอ ๆ กับหัวหน้าของเราในตอนนั้น เราน่าจะมีความสุขและเพียงพอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราได้เงินเดือนพอ ๆ กับเงินเดือนหัวหน้าหรืออาจจะมากกว่า แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยพออีกเหมือนเดิม เราเคยหวังว่าถ้าได้เป็นผู้จัดการเราน่าจะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่อเป็นแล้วยังตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่า “สุขหรือทุกข์”

ความไม่รู้จักพอของเรานี่เองจะนำเราไปสู่ความทุกข์ การไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ใช่สาระที่แท้จริงในชีวิต บางคนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและความร่ำรวย บางคนทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก บางคนทำทุกวิถีทางที่จะให้ตัวเองดูดี หรือมีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ชื่อเสียงทางสังคม โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้มานั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตหรือไม่มากน้อยเพียงใด สักแต่ต้องการและต้องไขว่คว้าให้ได้มาก่อนเท่านั้น

มีสุภาษิตไทยกล่าวว่า “ยิ่งดิ้นยิ่งรัด” น่าจะเหมาะสมกับสังคมคนทำงานของเราในปัจจุบันนี้มากทีเดียว เพราะหลายชีวิตได้สร้างปมปัญหาในชีวิตขึ้นมา อาจจะโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ทุกคนพยายามดิ้นรนเพื่อแก้ปมปัญหาชีวิตนั้น ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราดิ้นโดยขาดสติ รับรองได้ว่ายิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ ปมที่ต้องการจะแก้ก็จะรัดแน่นมากขึ้น เผลอ ๆ อาจจะสร้างปมปัญหาชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาอีกก็ได้ เช่น คนบางคนเป็นหนี้เพียงเล็กน้อย แต่ต้องการใช้หนี้ให้หมด ก็เลยคิดทำการใหญ่ ไปกู้เงินมาลงทุนเพื่อหวังทำกำไรไปใช้หนี้ แต่ที่ไหนได้ กลับสร้างหนี้ก้อนโตขึ้นมาอีก ทำให้ทุกข์ในชีวิตหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ปัญหาชีวิตที่หลายคนประสบมักจะเกิดจากความไม่รู้เท่าทันความเป็นจริงของชีวิต คนที่คิดฆ่าตัวตายไม่ใช่คนที่ไม่มีข้าวกิน ไม่ใช่คนที่ไม่มีที่ซุกหัวนอน แต่มักจะเป็นคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงแล้ว แต่มีความต้องการนอกเหนือจากสิ่งที่จำเป็นแก่การดำรงชีพ และเมื่อไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้จึงรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่ต้องการหรือสิ่งที่หวังนั้นไม่ใช่สาระสำคัญอะไรในการดำรงชีวิตอยู่ บางคนอาจจะผิดหวังเรื่องการเรียน บางคนอาจจะผิดหวังเรื่องความรัก บางคนอาจจะผิดหวังเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ บางคนไม่สมหวังเรื่องหน้าที่การงาน

ดังนั้นประเด็นปัญหาในชีวิตส่วนมากจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวปัญหาจริง ๆ แต่มักจะอยู่ที่การปั้นแต่งปัญหาขึ้นมาต่างหาก คนเรามักจะปรุงแต่งสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นปัญหาให้มีอิทธิพลต่อจิตใจของตัวเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดไม่สามารถควบคุมความคิดของตัวเองได้ สุดท้ายก็ตกเป็นทาสทางความคิดที่คอยมาตามหลอกหลอนอยู่เรื่อยไป

การบริหารชีวิตที่มีความสุขควรยึดหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ

1. การดำเนินชีวิตแบบพอเพียง
หมายถึง การเข้าใจและรับรู้ว่าศักยภาพของเราอยู่ตรงไหน สิ่งที่ได้มาหรือมีอยู่เหมาะสมกับตัวเราหรือไม่ สิ่งที่เราต้องการจะไขว่คว้ามีความสำคัญกับชีวิตเรามากน้อยเพียงใด ถ้าเราผิดหวังในสิ่งที่เราต้องการจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง กำลังใจที่ดีที่สุดเมื่อเราอยู่ในภาวะท้อแท้และผิดหวังคือการนึกถึงความสำเร็จในอดีตเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง เราต้องนึกถึงความเป็นจริงของชีวิตที่ว่าเราเกิดมามีเพียงร่ายกายและจิตใจเท่านั้น ไม่ได้เอาอะไรมาเลย สิ่งต่าง ๆ ที่เราคิดว่าเป็นของเรานั้นมันเกิดขึ้นมาทีหลังทั้งสิ้น และเป็นสิ่งสมมติขึ้นมาทั้งนั้น

ในชีวิตของคนทำงานก็เช่นเดียวกันควรจะรู้ว่าความพอเพียงของตัวเองอยู่ตรงไหน หน้าที่การงานที่ทำอยู่เหมาะสมกับศักยภาพของเราหรือไม่ อย่าเป็นคนทะเยอทะยานจนเกินตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าห้ามไม่ให้มีความทะเยอทะยานนะครับ แต่ขอให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นไปได้ การไม่รู้จักพอเป็นเส้นทางนำคนหลายคนไปสู่หุบเหวแห่งความหายนะมามากต่อมากแล้ว

2. การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
เนื่องจากคนทุกคนต้องการสังคม และสิ่งหนึ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือ การพึ่งพาผู้อื่นและการให้ผู้อื่นพึ่งพาเรา การพึ่งพาจะเกิดขึ้นต่อเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องอาศัยบางสิ่งบางอย่างจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเติมเต็มความต้องการของชีวิต ผลของการพึ่งพาคือการที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เสียประโยชน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์เกิดขึ้น การพึ่งพาจะกลายเป็นการพึ่งพิงทันที และการพึ่งพิงนี้จะเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งและความบาดหมาง

การใช้ชีวิตในที่ทำงานเราจะต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในลักษณะของ “การพึ่งพา ไม่ใช่การพึ่งพิง” เราจะต้องทำตัวให้เหมือนกับจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งที่มีทั้งจุดโค้งที่สามารถเสริมจุดอ่อนของผู้อื่นได้ในบางครั้งบางเวลา และเราต้องอาศัยจุดโค้งของคนอื่นมาเติมเต็มในส่วนเว้าของเรา

สรุป
การบริหารชีวิตให้มีความสุขนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจหลักของการมีชีวิตอย่างพอเพียงและการพึ่งพาอาศัยคนอื่นในลักษณะของผลประโยชน์ร่วม อย่าให้ชีวิตเราเหมือนกาฝากที่ต้องไปพึ่งพิงบุคคลอื่นอยู่ตลอดเวลา ต้องระลึกเสมอว่าไม่มีใครยอมให้เราพึ่งพิงเขาไปตลอดชีวิตนะครับ



โดย: ชีวิตที่เป็นอยู่ IP: 202.57.156.138 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:44:50 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม จขบ .อยากอัพบล๊อคใหม่แต่ดูเหมือนเวลาของ1วันเริ่มจะมีไม่พอกับการทำอะไรอีกหลาย อย่างไงก็จะมาอัพบล็อคให้อ่านอีกนะคะ ยังมีเรื่องราวมากมาย


โดย: yoyo IP: 222.123.41.119 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:12:06 น.  

 


โดย: naigod วันที่: 24 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:51:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yok_Jade
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ต่างมีเหตุให้เกิด เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นผลก็เกิดขึ้นตาม เมื่อเหตุนั้นไม่มีอีกแล้วผลก็ดับไป
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yok_Jade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.