ภัยด้านมืดของ "เกลือ" (2)

สวัสดีค่ะ ครั้งที่แล้ว หญิงได้พูดถึงเรื่องความน่ากลัวของเกลือ หากทานเกินขีดที่กำหนดเอาไว้ แต่ยังพูดไม่จบ วันนี้ก็จะมาต่อให้จบกันเลยนะคะ ซึ่งจะเป็นความรู้สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือลดหุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

จากครั้งที่แล้ว ได้บอกว่าเกลือหากกินในปริมาณที่เกินขีดจำกัด ก็จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคบวมน้ำ โรคความดันโลหิตสูง และยังเป็นสาเหตุของความอ้วนอีกด้วยค่ะ

ทีนี้ ถ้าจะถามว่าแล้วจะต้องทานเกลือวันละเท่าไหร่ล่ะ?หญิงก็ลองไปหาคำตอบดู บางที่ก็บอกไว้ที่ 2.4 กรัม บางที่ก็บอกไว้ที่ 6 กรัมแต่สรุปรวบๆ แล้วนะคะ น้อยไว้เป็นดี แต่ถ้าอยากจะตัดปัญหาไม่กินเลยก็ไม่ได้อีกค่ะเพราะเกลือเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายและสมองเพียงแต่จะต้องรับในปริมาณที่พอดีเท่านั้นค่ะ แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่อาหารโดยทั่วไปที่เราๆ ชอบทานกัน มีปริมาณเกลือสูงว่าขีดจำกัดที่กำหนดทั้งนั้นเลยค่ะอาหารสะดวกซื้อ อาหารทานง่ายทานเร็ว อาหารยอดนิยมคือถ้าไม่มีเกลือเป็นส่วนผสมหรือมีแต่น้อย ก็ยังมีส่วนผสมของโซเดียมอยู่ดีค่ะอาจจะลอบเข้าสู่อาหารในรูปแบบของผงชูรสบ้าง น้ำปลาบ้าง หรือแม้กระทั่งน้ำจิ้มน้ำซุปน้ำแกงที่โปรดปรานกัน ก็มีนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะใส่ผงชูรสเข้าไปด้วย

ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วก็คงจะเลี่ยงไม่ใส่น้ำปลากันเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ? ใส่ได้ค่ะเพราะมีน้ำปลาหรือซอสแบบที่มีปริมาณเกลือต่ำขายอยู่ค่ะและบางชนิดบางยี่ห้อก็จะมีโพแทสเซียมอยู่ด้วย เพื่อช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและความอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ

อ้อ! หญิงยังมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ทำกับข้าวกินเองนะคะ^^ เมื่อรู้ถึงความน่ากลัวของเกลือของโซเดียมแล้วก็คงอยากจะไม่ใส่มันลงไปในการทำอาหารกันสินะคะ แต่หญิงแนะนำว่าใส่ลงไปเถอะค่ะไม่งั้นก็คงไม่อร่อยเท่าไหร่ แค่เพียงลดเกลือลง 10-20% ตุ่มรับรสของลิ้นก็จะยังคงรับรู้ความเค็มได้เหมือนเดิมคือจะไม่รู้สึกชัดเจนว่ามันจืดชืด แต่ยังจะรู้สึกว่ามีความเค็มอยู่แต่คงไม่มากเท่าเดิมแค่นั้นเอง และเพื่อให้แน่นอนที่สุดก็ควรจะตวงเกลือใส่ช้อนชานะคะ ไม่ควรเทลงไปเลย รวมไปถึงซอสและน้ำปลาด้วยค่ะ

เป็นยังไงคะ? ความจริงเกลือมันก็ด้านมืดกับด้านสว่างถ้าเพียงแต่เรารู้จักมัน รู้จักความพอเหมาะของปริมาณที่ควรจะรับและรู้จักหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่มีปริมาณเกลือหรือโซเดียมเยอะ “หุ่นสวย”,“ไม่บวมน้ำ”, “ไม่อ้วน” คำเหล่านี้ก็กลายเป็นจริงและเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันทีค่ะเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ ^^

ที่มาของข้อมูล:

//www.gotoknow.org/posts/167735

//อยากผอม.com/?p=109

//www.doohealthy.com/article/healthy/food/63-health.html

//health.kapook.com/view6719.html

Create Date : 14 เมษายน 2556		1 comments
Last Update : 14 เมษายน 2556 6:15:53 น.
Counter : 1720 Pageviews.
Share Tweet