|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
2005/04
สงบเงียบ วันเสาร์ แต่คนใกล้ตัวออกไปทำงาน จะแวะงานกาชาดต่อเสียด้วย สำหรับฉัน คืนนี้คงเปนคืนที่น่าเบื่อ
วันที่สงบเงียบ ทุกอย่างในบ้านเปนปรกติ จะนอนพัก แต่ก็นอนไม่หลับ ได้แต่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์กับดูทีวี ผลาญเวลาอย่างไร้สาระ วันที่สงบเงียบจริง ๆ
อยากจะออกไปข้างนอกก็รู้สึกขี้เกียจ รู้สึกชีวิตมันซ้ำเดิมเกินไป ถึงออกไปก็คงไม่พ้นไปร้านซีดี แวะซื้อ แล้วก็กลับมาอย่างไม่มีเวลาฟังอย่างละเอียดเหมือนเดิม ชีวิตมันซ้ำเดิมมากไป จริง ๆ
บ่ายแล้ว เวลาวันพักผ่อนผ่านไปเรื่อย ๆ นึกอยากทำอะไรให้ใช้เวลาให้มีประโยชน์ แต่ก็นึกไม่ออก วันที่สงบเงียบ แม้ใจก็ยังไม่เคลื่อนไหว
2 เมษายน 2548 เวลา : 15:02:00
วันฝนตก
ฝนตกตั้งแต่มืด ฉันตื่นงัวเงียมาตอนประมาณตี 3 ฝนตกหนัก ก่อนหลับก็ภาวนาให้ฝนก่อนเช้า ลืมตามาอีกทีตามเวลาปรกติ ตี 5 ครึ่ง ฝนยังไม่หยุดแม้จะดูเบาลง อาบน้ำแต่งตัว นั่งฟังเพลงอยู่ครู่ใหญ่ ตัดสินใจไปรถไฟฟ้า เวลายังเหลือพอ แต่.... ยังไง ๆ ฝนก็ไม่หยุด
จนมาถึงที่ทำงาน แน่นอน เปียกปอนไปทั้งตัว โดยเฉพาะรองเท้า ทำให้ทั้งวันฉันต้องใส่รองเท้าแตะที่ไม่ชอบใส่ และแม้กระทั่งกลับบ้านรองเท้าก็ยังไม่แห้ง ทำไมฟ้าฝนทำร้ายกันได้ถึงเพียงนี้
สาย ๆ ฝนยังไม่หยุด รถส่วนกลางยังไม่ว่าง ถุงเท้า รองเท้า ยังไม่แห้ง ข้ออ้างของการยังไม่ออกไปเข้าโรงงาน แต่ก็รู้สึกว่า มันเปนวันที่เลวร้ายจริง ๆ
กว่าฝนจะหยุดก็บ่าย ฟ้ายังปิดตลอดวัน อากาศอึมครึม จิตใจก็ไม่สดใส เวลาอย่างนี้ไม่น่าอยู่ที่ทำงานสักนิด ชีวิตในแต่ละวันเราเหมือนเครื่องจักรเกินไปหรือเปล่า
กลับบ้าน ไม่อยากไปไหน ฟ้ายังอิ่มเมฆ ยังดีที่ฝนไม่ตกอีกในช่วงเดินทาง ฉันรีบเดินจ้ำเข้าซอย ชีวิตของวันนี้ฝากชะตาไว้กับฟ้าจริง ๆ
4 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
หลาย ๆ เรื่องราว
หลายเรื่องหลายราวผ่านมาในวันนี้ ดูเหมือนเวลาของวันนี้ช่างยาวนาน ท้องฟ้าดครึ้มยาวเช้า ฟ้ายังอิ่มฝนจากเมื่อวาน เพียงแต่วันนี้ฝนไม่ตก
งานดูเร่งรัดตัว สัปดาห์นี้มีวันหยุดตรงกึ่งกลาง ทำให้งานทุกอย่างดูเร่งรีบ เข้าโรงงานช่วงเช้า แวะไปดูงานหนังสือ วันนี้เปนวันสุดท้ายของฉันที่จะได้ไปดู เดินจนแทบจะหมดเรี่ยวแรง ตรวจหัวร่วง,เส้นยาป่นตอนบ่าย คนช่วยไม่ว่าง...เลยมีคนช่วย 2 คน สับสนวุ่นวาย เสร็จเร็วเปนสถิติ แต่เหนื่อยแทบตาย วันนี่คนใกล้ตัวมาที่ทำงานด้วย แต่ไม่ยอมช่วย ซ้ำแอบหนีไปหลับเสียอีก
แวะไปสยามเวลาเย็น เดินดูร้านซีดีให้หายอยาก หลังจากไม่ได้ดูเกือบ 2 สัปดาห์ หลัง ๆ นี้รู้สึกเบื่อแม้กระทั่งจะออกไปข้างนอกบ้าน จริง ๆ แล้วถ้าทำอย่างนี้ได้ตลอด ก็น่าจะเปนสิ่งดีเหมือนกัน ค่ำ...นัดกับคนใกล้ตัวไว้ว่าจะไปสังสรรค์ แวะโทรหาเพื่อนเก่าแก่ที่ทำงานอยู่ที่สยาม กะติดรถไปลงใกล้ ๆ ร้าน จริง ๆแล้ว ฉันมาที่นี่เดือนละไม่ต่ำกว่า 2 หน แต่เราไม่ได้เจอกันเกือบ 3 ปีแล้วกระมัง ครอบครัว และการงาน ทำให้เวลาของเราแตกต่างกันออกไปมากทีเดียว จริง ๆ ก็คงไม่มีอะไรมากนักหรอก
การสนทนาแทบไม่ได้หยุดปากของเพื่อนที่ไม่ได้เจอะเจอกันนาน บางที ... การพูดคุยทางโทรศัพท์กับได้เจอะเจออารมณ์มันแตกต่างกันเหลือเกิน ในที่สุดฉันก็มาอยู่หน้าร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านเดิม คนใกล้ตัวดูมีความสุขหลังจากอาหารมาถึง บรรยากาศร้านที่ค่อนข้างเงียบ เราพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งเรามักมาที่นี่ในวันสุดสัปดาห์ แต่วันนี้วันธรรมดา ดนตรีจึงดูเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่มากนัก เพียงแต่รู้สึกว่ามันเปนบรรยากาศที่สงบเงียบกว่าเดิม แต่ก็นั่นล่ะ ชีวิตมันไม่ได้ต้องการอะไรที่แตกต่างมากมาย มิใช่หรือ
ใช่...... ระยะหลังนี้ชีวิตแทบจะไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้น ทุกอย่างดูเหมือนจัดวางไว้เปนรายการ ร้านเดิม บรรยากาศเดิม อาหารเดิม และคนมาด้วยก็ยังเปนคนเดิม บางทีฉันอาจบอกตัวเองได้ว่า นี่เปนชีวิตที่น่าพอใจ
5 เมษายน 2548 เวลา : 23:00:00
ทำความสะอาด
แวะไปคอนโดฯ ผ่านไปปีกว่า สำหรับการทิ้งร้าง ห้องดูสกปรกขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเวลาทำความสะอาดครั้งใหญ่เสียที แต่ในที่สุด ก็ยังไม่สามารถทำให้ดีได้ดังใจ ด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลา และความขยันของคนทำ
ห้องที่ไม่มีคนอยู่ดูทรุดโทรม บางสิ่งถึงแม้จะทำความสะอาดแล้วก็ยังดูไม่เข้าที่เข้าทางนัก บางสิ่งไม่เคยได้ทำความสะอาดเลยเปนเวลากว่าสี่ห้าปี ทั้งข้อจำกัดข้อบกพร่องของห้อง เวลาที่จะทำงาน และความสม่ำเสมอของการทำ คงเปนไปได้ยากถ้าต้องการให้เปนไปได้ดังใจ
กลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน บางครั้งการมีก็ทำให้เปนภาระที่จะต้องรักษา บางครั้งการคาดการณ์ของคนก็ไม่ถูกต้องเสมอไป ในชีวิตก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อไป สำหรับฉันก็คงได้แต่รอเวลา ที่จะจัดการกับปัญหานี้ รอเวลาต่อไป
6 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
จัดข้าวจัดของ
ห้องนอนของฉัน ห้องขนาดเล็ก ๆ 3x3 เมตร ห้องที่เต็มไปด้วยของรกรุงรัง ไม่อาจเรียกว่ารกไม่เปนระเบียบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเปนห้องที่แทบจะไม่มีที่ว่าง ห้องนอนที่ไม่ต่างไปจากโกดังเก็บของ ใช่....ห้องนอนของฉัน
การจัดข้าวจัดของทุกครั้งในห้องเรียกได้ว่าประสบความล้มเหลว เพราะคนจัดก็หมดปัญญาสำหรับของจำนวนมากมาย แต่วันนี้ มันเปนเหตุจำเปน หลังจากใช้งานมานานเกือบทศวรรษ แอร์ก็เริ่มออกอาการตัน หลายวันที่ผ่านมาฉันแงะฝุ่นออกมาได้เปนก้อน ๆ ประกอบกันกับที่น้องจะต้องซ่อมแอร์เหมือนกัน คงจะถึงเวลาแก้ไขเสียที
คงเปนเรื่องง่ายสำหรับคนอื่น ๆ สำหรับการล้างแอร์ตัวหนึ่ง แต่สำหรับห้องนอนของฉันแล้ว เปนภาระที่แทบเหนื่อยปางตาย ม่านกับมุ้งลวดหน้าต่างที่เต็มไปด้วยฝุ่น กองเทปเต็มหัวเตียง หนังสือเต็มใต้เตียง และกล่องซีดี หนังสือ กระดาษ และอีกจิปาถะ เต็มห้องไปหมด ฉันพยายามค้นหาของที่ไม่จำเปนต้องเก็บไว้กับของที่ควรจะตัดใจจากมันเสียบ้าง ได้ของที่ทิ้งได้ 1 กองใหญ่ ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องว่างเพิ่มขึ้นสักกี่มากน้อย
ของต่าง ๆ ที่ไม่รู้จะเอาไว้ไหน ถูกลำเลียงใส่ถุงพลาสติก ลงมากองกับพื้นในบ้านเล็ก ชั่วคราว ... ใช่ มันก็แค่ย้ายความแออัดที่หนึ่งมายังอีกที่หนึ่ง ไม่เปนระเบียบอีกต่างหาก คราวนี้คงใช้เวลาอีกเปนเดือนกว่าจะจัดใหม่ วันนี้เหนื่อยสุด ๆ จริง ๆ และเห็นห้องนอนตอนนี้แล้วรู้สึกว่า มันไม่เหมือนห้องตัวเองเอาเสียเลย ความคุ้นเคยกับของแน่น ๆ คงเปนสิ่งที่เราชินไปเสียแล้ว
9 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
ล้างแอร์
จัดห้องได้ 2 วัน วันนี้ช่างมาล้างแอร์ ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่กลับเสียเวลายาวนานทีเดียว นานกว่าซ่อมแอร์ที่ห้องน้องชายมาก
ห้องค่อนข้างแคบกับพื้นที่ของที่วางอยู่ ทำให้การทำงานไม่อาจทำได้เร็วนัก ถ้าไม่ได้จัดไว้ก่อน ก็แน่นนอนว่าไม่สามารถทำได้เลย อากาศร้อนอ้าวของเดือนเมษายน ขนาดฉันนั่งดูช่างทำยังรู้สึกอ่อนเพลียหมดเรี่ยวแรงทีเดียว
ไม่น่าแปลกใจนัก ฝุ่นในแอร์หนาจนเปนก้อน ๆ เมื่อชิ้นส่วนต่าง ๆ ถูกถอดลำเลียงไปในห้องน้ำ น้ำล้างดำจนเหมือนน้ำโคลน
ฉันดูอย่างปลงอนิจจัง แอร์รุ่นนี้ส่วนประกอบยากที่จะแกะมาทำความสะอาดเองได้ และฉันก็จนปัญญา สำหรับการทำความสะอาดห้องของตัวเองให้พ้นฝุ่นได้ การย้ายของออกไปให้หมด และเช็ดถูทุกวันน่าจะเปนคำตอบ คำตอบที่เปนไปไหม่ได้
หลายปีที่ผ่านมา ฉันสะสมของใช้ต่าง ๆ มากเกินกว่าที่ขนาด้องจะรับไหวเสียแล้ว คงต้องรอความหวังที่บ้านหลังใหม่ และระบบการเก็บของซื้อของสำหรับบ้านหลังใหม่ ที่จะต้องรัดกุมและไม่เพ้อเจ้อเท่านี้ ฉันหวังว่า ...มันคงจะต้องเปนเช่นนั้น
10 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
ก่อนวันหยุด
ก่อนถึงเทศกาลวันหยุดยาว จริง ๆ แล้วสัปดาห์นี้ควรจะเปนสัปดาห์ที่มีความสุขที่สุด เพราะไม่มีงานทำทั้ง 2 วัน โดยปรกติฉันใช้เวลานี้เคลียร์โต๊ะทำงานที่สะสมมาทั้งปี เมื่อวานร่างกายค่อนข้างไม่สบายนัก ก็เลยทำไปได้ครึ่งเดียว ก่อนที่อาการปวดหัวปวดตาแวะมาเยี่ยมเยือน วันนี้..อาการไม่สบายใจดูจะหนักเสียยิ่งกว่า
คนใกล้ตัวหยุดงานก็เลยแวะมาที่ทำงานด้วย ตั้งใจว่าช่วงเย็น ๆ จะไปซื้อข้าวของกินข้าวเย็น แวะมาพบกับความวุ่นวายพอดี
อาจเปนเพราะทุกคนคิดว่าเปนวันหยุดเหมือนกันกระมัง ห้องทำงานวันนี้จึงวุ่นวายเหมือนโรงเลี้ยงเด็ก เสียงทุกอย่างกระหึ่มไปทั่งห้อง บดบังความคิดและสมาธิที่จะทำอะไรไปหมด แม้กระทั่งงานง่าย ๆ ที่ค้างไว้อย่างการจัดเอกสาร อย่าว่าแต่ฉันเลย คนใกล้ตัวก็ออกอาการรำคาญที่อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ฉันต้องหนีไปอยู่อีกห้องให้พ้นหูพ้นตา แต่ก็อย่างว่าล่ะ ที่ไหนจะสุขใจเท่าที่ของเรา มันก็เปนไม่มี วันนี้เลยเหมือนอยู่แกน ๆ รอเวลาเลิก
วันนี้เลิกงานเร็ว ออกไปเดินดูของที่สยามเหมือนเดิม เปลี่ยนใจที่จะกินข้าวนอกบ้าน วันนี้เลยกลับบ้านเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ สงสัยว่าความคิดที่กลัวเบื่อกับการต้องอยู่บ้านยาว 5 วัน คงจะไม่น่ากลัวเสียเท่าไหร่กระมัง สำหรับความคุ้นเคยเช่นปัจจุบันนี้ วันหยุดยาวที่สุดในรอบปีกำลังมาถึงแล้วสิ
12 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
คนในห้องแอร์
3 วันผ่านไปกับเทศกาลสงกรานต์ ฉันไม่ได้ออกไปไหนเลย ถ้าพูดกันจริง ๆ ก็เรียกว่าไม่ได้ออกมาจากห้องเลยเสียมากกว่า ไม่ใช่อากาศร้อนหรือว่าอย่างอื่นใด แต่เหตุผลน่าจะมาจากสภาพชีวิตในปัจจุบันมากกว่า
สภาพชีวิตในปัจจุบัน..... ใช่.... มันเปนวิถีชีวิตไปเสียแล้วสำหรับการอยู่บ้าน ทุกวันทำงานฉันก็มักจะใช้เวลาที่เหลือตอนกลับบ้านนั่งฟังเพลงในห้อง มีเวลาสักสองสามชั่วโมง ก่อนจะขึ้นไปนอนที่ห้องนอน เช่นเดียวกันกับในวันหยุด ที่ฉันชอบนั่งอ่านหนังสือมากกว่าที่จะลุกไปทำอะไร จึงไม่น่าแปลกใจที่วันหยุดยาวเยี่ยงนี้ ฉันแทบไม่ได้ออกจากห้องไปไหนเลย ได้เพียงแต่นั่งจัดข้าวจัดของในห้อง สลับกับการนั่งอ่านหนังสือ เปนวิถีชีวิตของคนในห้องแอร์เสียจริง ๆ แม้ว่าที่บ้านก็ยังมีที่พอจะให้เดินดูต้นไม้หรือเล่นกับหมา แต่ทำไม.. เรื่องพวกนี้ไม่อยู่ในความคิดเสียเลย
3 วันผ่านไปกับเทศกาลสงกรานต์ ฉันไม่ได้ออกไปไหนเลย การนั่ง ๆ นอน ๆ มาก ๆ ก็ทำให้มึน ๆ หัวได้เหมือนกัน นึกจะเดินออกไปข้างนอก ก็ทำใจไม่ได้กับการเล่นสงครามน้ำของหมู่ชน บางทีคนเราพักผ่อนมากไป ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน
15 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
ค่ำคืนเดิม ๆ ?
อากาศร้อนอบอ้าวเมื่อฉันก้าวเดินออกจากบ้าน ท้องฟ้ายามค่ำคืนสดใส เส้นทางสายเดิมดูเงียบเหงา ไม่มีผู้คน ไม่มีวงเหล้า ผู้คนคงเดินทางออกไปท่องเที่ยวหรือยินดีที่จะพักอย่างสงบ ที่เหลือก็คงหมดแรงกับช่วงกลางวัน จนดูเหมือนจะหลับไหลกันเสียแล้ว
ฉันสลัดความง่วงงันออกจากตัว ห่างหายการเดินทางในช่วงนี้เสียนาน ร่างกายดูเหมือนกับว่าจะหลับไปเสียแล้วเหมือนกัน สองข้างทางวันนี้เงียบเหงาเหลือเกิน ร้านสะดวกซื้อดูคนบางตา ร้านข้าวต้มหยุดยาว ซอยที่เงียบเหงา
รถไฟฟ้าดูบางตาเช่นเดียวกัน ในเวลาใกล้เลิก แลดูทั่วขบวนมีคนอยู่ สี่ห้าคน ฉันหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วเหม่อมองดูทาง ค่ำคืนเดิม ๆ บรรยากาศเดิม ๆ การเดินทางเดิม ๆ แต่ไม่รู้เหมือนกัน คืนนี้....ความรู้สึกเหมือนว่า มันเปนคืนที่แตกต่าง เหตุผลไม่น่าจะใช่จากขาดความคุ้นชิน แต่เหตุผลจริง ๆ นั้น ฉันกลับตอบไม่ได้
ท่ามกลางอากาศอบอ้าวยามเที่ยงคืน ป้ายรถเมล์เหมือนหลับไปเสียแล้ว คนนั่งรอต่างคนดูเงียบเหงา ต่างคนต่างเหม่อลอย ดูเหมือนไร้จุดหมาย กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว ยังไม่มีรถมาสักคัน
ได้เวลาแล้ว โทรศัพท์เจ้ากรรมดันถ่านหมดเสียพอดี อารมณ์ดูขุ่นมัวขึ้นเล็กน้อย รถเมล์ยังไม่มา ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านไปยังโทรศัพท์ใกล้ ๆ นัดหมายก่อนตัดสินใจนั่งรถ Taxi ไปรับเธอ ใช่... มันก็ยังเปนบรรยากาศเดิม ๆ
เมื่อกลับถึงบ้านฉันก็แทบจะหลับด้วยความง่วง ถึงแม้จะยังตื่นอยู่ แต่สมองดูเหมือนจะเชื่องช้าไปมากแล้ว ในค่ำคืนที่บรรยากาศ เส้นทาง และเวลาเช่นเดิม ฉันรู้สึกถึงความแตกต่างของ "คืนนี้" จริง ๆ ความแตกต่างอะไรก็ไม่รู้
16 เมษายน 2548 เวลา : 23:00:00
วันหยุดสุดท้าย
ออกไปส่งคนใกล้ตัว บัตรรถไฟฟ้าเหลือต้องรีบใช้ก่อนหมดอายุ วันนี้เลยทัวร์กรุงเทพฯ ตั้งใจว่าจะไปกินข้าวเย็น แต่หาร้านไม่ได้ วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ร้านค้าส่วนมากยังปิดอยู่ ด้วยความผิดหวัง ต้องมานั่งกินก๋วยจั้บเจ้าเดิม ก็ยังดีน่า เปลี่ยนบรรยากาศจากข้าวที่บ้านเสียบ้าง
ส่งคนใกล้ตัวเสร็จ ถือโอกาสแวะร้านซีดี เลือกไปเลือกมา ลองไปลองมาอยู่นาน ก็ไม่ได้ซื้ออะไรแปลกใหม่ แผ่นเดิมที่คุ้นตานั่นล่ะ ช่วงนี้รู้สึกการตัดสินใจซื้อมักไม่ค่อยเด็ดขาด และมักผิดพลาดเอาเสียด้วย ก็ถูกที่ว่า แผ่นที่ซื้อก็เปนแผ่นที่ดี น่าจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็เปนเพลงที่ไม่ได้มีอารมณ์ฟังในช่วงนี้เสียทุกทีไป ซีดีใหม่ช่วงนี้จึงมีแต่แผ่นที่หวาน เพราะ แต่ฟังครั้งเดียวแล้วเก็บ ก็เนื่องจากอยากฟังงาน "แรง ๆ " เสียมากกว่า แต่ก็หาแผ่นถูกใจไม่ได้ หรือกระบวนการตัดสินใจซื้อมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวพัน ต้องพิจารณาตัวเองบ้างเสียแล้ว
บัตรเครดิตก็มีปัญหาใช้ไม่ได้ โทรถามบริษัท ได้รับกับคำตอบว่าไม่มีอะไร เงินสดมีอยู่เกือบ ๆ พอดีกับราคาแผ่น เดินหมดตัวกลับบ้าน ฟังแผ่นใหม่ก็ไม่ทันได้ฟัง เวลานอนก็มาถึงเสียแล้ว หมดแล้วหรือวันหยุดยาวที่สุดประจำปีนี้ของฉัน
17 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
สารพันปัญหา
เปิดงานมาวันแรกหลังหยุดยาว วันที่วุ่นวายสับสน และเหนื่อยอ่อนที่สุด
ช่วงเช้า....ฉันหลบเลี่ยงการจราจรด้วยรถไฟฟ้า จากการหยุดยาวทำให้บัตรเหลืออีกหลายเที่ยว ใกล้จะหมดอายุเสียแล้ว ยังเปนภาระสำหรับสัปดาห์นี้ที่จะต้องพยายามใช้ให้หมด งานยังดูเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมากนัก บรรยากาศดูเคร่งขรึมจากการประชุมอาชญากรรมระหว่างประเทศ ตำรวจเต็มที่ทำงาน ตลาดนัดไม่มีของขาย หาข้าวกินลำบาก ต้องทนไปอีกอาทิตย์กว่า ๆ จึงจะหมดเวรหมดกรรม
ไม่รู้ว่าวันนี้อยู่หน้าจอมากเกินไปหรืออย่างไร อาการปวดหัวปวดตาเริ่มทวีขึ้นเมื่อยามบ่าย ถึงแม้วันนี้จะนอนกลางวันพักสายตา ก็ไม่หาย วันนี้รู้สึกว่ามีโทรศัพท์เข้ามากเปนพิเศษเสียด้วย เรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมาย ไม่รู้จะติดต่ออะไรกันนักหนา คนอยากจะพักผ่อนบ้าง
ช่วงบ่ายขณะเข้าโรงงาน เรื่องวุ่นวายก็ปรากฎชัด บัตรเครดิตโดน hack ไปใช้ ฉันอยู่กรุงเทพฯ แต่มีรายการใช้ทั้งปีนังและไต้หวัน ความจริงปัญหามันน่าจะเกิดตั้งแต่เมื่อวาน บัตรไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งก็ได้แจ้งบริษัทแล้วได้รับคำยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร เพียงข้ามวัน เรื่องก็เกิดขึ้นทันที น่าจะเปนโชคดีที่มีปัญหาในวันก่อนเกิดเหตุพอดี บริษัทจึงสามารถตรวจสอบความผิดปรกติได้ทันท่วงที เพราะไม่เช่นนั้นกว่าที่บิลเก็บเงินจะส่งมาคงโดนไปอีกหลาย
สำหรับฉันแล้ว การใช้บัตรเครดิตอยู่ในความระมัดระวังที่พอแก่เหตุตลอดมา เรื่องเช่นนี้จึงเปนสิ่งที่ผิดความคาดหมายเอามาก ๆ หลังจากติดต่อทางโทรศัพท์ บัตรเดิมก็ถูกอายัด หลังจากติดต่อด้วยตัวเองที่สำนักงาน ได้เพียงเบอร์ของบัตรใหม่เพื่อที่จะรอไปอีก 1 สัปดาห์ เสียเบอร์บัตรเก่าที่จำได้แล้วอีกต่างหาก เบอร์ใหม่จำยากอีกด้วย มันอะไรกันนักหนาวะ คือถ้าระวังขนาดนี้แล้วยังมีปัญหา ก็แสดงว่าทุกคนมีโอกาสโดนมิจฉาชีพทุจริตเอาได้ทั้งนั้น บ้านเมืองนี้มันเลวร้ายขนาดนี้เชียวหรือ
แดดร้อนลมแรง อาการปวดหัวตั้งแต่ต้นบ่ายยังไม่ได้บรรเทา กลับถึงบ้านด้วยอาการหมดเรี่ยวแรง กองหนังสือรายงานประจำปีก็วางตรงหน้า หยุดยาว 5 วัน ไปรษณีย์ไม่ทำงาน เวลาที่ควรจะได้อ่านหนังสือจึงหมดไป ฉันก็ต้องงมอยู่กับงานต่อไปทั้ง ๆ ที่ปวดตาเหลือแสน ทั้งยังไม่ต้องถามว่าอารมณ์จะขุ่นมัวเพียงใด สำหรับปัญหาต่าง ๆ รู้สึกว่าวันนี้ช่างเปนวันที่ยาวนานเหลือเกิน
18 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
เรื่องราวจากชิลี
เพื่อนเก่าแก่กลับมาเยี่ยมบ้าน หลายวันทีเดียวที่ฉันผลัดผ่อนการโทรศัพท์ ขี้เกียจเปนเรื่องหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ามันคงต้องใช้เวลาที่ยาวนานพอสมควร และก็เปนจริงดังคาดสำหรับเย็นนี้ เวลาครึ่งชั่วโมงดูน้อยเกินไปสำหรับเวลาพูดคุยจริง ๆ
เกือบ 1 ปีแล้วที่เธอจากไป สิ่งใหม่ ๆ ดูมีเรื่องราวในการสนทนามากมาย ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง โอกาสที่แตกต่าง และรู้สึกว่ามันเปนชีวิตที่ดี
เราจะหวังสิ่งใดจากชีวิตที่ดี ประเทศที่ภูมิทัศน์สวยงาม อากาศไม่ร้อนนัก ไม่แออัด ไม่มีการแข่งขันที่รุนแรง การกระจายรายได้ที่ไม่มากมาย มีสาธารณูปโภคที่พอเพียง มีสถานที่สาธารณะให้ประชาชน อาจมีการแบ่งชนชั้นที่ชัดเจน แต่ดูแล้วคนจนก็ดูมีความสุขดี เรายังหวังอะไรมากกว่านี้
สำหรับฉันไม่ได้หวังอะไรมากมาย เท่าที่ฟัง แค่นี้ก็เพียงพอ เกินพอเสียด้วยซ้ำ ประเทศที่คนเช้าไปทำงาน เย็นกลับบ้าน ไม่ต้องแข่งขันมากมาย อยากเปลี่ยนงานก็มีโอกาสทางการศึกษาให้เรียน เรียนจบก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนงานทำ มีเวลามีวันหยุดที่ยาวพอ
มองดูสังคมรอบตัวเรา ทุกวันนี้เราแข่งขันกันเกินไปไหม เราทำงานกันจนคิดถึงคุณภาพชีวิตแค่ไหน เราเหยียบย่ำต้อนผู้แพ้กันจนสิ้นหนทางรึเปล่า เรามีแหล่งบันเทิงเริงรมณ์อะไรที่ดีไปกว่าเรื่องอบายมุขบ้างไหม สำหรับฉัน ฟังเรื่องราวแสนธรรมดาของประเทศนี้แล้ว ฉันเพียงแต่อยากจะบอกว่า มันช่างน่าอิจฉาคนในประเทศนั้นเสียเหลือเกิน
เพื่อนเก่าแก่กลับมาเยี่ยมบ้าน เวลาที่อยู่เมืองไทยนานพอสมควร สำหรับเวลาที่ผ่านพ้นแต่ละวันอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เดือนหน้าที่มีนัดพบปะเจอะเจอ คงเปนอีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น
20 เมษายน 2548 เวลา : 18:00:00
เดินทาง
บัตรรถไฟฟ้ายังไม่หมด วันนี้เลยถือโอกาส เดินทางซื้อของโดยเฉพาะซีดี ซื้อสิ่งที่ต้องการซื้อให้หมด และตั้งใจว่าหลังจากนี้แล้ว จะหยุดเดินทางไปห้างสักครึ่งเดือน แต่.... จะทำได้หรือเปล่า เพราะปรกติก้ไม่เคยทำได้สักที ตอนนี้ความรู้สึกมันเบื่อ ๆ นะ แต่ถ้ามีเหตุให้ต้องไป ก็ไม่เคยที่จะอดใจไว้ได้
แวะไปร้านซีดีที่สะพานควาย มีแผ่นที่ตั้งใจจะซื้อ แต่พอไปถึงแล้วก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา และก้ไม่มีอะไรแปลกใหม่พอจะน่าสนใจ หมดไปอีก 1 เที่ยว
แวะ world trade ดูร้านเครื่องเสียง ได้ข่าวใหม่ ๆ ที่ไม่เปนประโยชน์อะไร มาเร็วไปสัปดาห์นึง แต่สัปดาห์หน้าก็ตั้งใจว่าจะไม่ไปไหนแล้ว เสียเวลา แวะร้านซีดีต่อเดินดูอยู่พักใหญ่ สาขาที่นี่ไม่มีอะไรใหม่ รู้สึกแผ่นที่อยากได้ทั้งหมดจะอยู่ที่ emporium แต่ก็มีแผ่น promotion ให้เสียเงินจนได้ หมดไปอีก 1 เที่ยว งบประมาณซื้อซีดี หมดล่วงหน้าไปอีกอาทิตย์
กลับบ้าน เดินจนเมื่อยขาไปหมด วันนี้เธอไม่กลับ บ้านไม่มีใครอยู่ บ้านเงียบสงบจนฉันเปิดเพลงที่ได้มาใหม่ วันนี้เดินทางไปได้ 3 เที่ยว เหลืออีก 9 เที่ยว ใน 2 วัน พรุ่งนี้ฉันจะ shopping ต่อ 21 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
เที่ยววังดุสิต
วังดุสิต สำหรับฉันน่าจะเปนครั้งที่ 5-6 แล้วที่ได้มาเที่ยวชม จนคิดว่าไม่น่ามีความตื่นเต้นใด ๆ เหลืออยู่อีก แต่วันเสาร์นี้คนใกล้ตัวได้หยุด เมื่อเธอยังไม่เคยไป ฉันก็ต้องแวะเวียนไปอีกครั้งหนึ่ง
บรรยากาศหน้าร้อนช่วงนี้ร้อนมาก ๆ และแน่นอน เมื่อเที่ยวที่ไหนกับเธอ การเดินอย่างไม่หยุดก็ดำเนินขึ้น เราไปถึงประมาณเกือบบ่ายโมง นั่นคือ อีก 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ ของการเดิน
ฉันต้องยอมรับว่าแม้ว่าจะมาที่นี่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเดินได้ทั่วถึงขนาดนี้ โดยส่วนมากก็จะดูแต่สถานที่หลักคือพระที่นั่งวิมาณเมฆ ตอนมาเมื่อครั้งยังเรียนหนังสือ พระตำหนัก , ตำหนัก , วัง ต่าง ๆ ยังเปิดให้ชมไม่มากเท่าในปัจจุบัน ครั้งสุดท้ายที่มากับเพื่อน และเพื่อนชาวต่างชาติของเธอก็ได้เพียงดูด้านนอกของตำหนักต่าง ๆ ครั้งนี้จึงดูทั่วถึงเกือบที่สุด ได้มีโอกาสเข้าพระที่นั่งอนันตสมาคม หลังจากเคยมาครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน มีเพียงบางตำหนักที่ไม่สามารถดูได้ทัน จริง ๆ ถ้าจะดูให้ครบคงต้องใช้เวลาเต็มวัน
ฉันกลับออกมาอย่างเมื่อยล้า ขาดูปวดเมื่อยจากกการเดิน วันนี้คงขึ้นลงบันไดไปไม่ต่ำกว่า 10 ชั้น เฉพาะภายในวังดุสิต เรามีนัดไปดูฟุตบอลกันต่อ บอลไทยลีกยาสูบ-ท่าเรือ ได้บัตรมาหลายวัน เพิ่งมีโอกาสจะได้ดู ได้พักเหนื่อย บอลดูสนุก เสียเพียงอากาศร้อนอ้าว
เช่นเดียวกัน เกิน 10 ปีแล้ว ที่ไม่ได้มาดูฟุตบอลที่สนาม เมื่ออดีตฉันแทบจะรู้จักนักฟุตบอลแทบจะทุกคนในสนาม แต่วันนี้ ฉันแทบไม่รู้จักใครเลย นอกจากนั้นเรายังนั่งอยู่ฝั่งที่ไม่ได้ยินเสียงโฆษกสนาม ทุกอย่างจึงอยู่ในความมืดมิด ฉันถึงเข้าใจผิดว่าคู่แรกเปนการแข่งขันของทีมโอสถสภา เพราะใส่เสื้อตรา M150 ทั้งที่จริง ๆ แล้วเปนทีมมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่วนนักฟุตบอลของคู่ที่มาดู ก็รู้จัก "โจ้ 5 หลา" เพียงคนเดียว แต่ทุกอย่างก็ทดแทนไปได้ด้วยความสนุกในเกม
เกือบ 3 ทุ่มจึงจะได้กลับบ้าน แวะร้านซีดีร้านเดิม มีแผ่นที่หามานานตกเข้ามา รู้สึกเหมือนโชคดีอะไรบางอย่างในวันนี้ ถึงจะเหนื่อยมาทั้งวัน แต่ก็รู้สึกว่าวันนี้เปนวันที่มีความสุขวันหนึ่ง
23 เมษายน 2548 เวลา : 22:00:00
ประชุมผู้ถือหุ้น
เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ ไปประชุมผู้ถือหุ้นบริษัททานตะวัน ความจริงแล้ว ถึงจะเล่นหุ้นมากว่า 3 ปี ฉันก็ยังไม่เคยไปประชุมที่บริษัทใด ๆ เนื่องจากคิดเอาหลังจากอ่านรายงานประชุมว่าคงไม่มีประโยชน์ ส่วนมากคงเปนการยกมือตามวาระให้จบ ๆ ไป คนที่ไปน่าจะเปนคนที่มีหุ้นมาก ๆ ต้องไปตามหน้าที่มากกว่า แต่เนื่องจากบริษัทนี้เปนบริษัทที่มีปัญหาด้านหนี้สิน ประกอบกับหนทางไปแสนจะสะดวก ก็เลยคิดไปฟังเสียหน่อย
ที่ประชุมอยู่ห่างจากสถานีรถใต้ดินสัก ป้ายรถเมล์ เดินพอเหงื่อออกก็ถึง บรรยากาศการประชุมก็ไม่แตกต่างจากที่คิดนัก คือไม่มีการบอกข่าวบอกกล่าวอะไรกันมากมาย ส่วนมากก็ต้องถาม ซึ่งตามธรรมเนียมของการประชุมของคนไทย ก็ไม่ใคร่จะมีใครถามอยู่แล้ว แต่ในความรู้สึกหนึ่งของฉัน ... มันมีสิ่งน่าสนใจ แน่นอน ไม่ใช่กาแฟและของว่าง แต่เปนข่าว ข่าวเดียวกันกับที่เราอ่านรายงานการประชุมนั่นแหละ แต่ได้ฟังในวันประชุม กับได้อ่านเมื่อ 1 ปีผ่านไป ความรู้สึกและความสำคัญของข้อมูลนั้น มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะไม่สามารถบอกอะไรได้ตรง ๆ แต่บางอย่างก็มีสัญญาณให้เห็น เช่นคำบ่นว่า "เศรษฐกิจปีนี้ไม่ดี" "เราต้องทำตลาดบนหนีจีน" ใช่สถานะการแข่งขันของบริษัทไม่ดีนัก สำหรับบริษัทเล็ก ๆ ที่หนังสือพิมพ์ไม่เคยสนใจลงข่าว ข้อมูลพวกนี้น่าสำคัญทีเดียว จากความตั้งใจมาฟังบริษัทนี้บริษัทเดียว สงสัยพรุ่งนี้ฉันต้องเตรียมไปประชุมต่อเสียแล้ว
25 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
เกลียดฝน
เมื่อวาน ฟ้าฝนดูไม่เปนใจ ฉันต้องออกไปทำธุระข้างนอกในยามเที่ยง ฝนก็ตกมารบกวนในเวลาเดินทางพอดี หลังจากอากาศร้อนระอุมาตลอดเวลา
วันนี้ ฟ้าฝนก็ไม่เปนใจ ฟ้าครืนครามตั้นแต่ยามเมื่อฉันลืมตา เวลาเดินทางของฉันเปนเวลาปรกติที่ค่อนข้างจะแน่นอน ยิ่งเมื่อคนใกล้ตัวต้องเดินทางไกลยิ่งกว่ายิ่งเลื่อนเวลาไม่ได้ ฝนเริ่มลงเม็ดเมื่อก้าวขาออกจากบ้าน และเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนหนักมากที่สุด ไม่หนักอย่างเดียวลมยังแรง ไม่น่าแปลกใจ ขณะเวลานี้ฉันยังคงเปียกปอนไปทั้งตัว เมื่อฉันนั่งรอให้แห้งอยู่ในขณะนี้ ฝนกลับหยุด แม้ฟ้ายังเต็มไปด้วยเมฆก็ตาม มันตั้งใจจะหาเรื่องกันใช่ไหม
ในยุคแห่งทุนนิยม เวลาทุกอย่างมีความตายตัวของมัน การทำงาน การแข่งขัน เราเหมือนว่าไม่ต้องการฝนอีกแล้ว เมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ดูเหมือนฝนเปนภาระให้กับผู้คนมากกว่า แตกต่างจากในสมัยโบราณที่ฝนมีความสำคัญ ถึงขนาดยกให้เปนพระเจ้า ใช่.. โลกนี้มันเดินต่อไป ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนัก ที่วันนี้ฉันรู้สึกเกลียดฝนอย่างจับใจ
28 เมษายน 2548 เวลา :15 :33:00
สิ้นสัปดาห์สิ้นแรง
จบวันศุกร์เสียที รู้สึกสัปดาห์นี้ทำงานเพิ่มเปน 2 เท่า ทั้งงานหลวง และส่วนตัว
สัปดาห์แห่งการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทต่าง ๆ แม้เวลาประชุมส่วนมากจะเปนเวลาสาย ๆ ซึ่งฉันสามารถออกไปก่อนเวลาพักกลางวัน และกลับมาทันเวลาเข้างานบ่าย แต่ก้หมายความว่าในแต่ละวันในสัปดาห์นี้ ฉันทำงานแบบไม่มีเวลาว่างเลย เหนื่อยพอดูเหมือนกัน
เศรษฐกิจปีนี้ไม่ดีเอาเลยตามสายตาของบริษัทต่าง ๆ บริษัททำหลอด - น้ำมันแพง คู่แข่งมาก การแข่งขันรุนแรง บริษัทบัตรเครดิต - การแข่งขันรุนแรง กำลังซื้อของประชาชนลด บริษัททำสายยางยืด - ราคายางแพง FTA ทำคู่แข่งเพิ่ม ธนาคาร - ตั้งสำรองหนี้สูญแบบอนุรักษ์นิยมไว้ก่อนดีกว่า ปลอดภัย บริษัทบ้านจัดสรร - ผู้ซื้อใช้เวลาการตัดสินใจนานขึ้น ขายยากขึ้น ตกลงนี่ทุกบริษัทที่มีมันประเมินผลงานเลวลงหมดเลยใช่ไหม หรือต้องซื้อชินคอร์ปถึงจะรวย น่ากลุ้ม
ตกเย็นแวะเอาบัตรเครดิตที่ต้องทำใหม่สำนักงาน พนักงานบริการแย่มาก ไม่ใช่มารยาท แต่เปนความรู้ในการบริการลูกค้า ถึงแม้กรณีของฉันเปนกรณีที่ไม่น่าจะเกิดบ่อย ๆ แต่ก็ควรจะมีพนักงานที่รู้เรื่องดำเนินการ ไม่ใช้ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง ตอบไม่ได้สักเรื่อง นี่ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน คงได้ไปด่าในที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งฟังมาหยก ๆ ว่าต้องรักษาลูกค้าเก่าเพราะต้นทุนหาลูกค้าใหม่แพงมาก มันยังบริการได้ห่วยขนาดนี้
กลับบ้านด้วยความสงบ เดือนนี้เพื่อนไม่ชวนไปไหน ก่อนกลับก็รู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะอยากไป แต่พอกลับแล้วก็รู้สึกเบื่อ ๆ อยู่ในที เดือนนี้เหมือนฉันจะอยู่แต่ที่บ้าน อยากออกก็ขี้เกียจ อยู่นาน ๆ ก็เบื่อ ก็คงต้องหาเรื่องไปเที่ยวเสียบ้างล่ะ
29 เมษายน 2548 เวลา : 21:00:00
Create Date : 22 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2549 7:49:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 236 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|