สารกำจัดวัชพืช(ยาฆ่าหญ้า) ตอนที่ 19
บท ความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย" เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน (นายยักษ์เขียว)
อ๊อกซาไดอะโซน (oxadiazon) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดวัชพืช oxadiazon ประเภทเจาะจงพืช กำจัดวัชพืชได้ทั้งแบบก่อนงอกและภายหลังงอก ดูดซึมเข้าไปในลำต้นได้โดยส่วนต่าง ๆ ของพืชที่อยู่เหนือพื้นดิน ออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อมีแสงแดด ความ เป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า 8,000 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 8,000 มก./กก. อาจทำให้ดวงตาเกิดอาการระคายเคือง วัชพืช ที่กำจัดได้ ผักแว่น ผักปอดนา แพงพวยน้ำ ขาเขียด หญ้านกสีชมพู หญ้าตีนติด หญ้าตีนกา หญ้าโขย่ง กกขนาก กกทราย วัชพืชใบแคบและวัชพืชใบกว้างล้มลุกอื่น ๆ พืชที่ใช้ ฝ้าย ข้าว ถั่วเหลือง กะหล่ำปลี กระเทียม หอมและมะเขือเทศ สูตรผสม 25% อีซี อัตรา ใช้และวิธีใช้ สำหรับกำจัดวัชพืชในนาข้าว ใช้อัตรา 320-640 ซีซี ผสมกับน้ำ 20-60 ลิตร/ไร่ ฉีดพ่นลงในนาข้าวให้ทั่วแปลง สำหรับพืชอื่น ๆ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก อาการเกิดพิษ ถ้าเข้าตา จมูกหรือผิวหนัง จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ถ้าเข้าปากอาจจะมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน การแก้พิษ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ 1% ถ้า เกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่จำนวนมาก ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไปและผู้ป่วยมีสติดีอยู่ ห้ามทำให้อาเจียน ใช้น้ำล้างปากมาก ๆ แล้วนำผู้ป่วยส่งแพทย์ เพื่อทำการล้างท้อง แล้วรักษาตามอาการ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ ข้อควรรู้ - กำจัดวัชพืชใบกว้างได้ดีกว่าใบแคบ - มีความคงตัวในดินปานกลาง จึงสามารถควบคุมวัชพืชได้ตลอดฤดูปลูก - ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส เมื่อใช้กำจัดวัชพืชแบบภายหลังงอก
อ๊อกซี่ฟลูออร์เฟน (oxyfluorfen) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดวัชพืช diphenyl ether : trifluoromethyl ประเภท เจาะจงพืช กำจัดวัชพืชได้ทั้งแบบก่อนงอกและภายหลังงอก ออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อถูกแสงแดด ดูดซึมผ่านทางใบหรือทางหน่อได้มากกว่าทางราก ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า 5,000 มก./กก. ทางผิวหนัง (กระต่าย) มากกว่า 10,000 มก./กก. วัชพืช ที่กำจัดได้ หญ้าตีนติด หญ้าตีนนก หญ้าตีนกา หญ้าปากควาย หญ้าไม้กวาด หญ้าเขมร ไมยราบ วัชพืชใบแคบและใบกว้างล้มลุกอื่น ๆ พืช ที่ใช้ หอม หอมใหญ่ กระเทียม พืชตระกูลถั่ว ข้าวไร่ พืชตระกูลกะหล่ำ พริก ยาสูบ มะเขือเทศ ขิง มันสำปะหลังและอ้อย สูตรผสม 23.5% อีซี อัตรา ใช้และวิธีใช้ โดยทั่วไปใช้อัตรา 40-80 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นคลุมดินที่เตรียมไว้เพื่อปลูก ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากฉลากก่อนใช้ อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการระคายเคืองที่ผิวหนัง ตา ทางเดินหายใจ คลื่นไส้ วิงเวียน และอาเจียน การ แก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากห้ามทำให้คนไข้อาเจียน ควรนำคนไข้ส่งแพทย์เพื่อรักษาตามอาการ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ ข้อควรรู้ - เป็นพิษต่อปลา - กำจัดวัชพืชใบกว้างได้ดีกว่าใบแคบ - เมื่อวัชพืชสัมผัสถูกกับสารกำจัดวัชพืชนี้ในระหว่างการงอกจะถูกฆ่าตาย
โอรีซาลิน (oryzalin) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดวัชพืช dinitroanilide ประเภทเจาะจงพืช กำจัดวัชพืชแบบก่อนงอก ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า 10,000 มก./กก. วัชพืชที่กำจัดได้ วัชพืชใบแคบและใบกว้างประเภทล้มลุก พืชที่ใช้ ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ฝ้าย มันฝรั่งและพื้นที่ ๆ ไม่ได้ทำการเพาะปลูก สูตรผสม 70% ดับบลิวพี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก ข้อควรรู้ - เป็นพิษต่อปลา - อย่าใช้กับดินที่มีอินทรียวัตถุสูงกว่า 5% - ให้ใช้เพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งฤดูปลูก - อย่าปลูกพืชหัวในพื้นที่ที่ใช้สารนี้ภายในระยะเวลา 12 เดือน หลังจากใช้
พาราคว๊อท (paraquat) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดวัชพืช bipyridium ประเภทไม่เจาะจงพืช กำจัดวัชพืชภายหลังงอก ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส มีคุณสมบัติเป็นตัวดูดน้ำและหมดฤทธิ์อย่างรวดเร็วเมื่อถูกกับดิน ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 150 มก./กก. ทางผิวหนัง 236 มก./กก. จะตายเมื่อกลืนกินเข้าไป วัชพืชที่กำจัดได้ วัชพืชทุกชนิด โดยเฉพาะจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดส่วนที่มีสีเขียวของพืช พืช ที่ใช้ ใช้กำจัดวัชพืชตามไร่มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด สวนผลไม้ กล้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ตามคันนา บริเวณโรงงาน ริมทางรถไฟและคันคูคลอง สูตรผสม 27.6% แอล อัตรา ใช้และวิธีใช้ โดยทั่วไปใช้อัตรา 60-80 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบและต้นวัชพืชโดยตรงควรใช้ในขณะที่มีแสงแดดซึ่งจะช่วยให้ได้ผลดี ยิ่งขึ้น อาการ เกิดพิษ พิษจากการสูดดมจะมีอาการแน่นหน้าอกและในช่องท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย วิงเวียน หายใจขัด ปอดบวมและอาจตายเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว ถ้าเข้าตาหรือถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและอักเสบ ถ้าวัตถุมีพิษเข้มข้นมาก ๆ อาจทำให้เล็บหลุด ถ้าเข้าตา แก้วตาจะหลุดออกมาทำให้เกิดอาการรุนแรงตามมา ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ภายในปากจะระคายเคืองตลอดถึงลำคอ ทางเดินอาหารอักเสบและแสบร้อนคลื่นไส้ อาเจียน ท้องปั่นป่วน ไม่สบายและท้องเสีย เหงื่อออกมาก ประสาทส่วนกลางได้รับผลกระทบกระเทือน มีอาการกระสับกระส่าย ระบบหายใจล้มเหลว เซลตับและไตถูกทำลายและตายในที่สุด การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมาก ๆ ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ควรรีบทำให้อาเจียนทันทีด้วยการล้วงคอหรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น แล้วนำส่งแพทย์ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ ข้อควรรู้ - จะหมดฤทธิ์ทันทีเมื่อถูกกับดิน ไม่มีฤทธิ์ตกค้าง - มีพิษต่อปลาน้อย
Create Date : 14 มีนาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 14 มีนาคม 2554 11:29:57 น. |
Counter : 10170 Pageviews. |
|
|
|