Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 10

10

อากาศยามดึกกระทบผิวหน้าจนเย็นเยียบจมูกก็รู้สึกแสบนิดๆพลับพลึงยกมือขึ้นอังที่ปากเพื่อลดความเหน็บหนาวได้เจอไออุ่นจากลมหายใจก็พอช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้างคนเพิ่งเสร็จงานค่อยๆย่องเข้าไปในห้องกวาดสายตามองไปในความมืดเพื่อหาที่วางเอกสารคนย่องเข้าห้องวางมันลงที่โต๊ะอย่างเบามือแล้วจึงย่องไปที่เตียงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่ต้องใช้ร่วมกันทุกอย่างจะต้องเบาและเงียบที่สุดขืนทำธนดลตื่นตอนนี้คงหมดอารมณ์จะนอนสีหน้าของเขายังอาจจะชวนให้หายง่วงพลับพลึงค่อยๆพลิกผ้าห่มเกือบจะมุดตัวเข้าไปได้สำเร็จแล้วเชียว

“อย่าไป...ดา...อย่าไป!...”

เสียงครางกระสับกระส่ายน้ำเสียงนั้นเจ็บปวดอย่างที่สุดทำคนกำลังจะเข้านอนชะงักพลับพลึงเพ่งความสนใจไปที่คนนอนกระสับกระส่ายเธอนั่งมองหน้าคนฝันร้ายที่ครางเรียกชื่อใครบางคนอยู่เงียบๆเพ่งพินิจจากน้ำเสียงที่เจ็บปวดนั้น

'ดา'ชื่อนี้คงจะทำให้เขาเจ็บปวดไม่ใช่น้อยพลับพลึงก้มหน้าลงไปหาหมายจะได้เห็นสีหน้าอันแสนเจ็บปวดนั้นชัดๆจากแสงสว่างของดวงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามา

“ดา!ไม่นะ...”

“ว้าย

คนกำลังจ้องหน้าคนฝันร้ายสะดุ้งสุดตัวหน้าหงายเกือบจะตกจากเตียงเมื่อจู่ๆคนฝันร้ายก็ตะเบ็งเสียงออกมาพร้อมกับลุกพรวดขึ้นนั่งนี่หากผละหน้าออกช้ากว่านี้อีกนิดหน้าคงชนกันโครมไม่ใครก็ใครได้ดั้งหักกันบ้างล่ะ

“คะคุณ เป็นอะไรหรือเปล่าฝันร้ายหรือ”

คนตกใจยังมีกระจิตเอ่ยถามแต่ดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายจะยังมีอาการลอยๆ

“ฮึ”เขาคราง

“ก็คุณฝันร้าย”

ธนดลเอื้อมไปเปิดไฟแล้วลูบหน้าแรงๆผ่อนลมหายใจออกพรืดใหญ่

“ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า”

“เปล่าฉันกำลังจะนอนแต่เห็นคนมีอาการแปลกๆคุณละเมอด้วย”

“งั้นหรือผมคงกินมากไปหน่อยเลยเก็บมาฝันนะ”

พลับพลึงอยากจะหัวเราะให้ฝันร่วงฝันเพ้อเรียกชื่อ 'ดาดา อย่าไป อย่าไป'นี่นะอาหารประเภทไหนมีชื่อว่า'ดา'โกหกได้ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย

“งั้นหรือคะถ้างั้นคุณก็นอนเถอะ อย่าคิดมากแล้ววันหลังก็อย่าทานมากอีกล่ะเดี๋ยวอาหารไม่ย่อยจะแย่เอา”

ว่าแล้วพลับพลึงก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้เธอคงมีเขางอกอยู่บนหัวถ้าเชื่อว่าที่ธนดลฝันร้ายเพราะทานมากเกินไป


“นั่นคุณจะรีบไปไหน”

ธนดลร้องเรียกให้อยู่ก่อนเมื่อเห็นหญิงสาวหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังทั้งกล่องใส่แบบและกระเป๋าเอกสารจะเดินผ่านห้องรับแขกไปเมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็ค่อนคืนยังสามารถตื่นเช้าได้อีกแหนะพลับพลึงชะงักตัวแล้วเดินออกไปนอกระเบียงเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เอ่ยเรียกนั่งมองอยู่เธอเองก็อยากพบเขาเช้านี้เช่นกันด้วยเหตุว่ามีเรื่องรบกวน

“คุณอยู่นี่เองฉันกำลังหาคุณอยู่พอดี”

พลับพลึงกระตือรือร้นเข้าไปหาแล้ววางของลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัว

“อ๋อผมออกไปวิ่ง” ชายหนุ่มตอบ

พลับพลึงพยักหน้ารับรู้เมื่อเห็นเขายังอยู่ในชุดวอร์มเสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอร์มสีกรมท่าแล้วยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวพาดอยู่ที่ลำคออีกบนใบหน้ายังมีร่องรอยของเม็ดเหงื่อโดยเฉพาะเส้นผมที่เขาเสยขึ้นไปอย่างลวกๆ

“คุณจะทานอะไรมั้ย”ธนดลตั้งท่าจะหันไปสั่งแม่บ้าน

“ไม่เป็นไรค่ะพอดีว่าฉันรีบ”

ธนดลย่นคิ้ว“กาแฟก็ไม่?...”

“ไม่ค่ะ”พลับพลึงปฏิเสธ แล้วเข้าเรื่อง“จริงๆ แล้วฉันคิดว่าจะคุยกับคุณตั้งแต่เมื่อคืนแต่ฉันก็ลืม”

ธนดลดึงตัวจากพิงพนักเก้าอี้นั่งตัวตรงท่าทางอึกอักของหญิงสาวเหมือนเกรงใจ

“วันนี้ฉันต้องไปพบลูกค้าเอ่อ...ฉันอาจจะต้องใช้รถคุณ”

“ก็ใช้ไปสิผมก็บอกแล้วว่าคันนั้นให้คุณใช้ได้ตามสบาย”

“แต่วันนี้ฉันต้องไปบนดอยฉันก็กลัวว่าคุณจะหวง”

ธนดลกลอกตาแล้วถอนหายใจนี่หญิงสาวยังถือสาเรื่องเมื่อวานอยู่อีก

“คุณนี่เรื่องมากจริงถ้าคิดว่าผมหวงก็ขับระวังๆหน่อยก็แล้วกัน” เขาตัดความรำคาญ

พลับพลึงฉีกยิ้มกว้างเพราะหากจะให้เสียเวลาขับรถไปที่ไซด์งานเพื่อใช้รถประจำตำแหน่งที่เข้าขั้นโกโรโกโสก็กลัวว่าจะไม่ถึงปลายดอยหากได้รถดีๆ ของที่นี่ยังทำเวลาได้บ้าง

“ขอบคุณมากนะคะฉันจะขับระวังๆรับรองว่าจะไม่ให้รถคุณมีรอยขีดข่วนแน่นอน”

ธนดลแค่นยิ้มอย่างไม่อยากจะเชื่อจะเป็นไปได้อย่างไรขับรถขึ้นเขาจะไม่ให้มีรอยขีดข่วนแต่ก็พยักหน้ารับส่งๆเพราะไม่อยากจะชวนหญิงสาวทะเลาะแต่เช้าอีกอย่างรถที่นี่เขาก็เก็บไว้เพื่อขับเที่ยวเล่นแถวๆนี้อยู่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะคะอ้อ แล้ววันนี้อย่าทานเยอะนะคะเดี๋ยวฝันร้าย”

ธนดลแค่นหัวเราะที่ถูกแขวะดูเหมือนว่าเขาจะหลุดเพ้ออะไรออกมาเยอะเลยสิเขามองตามร่างบางกระฉับกระเฉงลงจากเรือนแล้วยิ้มโดยไม่รู้ตัวจนเธอก้าวขึ้นรถถึงได้หันกลับมาสนใจกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนกวาดสายตามองหาแม่บ้าน

“น้อยบอกส่วยเตรียมรถด้วยนะวันนี้ฉันจะเข้าเมือง”


เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวบ่อยครั้งที่จอดดูแผนที่เมื่อผ่านหมู่บ้านแม้วมาได้ซักระยะหัวหน้าสถาปนิกบอกว่าเลยหมู่บ้านแม้วมาเล็กน้อยจะเป็นไร่ชาขนาดใหญ่ตรงไปอีกนิดก็จะถึงบ้านพักของลูกค้าที่นั่นสังเกตไม่ยากเพราะมีบ้านขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงหลังเดียวรายล้อมรอบบริเวณมีดอกไม้นานาพรรณตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงตัวบ้านแบบล้านนา

'หลังนี้แน่'

พลับพลึงพึมพำแล้วจอดรถแอบข้างทางเพื่อเช็คแผนที่น่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกเศรษฐีที่ชื่นชอบธรรมชาติที่มักปลูกบ้านไว้ต่างจังหวัดสำหรับพักผ่อนหรือหนีความวุ่นวายมาพักใจและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดทางเข้าปูด้วยคอนกรีตลาดยาวไปตามแนวถนนมีประตูไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่กั้นขวางพลับพลึงบีบแตรสองสามทีเพื่อเรียกคนงานก่อนจะเลื่อนกระจกลงเมื่อคนงานวิ่งออกมาจากมุมหนึ่งของตัวบ้าน

“ฉันเป็นสถาปนิกโครงการโมเดิร์นฮิลล์ฉันมาขอพบคุณคาร์เวล”

เธอแจ้งกับนายทวารโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายถามค่อนข้างพอใจเมื่อนายทวารพยักหน้าหงึกๆแล้วเปิดประตูให้อย่างไม่เกี่ยงงอนเมื่อวานตระการหัวหน้าสถาปนิกบอกเธอแล้วว่าจะติดต่อลูกค้าไว้ให้พลับพลึงก้าวลงจากรถเมื่อขับรถเข้าไปอีกประมาณยี่สิบเมตรเห็นจะได้แล้วพบกับสถาปัตยกรรมล้านนาแบบผสมผสานกับแนวตะวันตกไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยสะดุดตาถึงตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมุขด้านหน้าของตัวอาคารสำนักงานที่เธอกำลังออกแบบนั้นถึงได้แก้ไขไปแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ครั้งและพอจะเดาความต้องการของลูกค้าคนนี้ได้มากพอสมควร

พลับพลึงวางแบบลงที่โต๊ะแล้วนั่งลงรอเจ้าของบ้านตามที่นายทวารบอกไม่นานเท่าไหร่ชายหนุ่มในชุดลำลองสีเย็นตาก็เดินเข้ามารูปร่างนั้นสูงใหญ่แบบชาวตะวันตกใบหน้ามีเค้าคนไทยอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากที่เห็นเป็นไทยเด่นชัดบนใบหน้าชายหนุ่มเห็นจะเป็นเส้นผมที่ดำขลับเท่านั้นเธอลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเดาได้ว่าคนนี้น่าจะเป็นคุณคาร์เวล

“คุณคงเป็นสถาปนิก”ชายหนุ่มเอ่ยทัก

“ใช่ค่ะฉันเป็นสถาปนิกที่ออกแบบตัวอาคารสำนักงานฉันชื่อพลับพลึงค่ะ”

ชายหนุ่มย่นคิ้วนิดหนึ่งแล้วคลายออกก่อนที่จะเป็นจุดให้หญิงสาวสงสัย

“ผมแพททริคคาร์เวล”ชายหนุ่มยื่นมือออกไปทักทายและพลับพลึงก็ไม่ยอมเสียมารยาทยื่นมือมาจับเพื่อทักทายลูกค้าเช่นกัน“ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้คุณขึ้นมาถึงที่นี่”

“ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วจริงๆ แล้วฉันเองก็ต้องขอโทษคุณคาร์เวลด้วยที่มาช้าพอดีอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลาพักร้อนค่ะเลยพลอยทำให้งานคุณล่าช้า”

“อ้อ...ครับไม่เป็นไร งานช้าแต่ถ้าชัวร์ผมยอมให้ช้าดีกว่า”

ชายหนุ่มยิ้มจริงใจพลอยทำให้พลับพลึงรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมที่จะทำงานตามความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่

“คุณตระการบอกว่าคุณยังไม่ชอบหน้ามุขเท่าไหร่”

พลับพลึงไม่เสียเวลาเปิดประเด็นงานทันทีแพททริคคาร์เวลดึงตัวนั่งตรงแล้วมองแบบที่สถาปนิกสาวเริ่มกางออก

“ใช่ครับผมคิดว่ามันยังแข็งไป”

“อ๋อค่ะ ให้ฉันเดานะคะคุณคงชอบสถาปัตยกรรมแบบล้านนา”

พลับพลึงยิ้มไม่ได้มีแววว่าหงุดหงิดอะไรตั้งแต่ทางเข้าจนถึงตัวบ้านสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดูจะมากกว่ายุโรปมาก

“ครับคุณตระการไม่ได้บอกถึงเรื่องนี้หรือครับ”แพททริค คาร์เวล ย้อนถาม

“บอกค่ะแต่ฉันคงเอาแต่ใจมากไปหน่อยเลยใส่โมเดิร์นมาซะเยอะเลยจนเมื่อมาเห็นบ้านพักของคุณ”

“งั้นหรือครับถ้าอย่างนั้นก็คงจะทำให้คุณทำงานง่ายขึ้น”

“เยอะเลยค่ะคุณจะว่าอะไรมั้ยคะถ้าฉันจะขอเดินดูรอบๆ”

ชายหนุ่มยักไหล่เพราะเขาก็อยากอวดบ้านพักหลังนี้อยู่แล้วนานๆ ทีจะมีใครซักคนขึ้นมาถึงที่นี่จริงๆ แล้วเขายังไม่เปิดเผยบ้านพักหลังนี้เพราะเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อครึ่งปีที่แล้วนี้เองแพททริค คาร์เวลลุกขึ้นหมายจะเป็นไกด์นำเที่ยวบ้านแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนงานเข้ามารายงาน

“นายครับโทรศัพท์ครับ”

เขาพยักหน้ารับรู้แล้วให้คนงานออกไปก่อนแล้วหันมาทางหญิงสาวที่ยืนรออยู่

“ผมขออนุญาตซักครู่เชิญคุณตามสบาย”

“ขอบคุณค่ะ”

พลับพลึงตอบรับพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อยรอจนเจ้าของบ้านเดินออกไปจากตรงนั้นจึงได้เริ่มหามุมที่จะสำรวจความสวยงาม


ยิ่งเดินก็ยิ่งนึกทึ่งนี่ต้องไม่ใช่สถาปนิกธรรมดาแน่ๆเพราะทุกจุดเก็บรายละเอียดได้ดีเยี่ยมไม่ว่าจะมุข จั่วหรือแม้แต่ผนังยังใช้วัสดุชั้นดีบางส่วนลอกได้แนบเนียนเสียจนดูไม่ออกว่าเป็นสักทองหรือวัสดุเลียนแบบทั้งลวดลายและการจัดเรียงเรียกได้ว่านอกจากจะเป็นการออกแบบที่ดีเยี่ยมแล้วช่างก่อสร้างยังถือได้ว่าฝีมือดีหาตัวจับยากน่าแปลกใจว่าเหตุใดลูกค้ารูปหล่อถึงไม่ใช้บริการสถาปนิกที่เคยออกแบบบ้านพักหลังนี้กลับหันมาใช้สถาปนิกบริษัทของเธอแทน

“เอ๊ะ”

พลับพลึงอุทานแล้วเดินเข้าไปยังมุมหนึ่งซึ่งเป็นสวนหย่อมเล็กๆบริเวณนั้นเหมือนเป็นสวนเพาะกล้วยไม้เธอเลียบๆ เคียงๆหรี่ตามองเพราะด้านหลังนั้นคุ้นๆเดินเข้าไปใกล้อีกนิดแต่ก็ยังไม่ปักใจว่าเป็นคนที่เคยรู้จักจนเมื่อหญิงสาวนั้นเอ่ยขึ้น

“คุณไม่ต้องย่องเลยนะคะนี่คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะ”

เจ้าของเสียงหวานนั้นเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อได้ยินเสียงเดินตั้งนานแล้วแต่เมื่อหันหลังกลับไปก็ตกใจราวกับเห็นผีมือที่ถือกรรไกรตัดแต่งกิ่งกล้วยไม้อยู่นั้นหล่นจากมือราวกับเป็นสิ่งของที่หนักเหลือทนดวงตาเหลือกหลน อ้าปากค้างซึ่งไม่ต่างจากพลับพลึงที่หน้าซีดเผือดตัวชาเช่นกัน

“พิมพ์พลับพลึงครางน้ำเสียงแทบจะไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากซึ่งไม่ต่างจากหญิงสาวอีกคนเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ

“พี่พลับ

เพียงแค่เห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าพิมพ์พรรณก็แข้งขาอ่อนแรงความละลายบวกสงสารพี่สาวจับใจก็แล่นกลับเข้ามาในใจหลายวันก่อนเธอเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็ยิ่งทำให้รู้สึกละลายจนไม่อาจจะยืนอยู่สู้หน้าพี่สาวได้

“หยุดนะพิมพ์

พลับพลึงเรียกไว้เสียงเข้มเมื่อน้องสาวที่เธอตามหากำลังจะหมุนตัววิ่งหนีรีบปรี่เข้าไปกระชากแขนผู้มีศักดิ์เป็นน้องให้หันกลับมาเผชิญหน้า

“พิมพ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงพิมพ์!ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ”

พลับพลึงเริ่มตะคอกเมื่อน้องสาวเอาแต่หลุบตาเบือนหน้าหนี

“หันหน้ามามองพี่เดี๋ยวนี้นะรู้หรือเปล่าว่าลุงกับป้าเป็นห่วง”

“ปล่อยพิมพ์เถอะค่ะพี่พลับ”

พิมพ์พรรณพยายามขืนลำแขนออกจากมือเหนียวเป็นตุ๊กแกของพี่สาว

“ไม่จนกว่าพิมพ์จะยอมบอกเหตุผลและกลับบ้านกับพี่พิมพ์ไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ลุงกับป้าเสียใจแค่ไหนท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยรู้มั้ย”

“ไม่นะคะพี่พลับ!พิมพ์ขอร้องอย่าพาพิมพ์กลับบ้าน”

ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำโทษพิมพ์พรรณอ้อนวอนพลับพลึงทุกอย่างใบหน้าของน้องสาวเริ่มแดงก่ำจะร้องไห้

“ทำไมล่ะพิมพ์พิมพ์ไม่เคยเป็นคนเหลวไหลแบบนี้”

พลับพลึงต่อว่าเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่คิดที่จะหนีอีกจึงปล่อยตัวให้เป็นอิสระเธอจ้องหน้าพิมพ์พรรณเขม็งไม่ใช่เพราะความโกรธเคืองที่น้องสาวหนีการแต่งงานจนเธอต้องเป็นฝ่ายรับเคราะห์กรรมแต่เพราะห่วงใยและอยากรู้ความจริงในใจของน้องสาวต่างหาก

“พิมพ์ขอโทษพี่พลับที่ทำแบบนั้นแต่พิมพ์แต่งงานกับคุณธนดลไม่ได้”

“ก็เลยหนีมา”

“ค่ะแต่พิมพ์ก็ไม่คาดคิดว่าแม่จะจับพี่พลับแต่งงานแทน”

พลับพลึงเริ่มหัวเสียคนที่จับเธอแต่งงานไม่ใช่พิลาวรรณหรอกแต่เป็นความประสงค์ของธนดลต่างหากข้อนี้พลับพลึงรู้ดีแก่ใจเพราะถ้าฝ่ายชายไม่ยินยอมงานแต่งงานก็คงไม่เกิดขึ้น

“เรื่องนั้นช่างเถอะมันคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแต่ตอนนี้พี่อยากรู้ว่าทำไมพิมพ์ต้องหนีมาอย่างนี้พิมพ์มีเหตุผลอะไร”

ทั้งๆที่น้องสาวไม่เคยออกนอกกรอบที่พ่อแม่ขีดเส้นไว้ให้อีกอย่างเรื่องการแต่งงานครั้งนี้พิมพ์พรรณก็ไม่คิดจะปฏิเสธตั้งแต่แรก

“เป็นเพราะผมเองครับ”

พลับพลึงหันขวับกับเสียงห้าวไม่ต่างจากพิมพ์พรรณที่เบิกตากว้างกับการปรากฏตัวของเขา

“พีท

“คุณคาร์เวล”

สองสาวเอ่ยชื่อของชายหนุ่มผู้ปรากฏตัวในช่วงบรรยากาศตรึงเครียด

“หมายความว่าไง”

พลับพลึงที่อยู่ในอาการงงเอ่ยถามซึ่งไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนตอบคำถาม

แพททริคคาร์เลวหรือชื่อเล่นที่คนสนิทใช้เรียก‘พีท’ เดินผ่านร่างของพลับพลึงไปหยุดอยู่ข้างพิมพ์พรรณเขายกมือขึ้นโอบไหล่ลูบเบาๆเพื่อปลอบประโลมให้หญิงสาวหายกลัว

“ว่าไง

พลับพลึงหันตามร่างชายหนุ่มตั้งแต่เดินผ่านเธอแล้วยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าของเธอโอบไหล่น้องสาว

“ผมเองที่เป็นคนพาพิมพ์หนีการแต่งงาน”

“ว่าไงนะ”

พลับพลึงครางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและรูปร่างหน้าตาทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้

“ผมรักพิมพ์มาตั้งนานแล้ว”

“รักหรือรักแล้วทำไมต้องทำแบบนี้ทำไมคุณไม่ทำทุกอย่างตามกรอบประเพณี”พลับพลึงต่อว่า

“ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง”

แพททริคคาร์เวลพยายามจะอธิบายแต่เหมือนมีอะไรเหนียวๆมายึดริมฝีปากไว้

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาน้องสาวฉันกลับบ้านพิมพ์ กลับบ้าน

“ไม่นะคะพี่พลับกลับไปพ่อกับแม่เอาพิมพ์ตายแน่”

พลับพลึงเม้มปากทำหน้าขึงขังตอนนี้ล่ะทำเป็นกลัวก่อนหน้านี้ทำไมไม่รู้สึกกลัว

“ไม่ได้พิมพ์ต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้”พลับพลึงยื่นคำขาด

“พิมพ์ต้องอยู่ที่นี่เพราะพิมพ์เป็นคนรักของผม”

“ว่าไงนะ

พลับพลึงเบิกตาโพลงแม้จะพอเดาสถานการณ์ออกแต่แรกแล้วก็เถอะ

“ผมจะไม่ยอมให้พิมพ์ไปไหนทั้งนั้น”แพททริคเองก็ยื่นคำขาดเช่นกัน

“ก็เอาซี้ถ้าคุณคิดว่าจะห้ามฉันได้ฉันจะแจ้งความว่าคุณลักพาตัวน้องสาวฉัน”

“อย่าทำแบบนั้นเลยครับคุณมองดูพิมพ์ให้ดีๆ สิเธออายุเกินวัยที่จะต้องมีผู้ปกครองคอยชี้นำแล้วอีกอย่าง เราสองคนรักกันและนี่คือเหตุผลที่ผมยอมให้พิมพ์แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้”

แพททริคคาร์เวลตอบเสียงดังฟังชัดและตอนนี้เขาก็แน่ใจแล้วว่าเคยเห็นสถาปนิกสาวคนนี้ที่ไหนจะที่ไหนซะอีกล่ะก็ในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนั่นไงเธอเป็นเจ้าสาวสำรองของนายธนดลสุทธิการ ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าของธนาคารชื่อดังแม้ลึกๆจะนึกสงสารหญิงสาวอยู่มากแต่เขาก็ยังอยากเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเองและหญิงสาวคนรัก

“ผมต้องขอโทษที่ทำตามที่คุณขอไม่ได้แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมรับรองว่าจะช่วยสุดความสามารถอ้อ อย่างเช่นเรื่องงานผมจะยินยอมให้คุณได้ใช้ความสามารถเต็มที่โดยที่ผมจะตามใจคุณทุกอย่าง”

พลับพลึงขบกรามเพราะนี่ไม่ต่างจากสินบนซึ่งเธอไม่ใช่คนประเภทนั้นหญิงสาวเชิดหน้าตวัดสายตามองอย่างไม่ชอบในคำพูดเหล่านั้น

“ฉันแยกแยะออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวคุณไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องงานมาต่อรองแต่ตอนนี้ฉันต้องการคุยกับน้องสาวฉันเป็นการส่วนตัว”

แพททริคคาร์เวลหันมองคนรักซึ่งยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วต้องยอมตัดใจให้อยู่กับสถาปนิกสาวตามลำพังเมื่อพิมพ์พรรณพยักหน้าว่าไม่เป็นไร

แพททริคคาร์เวลก้าวเดินออกไปจากสวนกล้วยไม้อย่างลังเลใจพลับพลึงรอจนชายหนุ่มลับตาถึงได้ตั้งคำถามจู่โจม

“ว่าไงพิมพ์มีอะไรจะบอกพี่มั้ย”

แน่นอนเธอถามในฐานะผู้เสียหายคนหนึ่งซึ่งต้องตกอยู่ในวังวนความวุ่นวายครั้งนี้!


***********

ยังจำกันได้หรือเปล่าคะ ต้องขออภัยค่ะที่หายไปนานมาก เนื่องจากมีภาระกิจเร่งด่วนที่ต้องจัดการ ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ




Create Date : 16 กรกฎาคม 2557
Last Update : 16 กรกฎาคม 2557 13:35:53 น. 1 comments
Counter : 925 Pageviews.

 
ดีใจมากค่ะ ที่ได้อ่านอีก ขอบคุณที่กลับมา


โดย: a reader IP: 61.90.88.65 วันที่: 16 กรกฎาคม 2557 เวลา:19:47:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใยไหมเจ้าค่ะ
Location :
เลย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โลกแห่งนิยายมีทุกอย่างให้นึกคิด เป็นอีกคนที่ชอบจินตนาการไปพร้อมๆ กับบทประพันธ์ ใยไหม...คือนามปากกาที่ได้มาจากสิ่งที่เห็น รังไหมสีเหลืองทองรูปร่างเรียวรีสะดุดตาเข้าเต็มเปา...
เจ้าขนปุย...คืออีกหนึ่งความรักที่มาจากใจ

 งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี (นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่...ขอร้อง...)


Google
Friends' blogs
[Add ใยไหมเจ้าค่ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.