Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 

พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 4

4

“ไม่มีเวลาแล้วคิดซะว่าป้าขอร้องนะยายพลับถ้าบอกว่าป้าล้ำเลิกบุญคุณก็ได้เอ้า…”

พิลาวรรณมองหลานสาวอย่างอ้อนวอนแกมบังคับเพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะไม่ต้องถูกฟ้องล้มละลายหล่อนไม่รอให้พลับพลึงได้นึกคิดนานนักก็จูงมือหลานสาวที่ยังอึ้งอยู่กับคำขอร้องที่คาดไม่ถึงไปนั่งหน้ากระจกบานใหญ่พยักหน้าให้ช่างเสริมสวยจัดการแต่งหน้าทำผมให้สวยงามอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แต่ป้าคะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ”พลับพลึงค้านสุดเสียง

พยายามขืนตัวไว้ไม่ยอมนั่งลงที่เก้าอี้พิลาวรรณต้องออกแรงอย่างมากรวมถึงช่างแต่งหน้าด้วยที่ถูกขอร้องให้บังคับหลานสาวให้นั่งลงให้ได้

“ป้าขอร้องล่ะพลับพลึงแค่เข้าพิธีหลอกๆ เท่านั้นรักษาหน้าของป้ากับลุงไว้ก่อนเถอะนะพลับนะ”

“แล้วฝ่ายโน้นจะยอมหรือคะ”

“ยอมสิ”

พิลาวรรณพยักพเยิดให้สามีรีบลงไปจัดการกับฝ่ายชายที่อาจจะเดินทางมาถึงแล้วส่วนหล่อนต้องรีบหว่านล้อมหลานสาวให้ได้โดยเร็ว

“เราน่าจะบอกความจริงกับพวกเขานะคะทำแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าอีกอย่างเขาต้องการแต่งงานกับพิมพ์ไม่ใช่หนูถ้าเขาเห็นหนูเข้าต้องไม่พอใจมากแน่ๆ”พลับพลึงพยายามหว่านล้อมเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากสภาพถูกบีบบังคับซึ่งไม่ต่างอะไรกับการคลุมถุงชน

“เรื่องนี้ไม่ต้องสนใจหรอกลุงจัดการได้ เชื่อป้านะพลับพลึงถ้าวันนี้ไม่มีงานแต่งงานละก็...ลุงกับป้าตายแน่แค่เข้าพิธีเท่านั้นเมื่อจบเรื่องป้าจะไม่บังคับอะไรแกอีกเลยนะพลับนะ ทำเพื่อป้าซักครั้งเถอะนะ”

พิลาวรรณอ้อนวอนไม่ขาดปากแต่เมื่อหลานสาวทำท่าว่าจะไม่รับคำอ้อนวอนก็เริ่มใช้ไม้แข็ง

“แกไม่ทำก็ได้!ช่างเถอะอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปแล้วกันฉันมันคนมีกรรม มีลูกลูกก็หนีไปมีหลานที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออดก็อกตัญญูรู้อย่างนี้เอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายไปตั้งแต่เล็กก็ดี”

แล้วยกมือขึ้นกรีดน้ำตาออกจากหางตาร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน

“ป้าคะ…”

“แกไม่ต้องพูดแล้วไปเถอะ แกจะไปไหนก็ไป ชิชะมีลูกก็โชคร้าย มีหลานก็เนรคุณโอ้ย...นี่ชีวิตฉันจะทำคุณไม่ขึ้นเลยหรือไงนะ”

พิลาวรรณสะบัดหน้าโกรธเคืองโชคชะตาแถมสายตาประชดประชันหลานสาวเต็มที่พลับพลึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆเมื่อผู้มีพระคุณพูดถึงขนาดนี้จะไม่ยอมช่วยเหลือได้อย่างไรตั้งแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังไม่จบชั้นประถมก็ได้ป้าแท้ๆนี่แหละอุปการะเลี้ยงดูไม่แต่งลูกสาวจนเรียบจบปริญญาตรี

“ก็ได้ค่ะแค่เข้าพิธีเท่านั้นใช่มั้ยคะ”

พิลาวรรณหันขวับกลับมารวบมือบางของหลานสาวทั้งสองข้างมากุมไว้ด้วยความตื่นเต้นยินดี

“ใช่จ้ะหลานรักขอบใจมากนะพลับพลึง”

พลับพลึงพยักหน้ายิ้มแกนๆแม้จะรู้สึกสงสัยนักหนาว่าเหตุใดป้าของเธอถึงต้องร้อนรนนักกับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ทำราวกับว่าถ้างานแต่งงานวันนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ป้าจะต้องถูกเข่นฆ่าอย่างนั้นแล้วยังการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวง่ายๆอีกล่ะหรือว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรักของคนทั้งคู่แต่จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะเวลานี้เธอควรทำตัวให้สบายยอมนั่งเป็นหุ่นให้ช่างแต่งหน้าละเลงสีและคอยฟังเสียงกำกับของป้าก็พอ



ปิติรีบปรี่เข้าไปหาชายหนุ่มซึ่งเพิ่งก้าวลงจากรถดึงตัวเขาออกมาจากข้างรถนิดหนึ่งแล้วกระซิบกระซาบโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองด้วยความสงสัยของหลายๆคนที่ก้าวลงจากรถพร้อมๆกัน

“มีอะไรหรือครับคุณปิติ”เจ้าบ่าวของวันนี้เอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆของว่าที่พ่อตาในใจภาวนาว่าอย่าให้เป็นเรื่องร้ายแรงเลยเขาต้องการให้งานแต่งงานครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

“มีปัญหานิดหน่อยครับ”

“คงไม่ใช่เจ้าสาวหายตัวไปหรอกนะครับ”

เจ้าบ่าวเอ่ยแกมประชดเพราะมันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างแน่นอนก่อนหน้านี้ประมาณเดือนหนึ่งเห็นจะได้เขาได้มีโอกาสพูดคุยและทานข้าวกับว่าที่เจ้าสาวเอ่ยถามความสมัครใจของหญิงสาวมาบ้างแล้วและฝ่ายหญิงก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอนอะไรที่เขาชอบมากเห็นจะเป็นความหัวอ่อนและมารยาทเรียบร้อยของเธอทำให้มั่นใจได้ว่าหลังแต่งงานสิ่งที่เขาคาดหวังไว้จะเป็นไปในทิศทางที่ราบรื่น

“เอ่อ...คุณรู้ได้ยังไงครับ”ปิติอุทาน ราวว่าชายหนุ่มมีตาทิพย์หูทิพย์ ปากพระร่วงจริงๆ ปิตินึกในใจ

“อะไรนะคนปากพระร่วงปั้นหน้าเคร่งมองปิติเค้นเสียงเอ่ยถาม

“พิมพ์หายตัวไปครับผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับแต่รับรองได้ว่าเรื่องนี้พิมพ์พรรณไม่ใช่ตัวการแน่นอนครับ”ปิติทั้งแก้ตัวทั้งยืนยันหนักแน่น

“แล้วที่คุณมาบอกผมนี่…”

“ไม่ต้องห่วงนะครับงานนี้ต้องมีเจ้าสาวแน่นอนครับ”

“นี่คุณปิติหมายความว่าไง มีเจ้าสาวแน่นอนคุณเห็นผมเป็นอะไรที่จะจับใครใส่ชุดเจ้าสาวมาเข้าพิธีกับผมก็ได้”ชายหนุ่มเค้นเสียงเดือดดานแต่หากจะให้ยกเลิกงานแต่งงานก็คงไม่ได้เช่นเดียวกันไม่อย่างนั้นก็เข้าทางแม่เขาเพราะแม่ของเขาไม่ได้เห็นด้วยกันการแต่งงานครั้งนี้ซักเท่าไหร่

“เธอหายไปได้ยังไงแล้วทำไมต้องหนีด้วย”

ดวงตาคู่คมแทบจะเผาคนตรงหน้าด้วยความโกรธที่ลูกสาวของปิติกล้าหักหน้าถึงเพียงนี้เห็นเงียบๆ เรียบร้อยอย่างนั้นนึกว่าไม่มีพิษมีภัยที่ไหนได้ ดื้อเงียบนี่นา

“ผมว่าเอาไว้คุยกันอีกทีหลังพิธีแต่งงานดีกว่านะครับ”

ปิติมองผ่านร่างชายหนุ่มไปยังบุคคลสำคัญที่ยืนอยู่หน้าบ้านชายหนุ่มเหลือบตามองนิดหนึ่งแล้วหันกลับมาสบตาวาวคนที่ต้องพินอบพิเทาตรงหน้า

“ผมคิดว่ามันไม่คุ้มกับการลงทุนซะแล้วสิคุณปิติ”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิครับได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน”ปิติพยายามยื้อเวลา

ขอแค่ชายหนุ่มยอมรับฟังในสิ่งที่เขาจะบอกต่อไปนี้เท่านั้น

ชายหนุ่มหรี่ตามองความมุ่งมั่นที่จะบอกอะไรบางอย่างกับเขาทำให้ต้องหยุดความโกรธเพื่อรอฟังคำอธิบายแน่นอนว่าหากสิ่งที่ได้ยินได้ฟังต่อไปนี้ไม่เข้าหูปิติเตรียมตัวถูกยึดทรัพย์ได้เลย

“ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อคุณที่สุดครับ”

ปิติหยุดมองดูปฏิกิริยาของชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนบอกกล่าวถึงข้อแลกเปลี่ยนใหม่ที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกเจ้าบ่าวที่เพิ่งมาถึงมีท่าทีไม่พอใจเลยแต่เมื่อรู้ข้อแลกเปลี่ยนใหม่ก็ยิ้มพอใจแม้ว่าในรอยยิ้มนั้นจะปนความไม่พอใจอยู่พอสมควรที่อีกฝ่ายเล่นตุกติกนี่ละมั้งที่เขาเรียกว่า'กรรมตามสนอง'แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากติดใจเอาความในเมื่อข้อเสนอใหม่นี้ตนได้เปรียบก็พร้อมจะเดินหน้าต่อไปเมื่อเข้าใจทุกอย่างตรงกันแล้วเจ้าบ่าวก็เดินกลับเข้าสู่ขบวนส่วนปิติก็พาความโล่งอกเข้าไปข้างในเพื่อรอต้อนรับขบวนขันหมากทันที

“มีอะไรหรือเปล่า”ลลนาเอ่ยถามลูกชายเมื่อเดินกลับเข้ากลุ่มอดที่มองเลยผ่านไปถึงว่าที่พ่อตาของลูกชายไม่ได้เวลาอย่างนี้ปิติน่าจะอยู่ข้างในมากกว่าออกมากระซิบกระซาบอยู่ข้างนอก

“ไม่มีอะไรหรอกครับเราเข้าไปเถอะ”ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามใดๆในตอนนี้ เขายิ้มฝืนๆ กับมารดา

“เดี๋ยวจริงหรือ” ลลนารั้งแขนลูกชายไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ไปเถอะคุณเดี๋ยวเสียฤกษ์”ธเนศเอ่ยชวนตัดบทช่วยลูกชาย

“แต่คุณคะ”

“ไม่มีอะไรจริงๆครับแม่ เข้าไปข้างในเถอะครับ”ชายหนุ่มย้ำอีกครั้งแล้วเดินนำหน้าเข้าไปข้างในโดยไม่คิดจะสนใจท่าทางฮึดฮัดของใครทั้งนั้น



ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนงดงามและแขกเหรื่อหน้าตายิ้มแย้มแม้แขกจะไม่มากเท่ากองทัพนักข่าวที่กรูกันเข้ามาตั้งกล้องจ่อรอถ่ายภาพคู่บ่าวสาวแต่ก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่และคนมีชื่อเสียงที่สนิทชิดเชื้อของทั้งสองฝ่ายแต่ส่วนมากจะเป็นแขกของปิติและพิลาวรรณเสียมากกว่ากองทัพนักข่าวเองก็เช่นกันล้วนแล้วแต่เป็นคนที่พิลาวรรณติดต่อให้มาเพราะฉะนั้น งานนี้ถึงล้มไม่ได้เจ้าสาวจำเป็นถอนหายใจยาวเดินตาลอยๆอย่างคนไร้ชีวิตตามมือที่เชื้อเชิญของผู้ช่วยซึ่งกินตำแหน่งช่างแต่งหน้าก่อนหน้านี้คนหน้าบอกบุญไม่รับฝืนยิ้มเมื่อช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองกระซิบกระแซะแตะตัวแน่ล่ะขืนทำหน้าบอกบุญไม่รับแขกเหรื่อจะได้ตื่นตระหนกแทนนะสิเมื่อเห็นหน้าเธอทุกคนคงฉงนกันบ้างล่ะเพราะแขกที่มาวันนี้ไม่น้อยเลยที่รู้จักพิมพ์พรรณต่อให้หน้าเหมือนกันแค่ไหนก็เถอะเสียงปรบมือต้อนรับเจ้าสาวดังขึ้นพร้อมเสียงฮือฮาและแสงแฟลตที่รัวกระหน่ำเมื่อก้าวลงจากบันไดชั้นบนเสียงแซ่ซ้องชื่นชมก็เปลี่ยนเป็นซุบซิบคาดว่าหลายคนคงยังไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเจ้าสาวแต่หารู้ไม่ว่าคนที่ตกใจที่สุดในงานนี้ก็คือ...เจ้าบ่าวเจ้าสาว นั่นเอง

สองสายตาประสานกันเบิกกว้างที่สุดในชีวิตพลับพลึงถึงกับลืมตัวยกมือขึ้นชี้หน้าเจ้าบ่าวปากบางสีชมพูนั้นอ้าค้างอย่างคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับเจ้าบ่าวที่เบิกตากว้างแต่ก็ยังควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเจ้าสาวมากเพราะเขาสามารถทำตัวเองให้นิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งสองเดินเข้าไปหากันช้าๆตามคำสั่งของผู้ใหญ่หากแต่สายตาสองคู่นั้นไม่ได้ละจากกันเลยต่างก็สงสัยว่าทำไมต้องเป็นอีกฝ่ายทำไมโลกถึงได้กลมอย่างนี้จนถึงตัวพลับพลึงถึงได้อุทานออกมาเบาๆ

“คุณ

เธอเหลือบตามองรอบๆเมื่ออีกฝ่ายจ้องหน้าแต่เขากลับนิ่งมากแล้วจึงเอ่ยถามต่อ

“เป็นคุณได้ไง”

ยังไม่ทันที่เจ้าบ่าวจะได้ตอบอะไรลลนาที่หน้าบึ้งตั้งแต่ออกจากบ้านก็เอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

“นี่หลานสาวคุณหรือ”

หน้าตาสะสวยอยู่หรอกแต่สีหน้าบอกชัดว่าไม่เต็มใจลลนาพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าบอกตามตรงดูอย่างไรก็ไม่ถูกชะตา

“ครับหลานสาวฝ่ายภรรยาน่ะครับแต่เราก็รักเหมือนลูกเพราะเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกรับรองได้ครับว่าพลับพลึงเป็นเด็กดี”

แต่จะว่านอนสอนง่ายด้วยหรือเปล่าปิติก็ไม่กล้ายืนยันปิติไม่ได้ใส่ใจกับคำถามของลลนาเท่าไหร่แต่สนใจเจ้าบ่าวที่ยืนนิ่งอยู่นั้นมากกว่า

“คุณดลคงไม่...”

“ไม่หรอกผมไม่มีปัญหา”

ลลนามองขวับที่ลูกชายเพราะไม่นึกว่าลูกชายจะไม่รู้สึกอะไรกับการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวอย่างกระทันหันแบบนี้นางกำลังจะค้านแต่ถูกธเนศคว้าแขนไว้แล้วกระซิบเบาๆ

“ดลตัดสินใจแล้ว”

“แต่ว่า...”

ลลนายังคงจะค้านเพราะไม่เคยเห็นด้วยกันการแต่งงานครั้งนี้ตั้งแต่แรกแต่เมื่อธเนศส่ายหน้าแกมบังคับผู้เป็นภรรยาก็ยอมลดละหากแต่ยังสะบัดเสียงหายใจพรืดให้ได้ยิน

เมื่อทุกคนไม่คัดค้านพิธีการก็ดำเนินต่อไปได้งานแต่งงานครั้งนี้คงมีเพียงเจ้าสาวเท่านั้นที่ค้านอยู่ในใจลำพัง

'แต่ฉันมี'หากแต่เสียงค้านนั้นดังเพียงในใจหญิงสาวที่แอบถอนหายใจฮึดสุดท้ายพลับพลึงก็ต้องจนใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงฟ้าผ่าครั้งนี้



หลังพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายผ่านพ้นธนดลยืนอยู่หน้าเตียงมองหญิงสาวในชุดไทยจักรีสีครีมพลับพลึงถลึงตาใส่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงระอาจากในลำคอของอีกฝ่ายผู้ชายผิวขาวอมเหลืองใบหน้ารูปไข่หากแต่มีกรามนิดๆจมูกโด่งเป็นสันรับกับปากหยักหนารูปตารียาวหากแต่ไม่เล็กประกบกับคิ้วหนาเข้มดูอย่างไรก็หล่อและมาดดีแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พลับพลึงเคลิบเคลิ้มไปได้เมื่อเขาทำกิริยาอย่างนั้นมันช่างไม่ต่างจากวันแรกที่พบเขาที่ล็อบบี้โรงแรมนั่นเลย

“ทำไมเป็นคุณ”

พลับพลึงเชิดหน้าเมื่อได้ยินคำถามค่อนข้างเบาพลับพลึงเยาะที่แท้เขาก็สงสัยเช่นกันแต่เขาก็เก่งที่รอจนเสร็จพิธีแล้วถึงได้เอ่ยถาม

“ว่าไง”

“คุณลุงคุณป้าไม่ได้บอกอะไรคุณหรือไง”เธอย้อน

“บอกแต่ผมอยากรู้จากปากคุณก็คงพอๆ กับที่คุณอยากถามผมนั่นแหละ”อีกฝ่ายก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

“ฉันเองก็อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายของน้องสาวฉันถึงเป็นคุณอ้อ...ที่คุณบอกว่าอาทิตย์นี้ไม่ว่างก็คงเพราะเรื่องนี้”

“ก็คงเหมือนคุณ”

“ไม่เหมือนเพราะฉันไม่ได้ตั้งใจมาแต่งงานฉันแค่...จะมาร่วมงาน”

แต่ตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นเจ้าสาวเฉยๆประโยคหลังได้แต่พูดกับตัวเองเท่านั้น

“จะเหมือนหรือไม่เหมือนคุณก็ได้เข้าพิธีกับผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

“ก็แค่พิธีกำมะลอว่าแต่ทำไมป่านนี้ป้าถึงยังไม่มาอีกนะ”พลับพลึงกลบเกลื่อนความอึดอัดด้วยการชะเง้อคอรอญาติของทั้งสองฝ่ายเข้ามาในห้องหออีกครั้งระหว่างรอพลับพลึงก็วกเข้าสู่คำถามอีกครั้ง“ว่าไง คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย”

“ถามว่าไงล่ะ”

“เอ๊ะคุณนี่ กวนนะ”

ธนดลแค่นหัวเราะเขานี่นะกวนก็ไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนนี่ก็ต้องถามสิ

“ก็ได้งั้นฉันถามใหม่ คำถามแรกทำไมเจ้าบ่าวน้องสาวฉันถึงเป็นคุณแล้วพวกคุณรักกันจริงๆหรือเปล่า ถ้ารักกันทำไมถึงเกิดเรื่องบ้าๆนี้ขึ้นได้”

ธนดลถอนหายใจนี่แม่คุณหายใจทางเหงือกหรือเปล่าถึงได้ปล่อยคำถามมาเป็นชุด

“น้องสาวคุณป้า ลุงคุณ ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังบ้างหรือไง”

พลับพลึงค้อนถ้าเล่าจะมาถามหาพระง้าวพระแสงอะไรล่ะก็เพราะไม่ได้เล่านะสิ

“เปล่าฉันไม่ค่อยอยู่บ้านน่ะอีกอย่างฉันก็เพิ่งรู้ข่าวว่าพิมพ์จะแต่งงานเมื่อไม่กี่วันนี้เองก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นบอกว่ามีคนรัก”

ดีนะเป็นพี่น้องที่รักกันจริงเหลือเกินเรื่องในบ้านปิดบังกันหมดธนดลประชดคนตระกูลฝ่ายหญิงในใจ

“ผมจะแต่งงานกับน้องสาวคุณเพราะอะไรผมคงไม่จำเป็นต้องบอกคุณส่วนเรื่องบ้าๆ ที่คุณหมายถึงผมเองก็ไม่รู้แต่เรื่องที่ผมจะบอกคุณได้ก็คือเราจะต้องแต่งงานกัน อยู่ด้วยกันอย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าคนในสังคมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปนินทาหรือที่คนโบราณเรียกว่า'หม้อข้าวดำ'ซะก่อน”

“ว่าไงนะพลับพลึงอุทาน“ไม่ได้นะ เราจะแต่งงานกันจริงๆไม่ได้ นี่ลุงกับป้าคุยกับคุณยังไงเนี่ย”

คนโวยวายชะเง้อคอมองหาที่พึ่งก่อนจะตกลงเข้าพิธีลุงกับป้าไม่ได้พูดแบบนี้นี่

“เรื่องนี้คุณคงต้องคุยกับลุงกับป้าคุณเองแล้วล่ะ”

ธนดลอยู่ในท่าทางเรียบเฉยแค่มองไปที่ประตูที่กำลังจะถูกเปิดออกพลับพลึงเสียอีกที่หันขวับไปเห็นประตูห้องกำลังจะเปิดออกก็เปิดตารอหัวใจเต้นแรงอย่างลุ้นระทึก

“ป้า...พลับออกไปได้แล้วใช่มั้ยคะ”

พลับพลึงรีบปรี่เข้าไปเกาะแขนพิลาวรรณเพื่อทวงสัญญาแต่ก่อนจะออกไปจากห้องก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถลึงตากับคนที่เคยร่วมพิธีแต่จะออกฤทธิ์ออกเดชมากไปก็ไม่ดีเพราะเดือนหน้าเธอกับเขายังต้องเจอกันอีกเรื่องแบบบ้านแต่ก็ไม่แน่หรอกว่าหลังจากงานแต่งกำมะลอนี้จบลงเขาอาจจะไม่อยากให้เธอทำบ้านต่อแล้วก็ได้สวรรค์...ช่างใจร้ายนักโยนแต่เรื่องวุ่นวายให้ไม่หยุดหย่อนจะกลั่นแกล้งคนอาภัพไปถึงไหนพลับพลึงตีอกชกลมหาแพะไปเรื่อย

“ว่าไงคุณพิลาวรรณมีแต่พวกเราแล้วทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าลูกสาวคุณหายไปไหน”

ลลนาไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่เจื้อยแจ้วร้องขออิสรภาพกลับสบตาแล้วเบือนหนีจากพิลาวรรณก่อนจะเริ่มต้นคำถามที่เสียดแทงหัวใจของผู้เป็นพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและดูแคลน

“ผมก็ไม่รู้ว่ายายพิมพ์หายตัวไปได้ยังไงครับ”

เป็นปิติที่ตอบคำถามแทนภรรยาซึ่งสีหน้าไม่สู้ดีซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นผู้ตอบคำถามสำหรับครอบครัวของปิติแล้วคงไม่ต่างกัน

“คุณจะตอบแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้ไม่ได้นะคุณปิติแบบนี้ครอบครัวฉันเสียหายเห็นมั้ยตาดลแม่บอกแล้วว่าไม่ให้แต่งกับผู้หญิงคนนี้ลูกก็ไม่เชื่อเป็นไงล่ะ ทำเราเสียหน้าจนได้โอ้ย!แล้วทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ไหนจะตอบแขกเหรื่อว่ายังไง”

ลลนาพาลไปหมดด้วยเหตุที่ไม่ชอบครอบครัวของปิติเป็นทุนเดิมนี่ดีนะที่แขกฝ่ายตนไม่มากแต่แม้จะมีแขกแค่คนเดียวเรื่องแบบนี้ก็สามารถอื้อฉาวได้แล้วไหนจะกองทัพนักข่าวที่พิลาวรรณขนมาอีกเล่าได้เป็นข่าวใหญ่กันสมใจล่ะทีนี้

“พอเถอะคุณลลนาฟังลูกดีกว่านะ เอ้า...ว่าไงตาดลเราจะเอาไง”ผู้เป็นพ่อส่งการตัดสินใจทั้งหมดให้ลูกชายงานนี้จะเลิกหรือล้มขึ้นอยู่กับธนดลแล้ว

“งานแต่งงานก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีผมไม่ถือหรอกว่าใครจะเป็นเจ้าสาวเพราะอย่างไรเสียก็เป็นญาติของคุณปิติจริงมั้ยครับ” ประโยคหลังนี้ธนดลหันไปทางปิติซึ่งทำให้ปิติกลืนน้ำลายเหนียวลงคอเลยทีเดียว

“เอาเป็นว่าผมยินดีรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยา”

“หา!ว่าไงนะไม่ได้นะพลับพลึงปฏิเสธเสียงหลงชายหนุ่มจะทำแบบนั้นไม่ได้จึงหันไปอ้อนวอนผู้เป็นป้า“ป้าคะ”

‘ป้าคะ’กำลังลมจะใส่ซึ่งไม่ต่างอะไรกับลลนาที่โงนเงนจะเป็นลมเช่นเดียวกันลลนาเกือบจะกรี๊ดออกมาด้วยความโมโหกับการตัดสินใจแบบสิ้นคิดของลูกชายไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับธนดลถึงได้ฝังชีวิตทั้งชีวิตไว้กับผู้หญิงที่ไม่รู้จัก

“แม่ไม่ยอม!ยังไงแม่ก็ไม่ยอมลลนาเสียงแข็งเข้มดูจากแววตาก็รู้ว่าลูกสะใภ้รายนี้ไม่ยอมคนดวงตางี้แข็งกร้าวเชียวต่างจากพิมพ์พรรณที่ดูอ่อนโยนยอมคนที่ยอมให้แต่งงานเพราะคิดว่าคงจะควบคุมลูกสะใภ้ได้ไม่ยากบีบๆ ไปซักพักคงทนไม่ไหวร้องขอหย่าแต่รายนี้ไม่เหมือนกันดูสู้คนมากกว่าลลนาขบกรามเม้มปากถลึงตามองพิลาวรรณ

“นี่เป็นแผนของเธอหรือเปล่ายะอ้อ...คงรู้สิว่าฉันไม่ปลื้มลูกสาวถึงสร้างสถานะการณ์เปลี่ยนตัวเจ้าสาวเจ้าเล่ห์

“เปล่านะคะฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยพิมพ์หายตัวไปจริงๆ ค่ะที่ทำอย่างนี้ก็เพราะกลัวพวกคุณจะเสียชื่อเสียงไปด้วย”พิลาวรรณรีบอธิบาย

“ก็ยังดีที่คิดได้”ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยังแบะปากให้ลลนาเดินเข้าไปเกาะแขนลูกชายเหลือบหางตามองลูกสะใภ้หมาดๆ“แม่ยอมเสียชื่อเสียงนะดลถ้าลูกจะยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้”

ไม่ใช่แค่ลลนาเท่านั้นที่รอลุ้นคำตอบของชายหนุ่มแม้แต่พลับพลึงก็เกือบจะกลั้นหายใจกับคำตอบที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากชายหนุ่มเธอกลืนน้ำลายจ้องตาชายหนุ่มเป็นเชิงอ้อนวอนอย่างที่สุด

“ผมตัดสินใจแล้วครับแม่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วคงยกเลิกไม่ได้”

เสียงห้าวนั้นดับความหวังของทุกคนลงทันทีมีเพียงปิติเท่านั้นที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อการแต่งงานไม่ถูกยกเลิกเงินที่เขากู้ธนาคารมาก็ต้องถูกชดใช้ตามนั้นแต่มันคงไม่ง่ายนักเพราะก่อนหน้านี้ได้มีข้อแม้ใหม่เกิดขึ้นก่อนที่เงินสิบห้าล้านที่กู้ยืมไปนั้นจะหายจากตัวแดง

“ตามนั้นค่ะคุณดล”

“ป้าคะพลับพลึงอุทาน

ป้าแท้ๆพูดแบบนั้นได้อย่างไรก็ไหนตอนแรกบอกว่าแค่เข้าพิธีหลอกๆไง พลับพลึงน้ำตารื้นด้วยความผิดหวัง

“ป้าขอโทษนะพลับพลึงป้าไม่มีทางเลือกจริงๆ”พิลาวรรณเสียงอ่อนเครือให้น่าสงสารที่สุด

“ดูเหมือนว่าป้าหลานจะมีเรื่องต้องคุยกันเราออกไปรอข้างนอกเถอะครับพ่อไปครับแม่ ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับแม่เหมือนกัน”

ทุกคนทยอยออกไปจากห้องจนเหลือแค่พลับพลึงพิลาวรรณและปิติพลับพลึงที่ยืนหน้าแดงก่ำโกรธเกรี้ยวจนหูตาฟ่าฟางจ้องเขม็งที่พิลาวรรณที่ปั้นหน้ายากอยู่และปิติที่เคร่งเครียดจนหัวคิ้วชนกัน

“ป้าทำแบบนี้ได้ยังไง”นี่ไม่ต่างอะไรกับขายหลานในไส้

“ป้าขอโทษนะพลับพลึงที่ต้องโกหกแต่ป้าก็ไม่นึกว่าคุณดลจะพอใจในตัวแกคิดซะว่าช่วยป้าซักครั้งนะพลับพลึงมีแต่แกคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยป้ากับลุงได้”พิลาวรรณรวบมือทั้งสองข้างของหลานสาวมากุมไว้ส่งสายตาอ้อนวอนอย่างสุดซึ้ง

“หนูคงช่วยไม่ได้หรอกค่ะนี่มันชีวิตทั้งชีวิตของหนูนะคะก็ไหนป้าบอกว่า แค่ผ่านพิธีไงคะแล้วทุกอย่างจะถูกยกเลิก”

“โธ่...พลับ...”พิลาวรรณพยายามจะหว่านล้อม

“ไม่ค่ะยังไงหนูก็ไม่ยอม”

“เอ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิหลานฉันป้าเดือดร้อนจะเป็นจะตายแค่นี้ก็ช่วยไม่ได้มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจมีหลานก็อกตัญญูอีก”

“ป้าคะมันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะป้าให้หนูตอบแทนอย่างอื่นก็ได้”

เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เอาชีวิตทั้งชีวิตมาเสี่ยงกับผู้ชายที่ไม่รู้จักหรอก

“แกคงมีเวลาตอบแทนฉันหรอกถ้าไม่ใช่ครั้งนี้แกคงต้องไปทดแทนบุญคุณฉันในคุกแล้วล่ะหรือว่าแกมีเงินสิบห้าล้านล่ะถ้ามีแกก็ล้มงานแต่งครั้งนี้ได้เลยว่าไง”

“ป้าพลับพลึงอุทานดวงตาเบิกโพลงตกใจ “มะหมายความไงคะ”

“คุณ...”ปิติเข้ามาแตะแขนของภรรยาแต่ถูกพิลาวรรณสะบัด

“ถึงตอนนี้จะมีอะไรต้องปิดบังอีกละคะก็ดี บอกซะแต่วันนี้ฉันเองก็อยากเห็นน้ำใจหลานเหมือนกันว่าจะกล้าปล่อยให้พวกเราติดคุกกันมั้ย”

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะทำไมถึงต้องติดคุกด้วย”เจ้าสาวจำเป็นจ้องเอาคำตอบหรือที่พิมพ์พรรณหนีไปจะเกี่ยวกับความคับข้องใจเรื่องนี้ด้วย“ว่าไงคะ ป้าคะ อย่าเงียบแบบนี้สิ”

“โอ้ย! จะโวยวายทำไมนักหนา”ผู้เป็นป้าหงุดหงิดทั้งอับอายที่จะเล่า

“เอาล่ะลุงเล่าเอง เรื่องมันเป็นแบบนี้...”ปิติจึงเป็นฝ่ายเล่าเสียเอง

แม้จะไม่ละเอียดนักแต่พลับพลึงก็จับใจความได้ว่าธุรกิจของลุงปิติทำท่าว่าจะเจ๊งจึงต้องไปกู้เงินจากธนาคารมาจำนวนหนึ่งแต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นมีแต่เลวร้ายลงจนตอนนี้ต้องปิดโรงงานตามมาด้วยการฟ้องร้องอีกมากมายทั้งเรื่องค่าแรงคนงานและเงินกู้ยืมเรื่องนี้แม้แต่พิมพ์พรรณเองก็ยังไม่รู้ว่าปิติกับพิลาวรรณกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายถ้าหากไม่มีเงินไปใช้หนี้ธนาคารและจัดการค่าชดเชยแรงงานของคนงานได้หมดและเหมือนฟ้ามาโปรดที่วันหนึ่งธนดลก็ก้าวเข้ามานัดเจรจาเขายื่นข้อเสนอที่ปิติและพิลาวรรณแทบลอยเมื่อบอกว่าพึงพอใจในตัวพิมพ์พรรณและรับปากจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการชดเชยค่าแรงคนงานให้ส่วนเรื่องเงินกู้เขาจะยังไม่ฟ้องจนกว่าปิติจะมีเงินมาใช้หนี้หลังจากขายที่ดินที่เชียงใหม่ได้แล้วปิติรีบตอบตกลงทันทีโดยรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพิมพ์พรรณจะไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่นอนด้วยรู้ว่าลูกสาวเป็นคนหัวอ่อนและยังไม่เคยมีคนรักมาก่อนการจะจับคู่ธนดลกับพิมพ์พรรณจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากทั้งคู่ออกเดทกันสองครั้งทุกครั้งพิมพ์พรรณก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรแม้จะไม่ได้แสดงอาการปลาบปลื้มชายหนุ่มนักก็เถอะจนสุดท้ายพิลาวรรณก็ตัดสินใจบอกกับลูกสาวว่าต้องการให้แต่งงานด้วยยกเหตุผลทางสังคมและความเหมาะสมต่างๆนานามาเป็นข้ออ้างลูกสาวผู้ว่าง่ายแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดทุกอย่างเธอปล่อยให้พ่อแม่เป็นฝ่ายจัดการแต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

“ตาบ้านี่นี่เขามีปัญหาทางจิตหรือเปล่าคะถึงได้อยากหาเมียด้วยวิธีแบบนี้ดูก็รู้ว่าเขาไม่บริสุทธิ์ใจไม่แน่ว่าพิมพ์อาจจะรู้ก็เลยหนีไปเอะ แล้วพิมพ์รู้เรื่องหนี้สินนี้หรือเปล่าคะ”

ปิติส่ายหน้าเชื่อด้วยว่าถ้าพิมพ์พรรณรู้ถึงสาเหตุลูกสาวจะไม่ทำแบบนี้แน่นอนและจนป่านนี้ปิติก็ยังไม่ปักใจเชื่อด้วยว่าพิมพ์พรรณจะคิดหนีไปเอง

“นะพลับช่วยป้าเถอะนะหรือแกอยากเห็นป้ากับลุงติดคุก”

พลับพลึงปั้นหน้ายากใช่ว่าอยากเนรคุณแต่การจะให้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เถอะนะพลับคิดซะว่าลุงขอร้องพลับจะเชื่อลุงมั้ย ถ้าลุงจะบอกว่าไม่แน่ว่า ในเร็ววันนี้พลับอาจจะได้อิสรภาพกลับคืนมา”

“อะไรทำให้ลุงคิดอย่างนั้นคะ”

พลับพลึงมองดวงตาวาววับและค่อนข้างมั่นใจนั้นด้วยความสงสัยเหมือนปิติจะมีไม้ตายอะไรซักอย่างรออยู่

“โธ่...เอ้ย...ก็เพราะเขาไม่ได้รักแกไงล่ะยายพลับไม่เห็นจะซับซ้อนตรงไหนเขาเองก็ต้องแต่งงานกับแกเพราะรักษาหน้าตาทางสังคมเหมือนกันนั่นล่ะ”พิลาวรรณตัดบท

“ขอโทษนะพลับลุงสัญญานะว่าพลับจะอยู่กับคุณดลไม่เกินหนึ่งปีจบเรื่องนี้แล้วลุงจะชดเชยให้พลับมากที่สุดเท่าที่ลุงจะทำได้”

พลับพลึงยิ้มขื่นจะมีอะไรมาชดเชยคำนำหน้าที่กำลังจะเสียไปได้อีกล่ะแต่ก็พยักหน้ายอมรับคำสัญญานั้นนี่คงเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ยิ่งใหญ่เท่าที่เธอจะทำเพื่อผู้มีพระคุณได้เพราะการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ต้องแลกกับอิสรภาพและชีวิตที่เหลืออยู่เลยทีเดียวหนึ่งปีสำหรับคนอื่นอาจจะเรียกว่า‘แค่’ แต่สำหรับพลับพลึงแล้วหมายถึง ‘ชั่วกัลป์!’ 




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2556
2 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2556 9:37:25 น.
Counter : 1280 Pageviews.

 

ได้ออกแบบเรือนหอตัวเองแบบไม่ตั้งใจใช่ไหมเนีย ^^

ขอตัวหนังสือขนาดนี้นะคะ อ่านง่ายดี
__/\\__

 

โดย: sakeena IP: 115.87.76.71 29 ตุลาคม 2556 15:45:06 น.  

 

รับทราบคร่า^^

 

โดย: ปุ้ย IP: 223.206.233.181 30 ตุลาคม 2556 15:38:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ใยไหมเจ้าค่ะ
Location :
เลย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




โลกแห่งนิยายมีทุกอย่างให้นึกคิด เป็นอีกคนที่ชอบจินตนาการไปพร้อมๆ กับบทประพันธ์ ใยไหม...คือนามปากกาที่ได้มาจากสิ่งที่เห็น รังไหมสีเหลืองทองรูปร่างเรียวรีสะดุดตาเข้าเต็มเปา...
เจ้าขนปุย...คืออีกหนึ่งความรักที่มาจากใจ

 งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี (นี่ไม่ใช่คำเตือน แต่...ขอร้อง...)


Google
Friends' blogs
[Add ใยไหมเจ้าค่ะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.