ตอนที่ 2: เที่ยว Oberbayern






หลังจากที่ตอนแรกเป็นการเกริ่นนำไปแล้ว ตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องตั้งแต่ออกเดินทางไปจนถึงเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวใน Oberbeyern ของบ่ายๆ วันเสาร์

เราเริ่มออกเดินทางจาก Aachen ในตอนบ่ายวันศุกร์ โดยขับรถขึ้น Autobahn สาย 4 ไปเปลี่ยนเป็นสาย 61 ที่เมือง Kerpen จากนั้นก็ขับบนสาย 61 ไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง Stuttgart โดยพวกเราแวะเข้าห้องน้ำกัน 1 ที ที่เมือง Stuttgart (ซึ่งเจ้าห้องน้ำเนี้ยแหละ ตอนแรกฉันกับพี่ห่งก็รู้สึกคุ้นๆ ตา อย่างบอกไม่ถูก มองไปมองมา ก็ปรากฏว่าเป็นห้องน้ำที่เดียวกับกันตอนที่ฉันไปเที่ยวทริป สวิส อิตาลี ออสเตรีย แล้วแวะพักนั่นแหละ) หลังจากเข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เข้าประจำที่ พร้อมขับสู่เป้าหมาย นั่นคือ เมือง Prien นั่นเอง จาก Stuttgart ก็เปลี่ยนสาย autobahn อีกทีนีง คราวนี้เปลี่ยนมาแล่นบนสาย 8 ซึ่งสายนี้จะผ่านเมืองท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่ง ซึ่งก็คือ เมือง München (อ๊ะๆ แต่เราไม่แวะหรอกนะ เพราะว่า เบื่อ München มากๆ) และไปสิ้นสุดที่เมือง Salzburg ในประเทศออสเตรีย แต่พวกเราต้องลงก่อน เพราะว่าเราจะไปพักค้างคืนที่เมือง Prien

จนกระทั่งเวลาประมาณเกือบๆ สามทุ่ม พวกเราก็มาถึงเมือง Prien และเนื่องจากฉันและเล็กทำการบ้านมาอย่างดี การหาที่พักที่เราจองไว้ก็เลยไม่ยากเท่าไหร่ กลัวก็แต่ว่า เราจะไปถึงดึกเกินหรือเปล่า เจ้าของบ้านจะนอนแล้วหรือยัง แต่ว่าในที่ด เราก็มีที่ซุกหัวนอนจนได้... เจ้าของบ้านที่นี่ เป็นคุณยายท่าทางใจดี บ้านก็ตกแต่งน่านัก แต่บ้านของคุณยาย ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองหรอกนัก แต่ก็ไม่ไกลมา ถ้าขับรถก็ประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงตัวเมือง Prien แล้วล่ะ

หลังจากที่ดูห้อง เก็บข้าวเก็บของเรียบร้อย ซักประมาณสามทุ่มกว่าๆ เราก็ออกไปหาอาหารเย็นรับประทานกัน

"เนี่ยๆ ที่เมือง Prien เน๊ยะ เล็กกับกั้งเคยมากินร้านอาหารจีนอยู่ร้านนึง ถูกดี อร่อยดีเหมือน" เล็กบอกมา

ในเมื่อเล็กบอกมาอย่างนี้แล้ว เราก็ตัดสินใจจะไปกินอาหารจีนกัน แต่ปัญหาก็คือว่า เล็กจำไม่ได้ว่าร้านอยู่ตรงไหน ก็เลยต้องถามคุณยายว่า

"แถวนี้มีร้านอาหารจีนบ้างมั้ยคะ" ปล. ถามเป็นภาษาเยอรมันนะ

"มีจ้ะ ให้ขับรถตรงไป เลี่ยวซ้าย เลี้ยวขวา ..." แต่น แต๊น ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว แต่สรุปว่าก็มีร้านจีนนั่นแหละ

จากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าตรงไปร้านจีนกัน

"ใช่ๆ ร้านนี้แหละ ที่เล็กเคยมากิน โชคดีจัง" เล็กเกิดระลึกอดีตได้ หลังจากที่เห็นสภาพ และการตกแต่งร้าน

จากนั้นก็สั่งๆๆๆ แล้วก็กินๆๆๆ อิ่มหนำสำราญก็ขับรถกลับที่พัก ทำธุระส่วนตัว วางแผนเที่ยวแล้วก็นอนพักผ่อน เตรียมเที่ยววันพรุ่งนี้



ห้องนอนของฉัน


จริงๆ แล้วที่เมือง Prien ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเหมือนกันนะ นั่นคือ Schloss Herrenchiemsee ซึ่งสร้างโดยกษัตริย์ Ludwig ที่ 2 (คนเดียวกับที่สร้าง Schloss Neuschwanstein ซึ่งเป็นต้นแบบของปราสาทดิสนีย์แลนด์ในปัจจุบัน) แต่ว่าทริปนี้พวกเราไม่ได้วางแผนว่าจะไปกัน ก็เลยไม่เล่าถึงปราสาทนี้ดีกว่า ไว้วันไหนมีโอกาสได้ไป แล้วจะเอามาเล่าใหม่




ตื่นเช้าขึ้นมา อากาศก็ดีเหมือนเดิม เราก็เตรียมตัวไปรับประทานอาหาร พร้อมกับขอแนะนำจากคุณยายว่า เราควรจะไปเที่ยวไหนกันดี

"ไปเที่ยว Wasserburg ดีกว่า" เล็กบอก

แต่คุณยายกลับบอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องไป เสียเวลา ให้ขับรถเลียบเทือกเขา Alp ไปดีกว่า"

อิอิ แต่พวกเราก็ไม่เชื่อแฮะ (แล้วจะถามทำไมฟะเนี่ย) สุดท้ายก็มาลงตัวที่ เมือง Wasserburg, Ramsau และ Berchtesgaden


ยอดตึกในเมือง Wasserburg
(ขอแก้หน่อยนะคะ ที่พิมพ์ในรูปพิมพ์ผิดค่ะ ต้องเป็นเมือง "Wasserburg")


เมือง "Wasserburg มีชื่อเต็มๆ ว่า Wasserburg am Inn เนื่อจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Inn (ที่ไหลมาจากเมือง Innsbruck ในออสเตรียนั่นแหละ) ตัวเมือง Wasserburg ก็ไม่ค่อยมีอะไรอย่างที่คุณยายเจ้าของบ้านบอกนั่นแหละ แต่ว่าถ้าออกจากตัวเมืองไป ก็จะมีจุดชมวิว ที่มองไปจะเห็นทั้งแม่น้ำ Inn และตัวเมือง


สะพานข้ามแม่น้ำ Inn ซึ่งใช้เดินทางเข้าไปในตัวเมือง


เมื่อได้เวลาประมาณสิบโมงครึ่ง พวกเราก็ตัดสินใจออกเดินทางต่อไปยังเมือง Ramsau จริงๆ แล้วเนี่ย มีฉันคนเดียวแหละที่ยังไม่เคยมาเมืองนี้ แต่คนอื่นๆ น่ะ เค้ามากันหมดแล้ว แต่ทุกคนก็ยังมีความสุขที่ได้มาเยือนอีกครั้ง (ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะ)


แวะเข้าห้องน้ำกลางทางที่ร้านนี้แหละจ้า


ตรงที่เราหยุดพักเข้าห้องน้ำนั้นก็มีวิวทิวทัศน์ให้ดูเหมือนกัน ทุกคนก็เลยพร้อมใจกันถ่ายรูปมาซัก 2-3 รูป แล้วค่อยเคลื่อนพลต่อไปยังเมือง Ramsau

เมือง Ramsau นั้นก็เป็นเมืองเล็กๆ อีกนั่นแหละ และในตัวเมืองก็ไม่ค่อยมีไร แต่เมืองนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ หรือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ National Park Berchtesgaden และที่ฉันตั้งใจอยากจะมาเมืองนี้ก็เพราะรูปที่ฉันโชว์ไว้ด้านล่างเนี่ยแหละ









เนี่ยแหละ รูปโบสถ์เล็กๆ ของเมือง Ramsau ที่แทบไม่มีความสวยงามอะไรเด่นออกมาเท่าไหร่ แต่เมื่อนำมารวมกับภูมิประเทศที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นลำธารสายเล็กๆ ที่มีน้ำใสไหลเย็น ภูเขาที่มีหิมะปกคลุมบริเวณยอด ท้องฟ้ามีครามสดใส และใบไม้หลากหลายสีในฤดูใบไม้ร่วงอย่างที่เห็นในรูป ก็จะทำให้โบสถ์ธรรมดาๆ ดูมีสีสันสวยงามขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อแหละ

พวกเราเสียเวลากันตรงจุดนี้นานมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปเดี่ยวทีละคน รูปคู่ รูปหมู่ และก็ถ่ายซ้ำหลายๆ ที เพราะบางคนบอกว่าหน้าใหญ่เกิน บางคนว่าตัวเล็กเกินไป หน้าดำบ้าง จัดมุมไม่ดีบ้าง โอยสารพัดสารพัน ถ่ายกันซ่อมแล้วซ่อมอีก แต่ในที่สุด ทุกคนก็ได้รูปเป็นที่พอใจกันทั้งนั้น

เมื่อได้เวลาสมควรก็เดินทางกันไปเมือง Berchtesgaden ต่อเลยนะจ๊า และก็อีกเช่นเคยตัวเมืองเล็กๆ แถบนี้ก็น่ารักดี แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นสีสันดึงดูดผู้คนเลย ผู้คนส่วนมากที่มาเที่ยวในแถบนี้ก็จะมาเที่ยวชื่นชมธรรมชาติกันซะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่เดินเล่นเรื่อยเปื่ยในตัวเมือง Berchtesgaden กันซักพัก ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันอีกแล้วล่ะจ้า (แหม ไม่อยากจะพูดเลยว่า ทริปนี้เป็นทริปที่กินเยอะที่สุด แล้วก็กินตรงเวลาที่สุดเลยด้วย) ก็ร้านอาหารจีนเช่นเคย เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายกันแล้ว ก็ออกเดินทางไปโบสถ์ Maria Gern กันต่อดีกว่า นั่งรถฟังเพลง ชื่มชมธรรมชาติสองข้างทาง แค่นี้ก็มีความสุขแล้วล่ะ





โบสถ์ Maria Gern อยู่นอกเมือง Berchtesgaden ออกมาทางทิศเหนือ ถือได้ว่าเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเขต Oberbayern เลยแหละ โบสถ์นี้เป็นสถานที่สำคัญที่ผู้คนในศาสนาคริสต์จะต้องเดินทางมานมัสการสิ่งศักดิ์สิทธ์ ถือว่าเป็น Wallfahrtkirche (Pilgrimage church) ถึงแม้ว่าโบสถ์ที่นี่จะดูไม่ยิ่งใหญ่ อลังการเท่าโบสถ์ในเมืองใหญเมืองอื่น เช่น Köln แต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน เนื่องจากโบสถ์แห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยเมือกเขา Alp ทุกด้านเลย ทำให้มืองดูราวกับว่า เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา มีสีเขียวของใบหญ้า สีฟ้าของท้องฟ้า เสริมให้โบสถ์ดูงดงามยิ่งขึ้น


ชุมชนเล็กๆ บริเวณ Maria Gern


โปรแกรมถัดไปของพวกเราก็คือไปชมทัศนียภาพของเทือกเขาน้อยใหญ่แบบ Panorama กัน โดยเราจะต้องขับรถขึ้นไปถามถนนที่ตัดไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ Roßfeld Panorama Straße ซึ่งถ้าเราขับไปจนสุดถนนนี้ เราก็จะอยู่เหนือระดับพื้นดินประมาณ 1600 เมตรเลย ถนนนี้สร้างขึ้นในปี 1938 และแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1956 โดยใช้งบประมาณในการสร้างกว่า 15 ล้านมาร์ก

เส้นทางการเดินทางของเราค่อยข้างจะสูงชัน และคดเคี้ยวพอสมควร เนื่องจากเป็นการขับรถอ้อมเทือกเขา Alp แต่เมื่อไปถึง ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าจริงๆ เสียดายที่เวลาที่เราไปถึงค่อนข้างเย็นพอสมควร เลยทำให้มีกลุ่มหมอกค่อนข้าวหนามาปกคลุมเทือกเขาต่างๆ เอาไว้ ถ้าเป็นวันเวลาที่ท้องฟ้าไม่มีเมฆหมกหนามากนัก เราก็จะเห็นยอดเขาหลายๆ ยอด ที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Alp เช่น ยอดเขา Watzmann (2713 m), Hoher Göll (2522 m) และ ยอดเขา Dachstein (2995 m) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศออสเตรีย

เนื่องด้วยบริเวณนี้เป็นเขตเทือกเขา ทำให้เหมาะสำหรับเป็นที่เล่นสกีในฤดูหนาว แต่สำหรับพวกเราแล้ว รู้สึกมันจะหนาวเกินไปหน่อย ก็เลยขอออกจากบริเวณนี้ แล้วมุ่งหน้าสู่ Hallstatt ในออสเตรียดีกว่า


ทิ้งท้ายด้วยรูปจาก Roßfeldpanoramastraße


เนื่องจากว่ารูปที่ถ่ายมาค่อยข้างมีหมอกลงเยอะ ถ้าอยากเห็นรูปสวยๆ ของบริเวณนี้ก็เข้าไปดูในลิงค์ได้เลยนะคะ รวมทั้งยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาค่าขึ้นด้วยค่ะ
www.rossfeldpanoramastrasse.de

พบกันใหม่ตอนหน้าใน Hallstatt นะคะ




...Click here to continue reading...












Create Date : 30 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 18 พฤษภาคม 2553 14:48:52 น.
Counter : 1703 Pageviews.

2 comments
  
สุดยอดมาก
โดย: ชอบมาก IP: 58.136.206.48 วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:49:37 น.
  
สวยมากเลยค่ะ มีแฟนเป็นคนออสเตรียค่ะ หวังว่าคงอีกไม่นานจะได้ไปเที่ยวที่นั่นค่ะ
โดย: H&R IP: 110.49.129.128 วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:13:00:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Yai Kaew
Location :
Nordrhein-Westfalen  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



New Comments
พฤศจิกายน 2548

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
  •  Bloggang.com