5. Travel Destination เมืองในสวิตเซอร์แลนด์: ตอนที่ 1 กรุงเบริ์น (Bern)

ถ้าจะให้พรรณาถึงสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วล่ะก็ ต่อให้มีสมุดบันทึกเล่มขนาดกลางๆ ซักเล่มก็ยังมีที่ไม่พอเขียนเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าทั่วทั้งประเทศสวิตเซอร์แลนด์เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามเต็มไปหมด จะไปอยู่ส่วนไหนของประเทศ ก็จะเจอธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นแล้วในบางเมืองเช่น บาเซล หรือกรุงเบิร์น ก็ยังเป็นแหล่งรวบรวมพิพิธภัณฑ์ งานศิลปะ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิตของประชาชนชาวสวิสไว้อย่างที่เรียกว่า มาถึงสวิสทั้งที จะพลาดได้ยังไง จากเหตุผลดังกล่าวจึงขอนำเมืองที่เป็นสถานที่เที่ยวสำคัญของประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาเล่าให้ฟังพอเป็นไกด์ไลน์ว่า สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ท่านๆ ถ้าจะไปสวิสทั้งที ควรจะไปที่ไหนกันบ้าง



ตอนที่ 1: กรุงเบริ์น (Bern)



จริงๆ แล้วถ้าเดินทางจากเมืองไทย นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จะเหยียบแผ่นดินสวิสเป็นเมืองแรกที่เมืองซูริค เนื่องจากสายการบินนานาชาติส่วนมากมักจะบินมาลงที่เมืองนี้ แต่เราจะละลืมความสำคัญของเมืองหลวงอย่างกรุงเบิร์นไปได้อย่างไร ดังนั้นเมืองแรกที่จะขอกล่าวถึงคือ กรุงเบิร์น หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นในสวิตเซอร์แลนด์ว่า กรุงแบร์น (Bern)

ถ้านั่งรถไฟจากซูริค มายังกรุงเบริ์นก็จะใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณหนึ่งขั่วโมงกว่าๆ ซึ่งสามารถหาตารางรถไฟได้จากเวปไซต์การรถไฟของสวิส

//www.sbb.ch

ตารางด้านล่างเป็นตัวอย่างสายรถไฟที่วิ่งจาก ซูริคไปเบริ์น

Photobucket

กรุงเบิร์นเป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 1848 เมืองหลวงแห่งนี้มีลักษณะเกือบจะเป็นเกาะเลยที่เดียว เพราะว่ากรุงเบิร์นมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบทั้งสามด้าน คือ ทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ในสมัยก่อนประมาณศตวรรษที่ 15 พื้นที่บริเวณกรุงเบิร์นเป็นป่าทึบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหมีจำนวนมาก จนกระทั่งมีการถือว่าหมีนั้นเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองไปเลย ต่อมาเมื่อผู้คนเริ่มอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าไปในบริเวณนี้มากขึ้น พื้นที่ป่าก็ถูกบุกรุก และจำนวนหมีก็ลดลง จนในที่สุดกรุงเบิร์นก็กลายเป็นเมืองอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ จริงๆ แล้วเรื่องราวประวัติของกรุงเบิร์นไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่ถ้าจะให้เขียนเรื่องประวัติศาสตร์ไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดอาการเบื่อทั้งคนเขียนและคนอ่านเสียเปล่าๆ ดังนั้นจึงขอเล่าเรื่องประวัติศาสตร์แทรกไปกับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเบิร์นดีกว่า



หลายคนคงเคยรู้สึกว่าการท่องเที่ยวในเมืองหลวงอย่าง แบร์ลิน ปารีส หรือแม้กระทั่งในกรุงเทพ เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะว่าเมืองหลวงต่างๆ ส่วนมากจะมีผู้คนมากมาย ถนนหนทางสลับซับซ้อน การจราจรติดขัด แต่สำหรับเมืองหลวงของสวิสอย่างกรุงเบิร์น ปัญหาต่างๆ จะหมดไป เพราะว่าการเดินเที่ยวไปกรุงเบิร์นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยซักนิด เพราะว่าสถานที่ท่องเที่ยวส่วนมากในเมือง Bern จะอยู่บริเวณในเขตเมืองเก่า จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตั้งอยู่นอกเขตเมืองเก่าออกไป ดังนั้นถ้าต้องการเที่ยวจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ใน Bern ก็คงใช้เวลาประมาณแค่ไม่เกินหนึ่งวัน

จากสถานีรถไฟถ้าเดินตามถนนสายหลักเข้ามาตามเขตเมืองเก่าเรื่อยๆ ก็จะเจอ Käfigturm หรือ Prison Tower ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขตเมืองเก่า Prison Tower นี้ก็เปรียบเสมือนป้อมปราการประตูเมืองทางด้านตะวันตก แต่จริงๆ แล้วเจ้าตึกนี้ถูกสร้างขึ้นมาในราว ค.ศ. 1256 เพื่อใช้เป็นคุกจนถึงปี 1897 ในปัจจุบันนี้ Prison Tower ถูกใช้เป็นที่จะนิทรรศการทางการเมือง และจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในช่วงที่มีนิทรรศการเท่านั้น

Photobucket


เมื่อผ่าน Prison Tower มาแล้วก็ให้เดินเข้ามาที่ถนน Marktgasse

ไปจนกระทั่งสุดถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อนระหว่างถนน Marktgass และถนน Krammgasse จะมีหอนาฬิกาที่ถือได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของกรุงเบิร์น หอนาฬิกานี้เรียกว่า Zytgloggeturm หรือ Zeitglockenturm หอนาฬิกานี้ใข้เป็นประตูเมืองแห่งแรกของกรุงเบิร์นในช่วงปี ค.ศ. 1191 ถึง 1256 และเมื่อมีการสร้าง Prison Tower ขึ้น จึงได้เปลี่ยนไปใข้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน ในสมัยก่อนนั้นตึกนี้ไม่ได้เป็นนาฬิกาอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1530 จึงได้มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศารตร์เข้าไป หลังจากนั้นมาหอนาฬิกาแห่งนี้ก็กลายเป็นนาฬิกาและสถานที่ท่องเที่ยวประจำเมือง เมื่อเจ้าตัวนาฬิกาดาราศาสตร์แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเบิร์น ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะมาถ่ายรูปสวยๆ กันทั้งนั้น ก็เลยอยากจะแนะนำเคล็ดลับว่า ถ้าต้องการถ่ายรูปหอนาฬิกาให้ได้สีสวยๆ ไม่ย้อนแสงก็ควรจะมาประมาณตอนเย็นๆ ซักหน่อย เพราะว่าแสงจากดวงอาทิตย์จะส่องมายังตัวหอนาฬิกาพอดี ทางด้านขวาของนาฬิกาดาราศาสตร์ก็มีตัวตุ๊กตาต่างๆ เช่น คน นักแสดง สิงโต หมี ตุ๊กตาเหล่านี้จะหมุนไปรอบๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันตอนก่อนเริ่มต้นชั่วโมงใหม่ 4 นาที เช่นตอน 10.56 11.56 12.56 นาฬิกา เป็นต้น สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถเสียเงินเดินขึ้นไปชมภายในหอนาฬิกาได้ โดยเวลาเปิดทำการ คือ 11.30 น. ของทุกวันในเดือน มิ.ย. ถึง ก.ย. และเวลา 14.30 น. ในเดือน เม.ย., พ.ค. และ ต.ค.

Photobucket


เกือบลืมไปว่าก่อนที่จะถึง Zeitglockenturm ตรงบิรเวณสุดปลายถนน Marktgasse จะผ่านน้ำพุสำคัญของกรุงเบิร์น น้ำพุนี้มีชื่อเรียกว่า Kindlifressenbrunnen (ในภาษาเยอรมัน คำว่า Brunnen แปลว่า น้ำพุ) น้ำพุแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ Kornhausplatz น้ำพุนี้เป็นหนึ่งในจำนวนน้ำพุหลายๆ แห่งในกรุงเบิร์นที่สร้างขึ้นโดยช่างแกะสลักชาวสวิสที่ชื่อว่า Han Gieng ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1545-1546 ในตอนแรกนั้นน้ำพุแห่งนี้มีชื่อว่า Platzbrunnen แต่ต่อมาในปี 1666 ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาใช้ชื่อปัจจุบัน ตัวรูปปั้นของน้ำพุจะมีลักษณะเป็นตัวยักษ์ที่กำลังจับเด็กกิน และตามลำตัวของยักษ์ก็จะมีเด็กอีกหลายๆ คนถูกจับผูกติดเอาไว้ การที่รูปปั้นมีลักษณะเป็นตัวยักษ์จับเด็กกินนั้น ไม่ใช่ว่าในสมัยก่อนมียักษ์จริงๆ หรอกนะ เพียงแต่ว่าช่างแกะสลักผู้นี้ต้องการขู่ให้เด็กๆ รู้ว่า ถ้าไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ ก็จะถูกยักษ์จับไปกินนั่นเอง เมื่อพูดถึงน้ำพุแล้ว ถ้านักท่องเที่ยวเดินผ่านถนนต่างๆ ในเขตเมืองเก่าในกรุงเบิร์นก็จะเจอน้ำพุที่มีรูปปั้นลักษณะต่างๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งน้ำพุส่วนใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นโดยช่างแกะสลักผู้นี้



จาก Zeitglockenturm ถ้าลองเดินเข้าถนน Krammgasse มาเรื่อยๆ จนถึงบ้านเลขที่ 49 ก็จะเจอบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดังของโลกเคยมาใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสั้นๆ ระหว่างปี ค.ศ. 1903-1905 ปัจจุบันนี้บ้านหลังนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใช้เก็บรวบรวมภาพถ่ายแล้วผลงานบางส่วนของไอน์สไตน์ สำหรับผู่ที่สนใจเข้าชมก็สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ 10-19 น. ของทุกวัน ในช่วงเดือนพฤศภาคมถึงกันยายน ส่วนในช่วงเดือนที่เหลือก็จะเปิดทำการแค่ วันอังคารถึงศุกร์ 10-17 น. และวันเสาร์ 10-16 น.



ทีนี้ก็มาถึงสถานที่เที่ยวทอปฮิตอีกแห่งหนึ่งของกรุงเบิร์นนั่นคือ Münster St. Vinzenz โบสถ์นี้ตั้งอยู่ระหว่างถนน Münstergasse และถนน Herrengasse ซึ่งจากถนน Krammgasse ก็ให้เดินเลี้ยวขวาไปก็จะเจอโบสถ์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ประจำเมืองของกรุงเบิร์น ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของสวิสเซอร์แลนด์ด้วย โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะแบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ซึ่งการดำเนินการสร้างโบสถ์แห่งนี้กินเวลายามนามไปจนถึงปี ค.ศ. 1573 เวลาประมาณ 150 ปีที่ใช้ไปนั้น สร้างได้เพียงแค่ตัวโบสถ์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 64 เมตรเท่านั้น ต่อมาในปี 1889-1893 ก็ได้มีการต่อเติมสร้างส่วนที่เป็นหอคอยขึ้นจามีความสูงทั้งสิ้น 100 เมตร ถ้าใครมีเวลาหรือมีแรงมากพอทีจะขึ้นบันไดวนเพียงแค่ 285 ขั้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชมทัศนีภาพของกรุงเบิร์นได้ ซึ่งเค้าว่ากันว่าสำหรับวันที่ฟ้าใสมากๆ จะสามารถมองเห็นบอดเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau จากหอคอยของโบสถ์นี้เลยทีเดียว

Photobucket


โดยเวลาเปิดทำการของโบสถ์นี้จะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ในส่วนที่เป็นตัวโบสถ์ และในส่วนของหอคอยซึ่งได้แสดงให้ดูตามตารางด้านล่าง

Photobucket


นอกจากเดินชมศิลปะ วัฒนธรรม และสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมืองแล้ว ในเขตเมืองเก่าก็ยังเหมาะสำหรับนักชอปปิ้งอีกด้วย เพราะว่าบนถนนสายเล็กๆ ต่างๆ ในเขตเมืองเก่านั้นก็จะมีร้านรวงมากมายเปิดรอรับลูกค้าทั้งลูกค้าขาประจำซึ่งเป็นคนท้องถิ่นและลูกค้าขาจรอย่างเราๆ ท่านๆ ถนนชอปปิ้งในกรุงเบิน์ยถือว่าเป็นถนนสายชอปปิ้งที่ยาวที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว โดยมีความยาวนวมทั้งสิ้นกว่า 6 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่เที่ยวเมืองเก่าเสร็จแล้วและไม่อยากเข้าชมพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่อยู่นอกเขตเมืองเก่าออกไป ก็สามารถใช้เวลาที่เหลือสำหรับการชอปปิ้งได้อย่างจุใจ แต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ร้านค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่เปิดในวันอาทิตย์อย่างห้างสรรพสินค้าในเมืองไทย ดังนั้นถ้าใครวางแผนที่จะมาชอปปิ้งแล้วล่ะก็อย่ามาในวันอาทิตย์เด็ดขาด

Photobucket


แต่สำหรับผู้ที่ไม่อยากชอปปิ้ง กรุงเบิร์นก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ให้เยี่ยมชมอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตึกที่ทำการของรัฐบาล (ไม่รู้ว่าเค้าเรียกเป็นถาษาไทยง่ายๆ ว่า รัฐสภาหรือเปล่า) พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือพิพิธภัณฑ์อื่นๆ แต่ที่อยากจะแนะนำให้ไปก็มีอยู่ 2 พิพธภัณฑ์ คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของกรุงเบิร์น (Bernisches Historisches Museum) และ พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเทือกเขาแอลป์ (Schweizerisches Alpines Museum)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของกรุงเบิร์น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคปัจจุบัน ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับว่า กว่าจะมาเป็นประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้แล้วก็ยังมีการจัดแสดงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสวิสอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ให้เรียนรู้เกี่ยวกับฟิสิกส์ด้วย ถ้าสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและราคาค่าเข้าชมได้ทางเวปไซด์ www.bhm.ch

ส่วนใครที่ชื่นชอบ หลงใหลในความงามของเทือกเขาแอลป์แต่ด้วยเวลาหรืองบประมาณที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปสำหรับเทือกเขาแอลป์จริงๆ ได้ด้วยตัวเอง ก็ขอแนะนำให้ลองไปชม พิพิธภัณฑ์ Schweizerisches Alpines Museum ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีข้อมูลตั้งแต่การค้นพบเทือกเขาแอลป์ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ การเพาะปลูก การตั้งถิ่นฐานในบริเวณเทือกเขาแอลป์ มีการเก็บสะสมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพันธ์ไม้ ดอกไม้ที่ขึ้นบริเวณนี้ และมีการแสดงเครื่องใช้ไม้สอยที่คนที่อยู่บริเวณเทือกเยาแอลป์ใช้กันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้แล้วยังมีโมเดลขนาดใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ให้เราได้เดินชมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นโมเดลของถ้ำน้ำแข็ง หรือธารน้ำแข็งต่าง รวมถึงวิดีโอและภาพพาโนรามาในจุดต่างของเทือกเขาแอลป์อีกด้วย อ่านดูแล้วน่าสนใจมากเลยใช่มั้ยล่ะ ถ้าอยากได้รายละเอียดการเข้าชมก็สามารถไปดูได้ที่ www.alpinesmuseum.ch


นี่เป็นเพียงแค่ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเบิร์นที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบไปกัน แต่เมืองหลวงของสวิสซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เมื่อเที่ยบกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ กระจายอยู่ประปรายบริเวณนอกเขตเมืองเก่า ซึ่งสำหรับคนที่สนใจก็สามารถติดต่อขอแผนที่จากสำนักงานท่องเที่ยวของกรุงเบิร์นซึ่งจะมี 2 สาขา คือ ที่สถานีรถไฟ (Tourist Center Bahnhof) และที่บ่อหมี (Tourist Center Bärengraben) หรือจะเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ www.berninfo.com แต่ถ้าจะเข้าไปติดต่อที่สำนักงานโดยตรงก็อย่าลืมเชคเวลาเปิดปิดให้พร้อม โดยเวลาเปิดทำการ คือ

Photobucket


ทิ้งท้ายกรุงเบริ์นด้วยรูปสองรูปนี้

Photobucket

Photobucket


สำหรับรูปของกรุงเบริ์นสามารถคลิกไปดูได้ตามลิงค์ด้านล่างค่ะ

...รูปภาพบางส่วนของกรุงเบิร์น...






Create Date : 25 เมษายน 2551
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 21:56:28 น.
Counter : 10907 Pageviews.

18 comments
  
ข้อมูลแน่นอีกเช่นเคย เขียนจังจังเลยง่ะ
โดย: rambujan วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:21:52:00 น.
  
ข้อมูลแน่นปึ๊กจริงๆ ชอบอ่านและชอบดูค่ะ
โดย: cool mint วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:47:00 น.
  
....จะออกหนังสือบอกด้วยนะครับ จะตามไปอุดหนุน 1 เล่มแน่นอน....:D...:D...น่าไปหลายที่เลยครับ...แต่มีเวลาแค่วันเดียวที่เมืองนี้ผมคงเที่ยวได้ไม่หมด...:D...ขอบคุณมากๆครับ...:D
โดย: Death วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:23:52:33 น.
  
แน่นทั้งเนื้อหา ... ชอบอ่านอะ
เดี๊ยวกลับมาจากเซี่ยงไฮ้จะเก็บข้อมูลให้หมดเลย ..อิอิ!!

ภาพสวยครับ
โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:08:57 น.
  
ขอบคุณ คุณ Rambujan, คุณ Cool mint, คุณ Death แล้วก็คุณ MM มากเลยนะคะ
โดย: Yai Kaew วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:24:09 น.
  


แม่น้ำ Aera !
กดแป้นผิดอักษรมังคะ
โดย: - Aare - IP: 84.72.15.247 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:15:58 น.
  
ขอบคุณคุณ Aare ค่ะ ไปแก้ที่ผิดมาเรียบร้อยแล้วค่ะ
โดย: Yai Kaew วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:52:00 น.
  
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ ข้อมูลดีจริงๆ มีต่อจากนี้(Travel Destination ตอน1 เมื่องแบร์น)อีกมั้ยคะ กำลังหาข้อมูลอยู่ค่ะ จะเดินทางสิ้นเดือนนี้แล้ว
โดย: jimmygirl IP: 203.121.153.31 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:53:20 น.
  
hi ka' Khun Jimmygirl

Now i have no time to write about other cities in Switzerland ka' But if you are interested in Travel in Switzerland, please read in some of my blogs na ka.

Bern, Spiez, Interlaken
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yaikaew&month=16-08-2005&group=3&gblog=4

แผนที่เดิน Trekking ใน Zermatt
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yaikaew&month=04-06-2008&group=9&gblog=2

ใบไม้ร่วงที่ Zermatt
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yaikaew&month=12-01-2007&group=13&gblog=1
โดย: Yai Kaew วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:23:12 น.
  
ข้อมูลดี อยากไปเที่ยวจัง
โดย: fong IP: 119.42.78.162 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:58:11 น.
  
โดย: น้องลัคกี้ (ปูเป็น ) วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:9:33:52 น.
  
ขอบคุณมากนะคะ คุณน้องลัคกี่ ปูเป็น
โดย: Yai Kaew วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:35:51 น.
  
ดีจังค่ะ ขออนุญาตก๊อปปี้น่ะค่ะ
กำลังหาข้อมูลอยู่น่ะค่ะ คิดไว้ว่าเรียนจบแล้วจะย้ายไปอยู่กับแฟนที่สวิสต์
แต่ก็ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสวิสต์เท่าไหร่เลย
ขอบคุณ คุณแก้วมากค่ะสำหรับข้อมูล
มีความคิดเห็นอะไรก็ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะูู^^
โดย: daisy of destiny IP: 111.84.92.218 วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:19:35:54 น.
  
ข้อมูลดีค่ะ
โดย: องค์อร IP: 27.130.202.180 วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:23:52:36 น.
  
ได้ประโยชน์จากข้อมูลมากเลยค่ะ
โดย: เยาว์ IP: 110.169.255.91 วันที่: 4 พฤษภาคม 2555 เวลา:15:46:28 น.
  
ดูแล้วอยากไปเที่ยวจัง ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่คร้า
โดย: จิราภา IP: 202.28.212.202 วันที่: 16 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:54:33 น.
  
แล้วแต่ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะเที่ยวแนวไหน ไปกี่วัน
โดย: Yai Kaew วันที่: 1 สิงหาคม 2555 เวลา:19:00:45 น.
  
หวยลาว หวยลาว หรือ สลากพัฒนา เป็นหวยของประเทศลาว เพื่อนบ้านของเรานั่นเอง โดยจุดเด่นของหวยลาวนั้น คนลาวจะนิยมใช้สัตว์เป็นตัวแทนของเลขรางวัลที่ออก จนทำให้หลาย ๆ คนเรียก หวยลาว ว่าเป็น “หวยสัตว์” นั่นเอง

https://siamruay.com/%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a7/
โดย: สยามรวย IP: 139.99.104.95 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2563 เวลา:13:48:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Yai Kaew
Location :
Nordrhein-Westfalen  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



New Comments
เมษายน 2551

 
 
1
2
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
  •  Bloggang.com