กว่าจะได้มาอัพบล็อกก็ผ่านมาข้ามปีเลย พูดถึงไต้หวันแล้ว จริงๆอยากไปตั้งแต่ F4 กะลังบูม ว่าจะไปตามหาดาร์ลิ้งซักหน่อย แต่ยังไม่มีมันนี่ไป แค่เงินค่าขนมตอนเรียนยังจะไม่พอกินเลย ผ่านมาหลายปี เพ่งจะได้ไป แถมยังไปแบบไม่ค่อยได้ตั้งตัวอีก เริ่มจากหาวันหยุดไม่ลงตัว จะไปตั้งเดือนตุลาปีที่แล้ว แต่พี่สาวไม่ว่าง ไอ้จะไปคนเดียวก็กลัวจะไม่หนุก แถมพี่ยังไม่ให้ไป เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนรอบข้าง (กลัวเราเก็บกิน +555) สุดท้ายก็เลื่อนไปเลื่อนไปจนได้ช่วงปีใหม่เลย ได้ตั๋วของ KLM ค่าตั๋วคนละ 7630 บาท ตอนนั้นเช็คแล้วต่างกับของ air asia ไม่เท่าไหร่ก็เลยเลือก KLM ดีกว่า กว่าจะได้จองตั๋วก็ปาเข้าไปกลางเดือนพฤศจิแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องหาที่พัก สุดท้ายได้ที่ taipei green hostel จองผ่าน hostel world ค่าห้อง 600 NTD /คน/คืน จองได้ 3 วัน (26-28 ธันวา) เพราะวันที่ 31 ห้องพักเต็มแล้ว ว่างอีกทีก็วันที่ 1 เลย (ช่วงนั้นจองประมาณวันที่ 20 พ.ย.) เลยจองไปแค่ 3 วันก่อน จ่ายมัดจำไปก่อน 10 % ที่เหลือไปจ่ายที่โน่นเอง ต่อไปก็ต้องหาที่พักอีก 2 วันที่จะพักที่ไทเป หาไปหามา พวก hostel ไม่ค่อยว่างหรือถ้าว่างก็เป็นห้องน้ำรวม ซึ่งพี่เราไม่ค่อยถนัดอ่ะ สุดท้ายก็จำใจนอนโรงแรม Hotel riverview จองผ่าน agoda ค่าห้อง 2 คืนรวม 6300 บาท (มีเศษอีกเท่าไร่ไม่รู้ จำไม่ได้แล้วอ่ะ) ถือว่าแพงมากสำหรับเรา แต่ก็ต้องเอาอ่ะ เพราะถ้ายิ่งจองช้ากว่านี้ก็กลัวจะยิ่งแพง ไม่ก็ไม่มีห้องว่างอีก ส่วนวันที่ 30 ธ.ค.เราแพลนว่าจะไป sun moon lake ก็ได้เมล์ไปที่ laurel villa (ตามรอยคุณร่วมวงด้วยคน) เจ้าของโรงแรมตอบกลับมาว่ามีห้องว่าง ยังไม่ต้องจ่ายเงิน ให้ใปจ่ายที่โน่นเลย ก็เหลือวันที่ 29 ธ.ค.ที่ยังไม่ได้ที่พัก เพราะกะลังสองจิตสองใจว่าจะไปอาลีซันหรือจะไปทาโรโกะดี สุดท้ายก็เลือกไปอาลีซัน เพราะพี่อยากไป ก็พยายามหาที่พัก เว็บโรงแรมส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาจีนอีก ไอ้เราก็มีความรู้แค่หางอึ่ง กลัวจะจองผิดจองถูก เลยตัดสินใจไปหาเอาที่โน่นก็ได้ แต่...สุดท้ายก็เปิดไปเจอเว็บนึงของ travelking เลยได้โรงแรมเกาซันชิง ค่าห้อง 1500 NTD ในที่สุดเราก็หมดเรื่องตั๋ว เรื่องที่พักไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป วีซ่า เรายังไม่ได้ไปทำเลยหนิ รู้สึกจะนิ่งนอนใจเกินไปซะแล้ว แต่คิดว่ายังไงก็น่าจะได้อยู่แล้วอ่ะ เลยไม่รีบร้อน เลยไปทำวันที่ 2 ธ.ค.รับเล่มวันที่ 3 ธ.ค. ตอนไปรับเล่ม ตกใจกับรูปถ่ายตัวเองมากกกก เพราะตอนที่ถ่ายหน้าก็อืดๆอยู่แล้ว แต่ทำไมพอเค้าเอาไปแปะลงในเล่มแล้วมันยิ่งขยายออกไปอีกก็ไม่รู้อ่ะ น่ากลัวมากค่ะ พอทำวีซ่าเสร็จเราก็ยุ่งมากกับที่ทำงาน กว่าจะได้มาหาข้อมูลอีกก็โน่นแน่ะ ก่อนจะไปอาทิตย์นึง แถมมีอยู่วันนึงไปเดินซื้อของที่งานเฟอร์นิเจอร์ ไปเจอเจ้าของร้านขายของแต่งบ้านที่นำวัตถุดิบมาจากไต้หวัน (ถ้าใครเคยดูเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ที่ริต้าเล่นก็จะเห็นมู่ลี่ลูกปัดสวยๆที่แขวนไว้ในฉากในละครอ่ะ) แกเป็นคนไต้หวัน แต่มาค้าขายที่เมืองไทย พูดไทยชัดเจนดี แกบอกกับเราว่า ที่ไต้หวันไม่มีอะไรน่าเที่ยวหรอก สู้เมืองไทยไม่ได้ อาลีซงอาลีซันไม่ต้องไปหรอก เชียงใหม่ดีกว่าอีก ไอ้เราก็ใจแป้วเลยตรู ไหงพูดซะเสียหายเลยง่ะ แต่ช่างมัน คนเราอาจมองกันต่างมุมได้ ปลอบใจตัวเองซะงั้น พล่ามมาซะยาวเลย เดี๋ยวไปต่อกันนะ
|