|
ติดเกาะเข้าแล้ว
ไปติดเกาะ
หลังจากที่ไปสัมภาษณ์งานที่เกาะช้างมาไอ้ฉันมันก็ลืมๆไปแล้วว่าจะได้รึไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าจะได้งานทำรึไม่ เพราะฉันเองก็มีความสุขดีอยู่แล้ว กับไอ้การลอยละล่องไปตามลมของฉันไปเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะตามสันดารคนขี้เกียจอย่างนี้ (หุๆ) จะเอาอะไรมากเล่ากับชีวิต เอ๊อ.....บทชีวิตมันจะดีเดี๋ยวอะไรดีๆมันก็ตามมาเองน่ะแหละ เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรดีๆเกิดขึ้นมาเองนี่นา(อย่าคิดเอาเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาด) แต่แล้วก็มีโทรศัพท์มาตามฉันไปทำงานเข้าจนได้ ฉันยังจำได้เลยว่าไอ้ตอนที่เค้าโทรมาตามฉันไปทำงานนั้นฉันอุ้มน้องเดินเล่นอยู่ ฉันตกใจกับไอ้โทรศัพท์นั้นซะจนเกือบจะทำน้องหลุดมือเอาเข้าให้ ยังดีที่ฉันไม่ตกใจปล่อยน้องตกลงมา ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะได้กินสหบาทาในข้อหาทำน้องอิงๆเจ็บตัวไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้ เมื่อคำตอบมันแน่นอนแล้วว่าต้องไปทำงานที่เกาะช้างมาถึงแล้ว ฉันรีบวิ่งหน้าตาแหกไปหาพี่สาวของฉันอีกคน (คนละคนกับที่พาไปสมัครงานแต่ใครมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตฉันนี่ก็ซวยทุกคน) คราวนี้ก็มาถึงคราวซวยของเจ๊คนสวยเข้าให้แล้ว เพราะเจ๊แกต้องมาเตรียมของทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉัน เริ่มตั้งแต่รื้อเสื้อผ้าของฉันออกไปซะ 1 กระเป๋าเดินทาง นี่ไปทำงานนะยะไม่ได้ไปเดินแฟชั่น พูดไปก็โยนเสื้อผ้าเด็กแนวของฉันออกมาทิ้งไปด้วยฉันมองมาที่มันอย่างเสียดายสุดชีวิต ก็ไอ้การแต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้านมันความสุขของฉันนี่นา ความซวยของเจ๊แกยังไม่หมดแค่นี้ ก็อีเจ๊แกต้องพาฉันไปซื้อของจิปาถะต่างๆอีกมากมายหลายอย่างนัก เพราะถ้าไปซื้อที่เกาะมันจะแพงม๊ากมากและอาจจะถึงขนาดไม่มีก็เป็นได้ ไอ้ความที่บ้านของฉันเป็นคนจีนก็เลยต้องถือกันนักเรื่องซักเสื้อผ้าแยกกัน ดังนั้นฉันกับไอ้เจ๊สุดที่รักจึงต้องไปขนกะละมังมาทั้งหมดซะ 6 ใบ ไว้แยกซักเสื้อ 2 ใบ ซักกางเกง 2 ใบ ซักกางเกงในเสื้อในอีกอย่างละใบ โดยที่ทุกๆคนรวมทั้งฉันด้วยลืมคิดกันไปหมดเลยว่า ฉันนั้นซักผ้าไม่เป็น ทุกวันนี้ซักแต่กางเกงในกับเสื้อในเอง นี่ฉันก็ว่าฉันเก่งเหลือเกินแล้ว ไปๆมาๆไอ้กะละมังพวกนั้น ตอนหลังจากที่ขนไปไม่ถึงเดือนฉันก็เลยต้องเอามาแจกจ่ายคนแถวนั้นเค้าซะเกือบหมด (ใจบุญจริงๆเลยฉัน) เหลือไว้แค่ 2 ลูกเอาไว้ซักกางเกงในกับเสื้อใน ส่วนเสื้อผ้าน่ะเหรอจ้างเค้าซักแทนไปแว๊ว (หุๆ) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะขนไปทำไม ก็ตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าเค้ามีรับจ้างซักผ้าด้วย อ้อ ยังมีแปรงซักผ้าอีกนะที่ตอนหลังฉันเลยเอามาขัดห้องน้ำแทนซะ มานั่งนึกๆดูไอ้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเค้าจะให้ฉันไปนอนตรงไหนกัน แต่หลังจากที่ได้นั่งคุยสุมหัวกับไอ้เจ๊แล้ว ก็ได้เรื่องกันว่า เรานั้นสมควรที่จะเตรียมไปเองเป็นอย่างยิ่งเพราะเดี๋ยวเกิดไม่มีเข้าแล้วจะลำบาก ว่าแล้วฉันกับไอ้เจ๊สุดที่รักก็ไปอัญเชิญหมอนทั้งหมอนหนุนหมอนข้างผ้าห่มผ้าปูที่นอนอะไรต่อมิอะไร ถอยออกมาใหม่ทั้งหมด นาทีนั้นขนอะไรได้เป็นขนดีกว่าไปตายดาบหน้าน่า ส่วนบุพการีอันแสนประเสริฐก็มีหน้าที่เปิดเก๊ะส่งเงินให้ฉันอย่างดิบดี ฉันว่าแม่ฉันเองเค้าก็คงจะนึกในใจว่าจ่ายเท่าไหร่ก็ยอม (วะ) ช่วยๆเอามันออกไปจากบ้านซะทีเหอะ กรู...................รำคาณมันเหลือเกินเหลือแกแล้ว ไอ้ข้างพี่สาวฉันนั้นก็ค่อนข้างวิตกจริตไปเหมือนกัน เพราะอีเจ๊กลัวแม้กระทั่งว่าเกาะช้างมันจะไม่มีรองเท้าขายฉันก็เลยต้องขนอีเกริบทั้งหลายแหล่ทั้งรองเท้าแตะรองเท้าผ้าใบไปอีก ดีที่มันไม่ซื้อทูพีชให้ฉันไปใส่เดินเล่นรับลมทรมานสายตาชาวประชาชีเข้าไปด้วย มาถึงเรื่องดูแลผิวพรรณไอ้แดดเกาะช้างก็แสนจะแรง ฉันก็ต้องวิ่งไปปรึกษาที่ร้านขายยาแถวบ้านว่าสมควรที่จะใช้ครีมกันแดด เอชพีเอฟเท่าไหร่ดี ยี่ห้ออะไรดี เค้าก็เลยเอาของเยอรมันมาให้ฉันซะขวดเกือบเท่าขวดน้ำปลา (ยี่ห้ออะไรไม่บอกเพราะไม่ได้ค่าโฆษณาแต่ขวดนึงก็พันกว่าบาทแล้วอ่ะ แพงชิบอ๋าย..............) แต่ว่าใช้ดีโคตรๆตัวไม่ดำอยู่คนเดียวทั้งรีสอร์ต เป็นที่ประหลาดใจของสาขาใหญ่ที่มาเยี่ยมดูงานเป็นอันมากจนต้องเอ่ยปากถามฉันกันเป็นแถว ขอขอบคุณคุณเภสัชข้างบ้านไว้นะที่นี้ ขอกราบงามๆ 2 ที แถมมันก็ยังดีกว่าไอ้ยี่ห้อที่โฆษณาตามทีวี เพราะหลังจากที่ได้ทดลองซื้อมาใช้แล้วปรากฎว่าคนที่ใช้ดำขึ้นกว่าเดิมทุกคน ยี่ห้ออะไรไม่บอกเดี๋ยวจะโดนฟ้องเอาไม่คุ้ม ฉันขนไปหมดแม้กระทั่งไอ้พวกครีมอาบน้ำ (ใช้สบู่ก้อนไม่เป็นตั้งแต่เด็กใช้แต่สบูเหลวมีใครเป็นเหมือนฉันบ้างไหมเนี่ย) แชมพูครีมนวดบรรดาของประเทืองผิวทั้งหลายแหล่ ขนอะไรได้ก็ขน เ รื่องของเรื่องฉันใช้ของไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเขาก็เลยต้องขนไปเอง ไม่อย่างงั้นแล้วเมื่อไปถึงที่โน่นคนที่จะลำบากมันคือบรรดาพี่ทั้งหลายฉันเองหาใช่ใครอื่นไม่ เพราะเค้าจะต้องเจอวิบากกรรมอีกรอบที่จะต้องส่งของทางไปรษณีย์ไปให้ฉัน โรคจิตหวาดระแวงมันก็ไม่ได้มีที่ฉันแค่คนเดียวอีเจ๊นั้นก็เป็นไปกับด้วยด้วย อีเจ๊มันก็กลัวว่าฉันจะไปอดตายก็เลยไปขนทั้งบะหมี่ 3 นาทีกินได้ (ทั้งๆที่ปกติแล้วฉันไม่กินเพราะมันมีแต่ผงชูรส) อีกทั้งขนมนมเนยมาอีกล็อตใหญ่ พวกญาติพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ก็แจกตังค์ฉันกันให้ว่อนไปหมดบอกว่าให้เอาติดตัวไว้ เค้าคงนึกว่าฉันจะไปรบมากกว่าจะทำงานล่ะมั้ งทั้งๆที่ๆฉันไปอยู่มันก็ภาคตะวันออกแท้ๆ ไม่ใช่ว่าลงไป 3 จังหวัดชายแดนใต้เลย เอ๊อ....ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา เมื่อฉันและไอ้เจ๊ช่วยกันซื้อของกันขนาดนี้ แล้วคุณคงจะนึกภาพออกใช่ไหมว่าไอ้เด็กแหยๆประเถทลูกแหง่ที่มันจะเข้าไปอยู่หอพักมหาลัยนั้นเป็นยังไง
ดังนั้นไอ้รถที่มันจะไปส่งฉันมันก็เลยต้องกลายเป็นรถกะบะไปแทน ใช่เลย ที่หลังรถนั้นมันเป็นของๆฉันทั้งหมด ของที่ฉันจะขนไปดำรงชีวิตเป็นชาวเกาะอย่างเต็มภาคภูมิ (ทั้งๆที่ฉันก็เกาะพ่อเกาะแม่กินมาตั้งนานแล้วไม่เห็นมันจะแปลกตรงไหนเลยนิ เนอะๆๆๆ) วันที่ต้องออกเดินทางฉันไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าไปเที่ยวเลย
ชีวิตอันแสนสุขมันกำลังจะมาถึงแล้ว ได้มาทำงานริมทะเลท่ามกลางบรรยากาศแสนสวยของรีสอร์ตสไตล์บาหลี ใครเลยจะได้เจอกับสิ่งสวยงามในชีวิตอย่างฉันคนนี้ล่ะ (อ่านมาถึงตอนนี้อิจฉาอ่ะดิ่) หลังจากที่ร่ำลาบุพการีญาติโกโหติกา บรรดาแมวไทยแมวนอกนกขุนทองจิ้กจกตุ๊กแกในบ้านจนครบเรียบร้อยแล้วฉันก็กระโดดขึ้นรถอย่างลิงโลด ไม่ได้สนใจที่จะมองหน้าแม่ที่มองมาที่ฉันอย่างหนักใจเลยว่า ไอ้คนอย่างฉันนี่มันจะไปอยู่ได้กี่วันที่จะไม่โดนเค้าไล่ออกกลับมา คนที่คิดอย่างนี้คงจะไม่ได้มีแต่แม่ฉันคนเดียวหรอกมั้ง น่าจะมีอีกหลายๆคนเลยด้วยซ้ำฉันนี่มันเป็นคนดีที่น่าไว้ใจได้เสียนี่กระไรหนอ นาทีนั้นฉันคิดอยู่อย่างเดียวว่า
เกาะช้างจ๋าฉันมาแล้วจ้ะ
Create Date : 19 มิถุนายน 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 11:07:14 น. |
Counter : 503 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: angy_11 19 มิถุนายน 2550 14:59:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ELiiCA 20 มิถุนายน 2550 7:22:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ELiiCA 20 มิถุนายน 2550 7:55:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|