สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของที่นี่ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด (พี่ชายฉันเป็นทนายนะจ๊ะ) มีขู่ด้วย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

Think that toy

Think that toy


ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม
ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า
ให้ความสดใสยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป
แค่เพียงอยากขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ
ให้เรายังได้ฝันให้เรายังยิ้มได้
โลกแห่งความจริงมันจะดีหรือร้าย
เก็บความเป็นเด็กในหัวใจเอาไว้

ฟังเพลงนี้ครั้งแรกฉันก็นึกชอบขึ้นมาทันที (ใจง่ายจริงจริ๊ง) ตอนแรกฉันคิดเอาเองว่ามีแต่ตัวฉันเท่านั้นที่ยังซ่อนความเป็นเด็กเอาไว้ ( ทั้งๆที่ปิดแทบจะไม่มิด) ภายในร่างกายที่แสนจะใหญ่โตผิดชาวบ้านชาวช่องเขา แต่เมื่อมาฟังเพลงนี้แล้วเหมือนกับว่าฉันมีเพื่อนที่คิดเหมือนกับฉันเลย ทุกวันนี้ฉันก็ยังชอบที่จะใช้ของใช้เป็นเหล่าน้องคิตตี้ทั้งหลายอยู่ จริงๆแล้วฉันก็ใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วทั้งๆที่เพื่อนแทบจะทุกคนของฉันที่บอกว่ามันไม่เหมาะกับฉันเอาซะเลย ( งื๊ดดดดด) ตอนที่ฉันยังเด็กนั้นฉันมีของเล่นอะไรบ้างนะ นึกๆดูแล้วมันก็เป็นตุ๊กตาไปซะส่วนใหญ่ มีทั้งน้องหมีตัวยักษ์ น้องหมู น้องหมา น้องช้าง ส่วนน้องควายนี่ได้มาตอนที่โตแล้ว เพื่อนที่เคารพของฉันมันให้มามันบอกว่าแทนความหมายที่มันมีต่อฉัน (ง่ะ) มาคิดอีกทีนึงแล้วฉันมีของเล่นมีตุ๊กตากี่ตัวกันนะ ไอ้ครั้นจะกลับไปคุ้ยหาเอาที่บ้านแม่มันก็ใช่ที่เพราะฉันต้องเสด็จไปถึงต่างจังหวัด อีกอย่างป่านนี้ไอ้ตุ๊กตาพวกนี้มันก็ไปอยู่ที่ห้องใต้หลังคาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่หมอบอกว่าฉันนั้นเป็นภูมิแพ้สมควรที่จะเอาตุ๊กตาออกไปจากห้องให้หมดเพราะว่ามันจะอมฝุ่นเอาไว้ทำให้ฉันเป็นภูมิแพ้มากขึ้น แม่ก็เลยต้องขนพวกมันที่แย่งที่นอนฉันไปซะเกินครึ่งไปไว้ที่ห้องใต้หลังคา (บ้านฉันน่าจะมีห้องใต้บันไดด้วยฉันจะได้นึกว่าพวกมันเป็นแฮร์รี่ พล็อตเตอร์ หุหุ) ตอนนี้ฉันก็ลองมานั่งนึกว่าฉันมีตุ๊กตาตัวไหนมั่งที่ฉันติดมันเหลือเกินตอนเด็กๆ ตัวแรกที่ฉันนึกไม่ออกแต่แม่ยังจำได้และเล่าให้ฉันฟังว่าฉันชอบที่จะลากมันเดินไปไหนมาไหนด้วย มันเป็นตุ๊กตาแมวสีแดงทำท่ายืนตรงเคารพธงชาติหน้าตาตลกๆมันยิ้มซะจนตาหยี (เหมือนเจ้าของ) มันเป็นตุ๊กตาผ้าสักหลาดสีแดงซึ่งตอนนี้มันก็ยังอยู่ที่หัวเตียงของฉัน เออ...ใช่มันเป็นแมวผู้กหูกระต่ายด้วย แม่บอกว่าตัวนี้ป่ะป๊าฉันซื้อมาให้ฉันตั้งแต่ตอนที่ฉันได้สัก ขวบ 2 ขวบและมันมาไกลจากฮ่องกง โอ้ ...อุแม่เจ้าฉันว่าไอ้บริษัทที่ผลิตตุ๊กตานี่มันเจ๊งไปแล้วแน่ๆเลยซื้อ 20 กว่าปีแล้วยังไม่พังเลย ลงว่าถ้ามันผลิตตุ๊กตาได้ทนซะขนาดนี้อ่ะนะ แล้วใครจะกลับไปซื้อของมันมาแทนของที่พังล่ะ ส่วนอีกตัวนึงมันก็คงเป็นตุ๊กตาโดนัลดั๊กที่มันบินตรงมาไกลจากดิสนี่ย์แลนด์ของกรุงโตเกียวน้าสาวของฉันซื้อมันมาฝากฉัน ตอนแรกที่มาขนของมันก็ยังฟูๆปุยๆดีอยู่หรอก แต่แล้ววันนึงความซวยความหายนะก็มาเยือนมันเมื่อฉันนั่งเอาไดร์เป่าผมให้แห้งอยู่ฉันก็เลยนึกว่ามันก็คงจะเปียกตามฉันไปด้วย ฉันก็เลยช่วยเอาไดร์เป่าขนมันซะ ได้เรื่องซิ ขนมันก็เลยกลายเป็นขนหยอยๆติดกะตัวมันไปตลอดชีวิตของมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตอนนั้นฉันคิดว่ามันดูเป็นมาเฟียญี่ปุ่นซะมากกว่าโดนัลดั๊กก็ตรงที่มันดัดผมก็ขนของมันน่ะแหละเป็นหยิกๆหยอยๆไปทั้งหัวและตัว ตอนแรกฉันก็ไม่คิดหรอกว่าพวกของเล่นเหล่านี้มันจะไปมีค่าอะไรไปมากกว่าของที่สามารถที่จะบังคับให้เด็กนั่งอยู่กับที่ได้เป็นเวลานานๆหรือถ้าจะพูดให้ดีหน่อยคือของที่จะช่วยสร้างรอยหยักให้กับสมองของเด็กให้พวกเขาได้มีจินตนาการมากขึ้น แต่จริงๆแล้วมันก็ยังมีเรื่องความสำคัญของจิตใจเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วย บางครั้งของเล่นเน่าๆมันก็ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงใครบางคนได้ ครั้งหนึ่งแม่ของฉันขนของเก่าๆออกมาทิ้งซะมากมายเพราะบ้านของฉันหลังคามันไม่รักดีไม่ยอมกันฝนมันดันรั่วขึ้นมา กว่าจะรู้ว่าน้ำมันซึมมาเป็นทางข้าวของประดามีทั้งหลายแหล่สารพัดอย่างมันก็เน่าจนขึ้นราไปมั่งแล้ว แม่ฉันก็เลยขนๆมันออกมาทิ้งๆขว้างๆระบายอารมณ์ซะมั่ง ด้วยความเป็นลูกที่กตัญญูอย่างเหลือหลายฉันก็เลยนั่งมองแม่จัดการเฉยๆซะอย่างนั้น ตอนที่แม่ขนขยะเหล่านั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่หรอก แต่ก็สะดุดตาอยู่นิดนึงตรงที่เห็นตุ๊กตาอยู่ตัวนึงมันมีสีส้มๆเขียวๆกลมๆ และแล้วฉันก็ระลึกชาติออกมาได้ว่ามันเป็นตุ๊กตาที่อาม๊า (แปลว่าแม่ของแม่ คนไทยเรียกว่ายาย) ซื้อมาให้ตอนที่ฉันยังเด็กๆนั้น มันก็ลงถังขยะไปซะนานแล้วฉันก็เลยเดินไปบอกแม่ว่า แม่ทิ้งตุ๊กตาตัวที่อาม๊าซื้อให้ฉันไปด้วย แม่หน้าซีดทันตาเห็นพร้อมๆกับวิ่งออกไปคุ้ยถังขยะเก็บตุ๊กตากลับมา เรื่องของเรื่องคุณอาม้าของฉันนั้นก็เสียไปหลายปีแล้วแม่ฉันคงคิดว่าสิ่งนี้คงจะเป็นสิ่งที่จะแทนใจจะระลึกถึงกันได้ละมั้ง เรียกง่ายๆมันก็ของดูต่างหน้ากันน่ะแหละตรงนี้เองที่มันทำให้ฉันสะกิดใจขึ้นมาว่า ของเล่นที่เราสักแต่ว่าจะเล่นให้มันพังไปข้างหนึ่งนั้นมันก็ยังมีความหมายอยู่แต่ฉันมีความทรงจำกับอะไรมั่งนะ ฉันก็เลยต้องมานั่งคิดถึงไอ้ของเล่นอันอื่นๆของฉันอีก ใช่แล้วฉันมีตุ๊กตาโดราเอม่อนอยู่อีกตัวนึงนี่นาแต่มันมีสีชมพูไม่ใช่สีฟ้าอย่างในการ์ตูน ตอนเด็กๆนั้นฉันกับพี่ก็อยากจะมีโดราเอม่อนไว้ในบ้านกันซะเหลือเกิน ก็อย่างที่เราๆรู้กันอยู่ว่าโดราเอม่อนนั้นทำได้ทุกอย่างมีของวิเศษสารพัดอย่าง ไอ้พี่ชายฉันมันก็มีของมันอยู่ตัวนึงเข้าไปแล้วอีกอย่างของมันก็ของแท้เสียด้วยเพราะแม่หิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากญี่ปุ่นแต่ไอ้ของฉันน่ะเหรอ ฉันเจอมันอยู่ในตลาดแถวบ้านที่ต่างจังหวัดตอนที่ฉันนั่งรถไปไหนกับคุณป่ะป๊าก็ไม่รู้ ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นมันเข้าอย่างจัง มันส่งกระแสจิตมาเรียกร้องฉันให้ฉันเอามันกลับบ้านไปเป็นเจ้าของ ฉันว่าตอนนั้นมันคงจะสัญญากับฉันด้วยแน่นอนเลยว่ามันจะเอาของวิเศษออกมาให้ฉันได้เอาไปใช้แน่ๆ ฉันก็เลยชักๆๆๆๆๆๆและชักอยู่ในรถน่ะแหละว่าฉันจะเอาไอ้ตุ๊กตาโดราเอม่อนตัวนั้นให้ได้ “จะเอาๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ที่บ้านก็มีแล้ว”
“นั่นมันของเฮียอ่ะ จะเอาๆ”
คุณป่ะป๊าฉันคงมีทางให้เลือกอยู่ 2 อย่างในขณะนั้นว่าจะเลือกฆ่าฉันรึว่าจะจอดรถลงไปซื้อมันมาให้ฉันดี แล้วคุณป่ะป๊าของฉันก็เลือกเอาอย่างหลัง (เฮ๊อ) ฉันยังจำได้เลยว่าฉันกอดตุ๊กตาตัวนั้นเอาไว้แน่นแนบกับตัวตอนที่คุณป่ะป๊าของฉันจะจ่ายตังค์ซ้ำร้ายตาเจ้าของร้านก็ไม่ยอมลดราคาให้ ไอ้ท่าทางที่อยากจะได้จนเกินงามของฉันด้วยแหละมั้งที่ทำให้เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะโก่งราคาขึ้นมาสัก10 เท่าตัวคุณป่ะป๊าของฉันก็ต้องยอมซื้อให้ฉันแน่ๆ พอกลับมาบ้านฉันก็โดนแม่เอ็ดเอาแถมยังลามไปเอ็ดคุณป่ะป๊าเอาด้วยว่าซื้อมาให้มันทำไม
“ก็มันจะเอา” คำตอบสั้นๆแต่ได้ใจความของคุณบิดาฉัน ฉันรอจนพี่ของฉันมันกลับมาบ้านฉันรีบวิ่งเอาไปอวดมันว่าฉันก็มีโดราเอม่อนแล้ว แต่สิ่งที่มันทำให้ฉันเห็นก็คือท่าทางแสยะปากสายตาดูหมิ่นดูแคลน
“ของปลอม โดราเอม่อนไม่มีสีชมพู ชมพู ชมพู ชมพู ชมพู” (ช่วยกรุณาอ่านอย่างมีแอคโค่)
ฉันยืนมองโดราเอม่อนสีชมพูแสนหวาน (จนเอียน) ของฉันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองแต่ยังไงๆฉันก็ยังรักมัน แต่เมื่อลองเอาไปเทียบกับโดราเอม่อนสีฟ้าของพี่ฉันที่มันมาจากประเทศต้นกำเนิดจริงๆแล้วนั้น โดราเอม่อนสีชมพูของฉันมันช่างดูไม่ได้เอาเสียเลยสุดแสนจะขี้เหล่เอาซะด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าแหละนะมันที่ผลิตที่ขายมันก็คนละเกรดกันแล้ว แต่ฉันก็ยังภูมิใจและรักมันถึงแม้ว่ามันจะเดินไม่ได้ จะไม่ชอบกินโดรายากิ (ไอ้ขนมนี่ฉันมาได้กินก็ตอนโตนี่แหละ แหง่ะ มันไม่เห็นอร่อยเลยไอ้แป้งทอดอะไรเนี่ย) และไม่มีของวิเศษออกมาให้ฉันเล่นแต่ฉันก็ยังรักมันยังนอนกอดมันจนมันหายไปจากชีวิตของฉันตอนไหนก็ไม่รู้ แต่มันก็ยังมีของเล่นหลายอีกหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในความทรงจำของฉันอีกมากมาย ทั้งนกเพนกวินที่เดินขึ้นบันไดแล้วมันจะสไลน์เดอร์ลงมา (ได้มาตอนนอนโรงพยาบาลเพราะเป็นไข้เลือดออก) รถไฟที่ถ้าเราใส่น้ำมันก๊าซลงไปแล้วมันจะมีควันออกมาจนคลุมไปทั้งบ้าน (จนข้างบ้านนึกว่าไฟไหม้) เกมตกปลาหมึก (ยากกว่าเกมส์ตกปลางับๆหลายเท่านัก) และอีกมากมายนัก (หน้ากระดาษจะหมดแว๊ว) ก่อนที่เราจะโดนยุคแฟมิคอมนินเทนโด้มาครอบครองจนเราต้องไปนั่งแย่งคอนเทรนเล่อร์กันอยู่ที่หน้าจอทีวีกันแทน ของเล่นบางอย่างมันก็ยังคงอยู่อาจจะเล่นได้มั่งไม่ได้มั่งแล้ว แต่ฉันว่าเมื่อเราลองมาย้อนเวลาที่เราคิดว่าเราเล่นมันตอนนั้นมันก็ช่างสนุกเสียจริงๆ ตอนนี้ฉันไม่ได้แค่คิดถึงของเล่นของฉันเท่านั้น อีกความรู้สึกนึงที่แทรกเข้ามาในตอนนี้คือฉันคิดถึงเพื่อนที่ร่วมเล่นด้วยกันมาด้วย จะว่าไปแล้วพวกมันเป็นยังไงกันมั่งแล้วนะ ฉันว่าฉันไปโทรหามันก่อนดีกว่า
ว่าแต่ว่าแล้วคุณล่ะตอนนี้คุณนึกถึงอะไร
เพื่อน
ของเล่น
ความทรงจำ
ความเป็นเด็ก................




 

Create Date : 15 มิถุนายน 2550
0 comments
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 3:36:36 น.
Counter : 552 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


หมวยเคี้ยง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตลอดค่ะ
สวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เสมอ
Friends' blogs
[Add หมวยเคี้ยง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.