|
|||
สองปีที่รอคอยกับ Himeji Castle
สองปีที่แล้ว เคยเขียนบล็อกไว้กับการบูรณะปราสาทฮิเมจิ เคยบอกว่าถ้าเสร็จ เราจะต้องมาอีกให้ได้
แล้วเราก็ได้มา... วันที่เรามาถึง คือวันที่ 26 มีนาทางปราสาทได้มีการจัดงานเฉลิมฉลอง แต่ความซวยคืองานมีตอนสิบโมงเช้า แต่เราไปถึงฮิเมจิตอนเที่ยง
ตอนไปถึงที่สถานี JR Himeji Stationคนเยอะมาก ๆ เยอะแบบมันอะไรกันนี่ พนักงานที่ Information Center ที่สถานีบอกว่าวันนั้นมีงานฉลองปราสาทแล้ววันรุ่งขึ้นจะเป็น grand opening ซึ่งในแต่ละวันจะลิมิตผู้เข้าชม15,000 คน ตอนแรกเรางงว่าทำไมต้องลิมิต เพราะตอนที่มาครั้งนู้นคนก็ไม่ได้เยอะมาก จริงอยู่ที่อาจจะเป็นช่วงบูรณะ แต่ก็ยังมีคนสนใจไปดูตอนบูรณะเหมือนกันนะ แต่พอจะไปชมจริง ๆ... โห... คนเยอะจริง ๆ เยอะแบบเราต้องถอยออกมา เลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวค่อยมาใหม่ เพราะซากุระด้านในปราสาทก็ยังเป็นตุ่ม ๆ อยู่มาก และแล้วก็ถึงวันก่อนกลับเลยเตรียมแผนจะไปเยี่ยมเยียนซักหน่อยซิ เป็นวันจันทร์ด้วย คนไม่น่าจะเยอะ การเดินทางเคยบอกไว้แล้วในบล็อกก่อนหน้า ตอนที่ปราสาทยังบูรณะอยู่ จากสถานี JR Himeji Station มองไปจะเห็นปราสาทอยู่ลิบ ๆ เลยค่ะ อย่างที่เคยบอกไว้ครั้งที่แล้วว่าถ้าใครขี้เกียจเดิน มีรถบัสค่ะ ข้ามถนนจากสถานีมา ป้ายรถบัสอยู่ตรงนั้นเลย แต่เราไม่ขึ้นนะ เราอยากเดินเล่น เดินเพลิน ๆ เพราะข้างทางก็จะมีของขายไปตลอดทาง ประมาณสิบห้านาทีก็ถึงค่ะ อ้อ... จากรูปจะเห็นบันไดเลื่อนใช่มั้ยคะ ถ้าลงไปข้างล่างจะทะลุกับร้านค้าและกูร์เม่สตรีท ของกินเยอะมาก ซื้อกลับมาเป็นของฝากได้ค่ะ แพ็คเกจสวยเริ่ดตามสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ... มาถึงปราสาทที่คิดว่าคนไม่น่าเยอะ ที่ไหนได้... คนมหาศาลมีป้ายติดไว้เลยว่าต้องรออีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง พระเจ้า... หนึ่งชั่วโมงครึ่งกันเลยรึ แต่พอหันดูรอบข้าง คนเยอะอยู่เหมือนกันนะขนาดหลีกมาวันธรรมดาแล้วนะนี่ แต่เราก็รอนะ เพราะเราอยากเห็นด้านในว่าหลังจากเสร็จจากการบูรณะแล้วจะเป็นไงบ้าง รอแถวไป ถ่ายรูปนู่นนี่นั่นไป อากาศเย็นด้วยแหละ เลยไม่งอแง
เราก็เอาใบนี้ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ตอนซื้อตั๋วถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ก็ไม่ขายตั๋วให้ค่ะ ช่วงนี้ค่อนข้างลิมิตจำนวนนักท่องเที่ยวน่ะ ราคาตั๋วเข้าชมตอนนี้ก็เริ่มต้นที่ 1,000 เยนค่ะ ครั้งนี้ทางเดินเข้าตัวปราสาทเป็นคนละทางกับตอนบูรณะค่ะแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ความคดเคี้ยวไว้เหมือนเดิม คนเยอะมากไปนิด แต่ไม่เหงาเลยเวลาเดินชม ไม่ดูวังเวงน่ากลัวด้วย... ฮ่าๆๆ คนต่างชาติเข้าชมก็เยอะ คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ และคนไทยเองก็มีหลายกลุ่มอยู่ มาถึงคิวเราหลังจากรออย่างทรหด รอยังกะเข้าแถวซื้แคริสปี้ครีมหรือไอโฟนออกใหม่วันแรก... ตื่นเต้นอ่ะ เพราะครั้งที่แล้วไม่ได้เข้าไง มองผ่านกระจกบาง ๆ ที่กั้นอยู่ แล้วเห็นแต่หลังคาด้วยนะ... สิ่งที่เราทึ่ง คือ ตอนที่เราก้าวเข้าไปในตัวปราสาทปุ๊บ... จะเห็นชั้น ๆพวกนี้ก่อนเลย เพื่อนเราบอกว่าน่าจะเอาไว้วาง katana เราก็เหรอ ๆ เออ... มันเยอะไปนะ คือแทบจะรอบปราสาท มีเกือบทุกหัอง กลับมาไทยแล้วยังสงสัยอยู่ เลยค้นดูในเน็ต... โอ้ววว... เป็นชั้นวางอาวุธจริง ๆ ซึ่งมีทั้งดาบ ปืน หอก ทุกอาวุธที่จะมีได้ในสมัยนั้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าอาวุธในปราสาทมีเยอะมากกก... เหอะๆๆ อยากรู้มั้ย เยอะแค่ไหน... มาดูกัน... มุมนั้น...
มุมนี้...
ห้องนู้น...
แม้แต่ที่ว่างเนื้อที่ไม่เยอะใต้หลังคา... นะ... ทุกห้อง ทุกทางเดิน ทุกผนัง สองด้าน แถวละสิบชั้น... เอากะเค้าซี้ๆๆๆ สมัยก่อนมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธหรือยังนะ... ไม่แค่นั้น... ช่องที่เอาไว้ยิงหรือทุ่มหินใส่ศัตรูที่มาบุกรุกปราสาท ไม่ได้มีแต่ด้านนอกแฮะ ด้านในก็มีด้วย ส่วนความกว้างใหญ่ของปราสาทน่ะหรือ ไม่มากมาย ตามโมเดลนี้เลยค่ะ ส่วนนี่เป็นโครง เค้าเรียกอะไรอ่ะ เหมือนแบบสร้างเรือนไทยก็ต้องมีเสางี้ใช่มั้ยคะ แล้วมาดูเสาหลักต่าง ๆ ของปราสาทกัน... อลังมาก... เดินชมไป หยุดรอไป เป็นพัก ๆ เพราะไม่สามารถให้นักท่องเที่ยวกรูกันเข้าไปได้ ต้องระบายนักท่องเที่ยวออกมาเยอะ ๆ คือมันเป็นความปลอดภัยอย่างหนึ่งน่ะค่ะ... บันไดเล็ก บันไดน้อย เราว่าสมัยก่อนเนี่ยซามูไรหน้าใหม่ต้องมีหลงกันบ้างล่ะนะ... แล้วแต่ละบันไดของบางห้อง เราช้อบชอบ จะมีประตูปิดน่ะ (เห็นไม้ที่ปิดอยู่ ที่เหมือนเพดานใช่มั้ยคะ) คือพอขึ้นไปบนสุดก็ต้องผลักประตูขึ้นไป... เออ เวอร์คแฮะ... แล้วบันไดสมัยก่อนนี่มันก็ชั้นชัน ซามูไรสมัยก่อนก็ไม่ใช่จะเป็นนินจาโดดไปโดดมา มันต้องมีการลื่นตกบันไดกันบ้างแหละ แต่... เค้าก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ... มีราวบันไดไม้ไผ่จ้าาา... โห่ ระบบเซฟตี้ประเทศนี้นี่มันดีกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ... ห้องในปราสาทเราว่ามีเยอะอยู่นะ ห้องใหญ่ ห้องเล็ก ห้องน้อย เหมือน ๆ กันไปหมด... อือ เราก็เริ่มงง ๆ อ่ะ และแน่นอน... ทุกปราสาทมีห้องลับ ปราสาทฮิเมจิก็เช่นกันนน คือ... มันเป็นห้องลับที่เด่นมาก... เห็นที่ปราสาทฮิโกเนะ เค้าจะเป็นห้องลับใต้หน้าต่างติดกับพื้น คือเหมือนเป็นช่องระบายอากาศ ไม่สังเกตว่าเป็นห้องลับ แต่ของฮิเมจิ... ไม่ต้องสังเกตก็เห็นมาในระยะสามเมตร... แต่สมัยก่อนน่ะเนอะ ถ้าจะมีใครบุกปราสาทเค้าคงไม่บุกกันกลางวัน พอตอนกลางคืนมันอาจจะมืด อาจไม่สังเกตว่าเป็นห้องลับก็ได้ แต่เราสังเกตว่าห้องลับมักจะอยู่ใกล้หน้าต่างแฮะ เพื่อความสะดวกมั้ง เราอยู่บนปราสาทมองลงมาที่ด้านล่าง โอ้... กว้างใหญ่มาก มองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของผู้ครอบครองปราสาทกันเลยทีเดียว อันนี้มองลงมา ถนนตรงนั้นเป็นถนนที่ตรงไปสถานีเจอาร์ฮิเมจิน่ะค่ะ เราเดินออกมาด้านนอก มันเป็นทางเข้ามาของครั้งที่แล้ว เจอบ่อน้ำที่ใช้เก็บกักน้ำไว้ใช้ในปราสาทอีกเช่นเคย... เออ เหมือนเจอเพื่อนเก่า ดีใจ... นึกว่าไม่ได้เดินทางเดิมแล้วจะไม่เจอแล้วไงคะ แต่มันเลยทำให้เรานึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง... เราไม่เจอห้องน้ำอ่ะ ซามูไรเค้าเข้าห้องน้ำกันที่ไหน... ส่วนบ่อน้ำของโอคิคุซังก็ยังตั้งอยู่เหมือนเดิม แต่วันนี้คนเยอะมาก แถมอากาศสว่างจ้าขนาดนี้ เลยมองลงไปในบ่อดูซิ โอ้... โอคิคุซังรวยและ เงินเต็มก้นบ่อเลยค่ะ ว่าจะโยนลงไปบ้างเผื่อได้กลับมาอีกครั้ง แต่คนเยอะมากไง เราคนไทยอธิษฐานนาน เกรงใจ... แหะๆๆ หันกลับไปมองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง อือ... ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะที่เราเขียนไว้ครั้งที่แล้วว่าฮิเมจิเป็นปราสาทที่มีคุณสมบัติครบของการเป็นปราสาทคืออะไร จริง ๆ ครั้งที่แล้วก็เข้าใจแล้วนะ แต่พอวันนี้ที่มาได้เห็นข้างใน เจอชั้นวางอาวุธเข้าไป เข้าใจมากขึ้นเลย เริ่มอยากมีแฟนเป็นซามูไร... ชินเอมอนซังงงงง... เพ้อเจ้อแล้วนั่น... -*- รอเวลานานมาก แต่พอใจกับการเข้าชมเช่นกันค่ะ ปราสาทสีขาว สวยมาก ช่วงนี้ซากุระเริ่มออกดอก ถึงแม้จะไม่ถึงกับ full bloomแต่พอมองลงมาจากบนปราสาทแล้วสวยจริง ๆ ค่ะ อืมม... แต่เราอยากแชร์ความรู้สึกนิดนึงตอนเข้าไปชมด้านในตัวปราสาทเราว่าการชมปราสาทของญี่ปุ่นกับการชมวังหรือบ้านของไทยต่างกันมากนะ
แล้วเรากล้าพูดได้เลยว่า... ของไทยเราเจ๋งกว่าเยอะ... อินกว่าตั้งเยอะเห็นไหม... เพียงแต่การโปรโมทและการจัดการเข้าเยี่ยมชมของทางเค้าดีกว่าเราเท่านั้นเอง... ปิดบล็อกกันด้วยรูปปราสาทยามค่ำคืน
ปล1 รูปถ่ายไม่สวย เอาสีของฟ้าเข้าสู้... ฮ่าๆๆ สวยจังค่ะ ญี่ปุ่นสวยทุกฤดูจริง ๆ
โดย: mariabamboo วันที่: 11 เมษายน 2558 เวลา:20:02:19 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |