จะไปต่อหรือพอแค่นี้กับอาชีพแปลและล่าม
จะไปต่อหรือพอแค่นี้กับอาชีพแปลและล่าม

“หนูอ่าน blog ของพี่มาได้สักพักใหญ่แล้วชอบอ่าน blog ของพี่มากๆเลยค่ะ หนูมีคำถามค่ะ

พี่คิดว่าหนูควรทำงานแปล+ล่ามของหนูต่อไปดีไหมคะหนูคิดว่าหนูเองไม่เก่งพอกับการเป็นล่ามและนักแปล

หนูจบ มธ ศิลปสาตร์ เอกภาษาอังกฤษ ทำงานตำแหน่ง translatorค่ะ หน้าที่หลักของหนูคือเป็นล่ามสดในที่ประชุมให้กับกรรมการต่างชาติค่ะ และแปลเอกสารจากทุกแผนกของบริษัท

หนูคิดว่าหนูสนุกกับงานที่นี่นะคะ แต่หนูอัดอั้นตันใจกับการทำล่ามของหนูมากๆค่ะหนูทำงานที่นี่มาปีครึ่งก่อนหน้าที่จะมาจับงานแปลหนูเป็น call center ภาษาอังกฤษมาก่อนค่ะ
แรกๆ การทำล่ามสดของหนูคือเป็นงานนรกจริงค่ะ  วันไหนมีประชุมหนูแทบไม่อยากเข้าประชุมเลย หนูทำไม่ได้เลยค่ะ พูดไม่ทัน เงิบใบ้กิน ต้องให้ล่ามของบริษัทในเครืออีกคนนึงมาช่วยล่ามให้ตลอด  จริงๆไม่อยากให้เค้ามาช่วยเลย เพราะมันเป็นงานของเราเอง

แต่ตอนนี้รู้สึกว่า เราทำได้เราทำดีขึ้นเข้าประชุมที่ง่ายๆคนเดียวได้ แต่หนูคิดว่ามันยังไม่ดีที่สุด หนูไปบ่นกับแฟนเค้าก็บอกว่าหนูใจร้อนเอง ใจร้อนเกินไป หนูกดดันตัวเองเกินไป ตอนนี้หนูเครียดค่ะมีหลายๆครั้งอยากจะหางานใหม่ โทษตัวเองว่าโง่ แปลไม่ได้ -___-" แต่ก็ทำไม่ได้รู้สึกว่า เห้ยยย แค่นี้ก็ไม่สู้แล้วหรอ ต้องสู้สิ

ส่วนเรื่องงานแปลเอกสาร ด้วยที่หนูทำคนเดียว (จริงๆแล้วควรจะมีสองคนช่วยทำ แต่ยังหาคนมาทำไม่ได้ หนูทำเองมาเป็นปีๆแล้ว)หนูคิดว่าหนูพัฒนาฝีมือไปได้ช้ามาก บางงานไม่มีคนช่วย edit ไม่มีคนช่วยอ่านหนูก็ไม่รู้เลยว่าหนูแปลได้ดีไหม แต่หลายๆคนที่เคยอ่านงานแปลหนูเค้าก็คอมเม้นว่าหนูแปลดีขึ้น  แต่..อีกแล้ว หนูใจร้อนอยากแปลได้ดีขึ้นไวๆหนูก็กดดันตัวเองอีก พลอยทำให้ตัวเองเครียดไปใหญ่

นอกจากงานแปลแล้วหนูยังสอนภาษาอังกฤษด้วยค่ะ สอนเด็กม.ปลายเสียเป็นส่วนใหญ่มีพนักงานออฟฟิสบ้างนิดหน่อย แต่หนูไม่ค่อยรับงานแปลจากข้างนอกค่ะเพราะแค่งานแปลในบริษัทก็เยอะแล้ว บางเดือนรวยโอทีกันเลยทีเดียว(หนูควรรับงานแปลอีกเพื่อมาฝึกปรือฝีมือดีไหมคะ หรือเราควรเอาเวลาไปพักผ่อนบ้าง)

นอกจากนี้เวลาว่างหนูก็อ่านหนังสือพิมพ์อ่านหนังสือภาษาอังกฤษแต่หลังอ่านไม่เยอะ แล้วเพราะติดดูซีรีย์ฝรั่งมากค่ะ หนูคิดว่าจะแปลให้ดีได้เราควรอ่านเยอะๆ หนูคิดถูกไหมคะ
หนูคิดว่าหนูจะเรียนต่อทางด้านแปลค่ะ พี่ว่าดีไหมคะ

เพื่อนหนูก็ชวนให้ไป work and holiday ที่ออสมันบอกว่าเผื่อภาษาจะดีขึ้นอีก  แต่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นวิธีการฝึกฝนที่ถูกต้องไหม หนูอยากไปมากกกกกแต่หนูต้องดูแม่ดูยายด้วยห่วงเค้าไม่อยากไปไหนไกลๆ

ตอนที่พี่ทำงานแปลแรกๆพี่ท้อบ้างไหมคะพี่มีวิธีการบอกตัวเองให้สู้ต่อไปยังไงคะ
พี่คิดว่าหนูยึดอาชีพนี้ไปจนแก่จะโอเคไหมอายุหนูก็มากแล้ว ไม่อยากเปลี่ยนสายงานบ่อยๆค่ะ

ถามเยอะเลย :) แหะๆ  รอพี่ตอบอีเมลล์หนูอยู่นะคะ
---------------------------------------------------

1. หนูควรทำงานแปลและล่ามต่อไปดีมั้ยเพราะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง

ตัองถามว่า อยากทำงานแปลและล่ามต่อไปมีั้ย  ถ้าอยากและรู้สาเหตุว่าทำได้ไม่ดีเพราะไม่เก่ง ก็ต้องหาวิธีพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นซึ่งทำได้ด้วยการฝึกทุกวันอย่างที่ทำอยู่ (on the job training)  และด้วยการหาความรู้เพิ่มดูคำตอบเพิ่มในข้อ 2 ข้างล่างนะ

2. หนูจะเรียนต่อด้านการแปลดีมั้ย

ดี เรียนเลย ต่อธรรมศาสตร์นั่นแหละ เพราะไหนๆก็จบจากที่นั่น  ลองดูว่าขอยกเว้นส่งผลคะแนน TU-GET ได้มั้ย เหลือสอบเข้าอย่างเดียว

อ้อ น้องต้องนึกด้วยว่า จะเลือกทำงานแปลหรืองานล่าม  มันใช้ทักษะต่างกัน พี่ว่าที่น้องสับสนอยู่ในเวลานี้ก็เพราะต้องทำทั้งสองอย่าง หลายๆ คนก็ทำได้ แต่พี่ว่ามันเป็นการพัฒนาความสามารถเฉพาะด้านได้ไม่ถึงที่สุด 

ถามตัวเองว่าชอบอ่านเขียน หรือชอบฟังและพูด ถ้าชอบเขียน ก็ไปโฟกัสสายการแปล  ถ้าชอบพูด ก็ไปเรียนสายล่าม สองสาขานี้วิชาพื้นฐานเหมือนกันคือ discourse analysis, translation resources และอาจจะมีวิชาอื่น แต่พอแยกสายกันแล้ว จะไปเรียนกันคนละแบบ  ล่ามจะฝึกล่าม พูดอย่างเดียว สายแปลก็แปล ไล่แปลทุกหัวข้อ

น้องบอกว่า ล่ามสดเป็นงานนรก  พี่ก็ว่างั้นน่ะ พี่ไม่ชอบเพราะเวลามันบังคับ  ผิดแล้วผิดเลย บางคนกว่าจะนึกได้ว่าล่ามผิดโน่น ตอนกลับมาบ้านแล้ว ถ้าลูกค้าไม่โวยวายก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าไปเจองานสำคัญๆ แล้วล่ามผิด ทำให้เกิดความเสียหาย  ล่ามก็ควรเผื่อใจไว้ว่าลูกค้าอาจร้องเรียนเรียกร้องค่าชดเชยสำหรับความเสียหายไว้ด้วย

ข้อจำกัดอีกอย่างคือ หลายๆ ทีลูกค้าไม่ได้ให้เอกสารมาอ่านเพื่อเตรียมล่ามเพราะเอกสาร
เป็นความลับ (ลับมากล่ามยังไม่มีสิทธิ์ดูเลย) จนถึงเวลาเข้าประชุมเพื่อล่ามจริง ล่ามเองก็ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเนื้อหา ทำให้ล่ามผิด ล่ามไม่ตรงจุดที่ลูกค้าต้องการ ผลคือล่ามโดนลูกค้าตำหนิว่าทำงานไม่มีคุณภาพทั้งที่บางครั้งสาเหตุไม่ได้มาจากล่ามเอง

พี่เคยคุยกับล่ามที่ออสเตรเลีย เขาบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนจากงานแปลมาเน้นงานล่ามแล้วเพราะว่าล่ามเป็นงานที่ทำแล้วจบเลยไม่ต้องเอากลับมาทำต่อที่บ้าน ในขณะที่งานแปล แปลแล้วไม่จบ จุกจิก มีแก้โน่นนี่

3. ไป Work and Holiday ดีมั้ย

โครงการ Work and Holiday ของออสเตรเลียก็ช่วยพัฒนาภาษาได้ แต่ก็จะเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้ในอาชีพนั้นๆ ถ้าน้องไปทำงานบนฟาร์ม ก็จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและที่ใช้ในกิจการฟาร์ม ถ้าไปทำงานในร้านอาหารหรือโรงแรมก็จะได้ภาษาอังกฤษที่ใช้ในงานโรงแรม ถึงยังไง ภาษาที่ได้จากการไปร่วมโครงการ WAH ก็ไม่เพียงพอสำหรับการเป็นนักแปลเนื่องจากทักษะที่จะได้เป็นทักษะในการพูดและการสื่อสารทั่วไป ไม่ใช่ทักษะในการเขียน  แต่อาจจะทำงานล่ามได้เพราะได้ฝึกพูดมาทั้งปี (ต้องเรียนการล่ามเพิ่มนะ)

เอ่อ แต่น้องได้คำตอบแล้วนี่ ห่วงแม่ ห่วงยายก็ไม่ต้องไป WAH

4. ทำงานแปลตอนแรกๆ พี่ท้อมั้ย

มีบ้าง แต่ปากท้องของน้อง 2 คนที่เรียนอยู่ประถมกับมัธยมนั้นสำคัญกว่า ถ้าพี่หาเงินไม่พอ ก็อดตายกันทั้งบ้าน  เหนื่อยก็ต้องทำ ช่วงแรกๆ ที่แปลงานกฎหมาย ทนายแก้งานมาเยอะมากพี่ก็ใจหาย กลัวงานไม่ดี ถ้างานไม่ดี พี่จะไม่รับค่าแปล แต่พี่นักแปลอีกคนที่เห็นงานแปล ก็บอกว่า ไม่ได้แปลผิดหรืออะไรที่สำคัญ อ่านดีๆ จะเป็นการแปลขาดไปเล็กๆ น้อยๆ แค่ต้องตรวจงานของตัวเองให้ละเอียดก่อนส่งก็น่าจะช่วยได้

5. ยึดอาชีพนี้ไปจนแก่จะดีมั้ย

อาชีพนี้ทำได้จนแก่ แต่สมองจะไหวหรือเปล่า พี่ที่เป็นเพื่อนนักแปลบอกพี่ว่า คนเราพอแก่ตัว จะทำงานได้ไม่คล่องเท่าคนอายุยังน้อยถ้าไม่ค่อยได้ใช้สมอง มันจะโง่ไปเลยนะ  (ฟังแล้วเห็นภาพ) นี่พี่อายุ 35 ยังรู้สึกว่าคิดอะไรจำอะไรได้ไม่ดีเท่าสมัยอายุ 20+ 
พี่กะจะทำงานแปลไปเรื่อยๆ อย่างนี้ แต่พออายุมากขึั้น ก็อาจจะรับงานน้อยลงเลือกรับเฉพาะงานที่อยากรับเพราะไม่ได้มีความจำเป็นทางการเงินมาบังคับให้ต้องรับทุกงาน อีกอย่าง ถึงตอนนั้นอัตราค่าแปลที่พี่คิดลูกค้าก็อาจจะสูงขึั้นอีก ทำให้ต้องเลือกเฉพาะลูกค้าที่มีความสามารถในการจ้างนักแปลระดับpremium (ยืมศัพท์การตลาดมาใช้ ไม่อยากใช้คำว่า professional เพราะมาตรฐานการวัดความเป็น professional ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน)

พี่เคยคิดจะเปิดสอนภาษาอังกฤษด้วย แต่ทบทวนคุณสมบัติตัวเองอีกรอบแล้วอาจจะไม่เหมาะ  จบครูก็ไม่ได้จบ native speaker ก็ไม่ใช่ พี่เจียมตัวเสมอว่าความรู้เท่าในด้านการสอนนั้นมีเท่าหางอึ่งจะอาจหาญไปสอนใครได้ ไว้พี่เรียนจบ ดร. ก่อนอาจจะคิดใหม่

6. เป็นนักแปลต้องอ่านเยอะๆ ถูกมั้ย

ถูกแล้ว อ่านทุกอย่าง พูดง่ายทำยาก พี่เป็นคนไม่ชอบอ่านยกเว้นจะเป็นเรื่องที่ต้องอ่าน บางทีไม่มีเวลาอ่านก็เก็บ เก็บเป็นตัวอย่าง เก็บแทบทุกอย่างเช่น จดหมายแจ้งจากธนาคารเรื่องการสับเปลี่ยนกองทุน ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งคำแนะนำในการใช้ยา คู่มือการใช้กาต้มน้ำ พวกนี้มันมี 2 ภาษา ยามว่างเอามานั่งเทียบคำแปลได้ว่าคนอื่นเขาแปลไว้ยังไง

ตอนนี้พี่เลือกเอาหนังสือเก่าสมัยเรียนรามคำแหงมาดูอย่างวิชาวรรณกรรมอเมริกัน วิชาภาษาอังกฤษสำหรับมัคคุเทศก์ วิชาการแปลบทภาพยนตร์

ถึงแม้จะไม่ได้มีงานแปลที่จำเป็นต้องอ่านเพิ่ม แต่บางครั้งนักแปลก็ได้อ่านอะไรเรื่อยๆ อยู่
แล้วเพราะความสนใจส่วนตัว ตอนที่ MH370 หายไป พี่ google หาเหตุการณ์เครื่องบินตกในอดีตมาอ่านก็ได้ความรู้เพิ่ม บางทีมีศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกมาด้วย ล่าสุดเรือล่มที่เกาหลีพี่ก็ได้อ่านบันทึกเหตุการณ์เรือล่มในอดีต มีอะไรน่าสนใจ

การอ่านสำหรับนักแปลนั้นตรงกับคำสอนของอาจารย์เพียรศิริที่เคยบอกไว้ว่า “เป็นนักแปล ต้องมี World Knowledge ด้วย” “อ่านทุกอย่างแม้แต่ถุงกล้วยแขก”

7. หนูควรรับงานแปลเพิ่มเพื่อฝึกฝีมือดีมั้ย

ถ้าหนูไม่ได้เป็นนักแปลอยู่แล้วพี่จะยุให้รับงานแปลมาทำเพื่อเก็บชั่วโมงบิน แต่นี่หนูทำอยู่แล้ว ทำเยอะด้วย พี่ว่า เอาเวลาว่างไปพักผ่อนบ้างก็ดี เล่นเกมส์ไปเลยก็ได้ ออกกำลังกายได้ยิ่งดี นักแปลจะมีโรคที่ตามมา คือ ปวดร้าวต้นคอ ปวดหลัง โรคสายตา ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและหาวิธีป้องกันไว้ด้วย
 
ตรวจทานเนื้อหาเมื่่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 

 




Create Date : 19 เมษายน 2557
Last Update : 28 พฤษภาคม 2563 18:34:44 น.
Counter : 4211 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Natchaon
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 314 คน [?]



Sawaddee ka. My name is Nat. I am a certified translator. I have been in the translation industry since 2004.

I graduated a master degree in English-Thai translation from Chulalongkorn University, Thailand.

I have the following accreditation:
- NAATI Accreditation for EN < > TH translation (Australia)
- Court Expert Registration for EN < > TH translation (Thailand)
- Member (MCIL), Chartered Institute of Linguists (U.K.)

See details about my services here https://www.nctranslation.net
https://www.expertthai.net

For a quick quote, email your document to natchaon@yahoo.com.

รับแปลเอกสารวีซ่าออสเตรเลียพร้อมประทับตรา NAATI ปรึกษาฟรีที่ natchaon@yahoo.com หรือ Line: Natchaon.NAATI

See below my locations:
- Bangkok: 1 Dec 2018 - 12 Jan 2019

NAATI ออสเตรเลีย, NAATI เมลเบิร์น, NAATI ประเทศไทย, NAATI กรุงเทพ, แปลเอกสารพร้อมประทับตรา NAATI, แปลเอกสารโดยนักแปล NAATI, NAATI Australia, NAATI Melbourne, NAATI Thailand, NAATI Bangkok, NAATI translation, NAATI accredited translation, Australia Visa, Partner Visa, Fiance Visa, Prospective Visa, Skilled Migrant, Student Visa, Work Visa, Work and Travel Visa, Online Visa, วีซ่าออสเตรเลีย, วีซ่าแต่งงาน, วีซ่าคู่หมั้น, วีซ่าทำงาน, วีซ่านักเรียน, วีซ่าทำงานและท่องเที่ยว, วีซ่าออนไลน์
Thai – English translation, English – Thai Translation, แปลอังกฤษเป็นไทย, แปลไทยเป็นอังกฤษ

*บทความทั้งหมดในบล็อกนี้ สงวนลิขสิทธิ์ทุกประการ*
เมษายน 2557

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog