"อย่าเดินข้างหลังฉันเพราะฉันไม่อาจเป็นผู้นำ อย่าเดินข้างหน้าฉัน เพราะฉันอาจตามคุณไม่ทัน แต่จงเดินอยู่ข้างๆ ฉันและเดินเป็นเพื่อนฉัน"
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
-`๏’-εїз...ยาวนะ..แต่อยากให้อ่าน..เพราะมันซึ้งมาก...εїз -`๏’-

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน
อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี
วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่องพ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

"ใครขโมยเงินไป"
พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า
"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
ทันใดนั้น
น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

"ผมขโมยเองครับ"

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก
พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้
และด่าว่าน้องชายของฉัน

"ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก
แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"
คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น
ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้
แล้วพูดว่า

"พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว"

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ
.
.
.
.
.
.
หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ
8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น
เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้
ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น
พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า
"ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"
แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

ทันใดนั้น
น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
"ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

คืนนั้นทั้งคืน
พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน...เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้

วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน
ขณะฉันกำลังหลับ

"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ
ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

ฉันนั่งอยู่บนเตียง
อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า
.......

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี
ส่วนฉันอายุ 20ปี

....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ
.......

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

"มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง

ฉันถามเขาว่า

"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

"ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่
เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

"พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่
ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

จากนั้น
น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ
เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า
"ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน
...
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ
20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี
...

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า
หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไปได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป
ฉันพูดกับแม่ว่า
"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

"แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด
"เจ็บมากไหม" ฉันถาม

"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ
วันๆ มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ........"

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค
แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง
"เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ"
...
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี
ส่วนฉันอายุ 26 ปี...
...



หลังจากนั้น
ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ
ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี
จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
...

เขาบอกกับฉันว่า
"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด
เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา
...
ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการหา!!!
ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้
ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว
ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด
ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ
พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย
.....

ฉันบอกกับน้องว่า
"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"
น้องชายของฉันจับมือฉันไว้
...
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี
ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
...


เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี
เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
"ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล
"พี่สาวของผมครับ"
.....

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.
เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้าง
เดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ

...นับจากวันนั้น...
ผมสาบานกับตัวเองว่า ตลอดชีวิตของผม
ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน
คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก
.......

"ในโลกใบนี้ คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

จงรักและห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วัน
ในชีวิตของคุณและเขา
คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ
แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

..
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

จบบริบูรณ์....




ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

ส่วนน้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ
ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า "ซัมซุง"




และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์


โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว / ลี ดอง ฮุค

บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง
จ่าหมาน...เอามาแบ่งปันเพื่อนๆ





Create Date : 23 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2550 17:19:58 น. 22 comments
Counter : 656 Pageviews.

 
ยาว แต่ลึกซึ้งมากมายค่ะ


โดย: ยอพระกลิ่น วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:00:09 น.  

 
ร้องไห้เลยแหละ


โดย: คนขี้แย IP: 125.27.225.28 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:37:15 น.  

 
สุขสันต์วันลอยกระทงนะครับ

Hi5 angels graphics
Click Here For Hi5 Angels



โดย: katoy วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:17:21 น.  

 
ขอบคุณที่ไปเยือนบล็อกเราตามคำเชิญ
อยากบอกว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หนังเรื่องนี้ต้องน่าดูที่สุดเลยค่ะ


โดย: คนข้ามบล็อก IP: 203.144.212.235 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:07:19 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาซึม
ทั้ง ๆ ที่เคยได้ยินเรื่องนี้แล้ว อ่านอีกก็ยังสะเทือนใจอยู่

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ
แล้วจะมาเยี่ยมอีกนะคะ


โดย: ชิงดวง วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:05:08 น.  

 
อ่านจนจบ ค่ะ ซึ้งจริงๆค่ะ.... ภายใต้ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่... ความพยายาม ความกตัญญุ ความศรัืทธา เป็นพลัง

ขอบคุณที่นำ ข้อเขียนดีๆ มาให้อ่านนะค่ะ


โดย: NuiErnik (learn4travel ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:33:15 น.  

 
อ่านกี่ครั้ง ก็ยังซึ้งค่ะ


โดย: mungkood วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:34:28 น.  

 
เขียนได้ดีมากเลยครับ
ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันให้อ่าน
สุขสรรค์วันลอยกระทงครับ




โดย: maczy วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:07:59 น.  

 
เยี่ยมมากค่ะ สำหรับสำนวนการเล่า ขอบคุณที่ไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ ที่ไปเมนต์เรื่องชาวเกาหลีที่ไม่ยอมแปรงฟัน แต่ที่คุณเล่าในบล็อกก็เป็นชาวเกาหลีที่ประสบความสำเร็จมากมายท่ามกลางความเข้าใจในครอบครัว ไปเที่ยวเกาหลีคราวที่แล้ว คนเกาหลีจะปลูกฝังเรื่องชาตินิยมให้คนเกาหลีทุกคน โดยไม่ให้ใช้สินค้าต่างประเทศเลย มีแต่แดวู ซัมซุงและทุกอย่างที่เป็นเกาหลี สิ่งที่ต้องห้ามมากมายในเกาหลีคือสินค้าญี่ปุ่น เกาหลีแก้แค้นญี่ปุ่นโดยใช้อาวุธทางวัฒนธรรมเช่นดียวกัน แบยองจุนสุดหล่อไงคะ แต่มีคนบอกว่า หนังเกาหลีที่พระเอกสุดแสนสวีท ชอบเอานางเอกขี่หลังเดินไปเดินมา กับเทคแคร์นางเอกสุดฤทธิ์น่ะ ยิ่งกว่านิยายในชีวิตจริงอีก เพราะหนุ่มเกาหลีตัวเป็นๆ ไม่ได้เป็นเหมือนในหนังเล๊ย...เป็นหนุ่มในฝันที่สาวเกาหลีทุกคนอยากให้เป็นเหมือนแบยองจุนน่ะค่ะ ตอนนี้มียอนบินสุดเลิฟอีกคนด้วยล่ะ...


โดย: อนาคินสาว วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:49:55 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งอ่ะค่ะ อยากดูซีรีย์นี้บ้างจัง


โดย: hamble pie วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:3:10:32 น.  

 
เมืองไทยมีเรื่องแบบนี้บ้างมั้ยน้าาาาา
เห็นมีแต่ข่าวพี่น้องแย่งมรดกกันจนต้องฆ่ากันตาย


โดย: สาวพันทิป(ขี้เกียจล็อกอิน) IP: 203.146.78.210 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:58:47 น.  

 



.....ขอให้จ่าหมานมีความสุขในวันหยุดมากๆนะครับ.....

....อ่านบทความนี้แล้วซาบซึ้งมากๆเลยครับ.....



โดย: doctorbird วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:26:42 น.  

 
ความรักไม่ว่าแบบไหน ยิ่งใหญ่จริงครับ


โดย: kunchit วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:17:43 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปอวยพรวันเกิดนะคะ
ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาแบ่งปันด้วยค่ะ

ซึ้งเนอะ


โดย: PinkyPiE วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:1:07:48 น.  

 
ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้อ่านกันคะ อ่านจบแล้วก็ประทับใจมากๆ

ขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดให้ด้วยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักคะ


โดย: ความทรงจำดีๆในชีวิต วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:6:41:00 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

อ่านกี่ทีก็ซึ้ง :)


โดย: นกขมิ้นเหลืองอ่อน วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:35:11 น.  

 
ย๊ากกกกกกก ชนอ่ะเฮีย ก๊ากกกกกกกกกก


โดย: ดอกหญ้าสีน้ำเงิน วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:02:06 น.  

 
สวัสดีค่ะจ่าหมาน

ขอบคุณที่เอาบทความดี ๆ มาฝากกันค่ะ รู้สึกว่าอ่านบทความนี้เป็นครั้งที่สามค่ะ แม้จะอ่านสามครั้งก็ยังซึ้งใจเหมือนเคยค่ะ

อ้อ...อยากชี้แจงเรื่องตาหวานหยาดเยิ้มหน่อยค่ะ

ยีนส์พูดหยอกเล่นค่ะ ตาหวานกะพริบ ๆ ยังไงค่ะ

ที่พูดแบบนั้นเพราะสมัยอยู่เมืองไทย ยีนส์มักจะถูกคนทักทุกครั้งที่ไปสมัครงานค่ะ คือเขาจะถามว่ายีนส์สูบกัญชาเหรอ ซึ่งในความเป็นจริงยีนส์ไม่รู้เลยว่ากัญชาหน้าตาเป็นยังไง มาได้รู้ว่ากัญชาเป็นยังไงก็ตอนมาดูสารคดีเกี่ยวกับกัญชาที่อเมริกาค่ะ สมัยอยู่เมืองไทยรู้แต่ว่ากัญชาผิดกฏหมาย แต่ไม่เคยรู้ลึกเกี่ยวกับกัญชาเลยค่ะ และไม่เคยเห็นหน้าตากัญชามาก่อนในชีวิตเลยค่ะ

แล้วไม่เฉพาะเพื่อนฝูงหรือคนที่เมืองไทยที่ทักว่ายีนส์สูบกัญชาเท่านั้น แม้แต่เพื่อน ๆ ฝรั่งที่ทำงานด้วยกันก็ยังคิดว่ายีนส์สูบกัญชาเลย ที่แรกยีนส์ก็หงุดหงิดเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าสูบจะไม่ว่าอะไรเลย แต่เราไม่ได้สูบแล้วมาโดนหยอกแซวแบบนี้ก็ใจหายเหมือนกัน ก็เลยบอกเพื่อนว่า ถ้าสูบกัญชาก็คงเข้ามาทำงานไม่ได้หรอกนะ เพราะบริษัทที่นี่ส่วนใหญ่ก็ตรวจสารเสพติดทั้งนั้นค่ะ แต่เพื่อนส่วนใหญ่ก็พูดตาม ๆ กันว่าตาของยีนส์มันเหมอืนเลยแหละ...อยากจะบ้าตาย

ตั้งแต่นั้นมาเวลามีคนถามว่าทำไมตาหวานจัง ยีนส์ก็มักจะบอกว่า "ทานผักบุ้งค่ะ" อิอิคือคำตอบที่สบายใจค่ะ อิอิ

แต่พูดถึงกัญชาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกค่ะ บางรัฐที่อเมริกายังให้คนไข้สูบกัญชาเลยค่ะ แต่คุณหมอต้องเป็นคนที่ออกใบสั่งยาให้ค่ะ เช่น คนไข้มะเร็งระยะสุดท้าย และคนไข้ที่เป็นต้อหินเป็นต้นค่ะ แต่ที่เมืองไทยยังถือว่าผิดกฏหมาย แม้ว่าในตัวกัญชาจะมีสรรพคุณที่ดีบางอย่างทีสามารถเอามาใช้ในวงการแพทย์ได้ด้วย แต่เมืองไทยเราก็ยังปฏิเสธเรื่องกัญชามาตลอดค่ะ

ที่เขียนนี้ไม่ได้สนับสนุนว่าดีหรือไม่ดี แต่เขียนมาจากความรู้ที่ได้สัมผัสค่ะ จุดที่ว่าดีก็ว่าดี ข้อแตกต่างเป็นยังไงก็เขียนตามประสบการณ์ที่พบเจอค่ะ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นคนสูบกัญชาไปฆ่าใครเลยค่ะ มีแต่พวกยาม้า ยาบ้า และยาเสพติดชนิดอื่น ๆ ค่ะ เท่านั้นที่ฆ่าอย่างบ้าคลั่งค่ะ

ปล...ยีนส์แค่แบ่งปันประสบการณ์กับคุณจ่าหมานเท่านั้นค่ะ แล้วอย่ามาจับคนเล่าเรื่องนะคะ


โดย: roslita วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:05:38 น.  

 
เพิ่งจะอ่านเรื่องนี้มาเมื่อไม่กี่วันนี่เอง

ถ้าเป็นซีรีส์ต้องติดตามแน่ ๆ เพราะชอบลีดองวุก

อิอิ

ขอให้นอนหลับฝันดี
มีขนมอร่อย ๆ กิน
ได้ยินเสียงเพลงเพราะ ๆ
และได้หัวเราะอย่างพอเพียง



ขอบคุณที่ไปอวยพรให้นะคะ
ขอให้ เจ้าของบล็อกมีความสุขมั่ก ๆ เช่นกันค่ะ


โดย: ขอชื่อธุลีสามสี่ชาติ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:05:39 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่วู้ดดี้ (ขอเรียกพี่นะคะ)

ยีนส์ส่งคำตอบไปทางอีเมล์ฮ้อทเมล์ของพี่แล้วนะคะ ต้องขอโทษที่ไม่กล้าโพตส์เล่าหน้าบล็อกค่ะ คงไม่ว่าอะไรนะคะ

สำหรับเรื่องชื่อ่ต้องขอโทษที่เข้าใจผิดค่ะ ยีนส์ก็นึกว่าพี่ทำงานข้าราชการเป็นตำรวจหรือทหารเสียอีก ทีแรกก็นึก ๆ กลัวเหมือนกันว่าจะโดนจับไหมเนี่ย แต่พอเห็นพี่อธิบายให้ทราบก็โล่งใจเลยค่ะ

ยีนส์ขอให้พี่และครอบครัวมีความสุขมาก ๆนะคะ ยีนส์ก็ขออนุญาตแอ๊ดพี่ไว้เหมือนกัน มีอะไรก็พูดคุยปรึกษากันได้นะคะ อะไรที่ยีนส์พอจะให้คำแนะนำกับพี่ได้ ก็ยินดีเสมอค่ะ


โดย: roslita วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:45:07 น.  

 
หวัดดีค่ะ เข้าขอบคุณที่อวยพรวันเกิดให้หวานนะคะ
แต่ต้องมานั่งอ่าน เรื่องน่ารักๆแบบนี้
น้ำตาปริ่มเลยอ่ะค่ะ

ซึ้งๆๆๆๆ


โดย: หวานใจกิมลี วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:12:45:18 น.  

 
สวัสดีคะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มีให้อ่านน่ะคะ
อ่านแล้วมีน้องชายหรือว่าพี่ชายบ้างจังคะ

มีความสุขกับวันหยุดพรุ่งนี้น่ะคะ


โดย: ภูริดา วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:21:17:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Cft Woody
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตะลอนไปเรื่อยๆ พร้อมกับเก็บความรู้สึกดีๆ มาฝากกัน

เพราะนั่นคือ
-`๏’- การแบ่งปันซึ่งกันและกัน -`๏’-
visitor : Users Online อยากรู้จัก+พูดคุย
New Comments
Friends' blogs
[Add Cft Woody's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.