Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
กินกี่แคลอรี่จึงจะพอ



เมื่อเห็นฉลากอาหารบอกว่าทั้งกล่องให้ 400 แคลอรี คุณคิดว่ามากหรือน้อย กินแล้วจะอ้วนไหม ฉลากที่กล่องหรือกระป๋องหรือซองบรรจุอาหาร จะบอกข้อมูลทางโภชนาการให้ผู้บริโภคพิจารณาดูว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ซื้อมาแล้วจะกินได้มากน้อยเพียงไร สิ่งที่อาหารทุกชิ้นให้ข้อมูล คือพลังงาน

แคลอรี่เป็นหน่วยวัดพลังงาน หนึ่งแคลอรี่คือปริมาณความร้อน ที่ทำให้น้ำหนึ่งกรัมร้อนหนึ่งองศาเซลเซียส สำหรับพลังงานที่ใช้ในร่างกาย และพลังงานที่ได้รับจากอาหารเป็นแคลอรีใหญ่ หรือกิโลแคลอรี หนึ่งกิโลแคลอรี คือความร้อนที่ทำให้น้ำหนึ่งกิโลกรัมร้อนขึ้นหนึ่งองศาเซลเซียส

ร่างกายของเราต้องการพลังงาน เพื่อให้อวัยวะภายในทำงาน แม้จะนอนนิ่งอยู่เฉยๆก็ต้องใช้พลังงาน หัวใจจึงจะเต้น มีการหายใจและการทำงานของเซลล์ต่างๆ เมื่อนอนนิ่งๆ ไม่มีการย่อยอาหาร จิตใจสงบ ไม่กระวนกระวาย ร่างกายต้องการพลังงานวันละ 25 กิโลแคลอรี ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม คนทั่วไปที่น้ำหนักตัวประมาณ 50 กิโลกรัม จะต้องการพลังงานขั้นต่ำสุดนี้ ประมาณวันละ 1,250 กิโลแคลอรี ส่วนมากเราจะต้องกินอาหาร ทำกิจกรรมต่างๆ มีนั่งบ้าง เดินบ้าง ขึ้นบันได คนทั่วไปจึงต้องการพลังงานวันละประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี

ถ้ากินอาหารเกินความต้องการ ร่างกายจะสะสมไว้เป็นไขมัน กินอาหารที่ให้พลังงานเกินกว่าที่ร่างกายใช้ไปวันละเล็กวันละน้อย น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นทีละน้อย พลังงานที่เกินไป 7,700 กิโลแคลอรี จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม หรือกินน้อยเกินกว่าที่ใช้ไป 7,700 กิโลแคลอรี น้ำหนักตัวจะลดลง 1 กิโลกรัม

ถ้ากินอาหารมื้อละ 400 กิโลแคลอรี วันละสามมื้อ จะได้รับพลังงานวันละ 1,200 กิโลแคลอรี อาจกินผลไม้และดื่มนมขาดมันเนย เพิ่มพลังงานอีกหนึ่งร้อยแคลอรี รวมเป็นพลังงานจากอาหารวันละ 1,300 กิโลแคลอรี น้อยกว่าอาหารปกติวันละ 700 กิโลแคลอรี เป็นอาหารลดน้ำหนัก ถ้าอาหารนี้มีทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ เป็นอาหารสมดุล ควรจะลดน้ำหนักได้หนึ่งกิโลกรัมในเวลา 11 วัน นับเป็นการลดน้ำหนักที่ดี ไม่เร็วจนเกินไป

คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว สามารถควบคุมตนเอง ไม่ต้องกินอาหารพิเศษ ไม่ต้องให้ใครช่วยดูแล เพียงกินอาหารลดไขมันและน้ำตาล สามารถลดน้ำหนักตัวได้ 3 กิโลกรัม ในเวลาหนึ่งเดือน สารอาหารที่ให้พลังงาน คือไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ที่ทำให้คนส่วนมากอ้วน คือไขมัน เพราะไขมันให้พลังงานสูง และเมื่ออยู่ในอาหารเป็นไขมันล้วนๆ ส่วนคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนมักจะมีน้ำผสมอยู่ด้วย เช่น เวลาหุงข้าว เราต้องใส่น้ำลงไปมากกว่าข้าว กินข้าวจึงได้ทั้งแป้งและน้ำพร้อมๆกัน

คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว ต้องติดตามแคลอรี่อย่างใกล้ชิด น้ำหนักตัวจะเพิ่มหรือลด ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ได้รับและพลังงานที่ใช้ไป ถ้าอยากกินมาก ต้องใช้แรงมาก วิธีตรวจสอบง่ายๆว่ากินอาหารพอดีหรือไม่ คือกินอาหารตามปกติทุกวัน และทำกิจกรรมตามปกติเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ ถ้าน้ำหนักตัวคงที่ แปลว่าเท่าที่กินนั้นพอดีสำหรับน้ำหนักตัว ถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น แปลว่ากินอาหารให้พลังงานมากเกินไป ถ้าน้ำหนักตัวลดลง แปลว่าพลังงานจากอาหารน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ

การปรับอาหารเพื่อเพิ่มหรือลดแคลอรี ทำง่ายที่สุดโดยเพิ่มหรือลดเครื่องดื่มที่ให้พลังงานน้ำอัดลมหนึ่งถ้วย ประมาณ 250 มิลลิลิตร ให้พลังงานประมาณ 100 กิโลแคลอรี พลังงานทั้งหมดมาจากน้ำตาล วันหนึ่งลดเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมแก้วเดียว เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า จะลดพลังงานจากอาหารได้ 100 กิโลแคลอรี เจ็ดสิบเจ็ดวัน ประมาณสองเดือนครึ่งจะลดน้ำหนักได้หนึ่งกิโลกรัม ลดช้าๆแต่แน่นอน ไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย ไม่ทำให้หิวโหยจนทนไม่ได้ สุขภาพจะดีขึ้น

แม้แต่เปลี่ยนน้ำหวานเป็นนมขาดมันเนย จะได้รับแคลเซียมและโปรตีนเพิ่มขึ้น โดยที่พลังงานน้อยลง ถ้าอ่านฉลากข้างกล่องนม จะเห็นชัดว่านมพร่องมันเนยให้พลังงานน้อยกว่านมเต็มรูปเกือบครึ่ง ไขมันที่พร่องไปเป็นไขมันที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ การดื่มนมพร่องมันเนยหรือขาดมันเนย จึงดีต่อสุขภาพ

เมื่อเลือกซื้ออาหาร สิ่งแรกที่เราต้องการคือความอร่อย ถึงจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าไม่อร่อย คงไม่มีคนซื้อ หลายคนยอมกินยาแทนที่จะเลือกอาหารมีประโยชน์ เพราะกลืนยาเม็ดนิดเดียว ง่ายกว่ากินอาหารไม่อร่อยทั้งมื้อ ตราบใดที่สังคมยังเห็นว่ารูปร่างดีคือผอม เราต่างพยายามผอมโดยมีสุขภาพดี นอกจากความอร่อย เรายังต้องการอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ให้สารอาหารต่างๆมากโดยที่ไม่มีน้ำตาลและไขมันมากเกินไป

การมีสุขภาพดีจากอาหาร ควรจะได้อาหารมื้อละประมาณ 600 กิโลแคลอรี ควรจะเป็นคาร์โบไฮเดรต 300 กิโลแคลอรี คิดเป็นน้ำหนักได้ 75 กรัม ควรจะเป็นโปรตีน 90 กิโลแคลอรี คิดเป็นน้ำหนักได้ 22 กรัม ควรจะเป็นไขมัน 210 กิโลแคลอรี คิดเป็นน้ำหนักได้ไขมันหรือน้ำมัน 23 กรัม นั่นคือได้รับครึ่งหนึ่งของอาหารเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีนร้อยละ 10 ถึง 15 ไขมันร้อยละ 35

ฉลากอาหารมักจะมีข้อมูลทางโภชนาการ บอกทั้งปริมาณและร้อยละของปริมาณที่ควรได้รับในหนึ่งวัน สำหรับอาหารทั้งมื้อ ควรไม่เกิน 600 กิโลแคลอรี เผื่อเหลือให้เลือกผลไม้เพิ่มเป็นขนม ดื่มนมเป็นเครื่องดื่ม นอกจากกินดีแล้ว ยังต้องออกกำลังกายด้วย จึงจะมีรูปร่างดีและแข็งแรง



ที่มา : horapa.com


แคลอรี่อย่างเดียวไม่เพียงพอ

ในแต่ละวัน นอกจากพลังงานแคลอรี่แล้วร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน

สารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวัน

สำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้น มีดังนี้
1.ไขมันทั้งหมด (Total Fat) 65 กรัม
2.ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) 20 กรัม
3.โคเลสเตอรอล (Cholesterol) 300 มิลลิกรัม
4.โปรตีน (Protein) 50 กรัม
5.คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 300 กรัม
6.ใยอาหาร (Dietary Fiber) 25 กรัม
7.วิตามินเอ (Vitamin A) 800 ไมโครกรัม อาร์ อี
8.วิตามินบี 1 (Thiamin) 1.5 มิลลิกรัม
9.วิตามินบี 2 (Riboflavin) 1.7 มิลลิกรัม
10.ไนอะซิน (Niacin) 20 มิลลิกรัม เอ็น อี
11.วิตามินบี 6 (Vitamin B6) 2 มิลลิกรัม
12.โฟเลต (Folate) 200 ไมโครกรัม
13.ไบโอติน (Biotin) 150 ไมโครกรัม
14.กรดแพนโทธินิค (Pantothenic Acid) 6 มิลลิกรัม
15.วิตามินบี 12 (Vitamin B12) 2 ไมโครกรัม
16.วิตามินซี (Vitamin C) 60 มิลลิกรัม
17.วิตามินดี (Vitamin D) 5 ไมโครกรัม
18.วิตามินอี (Vitamin E) 10 มิลลิกรัม แอลฟา-ที อี
19.วิตามินเค (Vitamin K) 80 ไมโครกรัม
20.แคลเซียม (Calcium) 800 มิลลิกรัม
21.ฟอสฟอรัส (Phosphorus) 800 มิลลิกรัม
22.เหล็ก (Iron) 15 มิลลิกรัม
23.ไอโอดีน (Iodine) 150 ไมโครกรัม
24.แมกนีเซียม (Magnesium) 350 มิลลิกรัม
25.สังกะสี (Zinc) 15 มิลลิกรัม
26.ทองแดง (Copper) 2 มิลลิกรัม
27.โพแทสเซียม (Potassium) 3,500 มิลลิกรัม
28.โซเดียม (Sodium) 2,400 มิลลิกรัม
29.แมงกานีส (Manganese) 3.5 มิลลิกรัม
30.ซีลีเนียม (Selenium) 70 ไมโครกรัม
31.ฟลูออไรด์ (Fluoride) 2 มิลลิกรัม
32.โมลิบดินัม (Molybdenum) 160 ไมโครกรัม
33.โครเมียม (Chromium) 130 ไมโครกรัม
34.คลอไรด์ (Chloride) 3,400 มิลลิกรัม

---------------เด็กดีดอทคอม



วิธีการลดน้ำหนักให้ได้ผลวิธีหนึ่งคือการควบคุมอาหาร(ไม่ใช่อดอาหารนะคะ) บวกกับการออกกำลังกายโดยการรับเข้า(คือการกิน) จะต้องน้อยกว่าการส่งออก(คือการใช้พลังงานในกิจกรรมต่าง ๆ)

โดยที่น้ำหนักตัวของคนเรานั้น 1 กิโลกรัม จะคิดเป็น 7700 กิโลแคลอรี่สมมุติว่าถ้าเราจะลดนำหนักสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัมก็ต้องทำให้การรับเข้าน้อยกว่าส่งออก 7700 กิโลแคลอรี่

ฉะนั้นใน 1 วันเราควรจะรับประทานอาหารลดลงหรือใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 1100 กิโลแคลอรี่ (7 วันจะลดได้ 7700 กิโลแคลอรี่)


Create Date : 17 พฤษภาคม 2552
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2553 1:49:37 น. 5 comments
Counter : 5527 Pageviews.

 
หวัดดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ
เอาใจช่วยนะคะ
สู้ สู้ ค่ะ


โดย: emmycookie วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:03:00 น.  

 
กินแบบไม่เคยนับแคลอรี่ซะที
กะๆเอานะค่ะ

ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ


โดย: maydaysayHi วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:18:08 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ


โดย: NaUgHtYkA วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:14:49 น.  

 
เวลานับแคลอรี่ เหนื่อยอ่ะ แค่คิดว่าต้องไปฟิตเนสก็เหนื่อยเล้นนนนน


โดย: ~*Sing Praise*~ วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:31:32 น.  

 
ขอบคุณน่ะค๊าาา

^^ พอดีเสิร์ซเจอ

แหะๆๆ


โดย: ตัวนิ่มกะตัวแน่น วันที่: 12 สิงหาคม 2553 เวลา:17:09:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

wonderwalltd
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




การลดน้ำหนักครั้งนี้ ทำเพื่อตัวเองค่ะ
อีกอย่างเราอยากสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในวันสำคัญของเราค่ะ
เราสูง163 หนัก 79 กิโล (เกิดมาไม่เคยอ้วนเท่านี้มาก่อนค่ะ)
ผลมาจากโยโย่เอฟเฟคล้วนๆ จาก 65 เป็น 79
ภายในเวลาไม่กี่เดือน
เป้าหมาย 55 กิโล ภายใน 14 กรกฏาคม 2553
แต่ 14 กรกฏาเป็นวันเกิดของโน้ตเอง
อยากให้หุ่นดีๆสุขภาพดีๆเป็นของขวัญวันเกิดแก่ตัวเองค่ะ
จะได้เลิกโดนล้อซะทีเรา!!
My Weight Chart:
Weight Chart
Friends' blogs
[Add wonderwalltd's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.