womanbackpacker

สวัสดีเพื่อนๆชาวบล็อกค่ะ.....................................

ตอนนี้กำลังทำเว็บอยู่ ....... แต่มีปัญหาเนื่องจากยังไม่ได้คนทำเว็บที่ดีให้ ถ้าเพื่อนๆมีคนแนะนำที่สามารถออกแบบเรื่องเว็บได้ รบกวนบอกด้วยค่ะ ด่วนที่สุดเลยค่ะ เพราะอยากได้มาก

เรามาเข้าเรื่องมันส์ๆที่ Venezia .....ต่อมั้ย จริงๆแล้วมีหลายเรื่องที่อยากเล่าแต่เอาที Italy เป็นหลักก่อนเนอะ แล้ววันหลังจะเล่าเรื่องมุขเด็ดๆของการไปเยือนประเทศอื่นๆมาเล่าให้ฟังค่ะ

เรื่องเศร้า ก็ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว แต่เรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ไม่รู้ว่าจะจัดว่าเรื่องประเภทไหนดี เพราะนึกถึงทีไรก็ อดอมยิ้มแก้มตุ่ยทุกทีสิน่ะ เป็นเรื่องที่แขกที่มาพักชาวไต้หวันค่ะ มากันทั้งครอบครัวเลยมีลูกตัวเล็กๆมาด้วยหนึ่งคน วันดีคืนดีแขกคนนี้ก็เกิดปวดฟันอย่างมาก แก้มงี้บวมตุ่ยเลย เห็นแล้วอิชั้นตกใจหมด นึกในใจ โอ๊ยแม่เจ้า........จะทำยังไงดีเนี่ยเพราะคิดในใจ ต้องพาไปหาหมอฟันแน่ๆเลย แหมเดาถูกด้วยสิ อิชั้นต้องดั้นด้นเดินหาร้านขายยาตั้งหลายร้าน เพราะแขกคนนี้เค้าไม่อยากหาหมอฟัน เพราะอะไรเหรอค่ะ รู้ๆกันอยู่ว่าถ้าเดินทางต่างบ้านต่างเมือง ภาวนาขออย่าไปป่วยหรือไม่สบายเลย ไหนจะเรื่องภาษา ฟังก็ลำบาก ภาษาอังกฤษยังเอาตัวรอดได้ แต่เนี่ย ภาษาอิตาลี โอ๊ย อยากจะตายจริ้งจริงเลย เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ภาษาเรื่องเจ็บป่วยเนี่ยนะยากจะตาย จำได้อิชั้นต้องไปยืนใช้ body language อยู่ตั้งนาน ไหนจะทำท่า จับก้มร้องโอ๊ย โอย โอย เจ็บตั้งนานสองนานกว่าคนขายยาจะเข้าใจว่าแขกของอิชั้นเป็นอะไร แต่เรื่องยังไม่จบนะเพราะไม่ใช่เมืองไทยเดินเข้าร้านขาย หรือ seven elevenก็ซื้อยาได้ เค้าขายยาเฉพาะที่กินแก้ขัด ขอใช้ว่ายากินแก้ขัด เพราะกินแล้วไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากกฎหมายเค้าแรงจริงๆ ซื้อยามั่วไม่ได้ ขายยามั่วก็ไม่ได้ แต่ก็เป็นเรื่องดีนะ เพราะปลอดภัยดี ท้ายที่สุดก็อิชั้นอีกนั่นแหละเดินหาร้านทำฟันจนเจอ
โชคดีจริงๆ ไม่รู้เป็นไง เพราะร้อยวันพันปีตั้งแต่ไปอยู่ที่เวนิสไม่เคยเดิน survey to find Dental Clinic แต่ไปเจออยู่ร้านนีงเพราะความบังเอิญนะเนื่องจากเดินหลงทางค่ะ ขนาดว่าไปอยู่หลายเดือนแล้วนะ ยังหลงเลย ก็เลยไปพบเข้า โชคดีของสาวไทยจริงๆเหมือนกับกับจะรู้เลยนะก็พาเค้าไปพบหมอฟันจนได้ รู้สึกว่าค่ารักษาจะหลักหมื่นเชียวนะ ก็บอกแล้วไง เรื่องป่วยเนี่ยแพงจริงๆ อิชั้นจำได้ว่าตอนที่ตัวเองป่วยแล้วอยู่ทางโน้นวิธีของตัวเองก็คือ ต้องเดือดร้อนพี่สาวที่ไทยแลนด์แดนสวรรค์ของเรา ให้ไปหาหมอประจำตัวของอิชั้นที่Bangkok Hospital แล้วก็นัดแนะเวลาเพื่อต่อสายให้อิชั้นคุยกัยหมอ แหมเดิ้นสุดๆ เหมือนเป็นดาราดังแล้วมีสายโทร Surprise เลย จำได้ว่า อิชั้นคุยกับหมอตอนที่เมืองไทยประมาณสิบโมงเช้า แล้วที่เวนิสเวลาประมาณ สี่โมงเย็น เพราะเวลาห่างกันประมาณหกชั่วโมงแหน่ะ เวนิสเร็วกว่าหกค่ะ consult อาการป่วยกันทางไกลเหมือนรักษาทางไกลเลยเพราะราคาค่ารักษาถูกกว่ากันเยอะ แต่รีบๆคุยนะแล้วให้หมอไปค้นประวัติเอง ไม่งั้นค่าโทรศัพท์กินตาย แต่จริงๆแล้วคนที่ไปต่างประเทศมีเทคนิคค่ะ ค่าโทรศัพท์ไม่แพงเพียงคุณเอาครื่องไป แต่ไปซื้อซิมที่ประเทศที่เราไปค่ะ ราคาถูกมาก

วันสุดท้ายที่แขกคนนี้เค้าจะลาเรา เค้ามีโน้ตเล็กๆถึงเรา จำได้ถึงประโยคที่เค้าเขียนใส่กระดาษโน้ตวางไว้บนโต้ะให้เรา คิดทีไรน้ำตาจะไหลทุกที เค้าบอกว่า

" I want to say thank you for your kindness and good take care from you. I promise definitely to talk about your B &B and introduce my place to his friend....."

Oh! my god... i can't stop crying..... เว่อร์มั้ยค่ะแต่นี่เป็นเรื่องจริง ข้อความพวกนี้ทำให้อิชั้นประทับใจ แล้วก็ฮึดสู้ถึงแม้ว่าพอวันต่อมาจะโดนคนเอเซียด้วยกันโกงก็ตาม แต่โกงเรื่องอะไร แล้วโกงยังไง โดนโกงอีกแล้วเหรอ ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ ไม่หยาบนะค่ะแต่ขอระบายความน้อยใจค่ะ จะเล่าให้ฟังนะว่าเรื่องอะไรและ ต้องขอโทษด้วยค่ะที่รูปอาจจะน้อยไปนิดแต่จะพยายามเอารูปมาลงให้ อายหน้าตัวเองค่ะ

เพื่อนๆอ่านแล้วช่วยจัดประเภทให้หน่อยสิค่ะว่าอยู่ประเภทเรื่องแนวอะไรดี

- แฟนตาซี

- Drama

-Comedy or.....

I will wait for your comment ka.....

ciao....ciao.....

kaddy...@ Venezia

remark... จะพยายามเขียนเรื่องเป็นหมวดหมู่นะค่ะ ให้ความรู้เรื่องต่างๆมากว่าจะเป็นการโชว์รูปนะ เพราะอยากมีส่วนให้เรื่องที่เขียนเป็นประโยขน์ค่ะ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้อะไรเกี่ยวกับอิตาลี หรือเวนิสบอกมาได้นะจะพยายามไปค้นข้อมูลมาให้ค่ะ สัญญา

Create Date : 17 สิงหาคม 2551		2 comments
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 22:14:39 น.
Counter : 618 Pageviews.
Share Tweet