Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
16 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
NZ by Motorhome – Day 2– Motorhome มือใหม่... เลือกทางผิดซะอีกด้วย...

17 กันยายน 2550
ดึกดื่นเที่ยงคืน... แอร์สาวของสิงค์โปร์แอร์ไลน์ ปลุกขึ้นมาให้เลือกรับของว่าง มีแซนวิช ถั่ว หรือแอปเปิ้ล... ทีแรกยังงัวเงียๆ อยู่... ว่าจะไม่กิน...
คิดไปคิดมา กินแอปเปิ้ลซักลูกก็ดี..

ตื่นขึ้นมาแล้ว เลยเห็นว่าที่นั่งเยื้องไปข้างหน้าแถวหนึ่ง เป็นคุณแม่มากับลูกอีก 3 คนเล็กสุดน่าจะสัก 5 ขวบได้.. เจ้าหนูนี่เกิดเมาเครื่องบินอย่างหนัก อ้วกทั้งคืน จนแอร์ต้องไปตามหาหมอที่อยู่บนเครื่องมาช่วงดูให้
สนใจเขาได้แป็บเดียว.. ก็หลับต่อ..

มาตื่นอีกที ตอนปลุกเสิร์ฟอาหารเช้า เช้านี้ มีให้เลือกระหว่าง ออมเล็ต+ไส้กรอก หรือข้าวผัดหมูเค็ม+ขนมจีบ 2 ลูก มื้อนี้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไรครับ


อีกเมนูนึง


เครื่องบินเข้าน่านฟ้านิวซีแลนด์ตอนที่เริ่มสว่างแล้ว หลายๆ คนเลยเปิดหน้าต่างดูวิวกัน และก็ได้เห็นเทือกเขา Southern Alps จากมุมสูง.. ก่อนที่เครื่องจะร่อนลงสู่สนามบินไครส์เชิร์ช ระหว่างร่อนลง เจ้าหนูที่ไม่สบายเมื่อคืน ก็เกิดร้องขึ้นมาอีกเพราะปวดหู แอร์จะเดินมาดูก็ไม่ได้ เพราะรัดเข็มขัดไปแล้ว เลยสะกิดแม่เขา แนะนำวิธีเคลียร์หูให้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล..


เทือกเขา Southern Alps


ที่สนามบินไครส์เชิร์ช ผมเป็นคนที่กำหนดไว้ว่าจะให้เป็นคน declare พวกเสบียงที่ขนมา เพราะตัวเองมีกระเป๋าที่เขาอาจเรียกตรวจอยู่แล้ว.. ตอนที่รอผ่าน Immigration ของนิวซีแลนด์ ครั้งแรกเขาแยกช่องไว้ให้เฉพาะคนนิวซีแลนด์และออสเตรเลียประมาณ 4 ช่อง แต่ปรากฎว่า คนถือพาสปอร์ตต่างชาติเยอะกว่า คนของนิวซีแลนด์เองผ่านไปหมดแล้ว พวกต่างชาติก็ยังไม่หมด จนท. ก็เลยเปิดช่องให้ไปเข้าช่องอื่นที่เหลือได้ด้วย

ข้างๆ แถวที่พวกผมเข้า เป็นกรุ๊ปทัวร์ชาวจีน ซึ่งอย่างไรไม่ทราบ.. ตัวหัวหน้าคณะ ซึ่งเป็นคนถือ group visa ผ่านออกไปก่อน แล้วเดินลิ่วไปเลย.. ลูกทัวร์ที่เหลือ แทบไม่มีใครพูดอังกฤษได้สักคน... เห็นเจ้าหน้าที่ 2 ช่อง กุมขมับทั้งคู่ สุดท้ายต้องวิทยุเรียกให้คนไปตามหัวหน้าคณะกลับมาจัดการ
อ้อ.. ระหว่างที่กำลังรอเข้า Immigration ก็มีป้ายเตือนพวกสิ่งของที่ห้ามนำเข้า.. ภาษาอังกฤษก็บอกพวกเรื่องอาหารทั่วๆ ไป กับพวกอุปกรณ์เดินป่าที่อาจเปื้อนดินมาจากที่อื่น (กลัวพวกแบคทีเรีย และไวรัสในดิน)
แต่ที่น่าสนใจ คือ มีป้ายหนึ่ง ไม่มีภาษาอื่นเลย มีแต่ภาษาจีน.. รูปในป้าย ก็พวก เห็ดหอม ยาจีน กุนเชียง ของแห้งต่างๆ และตรงกลาง คือ ยาน้ำแก้ไอ ชวนป๋วยปี่แป่กอ ตราลูกกตัญญู... จะๆ เลย... เสียดาย ตรงนี้ไม่กล้าถ่ายรูปครับ
ผ่านจาก Immigration มาได้ ก็มาถึง Custom & Quarantine ... ผมเป็นคนต้อง declare แถมรองเท้าก็เปื้อนดินจากเมื่องานออกภาคสนามเมื่อสักอาทิตย์ก่อนด้วย.. ของที่ให้ตรวจก็มี ผงน้ำพริกสำเร็จรูป น้ำมะขามเปียกสำเร็จรูป โจ๊กซอง บะหมี่ และข้าวสาร 1 ถุง (เอ่อ... แม่ผมเป็นคนจัดครับ)
ของอื่นๆ ผ่านได้ไม่มีปัญหา มีข้าวสารเนี่ยแหละ ที่เขาขอเอาไปตรวจก่อน (ด้วยเครื่องอะไรก็ไม่ทราบ) หลังจากตรวจแล้ว กลับมาบอกว่า ผ่านได้ แถมเป็นข้าวที่เป็น Organic Food ชั้นดี อย่างที่เขาไม่เคยเห็นด้วย..(รู้ได้ไงฟะเนี่ย)

ผมออกมาเกือบคนสุดท้ายของไฟลท์แล้วครับ มีพวกทัวร์จีนเหลืออยู่อีกหน่อย พอออกมาได้ จะไปติดต่อ I site ที่สนามบิน เพื่อให้เขาช่วยโทรแจ้งบ. รถเช่า ก็ปรากฎว่า พักเที่ยงกันเสียนี่....
เลยเดินหาที่แลกเหรียญโทรศัพท์ ไปเจอเอามุมเกมตู้..มีเครื่องแลกเหรียญอัตโนมัติ เจ้ากรรมอันดับแรก ในตัวมีแบงค์ต่ำสุดคือ 20 NZD เลยได้เหรียญมากำใหญ่ๆ...
เจ้ากรรมอันดับสอง... เบอร์โทรที่โทรไปที่บ. รถ เป็นเบอร์โทรฟรี... แล้วตูจะแลกเหรียญมาทำไมฟะเนี่ย...

โทรไปที่บริษัทรถ เขาบอกให้รอประมาณ 15 นาที แล้วจะมารับ ให้รออยู่นอกอาคาร... ก็เลยเดินออกมาจะมารอข้างนอก..
วูบ.... เจออากาศข้างนอกครั้งแรก หนาวยะเยือกใช้ได้เลยครับทุกท่าน.... แต่แดดจ้า.. สว่างไสว... ว่าไปแล้ว ความเย็นส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจาก Windchill Factor หรือความเย็นที่เกิดจากลมที่พัดผ่านตัวเรา
ทำให้ความร้อนในตัวเราถูกนำพาไปกับลม (กระบวนการนำพาความร้อน จะเร็วกว่ากระบวนการถ่ายเทความร้อน) เราจึงสูญเสียความร้อนจากร่างกายไปเร็วกว่า ทำให้เรารู้สึกหนาวกว่าที่อุณหภูมิอากาศจริงๆ



คริส จากบริษัท Adventurevans เอารถตู้มารับพวกเรา เอาของขนใส่รถไป แล้วขับไปจากสนามบินประมาณ 15 นาที ก่อนจะถึงที่บริษัทของเขา (Depot) ที่นั่น มีรถ Motorhome จอดเอาไว้หลายคัน นับได้รวมๆ ประมาณ 20 คันได้ มีทั้งแบบ 2 ที่นอน 2/3 ที่นอน 4 ที่นอน 4/5 ที่นอน และใหญ่สุด 6 ที่นอน

กลุ่มผม ไปกัน 4 คน จองรถขนาด 4/5 ที่นอนเอาไว้ เป็นรถที่ดัดแปลงจากรถตู้ของ Fiat ที่เราเลือกเอาแบบนี้ ก็เพื่อที่พ่อกับแม่จะได้นอนด้วยกันที่เตียงล่าง และผมจะได้ไม่ต้องนอนเบียดกับพี่สาว ไม่งั้นถ้าเป็นรถ 4 ที่นอนของยี่ห้ออื่นๆ อาจต้องเป็นผมกับพ่อนอนเตียงบน แม่กับพี่สาวนอนเตียงล่าง (หรือกลับกัน)

เริ่มต้นด้วยการแสดงเอกสารยืนยันการจองตามที่เราได้จ่ายเงินไว้ จัดการจ่ายเงินค่าประกันอุบัติเหตุ อัตราแบบรับประกันทั้งหมดวันละ 30 NZD รวมแล้ว 270 NZD โดยเป็นประกันภาคบังคับ วันละ 14 NZD กับประกันเพิ่มเติม วันละ 16 NZD เพื่อให้ครอบคลุมความเสียหายอื่นๆ ด้วยให้ครบทุกอย่างไปเสียเลย อ้อ.. มีค่า Bond อีก 250 NZD แต่เขาแค่รูดเก็บข้อมูลบัตรเครดิตไว้ก่อน ยังไม่หักวงเงิน

คริส รับเอกสารต่าง พวกใบขับขี่สากลไปป้อนข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ แต่พอกำลังจะเสร็จเรียบร้อย เหลือแค่กด save เท่านั้น.. เกิดไฟกระชาก... คอมพิวเตอร์ดับ และเปิดอีกไม่ขึ้น... (เจ้ากรรมไหมละ)
ก็เลยต้องทำแบบ Manual คือกรอกกันเองในกระดาษ ระหว่างที่กำลังทำอยู่ คุณ มาร์ก พ่อของคริส ก็พาลูกค้าเกาหลีเข้ามาอีก 2 คน ซึ่งมาเช่ารถไปเที่ยวเหมือนกัน แอบฟังดู คิดว่าเป็นนักเรียนที่มาเรียนภาษา แล้วจะไปเที่ยวกัน


เสร็จจากเรื่องเอกสาร คริสก็พาออกไปดูรถ และอธิบายส่วนต่างๆ ของรถ เริ่มต้นตั้งแต่ ถังกำจัดของเสีย ว่าจะเปิดตรงไหน เอาถังออกมาอย่างไร ทิ้งยังไง เติมสารเคมียังไง ต่อด้วยท่อเติมน้ำดี สายไฟสำหรับต่อไฟจาก power site ที่เก็บของท้ายรถ ถังแกส ท่อทิ้งน้ำเสีย บาร์บีคิว ทั้งหมดที่ว่ามานี่ อยู่นอกตัวรถครับ.. แต่ว่า เจ้าเตาบาร์บีคิวนอกตัวรถ เกิดเลื่อนออกมาได้ไม่สุด คริสต้องเดินไปถามพ่อเขา ปรากฎว่าเป็นแค่เส้นผมบังภูเขา.. เพียงแค่ยกเตาขึ้นนิดหนึ่งตอนเลื่อนออก ก็หมดปัญหาแล้ว
ต่อจากนั้น ก็อธิบายเรื่องด้านในรถ เริ่มจากห้องน้ำในรถ ถ่ายยังไง ชักโครกยังไง อาบน้ำยังไง เปิดระบบไฟส่วนอื่นๆ ของรถยังไง เตาแกส อ่างล้างชาม เก้าอี้นั่งตอนท้าย เก้าอี้นั่งตอนกลาง ที่สามารถปรับสลับด้านได้
ช่องเก็บของต่างๆ ในรถ รถรุ่นนี้สามารถเปิดช่องเก็บของท้ายรถได้จากด้านใน วิธีปรับที่นั่งให้เป็นที่นอน แล้วถึงหันกลับมาเรื่องตู้เย็น ซึ่ง... เปิดไม่ออก... ต้องใช้วิธีเอานิ้วแงะเอา.. สงสัยทำกรอบมาพอดีไปหน่อย

เสร็จจากอธิบายเรื่องพวกนี้ ก็มาอธิบายเรื่องการใส่โซ่หิมะที่ล้อ เพราะผมวางแผนว่าจะไปที่ Milford Sound ด้วย ช่วงเวลาที่ไปนี้ ยังไม่มีใครแน่ใจว่าจะต้องใช้โซ่หรือเปล่า ทั้งตัว Agent ที่จองรถให้ผม และทั้งทางบริษัทรถเอง เขาก็เลยเอาโซ่ใส่ไว้ให้ก่อน...
ต่อจากเรื่องโซ่หิมะ.. ก็อธิบายเรื่องผ้าใบกันแดดข้างรถ ที่ติดเอาไว้ให้ใช้ได้ถ้าหากจะทำกับข้าวนอกรถ เรื่องเสาอากาศทีวี เรื่องการถอดยางอะไหล่..

จากนั้น เขาก็อธิบายเรื่องเกียร์ ซึ่งเกียร์ของรุ่นนี้ เกียร์เดินหน้าเหมือนๆ กับรถทั่วไป แค่ช่วงจะโยกซ้าย-ขวา จะสั้นนิดหนึ่ง ส่วนเกียร์ถอยหลัง จะต้องดึง Collar ที่ตรงคันเกียร์ขึ้น ก่อนที่จะผลักไปซ้ายสุด แล้วดันขึ้น
(เป็นเกียร์ธรรมดานะครับ) ไฟเลี้ยว เป็นแบบรถยุโรป ซึ่งอยู่ข้างซ้าย ที่ปัดน้ำฝนอยู่ข้างขวา แล้วเขาก็ให้ผมทดลองขับดูระยะใกล้ๆ ในเขต Depot ของเขาเอง

เสร็จทุกอย่างเรียบร้อย เราเอากระเป๋าทั้งหมดขึ้นรถ คริสแนะนำให้ว่าเราจะไปทางไหนเพื่อเติมน้ำมัน และไปซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อเสบียง (รถมีน้ำมันอยู่นิดเดียว) พวกเราขอบคุณคริส แล้วก็ขึ้นรถ ออกเดินทาง ยังไม่จัดของอะไร กะว่าไปให้ถึงที่พักก่อน แล้วถึงค่อยจัด..

ซูเปอร์มาร์เก็ตที่คริสแนะนำให้ ชื่อ Countdown ซึ่งมีสโลแกนว่า “You can Count on us to keep the price Down” เราซื้อพวกเครื่องปรุง เนื้อสัตว์ ผักนิดหน่อย น้ำดื่ม ไข่ แผนที่ (ซื้อแผนที่แบบละเอียด เพื่อให้ดูเส้นทางได้ชัดกว่าพวกแผนที่แจกฟรีทั้งหลาย) พวกอุปกรณ์ทำความสะอาด ทิชชู่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก


ซื้อของเสร็จแล้ว ก็เริ่มหิว เพราะมันร่วมๆ บ่ายสองเข้าไปแล้ว เลยเดินหาร้านอาหารแถวๆ นั้น ไปเจอร้านอาหารจีน..


ร้านเขาท่าทางเหมือนปิดแล้ว โผล่หน้าเข้าไปถาม เขาบอกว่ายังไม่ปิด เลยเข้าไปกิน


สั่งซุปข้าวโพด..


เนื้อผัด


และเป็ดย่าง... ซึ่งเป็นตัวนี้.. อยู่กับเราไปอีก 2 วัน..


เสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไป Kaikoura

การเดินทางไป Kaikoura เราออกจาก Christchurch ทางทางหลวงหมายเลข 1 ขึ้นไปทางทิศเหนือ ขับรถไปประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง การขับรถที่นี่ จะว่ายากก็ไม่ยาก เพราะทุกคนรู้หลักการให้ทาง และปฏิบัติเหมือนกันหมด คือ ให้ทางรถที่มาจากทางขวาไปก่อน ให้รถตรงไปก่อนรถเลี้ยว รถที่ช้ากว่าหลีกทางให้รถที่เร็วกว่า
ส่วนที่ยากอยู่ที่ การคุมความเร็วให้อยู่ตามที่กำหนด ในเขตเมือง ป้ายส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 50 km/h บางเมืองที่อยู่นอกๆ ออกไป ก็เป็น 75 บ้าง 80 บ้าง บนทางหลวงสายใหญ่ระหว่างเมือง กำหนดไว้ 100 km/h. ความเร็วในเขตเมืองน่ะคุมยากครับ เพราะว่า 50 เนี่ย มันปลายเกียร์ 3 ต้นเกียร์ 4 คือ ถ้าขับเกียร์ 3 ก็เปลืองน้ำมัน และต้องเร่งเครื่องตลอด ถ้าเป็น เกียร์ 4 มันก็เบาไปจนแทบไม่ได้กดคันเร่งเลย คอยจะเผลอกดจนเกินไป 60 – 70 แล้วก็ต้องชลอลงมาอยู่เรื่อยๆ



เราขับรถออกไปกันได้ประมาณชั่วโมงเศษ มองเห็นป้าย Tourist Route หรือเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยว และเห็นว่าเวลายังเหลือ และลองเทียบเส้นทางกับแผนที่ดูแล้ว มันไปวนออกด้านที่เราจะไปอยู่ดี เลยลองออกนอกเส้นทางหลัก เลี้ยวไปทางสายเล็กเข้าไปตาม tourist route ดู เส้นทางนี้นำเราเข้าไปที่ Goose Bay ขับเข้าไปได้แค่ประมาณ 10 นาที ก็เห็นหมอกกำลังไหลข้ามเขามาจากไกล... เลยได้จอดถ่ายรูปซะบ้าง


ถนนเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาเกือบตลอด หมอกลงจัด มองทางลำบากมาก.. มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จอดแวะถ่ายรูป แต่พอจะออกรถ ปรากฎว่าล้อหน้าที่เป็นล้อขับ เกิดลื่น เกือบซวยตั้งแต่วันแรก เลยต้องใช้วิธีปล่อยให้รถไหลถอยลงเขาไปนิดหนึ่งพอให้ขยับไปจากตรงที่ลื่น แล้วออกตัวใหม่ ซึ่งก็ผ่านมาได้



สุดถนนที่ Goose Bay ถ้ามาช่วง Summer คงจะสวย... แต่ตอนที่ผมไปถึง หมอกลงจัดเสียจนมองไม่เห็นทะเล ได้ยินแต่เสียงคลื่นกระทบฝั่ง



ตรงนี้ ผมเจอป้ายอันหนึ่งที่ชอบมาก เป็นป้ายเตือนเกี่ยวกับการจับปลา ระบุชนิดปลา ขนาดต่ำสุดที่เอากลับได้ จำนวนว่าแต่ละคน หรือเรือแต่ละลำเอาไปได้ไม่เกินเท่าไร เพื่อให้ปลา และสัตว์น้ำ ได้มีโอกาสที่จะขยายพันธุ์ได้บ้าง


จาก Goose Bay เราขับเลียบทะเลขึ้นทางเหนืออีกประมาณสิบกว่านาที ถนนก็เลี้ยวไปทางตะวันตก พาเรากลับเข้า Highway No. 1 ที่เมือง Cheviot (พี่สาวผมเรียก Chevrolet) แล้วเราก็เลี้ยวขวาไปทางเหนืออีกครั้ง เพื่อตรงไปที่ Kaikoura ซึ่งเราไปถึงเอาตอนที่ค่อนข้างมืด ตอนแรกหา Holiday Park ที่จะพักไม่เจอ แต่ก็ลองเสี่ยงขับไปมั่วๆ ดู อีกนิดเดียวก็เจอ คืนนี้ เราพักที่ Kaikoura Top 10 Holiday Park (ไม่มีรูป เพราะเข้ามืดแล้ว)


คืนแรก แม่ยังเหนื่อยจากการเดินทางอยู่ ก็เลยตัดสินใจว่าจะออกไปหาร้านกินกัน ไปถามที่ reception เขาก็บอกว่า ดึกไปนิดแล้ว.. (เพิ่งทุ่มนิดๆ เนี่ยนะ) แต่แนะนำร้าน The White Morph ให้....


มื้อนี้ กลายเป็นมื้อที่หรูที่สุดในทริป และก็แพงที่สุดในทริปเช่นกัน..


เราสั่ง Half Creyfish


ของผมเป็น Crab Ravioli


ของพ่อเป็น Salmon Spread with dip


ของแม่เป็น Scallop Salad


ของพี่สาว NZ Mussel with risotto


ของหวาน พายมะนาวกับไอศกรีม


ไอศกรีมกีวี
กินเสร็จแล้ว ก็คิดว่าจะเดินดูอะไรในเมืองอีกสักหน่อย.. แต่... ปิดเกลี้ยงเลย... แค่สองทุ่มครึ่งเอง.. ก็เลยกลับมานอนครับ... จบวันที่สอง...


Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2551 1:22:35 น. 3 comments
Counter : 2110 Pageviews.

 
น่าทานจังครับ ของกินเนี๊ยะ...


โดย: DAN_KRAB วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:58:35 น.  

 
เข้ามาตามเก็บรายละเอียดค่ะ


โดย: parachute วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:03:28 น.  

 
เสียดายน๊ออ เราไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลยอ่ะ


โดย: Kenzie วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:15:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Wobbegong
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกๆ คนครับ...
จองพื้นที่ blog ไว้นานแล้ว... แต่ไม่ได้เขียนอะไรเลย...

ก็.. จะพยายามเพิ่มเรื่องต่างๆ ตามหัวข้อละครับ...
Friends' blogs
[Add Wobbegong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.