ลั๊ลลาบนดอยแม่สลอง...เปิดทริป “พระเจ้าให้ขาไว้เดิน” ฉบับปฐมฤกษ์ ตอนจบ


และแล้วเช้าแสนสุขก็มาถึง แม้จะนอนไม่เต็มอิ่ม เพราะฝาหรั่งห้องข้างๆ
นอนกรนดังมาก 555

แต่บรรยากาศยามเช้าที่คึกครื้นของที่นี่ก็ทำให้มารดำขี้เซาลืมหงุดหงิดไปได้
รีบคว้าหมวก+แผนที่ไปตะลุยตลาดเช้า ลั๊ลลาบนดอยอีกทีดีกว่า
เวลาแสนสุขมีไม่มากแล้ว



เดินแค่ 3 นาทีก็ถึงตลาดเช้า ที่เต็มไปด้วยของสดแปลกตา
ดูแล้วน่าทำกับข้าวกินดีแท้ ถ้ามาเป็นหมู่คณะรับรองอิ่มปลิ้นพุงกาง
แต่เมื่อมาคนเดียวก็เที่ยวเดินกินบรรยากาศแทนดีกว่า

จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้คือ สุสานนายพลต้วน

นายพลต้วน ซี เหวิน เป็นผู้นำทัพที่ 5 กองพล 93 ของจีนคณะชาติหรือ
ก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาช่วยรัฐบาลไทยปราบปรามคอมมิวนิสต์
ในช่วงปี 2514 - 2524 รัฐบาลจึงได้อนุญาตให้จีนคณะชาติกลุ่มนี้
แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ เนื่องจากทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ

โดยนายพลต้วน เป็นผู้นำสำคัญในการก่อตั้งชุมชนชาวจีนบนดอยแม่สลอง
และพัฒนาพื้นที่ให้ชาวบ้านกินดีอยู่ดี และดอยแม่สลองกลายเป็น
แหล่งท่องเที่ยว เมื่อเสียชีวิตลงในปี 2523 จึงได้มีการสร้างสุสานขึ้น





ตลอดทางจากตลาดเช้าเดินขึ้นไปสุสาน

เราได้พบกับรอยยิ้มมากมายของคนในพื้นที่ ทั้งจากชาวเขา ชาวจีน
ที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่

ไม่ใช่ยิ้มที่เชิญชวนให้ซื้อสินค้า แต่เป็นยิ้มทักทายยามเช้าที่มีแจกจ่ายให้
กับทุกคนที่เดินผ่าน ขี่รถเครื่องผ่าน

แม้จะใช้กันคนละภาษา แต่ที่นี่ “ยิ้ม” คือ ภาษาสากล



ณ ยามนี้ แม้นางพญาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทย ยังไม่บาน

ดอกบัวตองจะบานแค่เป็นหย่อมๆ

ไม่เหลืองสะพรั่งเต็มดอยเหมือนดอยแม่อูคอ

แต่ความงามของดอยแม่สลองนั้น

งามกระทบใจได้อีก


สุสานนายพลต้วน
อาจจะเป็นแค่แหล่งท่องเที่ยวธรรมดาที่ไม่มีสีสันให้ตื่นตา
ในวันนั้นจึงได้เห็นนักท่องเที่ยวหลายคนเมื่อมาถึงแวะถ่ายรูปแป๊บๆ
แล้วก็จากไป

แต่หลังจากมารดำตะกายขึ้นมาอย่างเหงื่อตกเล็กๆ
ที่นี่คือความยิ่งใหญ่ของมนุษย์อย่างแท้จริง



มนุษย์คนหนึ่งที่สร้างประโยชน์ให้ชุมชนได้อย่างเป็นนิรันดร์

แม้วันที่ไร้ลมหายใจแล้ว ที่พักกายสุดท้ายก็ยังสร้างงาน สร้างอาชีพ
สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างต่อเนื่อง

แต่ที่ทำให้น้ำตามารดำซึม คงจะเป็นม้าหินน้อยๆ ที่ตั้งอยู่ข้างที่เคารพศพ

แรกเห็นก็นึกว่าเป็นคนเฝ้าสุสานพาลูกมานั่งเล่น

แต่สักพักก็เห็นเด็กน้อยใหญ่ทยอยขี่จักรยานบ้าง รถเครื่องบ้าง
หอบหนังสือมาด้วย เพียงสักพักก็ได้รู้ว่า

ที่นี่คือโรงเรียนกวดวิชาเล็กๆ ของชุมชน ณ ยามเช้าของวันหยุด
ที่มีคุณครูผู้เฒ่า สอนเด็กๆ อ่านเขียนภาษาไทย-จีน

ณ จุดนี้จึงเป็นมากกว่าสุสาน
แต่เป็นห้องบ่มเพาะอนาคตของชุมชน
ที่พร้อมจะถ่ายทอดต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ท่ามกลางการเฝ้าดูของผู้บุกเบิกรุ่นแรกของชุมชน

นี่คือความยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วที่มนุษย์คนหนึ่งพึ่งสร้างได้




ขากลับจากสุสานแม้สังขารจะสะบักสะบอมเพราะความงี่เง่าของตัวเอง
ที่ดันลืมยาประจำตัวไว้ที่เกสต์เฮ้าส์

แต่บรรยากาศ 2 ข้างทางที่สร้างรอยยิ้ม สร้างโฮโมนความสุขพุ่งพล่าน
ตลอดเวลา

ที่นี่ ความสุขอาจไม่ได้มาจากโครงการเม็กกะโปรเจ็ค



แต่อาจเป็นเพียงภาพเด็กๆ แก๊งค์แฟนฉันขี่จักรยานร้องเพลงไปตามทาง

เสียงคุณครูสอนเด็กๆ ร้องเพลง ที่แว่วมาจากโบสถ์คริสต์ข้างทาง

ภาพอาม่าจูงหลานชายวัยตั้งไข่ ออกมาซื้อผักจากคุณป้าชาวเขาที่
แบกตะกร้าตระเวนขายตามดอย
(สาเหตุสำคัญที่ 7-11 บนดอยแม่สลองต้องชิดซ้าย )

ภาพชาวเขาจูงม้าแต่งตัวเต็มยศ(พร้อมปล่อยทุนระเบิดมาตามทาง)
เผื่อใครอยากขี่


มารดำจึงมีความสุขเหลือเกินก่อนจะกลับไปซุกหัวนอนชาร์จแบต
ในช่วงสาย ก่อนจะตื่นมาอาบน้ำโซ้ยมื้อเที่ยงเตรียมเช็คเอ้าท์กลับไปสู่
โลกความจริง




ขากลับลงจากดอยแม่สลอง ด้วยเหตุที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ประจวบเหมาะ
กับได้เจอคุณลุงวินมอเตอร์ไซด์บนดอยชื่อแสนเท่
“ลุงตาน- อาชา แสงจันทร์”
ตอนที่ตะลุยตลาดเช้า จึงตัดสินใจแปลงร่างเป็นเด็กแว๊นนนน
เกาะหลังลุงลงดอยดีกว่า


แม้ว่าราคาออกจะแพงกว่ารอสองแถวสักหน่อย แต่ 300 บาท
พร้อมพาเที่ยวขาลงตามจุดต่างๆ ก็คุ้มอยู่สำหรับคนไม่มีรถอย่างเรา



เมื่อเช็คเอ้าท์ออกจากลิตเติ้ลโฮม
และร่ำลาครอบครัวเจ้าของเกสต์เฮ้าส์อย่างใจหาย

12.40 น. ก็เริ่มตะลุยลงดอย แวะดูสวนชาวังพุดตาล ชุมชนบ้านใหม่สันติคีรี
ดูดอกไม้ที่ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท(แป๊บเดียวเพราะไม่ใช่แนว)

และใช้เวลาส่วนใหญ่ที่โรงงานชาและไร่ชา 101 ดินแดนที่หอมใบชา
ถูกใจผู้คลั่งไคล้ชาอย่างมารดำที่ซู๊ดดดดด




แถมขาลงยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศขุนเขาและดอกไม้ 2 ข้างทางจนจุใจ

ยังจำได้ถึงความรู้สึกที่สุดยอดจริงๆ เวลาอยู่บนสันเขา มนุษย์ 167 cm.
Anatomy ก็ประหลาดมนุษย์เป็นเคสศึกษาของนักเรียนแพทย์ได้ตลอดเวลา

แต่สามารถขึ้นมายืนอยู่บนจุดนี้ได้ มองไปรอบตัวมีแต่ยอดเขา หุบเขา

แม้ธรรมชาติจะยิ่งใหญ่ แต่เราก็มายืนบนนี้ได้ สุดยอด!!! มันจุดไฟ
สร้างพลังให้ชีวิตได้ดีจริงๆ


“ต่อไปก็ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้แล้ว ขอเพียงเชื่อว่าทำได้ และลงมือทำเท่านั้น”





ก่อนบ่าย 3 โมงนิดๆ
คุณลุงตาน ก็พาเรามาส่งถึงหน้าที่ว่าการอำเภอแม่จัน (ไกลจากแยกปากเซ
คิวรถฟ้า พอสมควร)

เพราะลุงไม่อยากให้ตากแดดรอรถเมล์เขียวเข้าตัวเมืองเชียงราย
เราก็เลยช่วยค่าน้ำมันคุณลุงเพิ่มไปนิดหน่อย
(ใครลองขึ้นแล้วจะรู้ว่า ขาลงว่าใช้ฝีมือแล้ว แต่ขากลับขึ้นดอย
ต้องใช้ทั้งฝีมือและน้ำมันรถมากกว่า)

แต่ไม่รู้ว่าเราให้เยอะไปหรือเปล่า ลุงเลยดีใจทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
(แต่เราก็เต็มใจจ่ายให้นะ)

ใครแวะมาดอยแม่สลองสนใจจะใช้บริการลุงตานก็ได้นะ
ขับรถใช้ได้ ไม่หวาดเสียว สุภาพแล้วก็คุยสนุก 083-473-0158
รู้สึกว่าลุงจะมีโฮมสเตย์ด้วยแหละ เพราะเห็นบอกว่าตอนปีใหม่คนมาพัก
บนดอยแม่สลองมาก มากขนาดโฮมสเตย์แกยังเต็ม



จากหน้าอำเภอแม่จัน ขึ้นรถเมล์เขียว “แม่สาย – เชียงราย”
ค่ารถ 20 บาท ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ถึง บขส.เก่า

ยังมีเวลามากมายก่อนไปขึ้นเครื่อง เลยเดินไปนั่งพักที่วัดพระแก้ว เชียงราย
(เดินราว 30 นาที) เพราะเป็นวัดที่ชอบมาก ใช้เวลาอยู่ได้นานๆ
มีพิพิธภัณฑ์ มีหอพระแก้ว โบสถ์ก็สงบร่มเย็น ไม่เคยพลาดเมื่อมาเชียงราย

ทริปนี้จึงเป็นทริปที่แสนสุขด้วยงบเบาๆ สบายกระเป๋าจริงๆ



สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ เฉพาะส่วนที่ไปลั๊ลลาเอง (ค่าตั๋วเครื่องบินมีคนออกให้)

ค่ารถสองแถวฟ้า จากแยกปากเซ ถึงดอยแม่สลอง 200 บาท
ค่าที่พักลิตเติ้ลโฮม 1 คืน 200 บาท
ค่าอาหาร 3 มื้อ (50 + 90 + 50) 190 บาท
ค่ามอเตอร์ไซด์ลงดอย (+ทิป 50) 350 บาท
ค่ารถเมล์เขียวเข้าเมือง 20 บาท
ค่ารถสองแถวฟ้าเล็ก ไปสนามบิน(จากไนท์บาซา) 130 บาท

รวมเบ็ดเสร็จ 1,090 บาท

แต่ได้ความอิ่มใจมาสุดๆ



สรุปแผนที่การเดินทางบนดอยที่ "พระเจ้าให้ขาไว้เดิน"





ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรีวิวมาราธอนมาตลอด

พบกันใหม่เร็วๆ นี้



Create Date : 16 มกราคม 2553
Last Update : 17 มกราคม 2553 0:33:42 น. 1 comments
Counter : 2236 Pageviews.

 
ถูกและคุ้มนิ


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:17:14:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เสียงลมหนาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




winter's voice
มุมมองของฤดูหนาวที่ยังคงอยู่
แม้อุณหภูมิจะเปลี่ยนไป

เช่นเดียวกับจิตใจคน
แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป
แต่แก่นแท้ในจิตใจจะยังเหมือนเดิม???


นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกจะอยู่เงียบๆ ตรงนี้
ในบ้านของตัวเอง ไม่ใช่โลกสีฟ้าใบใหญ่อีกต่อไป
หลังจากนี้จะแบ่งปันอะไรคงจะอยู่ในบ้านหลังนี้
ใครอยากจะถามอะไรก็แปะไว้ก็แล้วกันนะ



ป.ล. โปรดทราบทุกอมยิ้มที่แวะเวียนมา
เป็นที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก แม้ไม่ได้เม้นท์ตอบ
แต่ก็แอบอมยิ้มอยู่เงียบๆเสมอ \(^O^)/



ป.ล. 2 ขออภัยที่ไม่เปิดเผยใบหน้า
เพราะอยากให้อ่านกันที่เนื้องาน
มิใช่เปลือกที่อาจจะบังเอิญได้พบเจอ




Update !!!

Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เสียงลมหนาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.