Bloggang.com : Willkommen : ประตูหลัง

ประตูหลัง

ค่ะใช่แล้ว.....ประตูหลัง
ประตูหลังมีความหมายได้หลายอย่าง......ประตูหลังบ้าน....ประตูหลังโรงเรียน....และอีกหลายๆประตูหลังหลายๆความหมาย.

วันหนึ่ง....ตอนนั้นฉันยังไม่แก่ขนาดนี้.....ฉันทำงานที่ไม่ได้หยุดพร้อมกันกับที่รัก....เราเลยไม่ได้มีวันหยุดพร้อมกันอยู่เสมอ......วันหยุดของเราเลยสวนกันอยู่บ่อยๆ

ฉันไม่ใช่คนสวยหรือเซ๊กซี่อะไร........ฉันคือผู้หญิงธรรมดาที่ไม่สวยและไม่ขี้เหล่เกินไป......วันนั้นเป็นวันหยุดของฉัน....แต่ที่รักของฉันต้องทำงาน...ฉันเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว.

และตอนนั้นก็เป็นหน้าหนาวหิมะลงเยอะมากเลย....ฉันเลยนึกทำไรดีหว่าวันหยุด......เออนึกขึ้นได้ไปเล่นสกีดีกว่า...เพราะเรากำลังเริ่มเล่นได้พอดี.....เราเลยเตรียมตัวไปเล่นสกีดีกว่า......ดีกว่ามานั่งง่าวอยู่คนเดียว.

หมู่บ้านที่ฉันอยู่จะเป็นภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล..700..เมตร..และเป็นหมู่บ้านเล็กๆ....ฉันชอบเล่นสกี.....วันแรกที่ไปหัดเล่นฉันยืนอยู่กับที่ตั้งสองชั่วโมงเพราะกลัว....หลังจากนั้นก็ไปหัดเล่นเรื่อยๆก็พอเล่นได้.....และไปคนเดียวได้.

วันนั้นเป็นวันจันทร์.....ฉันเลยแบกเครื่องเล่นสกีนั่งลิฟชิงช้าขึ้นไปบนเขาคนเดียวเพราะที่รักทำงาน....วันนี้คนจะน้อยมากเพราะส่วนมากคนจะมาเล่นกันคือเสาว์+อาทิตย์.

ที่นี่จะมีที่ให้เล่นสองที่คือขึ้นชิงช้ามาถึงตรงกลางแล้วลง....และขับสกีลงมาข้างล่าง......หรือนั่งชิงช้าขึ้นไปถึงยอดเขาที่สูงชัน....แล้วขับสกีลงมาจนถึงข้างล่างเหมือนกัน..

วันนั้นฉันนึกสนุกคนไม่เยอะแบบน้อยมากเลยไม่ถึงสิบคน....ฉันนั่งชิงช้าขึ้นไปจนถึงยอดเขาที่สูงสุดด้วยความรู้สึกที่กลัวนิดๆเพราะเรายังเล่นไม่เก่ง.....และมาคนเดียว.....แต่เพราะเราเคยมาบ่อยๆและมีบ้านพักอยู่ที่หมู่บ้านนั้นเลยไม่กลัวมาก...กลัวแค่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเราใครจะเห็นเพราะคนน้อยมาก.

แต่อย่างไรเราก็ขึ้นมาจนถึงยอดเขาจนได้ด้วยขาที่สั่นพรับๆ...แต่เพราะความชอบเลยต้องข่มความกลัว.

ตอนลงจากชิงช้าต้องกระโดดลงเพราะเขาไม่ได้จอดให้เราลง.....เขาจะทำหิมะให้เป็นกองเนินๆให้สมดุลกับชิงช้าที่ผู้คนต้องกระโดดลงมาเองทุกคนเขาจะไม่จอดให้ลงเราต้องกระโดดลงเอง......บางคนก็ล้มบางคนก็ไม่ล้มที่ตอนกระโดดลง......ส่วนมากที่ล้มคือมือใหม่ออ่นหัดอย่างเรา.....

พอเราลงจากชิงช้ามา....ก็มองลงไปที่ทางที่จะขับสกีลงไป...โอแม่เจ้าทำใมมันชันอย่างนี้ล่ะ......แล้วเราจะขับสกีลงไปได้เหรอ.....ทำไงดีล่ะขึ้นมาแล้วนี่.....ยังไงก็ต้องขับลงไปให้ได้แม้จะต้องกลิ้งลงก็ตาม.

เราค่อยๆเอาก้นไถลงมาในบางแห่ง....เพราะที่เริ่มต้นขับสกีต้องชันไม่งั้นจะไม่ใหลลงเร็ว....เรามองรอบๆตัวเราไม่มีคนเลย.....คนที่เล่นเก่งๆเขาก็รีบขึ้นมาแล้วรีบขับลงไป....ต้องทำเวลาไม่งั้นไม่สนุก.

ขณะที่เรากำลังก้มๆเงยอยู่กับการขับสกีของเรา.....เราเห็นมีคนนั่งชิงช้ามาหนึ่งคน......ไม่รู้ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย....เพราคนที่ไปเล่นสกีต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นใส่หมวกปิดหน้า.....ใส่แว่น.

เราเขม้นมองดูว่าผู้ชายหรือผู้หญิงที่นั่งชิงช้ามา.....ผู้ชายค่ะ.....เขาขับสกีตามหลังเรามา....เราหยุดให้เขาผ่านไปก่อน.....เขาก็หยุดตาม....เรามองดูเขาแต่ไม่พูดอะไรเขาก็ไม่พูดอะไร....เราเลยได้เห็นหน้าเขาว่าเขาคือผู้ชายที่ทำงานปล่อยชิงช้าที่คนขึ้นมาเล่นสกีกันอยู่ข้าล่างสุดตรงขายตั๋ว.

เราใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่มีคนเคยเห็นหน้า......เขาไม่ยอมไปซะทีเราก็ไม่กล้าขับต่อเพราะกลัวล้มให้เขาเห็น.....เขายืนดูเรา....และอยู่ๆเขาก็ถามเราขึ้นมาว่า....เธอจะเอาเท่าไหร่ฉันอยากนอนกับเธอ.

เราแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าเขาถามอะไรเรา........เราเลยถามเขากลับเพื่อความแน่ใจว่า...เธอพูดว่าไงนะ......เขาตอบเราอย่างไม่สะทกสะท้านว่า.....เขาอยากนอนกับฉันหมายถึงเขาอยากมีเพศสัมพันธ์กับฉันฉันจะเอาเท่าไหร่...และเขาจะไม่เอาข้างหน้าเขาจะเอาประตูหลังค่ะ.

โอพระเจ้าฉันแทบไม่เชื่อหูของตัวเองว่าจะมีคนมาถามเอาประตูหลังฉันแบบซึ่งๆหน้าและกลางวันแสกๆและกลางหิมะแบบนี้.....พอตั้งสติได้ฉันเริ่มโกรธและมีหลายๆความรู้สึกมาก...ขยะแขยง+เกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุด.....แต่เพราะเราไม่มีความกลัวมากนักเราเลย...

ฉันเลยจ้องหน้ามันแบบไม่กระพิบตา......ไม่แสดงออกว่าเรากลัวมัน(( เราก็ไม่กลัวจริงๆ )).....แตใจเราอยากจะด่ามัน...แต่ถ้าด่าเป็นภาษาไทยมันก็ไม่เข้าใจแม้จะด่าแบบแสบๆก็เถอะ.....และจะด่าเป็นภาษาเยอรมันมันก็ไม่มีคำด่าที่สะใจเพราะมันไม่มีคำแสบๆที่เราด้ามันแล้วมันจะเต้นอะไรแบบนั้น..

ฮ่วยแล้วตูจะด่ามันว่ายังไงดีฟะ.....

ตัดสินใจต้องพูดอะไรออกมาสักอย่าง....เพราะจ้องมันมานานแล้ว......มันคงคิดสงสัยนังนี่คงคิดค่าตัวไม่ถูกถึงไม่ยอมพูดอะไร.

เราเลยพูดว่ามึงพูดอะไรออกมามึงรู้ตัวอะเปล่า(( ภาษาเยอรมันไม่มีหรอกคำว่ามึง...กู..บัก...คุณ...ท่าน...))((มีคำเดียวคือ...ตู..หรือ..ดู....Du...))...ฉันเขียนเองแหละคำว่ามึงน่ะ.....เพราะมันเจ็บใจนี่นาที่มาถามเอาประตูหลังแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยน่ะ..

นี่ขนาดเราไม่สวยและใส่เสื้อผ้าสกีห่อเหมือนข้าวต้มมัดยังมาถามเอาเราได้.....ถ้าเจอสาวไทยสวยๆหุ่นดีใส่เอวต่ำ...แม่งไม่วิ่งเข้าไปตำเลยเหรอ..

เราเลยพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบๆว่าเธอรู้ใหมเธอพูดอะไรออกมา.....มาถามเอาประตูหลังฉันได้ไง.....นี่มันกลางลานสกีนะ....ไม่ใช่ช่อง......และฉันรู้นะว่าเธอทำงานที่นี่และปล่อยลิฟอยู่ข้างล่างนี่....และฉันก็อยู่หมู่บ้านนี้....และรู้จักที่นี่ดีพอสมควร.....ถ้าฉันไปหาตำรวจเธอคงลำบากนะ...

และเขาคงไม่คิดว่าเราจะพูดออกมาแบบนั้น....ไม่แสดงความโกรธออกมา....เขาเลยบอกว่าขอโทษ....ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่า((( โธ้ไอ้กร็วกเอ็ยพูดออกมาได้ )))....ฉันขอโทษจริงๆ......

เราเลยบอกว่าฉันต้องไปหาตำรวจซะแล้วเพราะว่าเธอดูน่าจะอันตรายกับคนอื่นๆอีก....ขนาดกลางหิมะหนาวๆ.....หนาวจนปากฉันเขียวแบบนี้.....และฉันก็ใส่เสื้อผ้ามิดชิดจนมองไม่ออกว่าหญิงหรือชาย.....สวยหรือไม่สวย......เธอยังมาถามเอาประตูหลังฉันได้.....แล้วถ้าอยู่ในสถานที่อย่างอื่นเธอไม่ลากคนไปข่มขืนเลยเหรอ.

เขาตกใจมากที่เราพูดกับเขาแบบไม่สะทกสะท้าน.....เขาเลยขอโทษเราอีกนับครั้งไม่ถ้วนและยื่นมือออกมาเพื่อที่จะให้เรายกโทษให้พร้อมกับคำว่า...บิทเตๆๆๆๆ..Bitte...อยู่ตลอดเวลา....คำว่าบิทเตคือ....ได้โปรด...หรือพลีส....ค่ะ....เขาหมายความว่าได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วยอะไรแบบนั้นแหละ......และเขาบอกว่าอย่าไปหาตำรวจเลยนะ....เพราะเขามีคดีอยู่ในตอนนี้...

โธ่ไอ้ฝรั่งโง่เอ๊ย....มีคดีอยู่ดันมาบอกเราอีก....เราเลยยิ่งทำหน้าตาขึงขึงขึ้นไปอีก.....เราเลยบอกเขาว่า...ไม่ได้หรอก...ถ้าฉันไม่ไปหาตำรวจเธออาจจะไปถามเอาใครอีกก็ได้.....เขาเลยคุกเข่าลงขอโทษ....และสัญญาว่าจะไม่ไปถามเอาใครอีก..

เราเลยตัดสินใจยกโทษให้เขาด้วยการให้เขาจับมือ.....เพราะการที่เขาสำนึกตัวและขอโทษเราด้วยการคุกเข่า....เขาก็คงกลัวว่าเราจะไปห่ตำรวจเหมือนกัน....

เราไม่คิดว่าเขาจะสำนึกได้ตลอดไปหรอก.....เพราะคนแบบนี้....ถ้าเขาคิดแบบนี้ตอนนี้......เมื่อมีโอกาศเขาก็อาจจะคิดและไปถามเอาใครต่อใครอีกก็ได้ในครั้งต่อไป.

เราคิดว่าเราไม่ได้เสียหายอะไร.....แค่โดนเขาดูถูกและเข้าใจผิดที่เขามาถามเอาประตูหลัง.....ไม่คิดว่าเราไม่โกรธ....โกรธค่ะ....เพราะฉันก็คนธรรมดาคนหนึ่ง....แต่โกรธแค่ชั่วเวลาสั้นๆ.....ถามว่าอายใหมที่เขาถามเอาแบบนั้น.....ไม่อายค่ะเพราะไม่มีอะไรจะให้อาย.

และเขาก็ขับสกีจากไป.....และฉันก็ไปเล่นสกีต่ออีกสองรอบ...แล้วก็กลับบ้าน.......พอตอนบ่ายๆสามีกลับมาเราเลยเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ.....เขาเลยบอกว่าน่าจะไปหาตำรวจนะ.....เอาให้เข็ดซะหน่อยก็ดี.

ฉันเลยบอกว่าปล่อยเขาไปเถอะเพราะอย่างน้อยเขาก็ขอโทษฉันแล้ว......และฉันก็ไม่ได้โดนเขาทำอะไร.....แค่เขาเข้าใจว่าฉันอยากจะขายประตูหลังแค่นั้น.

และวันหลังฉันก็ได้ไปสกีกับสามีที่นั่นอีก.....และได้ชี้ให้สามีดูว่านั่นไงผู้ชายคนนั้นไงที่มาถามเอาประตูหลังของฉัน.....และผู้ชายคนนั้นก็มองเห็นฉันกับสามีและเขาก็รีบหลบหน้าลงเลย.....และเดินหายเข้าไปข้าในที่เขาทำงาน.....และฉันจะเห็นเขาแทบทุกครั้งที่ฉันไปเล่นสกี.

ที่เล่ามานี้เรื่องจริงที่เกิดกับฉันเอง.....ที่จะเป็นคติเตือนใจกับใครบางคนได้ว่า.....ที่ใหนก็มีคนดีและคนเลวได้เหมือนกัน.....แม้แต่กับประเทศที่เจริญอย่างประเทศสวิสฯ.....ก็ไม่ได้หมายความว่าจิตใจคนจะเจริญตามไปด้วยกับทุกๆคน....และถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับคุณ.....คุณจะทำอย่างไร.

อย่างแรกคือมีสติ.....ครองสติไว้ว่าเราต้องทำอย่างไร....ต้องพูดอย่างไร.....เพราะเราอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ตลอดไปก็ได้ถ้าไปเจอไอ้หื่นล่ะก็.

Create Date : 22 พฤษภาคม 2549

Last Update : 1 มีนาคม 2552 1:09:26 น.

6 comments

Counter : 1936 Pageviews.