Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
อีสุกอีใส กับลูกน้อย






เราจะทำอย่างไรเมื่อลูกน้อยได้รับเชื้ออีสุกอีใส

เมื่อสมัยที่เรายังเด็กได้เห็นพ่อแม่ของพวกเราชงยาเขียวให้ลูกๆดื่มเพราะว่าลูกๆเป็นอีสุกอีใส

สมัยนั้นเราไม่รู้หรอกว่าอีสุกอีใสเป็นโรคติดต่อ....ใครจะเป็นข่อยกะบอย่าน

ตัวข่อยเองไม่ทราบว่าเคยเป็นหรือไม่...ไม่เคยฉีดวัคซีนกันอีสุกอีใส
อย่างมากวันดีคืนดีก็มีคุณหมอมาจิ้มแขนให้ตามโรงเรียนหรือตามหมู่บ้านแค่นั้น

ไม่เคยมีสมุดจดรายการหยอดโปลิโอ....และการฉัดวัคซินต่างๆที่คุณหมอเคยฉีดให้ก็ไม่ทราบว่าท่านฉีดอะไรเข้าไปมั่ง

ตอนนี้เราอายุมากขึ้นมีลูกมีเต้ามาให้ปากกัดตีนถีบเลยได้เห็นโรคนี้แบบชัดๆ

เดมี่ลูกสาวตัวน้อยเริ่มมีไข้ตัวร้อนราวๆสองวันและเริ่มมีตุ่มแปลกๆเกิดขึ้นที่หน้า
วันแรกไม่โตเท่าไหร่
วันที่สองเริ่มโตและมีน้ำอยู่ข้างในและวันต่อมาเริ่มมีตุ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

รู้เลยว่าลูกเป็นอีสุกอีใส....ไม่ให้ไปรงเรียน
เลยพาลูกไปหาหมอ

หมอตรวจดูอาการบอกว่าไม่มีอะไรมากระวังแค่อย่าให้ไข้สูงมากและอย่าเกาตุ่ม

และให้ครีมแก้คันมาจุ๊ๆที่ตุ่มจะทำให้คันน้อยลง...ไม่ใช่ครีมแบบมันๆนะครีมแบบแป้งที่ทำให้แห้งหลังจากทาแล้ว

สาวน้อยเธอก็ไม่มีไข้สูงมากยิ่งตุ่มโผล่ออกมามากเท่าไหร่ไข้ก็ลดลงเท่านั้น

และเธอก็ไม่คันมากจนเกินไป...แม่ก็จะคอยเตือนว่าอย่าเกานะลูกเดี๋ยวผิวจะเสีย...เธอก็เชื่อฟังไม่เกา

และเธอก็อาบน้ำลงอ่างได้แบบคนธรรมดาไม่มีข้อห้าม...หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็ต้องรีบเอาครีมสีขาวที่หมอให้มาเอามาจุ๊ๆที่ตุ่มแค่นั้น

พอเดมี่อีสุกอีใสหายไปหนึ่งอาทิตย์....พี่ชายของเธอเริ่มมีอาการเหมือนเธอเคยเป็น

แต่เควินมีไข้สูงมากต้องคอยดูแลไม่ให้เกิดอาการชัก
และมีตุ่มเกิดขึ้นมากเป็นสองเท่าของเดมี่....ดูตามภาพได้ว่าปากแดงแจ๋ตุ่มขึ้นในรูจมูก...และที่อื่นๆทั้งทั้งตัวจากหัวถึงเท้า

บนหัวขึ้นเยอะมากมีน้ำใสๆเป็นพองๆเหมือนน้ำร้อนลวก.....สามสี่วันผ่านไปอาการเริ่มดีขึ้นไม่มีไข้ตุ่มเริ่มยุบ....ราวๆสองอาทิตย์ใข้หายตุ่มหาย....เหลือแต่รอยแผลเป็นบางๆทิ้งไว้ตามร่างกาย

หนึ่งปีให้หลังแผลเป็นหายไปหมดเลย

ฉะนั้นคนเป็นพ่อแม่ไม่ต้องกลัวอะไรมากเพราะโรคนี้ไม่ได้ร้ายแรงอน่ากลัวเลย





สาเหตุของโรค







เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า วาริเซลลาไวรัส (Varicella virus) หรือ Human herpes
virus type 3 เป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิด






การติดต่อ


ติดต่อโดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรงหรือ สัมผัสถูกของใช้ (เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า
ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ที่นอน) ที่เปื้อนถูกตุ่มน้ำของคนที่เป็น อีสุกอีใสหรืองูสวัด
หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำ ผ่านเข้าทางเยื่อเมือกระยะฟักตัว 10-20 วัน


อาการของโรค





เด็กที่เป็นจะมีไข้ต่ำ
อ่อนเพลียและเบื่ออาหาร ส่วนผู้ใหญ่มักจะมีไข้สูง
มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายไข้หวัด ขณะเดียวกันก็จะมีผื่นขึ้นพร้อมๆ
กับวันที่เริ่มมีไข้ หรือ 1 วันหลังมีไข้ โดยในระยะแรกจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบก่อน
ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มนูน มีน้ำใสๆ และคัน ต่อมาอีก 2-3 วันก็จะตกสะเก็ด
ผื่นและตุ่มเหล่านี้จะขึ้นตามไรผมก่อนแล้วกระจายไปตามใบหน้าและลำตัว แผ่นหลัง
บางคนจะมีตุ่มขึ้นในช่องปากทำให้ปากและลิ้นเปื่อย จะเกิดอาการเจ็บคอ
บางคนอาจไม่มีไข้ มีเพียงผื่นและตุ่มขึ้นเท่านั้น
ผื่นจะขึ้นมากที่สุดที่ใบหน้าและลำตัว
เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงและมีตุ่มขึ้นมากกว่าเด็ก
โดยทั่วไปผื่นหายได้โดยไม่มีแผลเป็น ยกเว้นมีเชื้อแบคทีเรียมาแทรกซ้อน
โรคนี้เมื่อหายแล้วมักจะมีเชื้อหลบอยู่ที่ปมประสาท ซึ่งอาจจะออกมาเป็น งูสวัด
ในภายหลังได้ เนื่องจากผื่นและตุ่มที่ขึ้นนี้จะค่อยๆขึ้นทีละระลอก
ไม่ขึ้นพร้อมกันทั่วร่างกาย บางทีจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางทีขึ้นเป็นตุ่มน้ำใสๆ
บางทีขึ้นเป็นตุ่มกลัดหนอง และบางทีเริ่มตกสะเก็ด จึงทำให้คนสมัยก่อนเรียกโรคนี้ว่า
อีสุกอีใส



อาการแทรกซ้อน


ที่พบบ่อยคือ การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบนผิวหนัง
ทำให้กลายเป็นหนองและมีแผลเป็นตามมา
ในบางรายเชื้อแบคทีเรียที่แทรกซ้อนอาจกระจายเข้าไปในกระแสเลือดทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษและปอดบวมได้
ในผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่นได้รับยารักษามะเร็ง หรือ สเตอรอยด์
เชื้ออาจจะกระจายไปยังอวัยวะภายในเช่น สมอง ปอด ตับ ได้ การรักษา
เนื่องจากเป็นโรคที่หายเองได้ โดยอาจจะมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน
ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆหายใน 1-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ
ถ้ามีไข้สูงใช้ยา พาราเซตามอล เพื่อลดไข้ได้ ไม่ควรใช้ แอสไพริน
เพราะอาจทำให้เกิดอาการทางสมองและตับ ทำให้ถึงตายได้
ควรอาบน้ำและใช้สบู่ฟอกผิวหนังให้สะอาด ควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะเกา
เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ ในรายที่คันมากๆ อาจให้ยาแก้คัน เช่น คลอเฟนิรามีน
ช่วยลดอาการคันได้ ในปัจจุบัน มียาที่ใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส
แต่ต้องใช้ในขนาดสูงและราคาแพงมาก นอกจากนี้จะต้องเริ่มใช้ภายในวันแรก
มิฉะนั้นอาจไม่ได้ผล หรือไม่ได้ผลดี



การดูแลรักษา



โรคอีสุกอีใสการดูแลทั่วไป
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ไม่รุนแรง โดยปกติแล้วจะเป็น เองหายเอง
อาจจะมีข้อยกเว้นบ้างโดยเฉพาะในผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะมีอาการรุนแรงกว่า เช่น
เป็นไข้หรือมีอาการ ทางผิวหนัง เช่น แผลมีการติดเชื้อหรือมีอาการคันรุนแรง
หรือมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อาการปอดบวมจาก เชื้อไวรัส
ในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงนี้ การให้ยาบางชนิด เช่น ยาบรรเทาอาการคัน
การใช้น้ำสะอาดหรือ น้ำเกลือประคบ จะช่วยทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
ในเด็กควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาลดไข้จำพวกแอสไพริน เพราะอาจ
จะทำให้มีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นตามมาได้ การรักษาแบบเจาะจง
คือการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสอีสุกอีใส ซึ่งควรจะให้ในระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง
หลังมีผื่นขึ้น ซึ่งเชื่อว่าการที่สามารถให้ยาได้ทันและมีปริมาณพอเพียง
ในช่วงนี้สามารถทำให้การตก สะเก็ดของแผล ระยะเวลาของโรคสั้นลง
การทำให้แผลตกสะเก็ดเร็วขึ้น โอกาสการเกิดแผลติดเชื้อหรือแผลที่ลึกมากก็น้อยลง
ดังนั้น แผลเป็นแบบหลุมก็น้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามยาในกลุ่มนี้ก็มีราคาแพงมาก
การพิจารณาเลือกใช้ยากลุ่มนี้จึง ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์และของผู้ป่วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดูและผิวในระยะ ที่มีผื่นอย่างถูกต้อง เช่น
ทำความสะอาดแผลให้ปราศจากสิ่งสกปรกหรือป้องกันการแทรกซ้อนของเชื้อแบคทีเรีย วัคซีน
วัคซีนอีสุกอีใสที่ค้นพบในระยะแรกมีข้อจำกัดที่ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำถึง -20
แต่ปัจจุบันสามารถพัฒนาเป็นวัคซีนที่เก็บให้คงประสิทธิภาพได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศา
ซึ่งเป็น อุณหภูมิตู้เย็นปกติ เก็บได้นาน 2 ปี ภายใต้ชื่อการค้า " VARILRIX "
ของบริษัท SMITH KLINE BEECHAM ในสหรัฐอเมริกา
วัคซีนนี้ได้ถูกบรรจุให้อยู่ในตารางการให้วัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก
ปกติที่มีอายุในช่วง 12-18 เดือนแล้ว และกำหนดให้ฉีดให้เด็กอายุ 11-12 ปี
ที่ยังไม่เคยรับวัคซีนและยัง ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนด้วยในประเทศไทย
เนื่องจากวัคซีนอีสุกอีใสมีราคาค่อนข้างสูง จากรายงานทางระบาดวิทยาพบ ว่า 50 %
ของอีสุกอีใสเป็นในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งมักมีอาการไม่รุนแรง
จึงยังไม่กำหนดให้เป็น วัคซีนที่บังคับฉีดในเด็กไทย อย่างไรก็ตามมีข้อแนะนำว่า
สำหรับเด็กไทยที่อายุอยู่ในช่วง 10-12 ปี ถ้ายังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน
ก็น่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส เนื่องจากในวัยเด็กช่วง อายุ 1-12 ปี
การสร้างภูมิต้านทานของร่างกายจะตอบสนองกับวัคซีนได้ดี
การได้รับวัคซีนเพียงเข็มเดียว ก็เพียงพอแล้ว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
แต่สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มใน ระยะห่าง 4-8
สัปดาห์ จึงเพียงพอที่จะกระตุ้นให้สร้างภูมิต้านทานได้สูงพอที่จะป้องกันโรค
ส่วนผู้ที่เคย เป็นอีสุกอีใสมาแล้ว
จะมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ต้องฉีดวัคซีนอีก วัคซีน VARILRIX
ใช้ฉีดครั้งละ 0.5 ml. เข้าใต้ผิวหนัง [SUBCUTANEOUS] เท่านั้น ผู้รับ การฉีดวัคซีน
จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิต้านทานต่อโรค
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน
พบว่าอาจมีไข้หรืออาการร้อนแดงตรงตำแหน่งที่ฉีดยา (5 %)
อาจมีผื่นคล้ายผื่นอีสุกอีใสเกิดขึ้น แต่ไม่รุนแรง (3-4 %)
แต่ส่วนใหญ่ของผู้รับวัคซีนไม่พบความผิดปกติใดๆ
วัคซีนอีสุกอีใสนี้ห้ามฉีดในหญิงมีครรภ์ สำหรับสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่ฉีดวัคซีนนี้
ควรหลีกเลี่ยงการ ตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือน
หลังจากฉีดยาเนื่องจากวัคซีนอีสุกอีใสในปัจจุบันยังมีราคาค่อนข้างแพง
สำหรับครอบครัวที่เศรษฐกิจดีอาจ ให้บุตรหลานรับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 12 เดือน
แต่ครอบครัวที่ยังไม่พร้อมนัก หวังว่าข้อมูลข้างต้น
คงพอจะช่วยในการตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ เมื่อไร อย่างไรไม่มากก็น้อย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลตามหลักวิชาการของไทยจากเวป


//th.wikipedia.org


เพราะว่าลูกๆเป็นเลยไปเอาข้อมูลที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้วจากเวปนี้เดี๋ยวจะมาเล่าวิธีการของชาวบ้านอย่างเราๆดูว่าต้องทำอย่างไรยาเขียวตราใบโพธิ์จะสู้ใด้ใหมใครรู้จักยาเขียวใหญ่ตราใบโพธิ์บ้างยกมือขึ้น
Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket
ไปเล่นหิมะได้ไม่ต้องกลัว

Photobucket

หอมกันฟอ็ดๆไม่ติดกันจะมีเหลือเหรอ






Create Date : 02 มีนาคม 2551
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 5:22:02 น. 15 comments
Counter : 10747 Pageviews.

 
สาวน้อยเป็นสุกใส ซะแล้ว^^

อย่าเกานะจ๊ะคนดี

เด๊ยวไม่สวยน้า



โดย: zalitalin วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:15:14:06 น.  

 
ลูกสาวเป็นเมื่อปลายปีที่แล้ว ออกมาสองสามตุ่มเองจนไม่แน่ใจว่าใช่อีสุกอีใสรึเปล่า มีไข้ต่ำๆ ไม่ไว้ใจเลยพาไปหาหมอสรุปว่าใช่แต่เป็นแบบไม่รุนแรง แต่ลูกๆจขบ ออกเยอะมากเลยนะคะเนี่ย


โดย: a.miyazaki วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:17:54:09 น.  

 
ขอบคุณกับข้อมูลดีๆค่ะ ลูกสาวกำลังเป็นอยู่ตอนนี้พรุ่งนี้จะพาไปหาหมอ
ผื่นแดงเต็มตัวเลย


โดย: ploydee วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:20:12:34 น.  

 
I wish your child is getting better na kha:)

My name is Pear kha
I lives in Haverhill UK i have one son and expecting the baby girl. I work part time selling the book for children ( Baby - teenage) i think is another alternative for thai people in UK. Normally i bought the book for my son he is 2 years and 7 months he loves book a lot i get a good discount on that. If anybody would like to have extra money. Please contact me na kha @ mongioland@hotmail.com or 01440 706883 na kha Just feel free to contact me anytimes :)


โดย: Pear from UK (Marioland ) วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:1:08:44 น.  

 
สวัสดีทักทายกับทุกๆคนนะคะ

ทำงานมากขึ้นเวลาจะเข้าบล็อคก็ยิ่งจะน้อยลงนะคะ


สวัสดีค่ะคุณเปียร์
Pear from UK (Marioland

ยินดีที่ได้รู็จักนะคะต้องขออภัยค่ะเขียนอังกฤษไม่ค่อยถูกค่ะเลยต้องตอบภาษาไทยนะคะ...ว่างเข้ามาแวะทักทายได้นะคะ


สวัสดีค่ะคุณ ploydee

ยินดีต้อนรับนะคะ
และขอให้ลูกสาวตัวน้อยของคุณหายไวๆนะคะ


สวัสดีค่ะคุณ
a.miyazaki
ยินดีต้อนรับนะคะ
เด็กๆมีโอกาศเป็นได้ทุกๆคนนะคะแต่ลูกน้อยของคุณอาจจะมีตุ่มออกมาไม่มากค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ
zalitalin
ยินดีต้อนรับนะคะ
หนูหายแล้วค่ะขอบคุณนะคะ

พรุ่งนี้จะวิ่งไปทักทายนะคะ


โดย: Willkommen IP: 84.73.204.107 วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:5:23:08 น.  

 
คุณส้มตำสบายดีนะคะ
คิดถึงค่ะ... ไม่ได้แวะเข้ามานานเลย หลังสุดก็ตอนที่คุณส้มตำกลับบ้าน ทุกอย่างคงเรียบร้อยดีนะคะ

นั่นสินะ เด็กสมัยก่อนไม่เห็นต้องมีสมุดฉีดยาเลยว่าต้องปลูกฝี ฉีดยา ฉีดวัคซีนอะไรเมื่อไร ถึงเวลาก็มีพยาบาลมาจับเด็กๆ เข้าแถวจิ้มเข็มจึ๊กจึ๊กเอง...จำได้ว่ากลัวเข็มมากๆ และโรงเรียนก็ไม่บอกล่วงหน้านะว่าจะมีฉีดยาเพราะกลัวเด็กจะโดดเรียน



โดย: narellan วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:20:02:16 น.  

 
blog สวยแปลกตามากเลยครับ

พูดถึงอิสุกอิใส ตอนที่เป็น แม่ให้กินยาเขียว จะได้ ตุ่มจะได้ยุบเร็วๆ


โดย: fedexfc วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:22:11:15 น.  

 
สวัสดีค่ะส้มตำ ลูกๆไม่สบายเป็นคุณสุกคุณใสเหรอค่ะ
หายไวไวน๊า ไม่ค่อยได้มาหาเลยค่ะ ส้มตำสบายดีนะค่ะ


โดย: แม่น้องKevin and Jasmin วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:3:27:02 น.  

 
สวัสดีค่ะทุกๆคน

ยาหยีตอนนี้ทำงานมากขึ้นมาเป็น 80 %
เวลาเลยแทบไม่มีเลยค่ะ

มีโอกาศเลยคว้าไว้ก่อนเพราะงานสำคัญมากสำหรับครอบครัว

มีงานมีเงินครอบครัวมีความสุขเลยต้องทนแหละค่ะแบบว่าปากกัดตีนถีบจริงๆเลยแต่ลูกๆกำลังโตช่วยผ่อนแรงพ่อแม่ได้บ้างค่ะ


โดย: ส้มตำ IP: 84.73.204.107 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:23:39:08 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณ fedexfc

ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
สมัยนี้จะมีคนรู้จักใหมหนอยาเขียวใหญ่ตราใบโพธิ์น่ะ
ตัวเองไม่เคยเห็นมาเกือบยี่สิบปีแล้วค่ะ


โดย: Willkommen IP: 84.73.204.107 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:23:42:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณ narellan
ขอบคุณที่ไม่เคยลืมกันเลย
นี่ก็แทบจะไม่ได้แวะไปหาคุณและเพื่อนๆชาวบล็อคเลยค่ะ

งานยุ่งทั้งสองคนผัวเมียเลยค่ะ
และได้งานเพิ่มมากขึ้นเวลายิ่งน้อยลงไปอีกมากค่ะ

เลยต้องพักผ่อนการผัพบล็อคในบางครั้งค่ะ

บางครั้งก็จะไม่เปิดคอมเม้นเพราะกลัวเพื่อนๆเสียความรู้สึกที่แวะมาทักทายแต่เราไม่ได้แวะไปทักทายใครเลย

แต่ก็คิดคึงคุณและเพื่อนๆอยู่เสมอนะคะ



โดย: ส้มตำ IP: 84.73.204.107 วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:23:49:06 น.  

 


โดย: Willkommen IP: 84.73.204.107 วันที่: 12 มีนาคม 2551 เวลา:4:15:24 น.  

 
ลูกๆ น่ารักดีนะครับ


โดย: khonkean-1 IP: 117.47.10.16 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:18:36:01 น.  

 
เป็นห่วงลูกน้อยมากกว่าว่าจะทรมารกับอีสุกอีไส


โดย: รักลูกน่ะ IP: 125.26.245.140 วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:15:40:48 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ


โดย: แม่แกรม IP: 101.109.101.249 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:58:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Willkommen
Location :
ขอนแก่น

Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]





free counters
Friends' blogs
[Add Willkommen's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.