Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
น้ำมันไทยโชติช่วงชัชวาล (1)

ไชยวัฒน์ตระการรัตน์สันติ, 24 พฤษภาคม 2555
อ่านฉบับเต็มที่ ประชาไท

ราคาน้ำมันในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วย ทั้งจากการเก็งกำไร และต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จึงสร้างความกังวลให้ประชาชนโดยทั่วไป มีการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง ตลอดจนถึงการเรียกร้องให้ลดราคาน้ำมันลงมา

การโต้แย้งในประเด็นนี้มีการอ้างถึงข้อมูลของ มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และ ผศ.ประสาท มีแต้ม นักวิชาการด้านพลังงาน ร่วมเปิดโปงขบวนการปล้นน้ำมันและพลังงานชาติ ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เมื่อวันที่ 4 เมษายน [1] อาทิ

- หน่วยงานพลังสหรัฐ EIA(US Energy Information Administration) จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 24 ของผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติของโลก
- ไทยซื้อก๊าซจากพม่าแพงกว่าจากอ่าวไทย 40%
- ราคาน้ำมันค้าปลีกของไทยแพงที่สุดในอาเซียน โดยอ้างข้อมูลเมื่อ 12 มีนาคม 55 ราคาเบนซิน 95 ไทยขายอยู่ที่ 44.86 บาท มาเลเซีย 19 บาท อินโดนีเซีย 31.70 บาท พม่า 24 บาท

มีคนจำนวนมากเริ่มเชื่อว่าประเทศไทยมีปริมาณน้ำมันและก๊าซจนควรจะกำหนดราคาที่เหมาะสมได้เอง ดังนั้นควรสำรวจสถานการณ์พลังงานของเราเพื่อรับทราบข้อเท็จจริง

แหล่งผลิตกาซและน้ำมันของไทย

สถิติของสำนักบริหารสารเทศพลังงานสหรัฐ (US Energy Information Administration) หรือ EIA สหรัฐ [2] บอกว่า ในปี 2008 ไทยมีความสามารถในการผลิตน้ำมันเป็นอันดับที่ 33 และผลิตน้ำมันดิบเป็นอันดับที่ 39 มีความสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 392,710 บาร์เรลต่อวัน โดยเป็นน้ำมันดิบ 228,830 บาร์เรลต่อวัน ส่วนที่เหลืออีก 163,880 บาร์เรลเป็นคอนเดนเสท หรือก๊าซธรรมชาติเหลว แต่ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำเข้าสุทธิ 540,290 บาร์เรลต่อวัน และปริมาณสำรองมี 460 ล้านบาร์เรล พอสำหรับการบริโภคในอัตราปัจจุบันนาน 1 ปีครึ่ง

ในปี 2009 ได้ 401,570 บาร์เรลต่อวัน เป็นน้ำมันดิบ 237,940 บาร์เรลต่อวัน นำเข้าสุทธิวันละ 511,900 บาร์เรลต่อวัน ข้อมูลนี้ได้แสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 สถิติการผลิตและบริโภคน้ำมันของไทยโดย EIA สหรัฐ

 ปิโตรเลียม (พันบาร์เรลต่อวัน)    2008  2009
 ประเทศไทย  อันดับ  ประเทศไทย
การผลิตน้ำมันทั้งหมด  392.71  33  401.57
 การผลิตน้ำมันดิบ  228.83  39  237.94
 การบริโภค  933  21  913.47 F
 ส่งออก/นำเข้า (-) สุทธิ  -540.29  16  -511.9
 ส่งออกน้ำมันไปสหรัฐ 14 39 23
 กำลังผลิตของโรงกลั่นน้ำมัน 729 26 729
 ปริมาณสำรอง (พันล้านบาร์เรล)  0.46  42  0.44
ที่มา US Energy Information Administration [2]
หมายเหตุ 1 บาร์เรลเท่ากับ 159 ลิตร
     F – คาดการณ์

ในเว็บไซต์นี้บอกว่า ประเทศไทยมีการผลิตก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับที่ 24 ของโลก ผลิตได้วันละ 1,091 ล้าน ลบ.ฟุต แต่บริโภคเป็นอันดับที่ 20 วันละ 1,383 ล้าน ลบ.ฟุต และปริมาณสำรองที่สำรวจแล้วเป็นอันดับที่ 36 มีปริมาณ 12 ล้านล้าน ลบ.ฟุต จากอัตราการบริโภคในปี 2010 (พ.ศ. 2554) จะมีใช้ได้อีก 7 ปี

ตารางที่ 2 สถิติการผลิตและบริโภคก๊าซธรรมชาติของไทยโดย EIA สหรัฐ
 ก๊าซธรรมชาติ    2009  2010
 ประเทศไทย อันดับ
ประเทศไทย
การผลิต (พันล้าน ลบ.ฟุต)
1,091
24
1,281
การบริโภค (พันล้าน ลบ.ฟุต)
1,383
20
1,592
ส่งออก/นำเข้า (-) สุทธิ (พันล้าน ลบ.ฟุต)
-293
21
-311
ปริมาณสำรอง (ล้านล้าน ลบ.ฟุต)
11
36
12
ที่มา US Energy Information Administration

ข้อมูลของ EIA สหรัฐชุดนี้มาจากรายงานด้านพลังงานของกระทรวงพลังงาน เมื่อติดตามข้อมูลการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันของไทย โดยเริ่มจากการจัดหาก๊าซธรรมชาติของ ปตท. พบว่า ปตท. มีสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติอยู่ทั้งสิ้น 15 ฉบับ แบ่งเป็นสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติในประเทศจำนวน 13 ฉบับ ได้แก่ สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งเอราวัณ (ยูโนแคล 1), สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งยูโนแคล 2 และ 3, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งบงกช, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งไพลิน, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งทานตะวัน/เบญจมาศ, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งน้ำพอง, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งภูฮ่อม, สัญญาซื้อก๊าซฯ แหล่งเจดีเอ, สัญญาซื้อก๊าซแหล่งอาทิตย์ และสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติต่างประเทศจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่แหล่งยาดานาและเยตากุน คิดเป็นปริมาณการจัดหาก๊าซฯ เฉลี่ยในปี 2551 เท่ากับ 3,459 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (HV = 1,000 BTU/SCF) [3]

จากข้อมูลในรายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554 กระทรวงพลังงาน [4] สามารถประมวลเป็นรายงานการผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และคอนเดนเสทของปี 2553 แยกตามแหล่งผลิต ตามตารางที่ 3

ตารางที่ 3 รายงานการผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และคอนเดนเสท ประจำปี 2553 แยกตามแหล่งผลิต
 แหล่งผลิต  เริ่มผลิต  น้ำมัน (1)
(บาร์เรล/วัน)
 ก๊าซ (2)
(ล้าน ลบ.ฟุต/วัน)
 คอนเดนเสท (3)
(บาร์เรล/วัน)
 สิริกิตต์
1986  21,808  63
 -
 เอราวัณ
1986
256
11,180
 สตูล
1986
82

 บรรณพต 1987

3,789
 น้ำพอง
1991
18
2,730
 ฟูนาน & จักรวาล
1992
199
6,733
 บงกช
1993
596
19,568
 โกมิน
1995
85
2,519
 ทานตะวัน
1997 3,860


 เบญจมาศ
1999 26,665
76

 ไพลิน
1999
430
22,435
 ตราด
1999

1,567
 โครงการบิ๊กออยด์
2001 36,998


 ยะลา
2002
95

 จัสมิน
2005 13,868


 ภูฮ่อม
2006
87
428
 นาสนุ่น
2007 6,689


อาทิตย์
2008
501
17,508
JDA
2008
649

บัวหลวง
2008 8,327


สงขลา
2008 7,926


บานเย็น
2008 3,891


ชบา
2009 3,739


 อื่นๆ  - 19,403
374
170
รวม
153,174
3,511
88,627
ที่มา รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554 กระทรวงพลังงาน
หมายเหตุ (1) Table 2.1.1-1Y: Production of Crude Oil, รวบรวมโดยสำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน
 (2) Table 3.1-1Y: Production and Import of Natural Gas, รวบรวมโดยสำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน
 (3) Table 2.1.1-2Y: Production of Condensate, รวบรวมโดยสำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน


แหล่งผลิตส่วนใหญ่อยู่ในอ่าวไทย แหล่งผลิตบนบกมีที่แหล่งน้ำพอง ภูฮ่อม จังหวัดขอนแก่น แหล่งนาสนุ่น เพชรบูรณ์

ตามรายงานของ EIA สหรัฐถึงแม้ว่าประเทศจะมีการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในปริมาณมาก แต่ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำเข้าพลังงาน และปริมาณสำรองทั้งน้ำมันและก๊าซมีไม่มากนัก ก๊าซธรรมชาติมีปริมาณสำรองที่สำรวจแล้วพอใช้ในปริมาณปัจจุบันไปอีก 8 ปี และน้ำมันดิบมีปริมาณสำรองที่สำรวจแล้วพอใช้ได้ 2 ปี


ภาพที่ 1 แปลงสำรวจและผลิตก๊าซและน้ำมันบนฝั่ง (ที่มา กรมเชื้อเพลิงพลังงาน กระทรวงพลังงาน)


ภาพที่ 2 แปลงสำรวจและผลิตก๊าซและน้ำมันในอ่าวไทย (ที่มา กรมเชื้อเพลิงพลังงาน กระทรวงพลังงาน)



การผลิตน้ำมันดิบของไทย

ในรายงานสถิติพลังงานของประเทศไทยประจำปี 2554 ได้สรุปการผลิต นำเข้าและส่งออก ในตารางที่ 4 แสดงว่าถึงแม้ประเทศไทยจะมีการผลิตน้ำมันติดอันดับที่ 24 ของโลก แต่ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ

ตารางที่ 4 รายงานการผลิต นำเข้า และส่งออกน้ำมันดิบของไทย ระหว่างปี 2006 - 2010
ปี
ผลิต
นำเข้า
ส่งออก
 2006  204,199  829,300  65,441
 2007  213,408  804,242  52,045
 2008  228,828  811,560
 45,863
 2009  237,941  803,361  41,066
 2010  241,801  816,201  29,956

ที่มา รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554 กระทรวงพลังงาน, Table 2.4-1Y Demand and Supply of Crude Oil and Oil Products, รวบรวมโดย กรมธุรกิจพลังงาน
หน่วย: บาร์เรลต่อวัน



จากตารางนี้ไทยยังคงเข้าผู้น้ำมันดิบประมาณวันละ 8 แสนบาร์เรล ปริมาณน้ำเข้าเพื่อกลั่นใช้ประเทศ และส่งออก โดยประเทศไทยส่งออกในรูปน้ำมันสำเร็จวันละ 2 แสนบาร์เรล ตามตารางที่ 3 ดังนั้นไทยจึงยังคงเป็นนำเข้าน้ำมันสุทธิประมาณ 5 แสนบาร์เรลต่อวันตามรายงานของ US EIA

ในด้านการส่งออกตามตารางที่ 5 รายงานของกระทรวงพลังงานสรุปไทยส่งในรูปน้ำมันสำเร็จรูป ได้แก่ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา วันละ206,049 บาร์เรล ต่อวัน ในปี ค.ศ. 2010

ตารางที่ 5 รายงานการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จ ระหว่างปี 2008 - 2010
 ปี  น้ำมันเบนซิน  น้ำมันดีเซล  น้ำมันเตา   อื่นๆ การส่งออกรวม
 2008  25,406.2 65,411.2
62,283.5
25,685.4
178,786.3
 2009 23,282.2
82,653.6
66,825.9
28,536.4
201,298.1
 2010 23,121.9
94,867.6
 55,728.4 32,331.8
206,049.7
ที่มา รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554 กระทรวงพลังงาน, Table 2.3.4-2Y Export of Petroleum Products, รวบรวมโดย กรมธุรกิจพลังงาน
หน่วย: บาร์เรลต่อวัน

ด้านโรงกลั่นของใช้กำลังผลิตอยู่ที่ประมาณวันละ 9 แสนบาร์เรล ประมาณ 90% ของกำลังการกลั่นวันละ 1,119,500 บาร์เรล

การผลิตน้ำมันดิบของไทยมากขึ้นเป็นประมาณวันละสองแสนบาร์เรลนั้นยังไม่เพียงพอกับการบริโภคในประเทศ การผลิตนี้เป็นการช่วยให้ประเทศไทยลดดุลการค้าเท่านั้น

แต่ไม่พบสารสนเทศในสถานการณ์พลังงานรายเดือนของกระทรวงพลังงานตามข้อมูลในการอภิปรายของ มล.กรกสิวัฒน์ ที่บอกว่า “เอกสารของกระทรวงพลังงานเอง เมื่อมกราคม 2555 ระบุว่าไทยขุดเจาะปิโตรเลียมได้แล้ววันละเกือบ 9 แสนบาร์เรล หรือประมาณ 142 ล้านลิตร”

ในการผลิตน้ำมันดิบของสำนักงานนโยบายพลังงานและแผน ที่รวบรวมมาจากกรมเชื้อเพลิงพลังงาน

ตารางที่ 6 รายงานการผลิตน้ำมันดิบ ระหว่างปี 2006 - 2010
 ปี  โครงการบิ๊กออย  สิริกิตต์  จัสมิน  เบญจมาศ  อื่นๆ รวม
 2006  38,679 18,775
8,649
50,004
12,843
128,950
 2007 39,215
20,511
19,267
42,132
13,438
134,563
 2008 35,559
20,942
18,292
44,960
24,182
143,935
 2009 33,766
21,324
13,637
29,067
56,247
154,041
 2010 36,998
21,808
13,868
26,665
 53,835 153,174
ที่มา รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554 กระทรวงพลังงาน, Table 2.1.1-1Y Production of Crude Oil, รวบรวมโดย สำนักงานนโยบายพลังงานและแผน
หน่วย: บาร์เรลต่อวัน

ตารางที่ 6 ในปี 2008 (พ.ศ. 2551) ผลิตน้ำมันดิบ 143,935 บาร์เรลต่อวัน ในปี 2009 (พ.ศ. 2552) ผลิตได้ 154,041 บาร์เรลต่อวัน แต่ข้อมูลตามตารางที่ 4 ของกรมธุรกิจพลังงาน ปี 2008 ผลิตน้ำมันดิบ 228,828 บาร์เรลต่อวัน และปี 2009 ผลิตได้ 237,941 บาร์เรลต่อวัน เท่ากับมีความแตกต่างมากถึง 80,000 บาร์เรลต่อวัน

รายงานของสำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน ที่รวบรวมมาจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในตารางที่ 6 ต่ำกว่ารายงานการผลิตน้ำมันของกรมธุรกิจพลังงาน ในตารางที่ 4 ประมาณ 40%

จึงเป็นสิ่งที่สมควรตรวจสอบเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรายงานของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติควรจะเป็นรายงานจากการเก็บค่าภาคหลวง ถ้าเป็นเช่นนี้หมายความว่าหน่วยงานรัฐจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าควรจะเป็น 40%


ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ

    ในรายการ “คนเคาะข่าว” กล่าวว่า ราคาน้ำมันค้าปลีกของไทยแพงที่สุดในอาเซียน โดยอ้างข้อมูลเมื่อ 12 มีนาคม 55 ราคาเบนซิน 95 ไทยขายอยู่ที่ 44.86 บาท มาเลเซีย 19 บาท อินโดนีเซีย 31.70 บาท พม่า 24 บาท ต่อมาได้มีการชุมนุมที่หน้าสโมสรกองทัพบก เรียกร้องให้มีการกำหนดราคาน้ำมันที่ ลิตรละ 19 บาทเท่ากับมาเลเซีย

    ราคาน้ำมันในประเทศไทยมีภาระภาษีสูง เช่น เบนซิน 95 มีภาระภาษีต่างๆ รวม 9.95 บาทเมื่อวันที่ 12 มีนาคม และเป็น 11.95 บาท เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เพราะเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีก 2 บาท ตารางที่ 7 แสดงต้นทุนน้ำมันค้าปลีกของวันที่ 12 มีนาคม 2555

 รายละเอียด  เบนซิน 95  เบนซิน 91  แก๊สโซฮอล91  แก๊สโซฮอล95 อี 85  โซล่า
 ราคาหน้าโรงกลั่น  26.9575  26.5244  26.4322  22.8541  27.6998
 ภาษีสรรพสามิต  7.0000  7.0000  6.3000  1.0500  0.0050
 ภาษีเทศบาล  0.7000  0.7000  0.6300  0.1050  0.0005
 กองทุนน้ำมัน  2.0000  2.0000  0.6000  -12.6000  0.6000
กองทุนอนุรักษ์พลังงาน  0.2500  0.2500  0.2500  0.2500  0.2500
 ราคาส่ง  36.9075  36.4744  34.2122  11.6591  28.5553
 ภาษีมูลค่าเพิ่มราคาส่ง  2.5835  2.5532  2.3949  0.8161  1.9989
 ราคาส่งรวมภาษี  39.4910  39.0276  36.6071  12.4752  30.5542
 ค่าการตลาด  5.0177  2.3200  1.7504  10.7521  1.6596
 ภาษีมูลค่าเพิ่ม  0.3512  0.1624  0.1225  0.7526  0.1162
 ราคาค้าปลีก  44.8600  41.5100  38.4800  23.9800  32.3299
ที่มา สำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน กระทรวงพลังงาน, Price Structure of Petroleum Products in Bangkok [5]
หน่วย: บาท

ราคาน้ำมันในประเทศจะอ้างอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ ด้วยเหตุผลว่า ราคาสิงคโปร์เป็นราคาตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายจึงเป็นการสะท้อนกลไกตลาด

ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางร้อยละ 80 ดังนั้น ราคาน้ำมันดูไบสามารถใช้เทียบเคียงกับราคาน้ำมันในประเทศได้เช่นกัน โดยใช้สูตร ราคาน้ำมันดูไบ บวกค่ากลั่น ซึ่งข้อมูลจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บอกว่าอยู่ที่ 6 เหรียญต่อบาร์เรล

ตารางที่ 8 ราคาน้ำมันเบนซิน วันที่ 3 พฤษภาคม 2555
 น้ำมันเบนซิน 95  ราคา (บาท/ลิตร)
 ราคาน้ำมันสิงคโปร์(1)  25.0862
 ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นไทย(2)  26.7053
 ราคาน้ำดิบดูไบ + ค่ากลั่น (3)  22.2014
หมายเหตุ  (1) ข้อมูลของโรงกลั่นไทยออยด์ [6] ราคาเบนซินในตลาดจรสิงคโปร์ 130.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 30.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
    (2) ข้อมูลของสำนักงาน นโยบายพลังงานและแผน กระทรวงพลังงาน
    (3) ข้อมูลของโรงกลั่นไทยออยด์ ราคาน้ำมันดิบดูไบ 115.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่ากลั่น 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 30.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

ข้อมูลตามตารางที่ 8 พบว่า ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นไทยแพงกว่าน้ำมันสิงคโปร์ลิตรละ 1.6 บาท และแพงกว่าสูตรราคาน้ำมันดูไบ บวกค่ากลั่นลิตรละ 4.50 บาท และเข้าใจได้ว่าทำไมพม่าสามารถขายน้ำมันลิตรละ 24 บาทที่ต่ำกว่าราคาน้ำมันในสิงคโปร์ ทั้งที่พม่านำเข้าน้ำมันเพียงวันละ 16,000 บาร์เรล

สิ่งที่น่าสนใจคือ ราคาน้ำมันมาเลเซียที่ลิตรละ 19 บาท ราคานี้ควรจะเกิดจากรัฐบาลมาเลเซียไม่ได้เก็บภาษีจากน้ำมันเหมือนประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียและเปโตรนัส มาเลเซียไม่ได้กังวลกับการแพร่กระจายของน้ำมัน ถ้ามีการอุดหนุนจากรัฐ หรือภาระกับเปโตรนัสแล้ว น่ามีการปรับราคาหรือสกัดจับ แต่พบว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์เป็นฝ่ายกระตือรือร้นต่อการสกัดกั้นการเติมน้ำมันจากมาเลเซีย จากข่าวตำรวจสิงคโปร์ต้องค่อยวัดระดับน้ำมันขาออกและขาเข้าเพื่อตรวจการลักลอบนำเข้าน้ำมัน

ในราคาขายปลีกน้ำมันมาเลเซีย ถ้าหักค่าการตลาดและภาษีมูลค่าออก 3 บาท เท่ากับราคาโรงกลั่นมาเลเซียควรอยู่ที่ 16 บาท ดังนั้น ราคาหน้าโรงกลั่นไทยแพงกว่ามาเลเซีย ไม่น้อยกว่า 10 บาท จากราคานี้สามารถประเมินได้ว่ามาเลเซียส่งออกด้วยราคา 84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไม่มีเหตุผลในกำหนดราคาสูงกว่าตลาดสิงคโปร์ เนื่องจากโรงกลั่นเหล่านี้ส่งออกในราคาต่ำกว่าตลาดสิงคโปร์ไปยังเพื่อนบ้าน ดังนั้น ควรจะพิจารณาใช้ราคาอ้างอิงจากต้นทุนจริง

ถ้าเป็นได้คือเพิ่มการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย ที่มีราคาต่ำกว่าน้ำมันดูไบมากขึ้น ที่ทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันลดลง เช่น นำเข้าเป็นร้อยละ 50 จะทำให้ราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณลิตรละ 19 บาท ภาระของผู้บริโภคจะลดลงประมาณลิตรละ 8 บาท

สำหรับข้อเสนอให้ตรึงราคาน้ำมันขายปลีกที่ลิตรละ 19 บาทเท่ากับมาเลเซียจะเป็นข้อเสนอที่ไม่คำนึงถึงภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น จึงเป็นข้อเสนอที่ไม่สอดคล้องสภาวะการคลังของประเทศ


อ่านต่อ น้ำมันไทยโชติช่วงชัชวาล (2)

อ้างอิง

[1] ASTV ผู้จัดการออนไลน์, ผู้เชี่ยวชาญชำแหละโจรปล้นพลังงาน ชี้ชัดไทยส่งออกรายใหญ่แต่คนในชาติกลับจ่ายแพงสุด, 5 เมษายน 2555 (//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000042947)
[2] US Energy Information Administration, Country Analysis Brief / Thailand (//205.254.135.7/countries/country-data.cfm?fips=TH&trk=p1#pet)
[3] ปตท., การจัดหาก๊าซ (//www.pttplc.com/th/about-ptt-business-operations-gas-unit-natural-gas-procurement.aspx)
[4] กระทรวงพลังงาน, Energy Statistics of THAILAND 2011 (รายงานสถิติพลังงานของประเทศไทย 2554), (//www.eppo.go.th/info/cd-2011/index.html)
[5] สำนักงานนโยบายพลังงานและแผน กระทรวงพลังงาน, Price Structure of Petroleum Products in Bangkok (//www.eppo.go.th/petro/price/index.html)
[6] iwebgas.com, รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน (//www.iwebgas.com/oil/oil.html)





Create Date : 04 มิถุนายน 2555
Last Update : 6 มิถุนายน 2555 19:00:55 น. 0 comments
Counter : 1638 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

wideteam
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add wideteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.