เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
ตุลาคม 2559
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
30 ตุลาคม 2559

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 53










เสียงยามเคาะแผ่นเหล็กสิบสองครั้งบอกเวลาเที่ยงคืน  ท่านพระครูจึงบอกอาจารย์ชิตว่า  "สองยามแล้ว โยมควรจะพักผ่อนเสียที พรุ่งนี้อาตมาจะให้ขึ้นกรรมฐานแล้วก็จะปรุงยารักษาโรคให้ เอาละ เดี๋ยวอาตมาจะไปเอาเครื่องนอนมาให้ นอนตรงหน้าอาสนะนี่แหละ"



ท่านลุกจากเดินเข้าไปในห้องนายขุนทอง ครู่หนึ่งก็ออกมาจากห้องพร้อมเครื่องนอนหนึ่งชุด อาจารย์ชิตรับของจากมือท่านแล้วจัดการปูเสื่อและกางมุ้ง เขากราบท่านสามครั้งด้วยความซาบซึ้งในพระคุณอย่างหาที่สุดมิได้

"เอาละ นอนได้แล้ว อาตมาจะให้การบ้านตั้งแต่คืนนี้เลย"
"การบ้านอะไรครับ" ชายวัยหกสิบไม่เข้าใจ


"ก็ให้โยมเริ่มปฎิบัติกรรมฐานเสียตั้งแต่คืนนี้เลยน่ะสิ วิธีปฎิบัติคือให้เอามือวางไว้ที่หน้าท้อง สังเกตอาการพอง-ยุบขณะที่หายใจเข้าออก เมื่อท้องพองโยมก็ว่าในใจว่า พอง-หนอ เมื่อยุบก็ว่า ยุบ-หนอ ทำแบบนี้ไปจนกว่าจะหลับ ไม่ต้องไปสนใจความเจ็บปวดที่คอ ให้เอาสติมาไว้ที่ท้องตลอดเวลา พยายามทำให้ได้ นี่แหละคือการบ้าน อาตมาจะขึ้นไปทำงานต่อละ"

"หลวงพ่อยังไม่จำวัดหรือครัล"

"ยังหรอกโยม อาตมาไม่เคยนอนต่ำกว่าตีสอง บางคืนก็ทำงานจนถึงตีสี่ ซึ่งเป็นเวลาปฎิบัติกรรมฐานพอดี ก็เลยไ่ม่ต้องนอน เอาละ พักผ่อนเถอะ อาตมาจะขึ้นข้างบนเสียที"

ท่านปิดไฟห้องรับแขกแล้วพูดกับ 'บุรุษผู้มากับก้อนหิน' ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า 'ช่วยดูแลแขกของอาตมาด้วยนะ เขากำลังป่วยหนัก'

"ครับ กระผมจะดูแลอย่างดีที่สุด ขอพระคุณเจ้าอย่าได้เป็นกังวลเลยขอรับ' บุรุษผู้นั้นรับคำ เขานั่งประนมมือหมอบอยู่ตรงประตูทางขึ้น

"เอาละ ขอบใจ เป็นยังไงบ้าง ปฏิบัติกรรมฐานไปถึงไหนแล้ว ไม่เห็นมาให้สอบอารมณ์เลย.

"กระผมเกรงใจพระคุณเจ้าน่ะขอรับ เห็นทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน การปฎิบัติกรรมฐานของกระผมก็ก้าวหน้าดีขอรับ หากบรรลุญาณ 16 เมื่อไหร่ ก็คงจะต้องขอกราบลา"

"แล้วจวนหรือยังล่ะ"
"จวนแล้วขอรับ คิดว่าอีกไ่นานคงได้"
"แล้วไม่ห่วงคู่รักหรือ ไปแล้วไม่ห่วงคนที่มากับเสานั่นหรือ" ท่านหมายถึงเสาตกน้ำมัน ที่พิงอยู่ใต้ต้นปีบหลังกุฎิ
"เรานัดกันแล้วขอรับ กระผมจะไปรอเธอที่สวรรค์ชั้นดุสิต เธอบอกจะอยู่รับใช้หลวงพ่อไปก่อน เธอช่วยกวาดบริเวณวัดถูกคืนเลยนะขอรับ"

"อาตมารู้แล้ว ฝากขอบใจเขาด้วย ลานวัดสะอาดสะอ้านขึ้นมาก ตั้งแต่เขามาอยู่ เอาเถอะ พากันสร้างบารมีเข้าไว้ให้มากๆจะได้ไม่ต้องตกลงไปในภพภูมิต่ำ อย่าลืมดูแลแขกของอาตมาด้วย จะขึ้นไปทำงานละ" พูดจบท่านก็ขึ้นไปชั้นบน


อาจารย์ชิตไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน เอามือวางบนท้องสังเกตอาการเคลื่อนไหวของมันดังที่หลวงพ่อสอน นับตั้งแต่ถูกโรคร้ายรุมเร้าเขากลายเป็นคนโกรธง่าย เจ้าโทสะ ฉุนเฉียว จนลูกเมียเข้าหน้าไม่ติด ห้าปีเต็มที่ต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานและสิ้นหวัง ขะรอยคงเป็นบุญเก่าที่นำให้มาพบพระภิษุผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมเช่นท่านพระครู


เป็นวันแรกที่เขารู้สึกสบายใจและมีความหวังว่าชีวิตจะปลอดภัยจากโรคมะเร็งร้าย ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น บุรุษวัยหกสิบรู้สึกว่ามีคนเอาสำลีชุบน้ำอุ่นมาเช็ดแผลที่คอ ซึ่งมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มอยู่ตลอดเวลาและส่งกลี่นเหม็นอย่างร้ายกาจ เขาพยายามจะลืมตาขึ้นมาดูว่าเป็นผู้ใด แต่ก็รู้สึกว่าเปลือกตาหนักจนลืมไม่ขึ้น จะว่าเป็นเจ้าหนุ่มกะเทยคนนั้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแกแสดงท่าทีร้งเกียจจนต้องหนีขึ้นไปนอนข้างบน คงเป็นหลวงพ่อผู้มีจิตเปี่ยมด้วยเมตตานั่นเอง แล้วเขาก็ผล็อยหลับไปอย่างมีความสุข ที่ไ่ม่เคยได้สัมผัสมาห้าปีเต็ม


เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงนั่งเขียนหนังสือจนถึงตีสอง จากนั้นจึงลงมาล้างมือล้างเท้าที่ห้องน้ำใต้บันได เพื่อเตรียมจำวัด ขณะเอนกายลงอย่างมีสตินั้น บัดดลก็ให้รู้สึปิติซาบซ่านทั่วสรรพางค์ จึงใช้ 'เห็นหนอ' ตรวจสอบดู พระบัวเฮียวนั่นเองที่เป็นต้นเหตุของความรู้สึกเช่นนี้ ท่านจึงพูดในใจว่า

 "ขอบใจมากบัวเฮียวที่แผ่เมตตามาให้ แต่คงไม่มีใครช่วยฉันได้หรอก ใครเลยจะฝืนกฎแห่งกรรมได้ ฉันรู้ตัวดี วันเสาร์ี่ที่สิบสี่ตุลาคม 2521 เวลา 12.45 น. ฉันจะต้องคอหักตายเพราะอุบัติเหตุรถคว่ำ ต้องตายอย่างแน่นอน ฉันตรวจสอบดูแล้ว"

ก่อนเข้าสู้ห้วงนิทรารมณ์ ท่านหวนระลึกถึงพุทธวจนะที่ว่า "ตนทำบาปเอง ตนก็เศร้าหมองเอง ตนไม่ทำบาป ตนก็บริสุทธิ์เอง ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน คนอื่นจะให้คนอื่นบริสุทธิ์แทนไม่ได้"

เมื่อท่านพระครูกลับจากบิณฑบาต นายสมชายจัดสำรับถวายท่านแล้วนั่งคอยรับใช้อยู่ห่างๆ อาจารย์ชิดยังคงนอนหลับอยู่อย่างมีความสุข และท่านก็ไม่ต้องการรบกวนเขา เพราะเรู้ว่าเขาไม่ได้หลับสบายเช่นนี้มาห้าปีแล้ว

เมื่อท่านฉันเสร็จอาจารย์ชิตก็ตื่นพอดี เขารีบออกตัวว่า "ผมตื่นสายขนาดนี้เชียวหรือครับ ต้องขอประทานโทษ เพราะหลับสบายดีเหลือเกิน"

เขาลุกขึ้นเก็บที่นอน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนไม่ใช่คนที่กำลังป่วยหนัก จากนั้นจึงหยิบแปรงและยาสีฟันออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า ท่านพระครูชี้ไปที่ห้องน้ำใต้บันได พลางกล่าวอนุญาตให้เขาเข้าไปใช้ได้

"หลวงพ่อให้เขาใช้ทำไม เดี๋ยวก็เหม็นแย่" นายสมชายติง

พอดีนายขุนทองทำความสะอาดกุฏิชั้นบนเสร็จและลงมาข้างล่าง เมื่อรู้ว่าอาจารย์ชิตเข้าใช้ห้องน้ำใต้บันได ก็โวยวายว่า "หนูไม่ยอมนะ ทำไมหลวงลุงถึงทำแบบนี้"

"เบาๆหน่อยเจ้าขุนทอง ยังไงก็เห็นแก่หน้าข้ามั่ง" ท่านพระครูปราม "มันห้องน้ำของข้า พวกเอ็งมาเดือดร้อนอะไรด้วย"

"ดีแล้ว งั้นหลวงลุงทำความสะอาดเองก็แล้วกัน หนูไม่ทำอีกแล้ว"
"ผมก็ไม่ทำเหมือนกัน" นายสมชายสมทบ

"เอาละ ไม่เป็นไร พวกเอ็งไม่ทำ ข้าทำของข้าเองก็ได้ จะได้รูว่าคนอย่างพวกเอ็งนั้นเลี้ยงเสียข้าวสุก จิตใจไร้ความเมตตา เขาทุกข์เพราะโรคร้ายก็ทรมานพอแล้ว ยังจะมาทุกข์เพราะกิริยาท่าทางของพวกเอ็งอีก เสียแรงที่อยู่ใกล้ข้า แต่ไม่เอาเยี่ยงอย่างข้าเลยแม้แต่น้อย ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดูบ้างซิ ถ้าพวกเอ็งเป็นอย่างเขาจะรู้สึกอยังไง"

ท่านพระครูเทศน์เสียยืดยาวจนชายหนุ่มทั้งสองได้คิด เขาก้มลงกราบขอขมา "ผมผิดไปแล้วครับ หลวงพ่อกรุณายกโทษให้ผมด้วย" นายสมชายกล่าว

"หนูก็ผิดไปแล้วฮ่ะหลวงลุง หนูกราบขอขมา" นายขุนทองพูดบ้าง

พอดีอาจารย์ชิตออกมาจากห้องน้ำ เขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่ก็ไม่ถือสา เขาเข้าใจความรู้สึกของคนทั้งสองดี แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ เขาคงโกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปแล้ว

"ผมหลับสนิทตลอดคืนเลยครับหลวงพ่อ รู้สึกตัวเหมือนกัน ตอนที่หลวงพ่อเช็ดแผลให้ผม ผมอยากจะกล่าวขอบคุณ แต่ปากมันหนักจนพูดไม่ออก ตาก็ลืมไม่ขึ้นด้วยครับ"

"อ้อ งั้นหรือ มีคนมาพยาบาลตอนหลับหรือ" ท่านพระครูถามยิ้มๆ ท่านรู้ว่าใครคือบุคคลผู้นั้น
"ไม่ใช่หลวงพ่อหรอกหรือตรับ" อาจารย์ชิตสงสัย
"อาตมาไม่ได้ลงมาเอง แต่ส่งคนอื่นมาทำแทน เอาเถอะ ไม่ต้องซักถามอะไร"

สองหนุ่มมองตากัน แล้วหนุ่มกะเทยก็โพล่งออกมาว่า "สงสัยจะเป็นนายก้อนหินมั้ง หลวงลุง"
"ก้อนหินไหนครับ" อาจารย์ชิตถาม

ท่านพระครูขยิบตาใส่หลายชาย เป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดต่อ แต่หลานชายไม่เห็น จึงกล่าวต่อไปว่า "ก็ที่ครูสองผัวเมียเอามาถวายหลวงลุงนั่นไง ที่อยู่..." พูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกนายสมชายสะกิดอย่างแรงจนต้องหยุดพูด

"อย่าไปฟังเจ้าขุนทองเลยโยม ธาตุมันไม่ค่อยดี เลยชอบพูดเพ้อเจ้ออยู่เรื่อย"

นายขุนทองอ้าปากจะเถียง แต่นายสมชายตัดบทว่า "เราไปกินข้าวที่หอฉันกันเถอะ จะได้ให้อาจารย์กินที่นี่"

แล้วนายสมชายก็จัดสำรับที่ท่านพระครูฉันเสร็จแล้วให้อาจารย์ชิต ตัวเขากับนายขุนทองพร้อมใจกันเดินไปรับประทานอาหารที่หอฉัน ร่วมกับเด็กวัดคนอื่นๆ

"ทานอาหารเสียก่อน เดี๋ยวจะให้ขึ้นกรรมฐาน ทานได้หรือเปล่า หรือจะเอาข้าวต้ม"

"ไม่ต้องหรอกครับหลวงพ่อ ผมเบื่อข้าวต้มจะแย่แล้ว วันนี้จะขอทานน้ำพริกผักต้มดู คงไม่มีปัญหาอะไร"

แล้วเขาก็ลงมือรับประทาน รู้สึกรสชาติถูกปากจนรับประทานได้หลายคำ ทั้งที่ยังเจ็บคออยู่ เสร็จแล้วก็เตรียมเก็บถ้วยจานจะเอาไปล้าง

"เอาไว้นั่นแหละ ไม่ต้องทำหรอก ประเดี๋ยวสองคนนั่นเขามาจัดการเอง"

พอดีนายขุนทองเดินเข้ามา ท่านจึงถามว่า "สมชายไปไหนเสียล่ะ"

"ไปหาต้นใต้ใบกับไมยราบมาให้หลวงลุงฮะ บอกให้หนูมาเก็บสำรับ"


นายขุนทองยกสำรับออกไปวางบนโต๊ะหลังห้องรับแขก ครอบด้วยฝาชีทำจากตอกไม้ไผ่ แล้วจึงเก็บถ้วยชามที่ใช้แล้วออกไปล้างข้างตุ่มน้ำหลังกุฏิ เขารู้สึกหายใจโล่งหน่อยเมื่อห่างจากบุรุษนั้นออกมา แต่ถึงอย่างไร วันนี้ก็ยังดีกว่าวันวาน อาจเป็นเพราะจมูกเขาเริ่มชินกับกลิ่นเน่านั้นก็ได้

ครู่ใหญ่ นายสมชายก็หอบพืชสมุนไพรสองชนิดเข้ามาในกุฏิ

"เอาไปที่โรงครัว สับให้ละเอียดแล้วผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นนำไปคั่วให้เหลือง แล้วค่อยเอามาที่นี่ อย่าให้ปนกันนะ" ท่านพระครูสั่งการ

นายสมชายจึงหอบของดังกล่าวไปที่โรงครัว

"ขุนทอง ช่วยไปตามพระบัวเฮียวมาช่วยนำโยมขึ้นกรรมฐาน แล้วจัดพานดอกไม้ธูปเทียนมาด้วย" ท่านสั่งหลานชายที่เพิ่งเสร็จจากการล้างจาน

"ให้หลวงพี่จัดพานมาด้วยหรือฮะหลวงลุง รู้สึกว่าหลวงพี่จะไม่มีพานนะฮะ"
"ข้าให้เอ็งจัดต่างหาก"
"ก็หลวงลุงสั่งไม่ชัดเจน ทีหลังพูดให้ชัดๆนะฮะ"
"ข้าก็ว่าข้าพูดชัดเจนแล้วนา หรือโยมว่าไง" ท่านหันไปถามอาจารย์ชิต

ชายวัยหกสิบไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม เพราะเกรงนายขุนทองจะโกรธ 

"เห็นไหมหลวงลุง ที่โยมเขานิ่งก็แปลว่าเขาเห็นด้วยกะหนู ใช่ไหมฮะ" เขาหาพวก
ท่านพระครูตัดบทว่า "เอาเถอะๆ อย่ามัวมาต่อนัดต่อแนงอยู่เลย ไปตามพระบัวเฮียวแล้วไปเก็บดอกไม้มา พานและธูปเทียนมีอยู่ที่นี่แล้วไง ข้าสั่งชัดเจนหรือยังคราวนี้"

"ชัดเจ๋งเป้งเลยฮะ" หลานชายใช้ศัพท์ทันสมัย พร้อมหัวเราะคิกคัก จากนั้นจึงลุกออกไปทำตามคำสั่ง

"เดี๋ยวโยมรับศีลแปดนะ ไหวไหม อาตมาอยากให้โยมแข็งใจหน่อย ถ้าถือศีลแปดจะหายเร็วกว่าศีลห้า เพราะการประพฤติพรหมจรรย์ มันเอื้อต่อการปฏิบัติ"

"ไหวครับหลวงพ่อ ปกติผมก็ไม่ค่อยได้รับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่แล้ว จะได้เตรียมตัวไว้ตอนบวชเลย" อาจารย์ชิตรับคำแข็งขัน

พระบัวเฮียวรู้ว่าอย่างไรเสียก็จะต้องถูกเรียกไปสอบแก้ตัวอีก ดังนั้น หลังจากฉันเช้าเสร็จท่านจึงนั่งสมาธิหนึ่งชั่วโมง โดยไม่เดินจงกรม ถอนจิตออกจากสมาธิแล้วก็แผ่เมตตาให้ตัวเองและอาจารย์ชิต พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้สอบผ่าน นายขุนทองมาถึงตอนที่ท่านแผ่เมตตาเสร็จพอดี

"หลวงพี่ฮะ หลวงลุงให้มาตามไปนำโยมคนนั้นขึ้นกรรมฐานฮะ" หนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดรายงาน

"ขุนทอง อย่าไปเรียกเขาแบบนั้นเลย เขาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี เขาเป็นอาจารย์ไม่ใช่หรือ เรียกเขาว่าอาจารย์ดีกว่านะ" พระบัวเฮียวปรามและเสนอแนะ

"ตกลงฮะ จริงของหลวงพี่ ไอ้หนูมันก็กระโถนปากแตกเสียด้วย เมื่อเช้าก็ถูกหลวงลุงเทศน์เพราะเรื่องนี้ เดี๋ยวหลวงพี่ไปเลยนะฮะ หนูจะไปเก็บดอกไม้ก่อน" เขาไหว้หนึ่งครั้งแล้วเดินจากไป

พระบัวเฮียวเดินกำหนด 'ขวา-ซ้าย' ไปยังกุฏิของอุปัชฌาย์ ครั้นถึงจึงกราบสามครั้งแล้วนั่งลงตรงที่เคยนั่ง ชะรอยท่านคงจะปฎิบัติก้าวหน้าขึ้นมาก จึงสามารถทนต่อกลิ่นนั้นได้ดีกว่าเมื่อวาน รู้สึกว่าความเหม็นของมันจะลดลงกว่าครึ่ง

อาจารย์ชิตกราบผู้มาใหม่สามครั้งโดยไม่ต้องรอให้ท่านพระครูบอก ครู่หนึ่งนายขุนทองก็ถือดอกไม้เข้ามา เป็นดอกเข็มกับดอกดาวเรือง เขาจัดการนำมาใส่พานพร้อมธูปและเทียน พระบัวเฮียวจึงกล่าวนำอาจารย์ชิตขอกรรมฐาน และท่านพระครูให้ศีล

"เอาละ ทีนี้ก็จะลงมือปฏิบัติกันเลย บัวเฮียว เธอกลับที่พักได้แล้ว เป็นอันว่าเธอสอบผ่าน" ท่านพระครูบอกภิกษุหนุ่ม

"หลวงพ่อจะสอนโยมเองหรือครับ" พระบัวเฮียวถาม เพราะปกติท่านพระครูจะให้ท่านเป็นผู้สอน

"ถูกแล้ว รายนี้ต้องสอนเป็นพิเศษ เพราะเขาป่วย มีเรื่องต้องแนะนำนอกเหนือไปจากสอนคนปกติ อ้อ...แล้วก็ขอขอบใจนะที่แผ่เมตตามาให้เมื่อคืนนี้"

ท่านไม่ได้พูดต่อหรอกว่าการทำกรรมแทนกันนั้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจทำได้ เพราะ 'คนอื่นจะให้คนอื่นบริสุทธิ์แทนไม่ได้' ที่ไม่พูดก็เพราะไม่ต้อง การทำให้คนเป็นศิษย์เสียกำลังใจ

พระบัวเฮียวจึงเดินกลับกุฏิด้วยจิตใจที่ผ่องแผ้ว ท่านมิได้กำหนด 'ขวา-ซ้าย' เหมือนเมื่อตอนขามา หากเปลี่ยนมากำหนด 'ดีใจหนอ สอบผ่านแล้วหนอ' แทน


"เอาละ อาตมาจะสอนให้โยมเดินจงกรมและนั่งสมาธิ แต่ขอเกริ่นไว้่ก่อนว่าโยมต้องอดทนมากๆ ยิ่งปฏิบัติโยมก็จะยิ่งมีทุกขเวทนาเพิ่มขึ้น คือแผลที่คอมันจะปวดมากกว่าเดิมหลายเท่า โยมก็อย่าท้อถอย ตั้งสติสู้กับมัน นึกเสียว่าเราทำกรรมเอาไว้และกำลังชดใช้กรรม ยิ่งปวดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะถ้าไม่ปวดแสดงว่าจะไม่หาย ขอให้โยมจำไว้ให้ดี พอจะทำได้หรือเปล่า"

"ครับ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด กำลังใจผมดีขึ้นเป็นกอง คิดว่าคงสู้กับมันได้" เขาหมายถึงโรคร้าย


"นั่นต้องยังงั้น อย่าลืมว่าใจนี่สำคัญที่สุดเลยนะ ไม่ว่าจะทำะไรก็ตาม ถ้ากำลังใจดีก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว พระพุทธองคฺ์จึงทรงสอนไว้ว่า 'ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วแต่ใจ ถ้าบุคคลมีจิตผ่องใส กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม สุขย่อมไปตามบุคคลนั้น เพราะสุจริตสามอย่างนั้นเหมือนเงา มีตามปกติไปตามฉะนั้น' เจ้าอาวาสวัดป่ามะม่วงยกพุทธพจน์มาอ้าง เพื่อเป็นกำลังใจแก่คนป่วยหนัก  


บ่ายวันเดียวกันนั้น ที่กุฏิท่านพระครูร้างผู้คน เพราะบรรดาผู้มีทุกข์ทั้งหลายไม่อาจทนกับกลิ่นเหม็นจากแผลที่คออาจารย์ชิตได้ ท่านพระครูตั้งใจจะทดสอบความอดทนของพวกเขา จึงไม่ยอมเปลี่ยนไปรับแขกที่ศาลาการเปรียญ ตามที่มีผู้เสนอแนะ นายสมชายกับนายขุนทองจึงไม่ต้องทำหน้าที่คอยบริการแขก ทั้งสองช่วยกันทำความสะอาดกุฏิและขัดห้องน้ำ ทั้งยังตกลงกันว่าคืนนี้จะกลับมานอนยังที่ของตน


"ในเมื่อหลวงพ่อท่านทนได้ เราก็ต้องทนได้ จริงไหมขุนทอง" สมชายพูดเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้คนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ยิน

"จริงฮะ จริงร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แหม..หนูชักอยากให้อาจารย์ชิตแกอยู่ที่นี่นานๆ เราจะได้ไม่ต้องรับแขก แล้วหลวงลุงก็จะได้มีเวลาพักผ่อน"


"พูดอย่างนั้นมันก็ไม่ดี อย่าลืมว่าญาติโยมที่มาหาหลวงพ่อเพราะเขามีทุกข์นะ แล้วหลวงพ่อท่านก็ช่วยแนะนำให้พวกเขาหายทุกข์ ซึ่งจะหายมากหายน้อยก็ขึ้นกับว่าเขาปฏิบัติได้แค่ไหน หรือบางคนไม่นำไปปฎิบัติเลย ก็ต้องทุกข์กันต่อไป เอ็งไปพูดอย่างนั้นก็เหมือนกับขาดเมตตาธรรม" นายสมชายอธิบาย

"จริงของพี่ ถ้าพวกเขาไม่มา หลวงลุงท่านก็ไม่ได้สร้างบารมี จริงไหม การช่วยคนให้พ้นทุกข์ เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง ใช่ไหม"

"ถูกแล้ว แหม...เดี๋ยวนี้เอ็งชักเก่งขึ้นนะ เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคนละคนกันเลย" นายสมชายชม

"คนเรามันก็ต้องมีการพัฒนากันบ้างแหละพี่ จะให้งี่เง่าอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง" นยขุนทองว่า

"จริงซิ แต่ข้าว่าเพราะเอ็งได้มาอยู่กับหลวงพ่อด้วยแหละ เพราะข้าเองก็ก็รู้สึกตัวเหมือนกันว่าถ้าไม่ได้มาอยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ ป่านนี้อาจกลายเป็นโจรห้าร้อยไปแล้วก็ได้"

"ทำไมต้องห้าร้อยล่ะพี่ สองร้อยสามร้อยไม่ได้หรือ" นายขุนทองเริ่มยวน

"คงได้มั้ง แต่ข้าไม่เคยได้ยินใครเขาพูดว่าไอ้โจรสองร้อยหรือไอ้โจรสามร้อย ได้ยินแแต่ไอ้โจรห้าร้อย"

เสียงร้องครวญครางให้ท่านพระครูช่วยดังมาจากหน้ากุฎิ นายสมชายจึงใช้นายขุนทองให้ออกไปดู นายขุนทองละมือจากการล้างห้องน้ำแล้วเดินออกไป พอเปิดประตูออกมาก็ร้องกรี๊ด

"ว้าย ตาเถรหกคะเมนตีลังกา ตายแล้ว ตายแล้ว นางมณโฑนมโตข้างเดียว"





ผู้ประพันธ์  :  ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
(หมวด หนังสือ)







 

Create Date : 30 ตุลาคม 2559
32 comments
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2559 10:21:48 น.
Counter : 1449 Pageviews.

 


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Food Blog ดู Blog

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: newyorknurse 30 ตุลาคม 2559 4:05:55 น.  

 

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
กำลังสนุกเชียวค่ะ อนุโมทนาบุญในวันพระนะคะ

 

โดย: หอมกร 30 ตุลาคม 2559 8:08:35 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชมพร Cartoon Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Home & Garden Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


แวะมาส่งกำลังใจค่า

 

โดย: mariabamboo 30 ตุลาคม 2559 8:17:12 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ขอช่วยชี้คำที่พิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตกหล่นนะคะ

"หลวงพ่อยังไม่จำวัดหรือครัล"

"จวนแล้วขอรับ คิดว่าอีกไ่นานคงได้"

เธอช่วยกวาดบริเวณวัดถูกคืนเลยนะขอรับ"

ขะรอยคงเป็นบุญเก่าที่นำให้มาพบพระภิษุ

จะว่าเป็นเจ้าหนุ่มกะเทยคนนั้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ขณะเอนกายลงอย่างมีสตินั้นบัดดลก็ให้รู้สึปิติ

เพราะเรู้ว่าเขาไม่ได้หลับสบายเช่นนี้มาห้าปีแล้ว

จะได้รูว่าคนอย่างพวกเอ็งนั้นเลี้ยงเสียข้าวสุก

ถ้าพวกเอ็งเป็นอย่างเขาจะรู้สึกอยังไง"

จะให้งี่เง่าอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง" นยขุนทองว่า


ขอบคุณมากนะคะที่คัดลอกมาให้อ่าน สนุกทุกตอนเลยค่ะ

ส่งกำลังใจให้ค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
เตยจ๋า Topical Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Technology Blog ดู Blog
Opey Klaibann Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
เหมือนพระจันทร์ Diarist ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Book Blog ดู Blog
toor36 Music Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้าฺ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: เรียวรุ้ง 30 ตุลาคม 2559 16:22:35 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Book Blog ดู Blog
toor36 Music Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: ปรัซซี่ 30 ตุลาคม 2559 18:14:00 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 30 ตุลาคม 2559 18:45:18 น.  

 

คงต้องว่า อยู่ใกล้พระ ก็ได้รับธรรมะเข้าไปมั่งนะคะ
จิตใจโน้มเอียงเข้าข้างดี



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
moresaw Funniest Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ที่เห็นและเป็นมา 31 ตุลาคม 2559 11:23:58 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

-----------------------------------

แวะมาอ่านและส่งกำลังใจค่า
ทิ้งท้ายไว้ให้เป็นปริศนาชวนติดตามนะคะ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 31 ตุลาคม 2559 13:09:18 น.  

 

ส่งกำลังใจก่อนนะคะ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Craft Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
Tui Laksi Sports Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
กลับมาอ่านตอนกลางวันค่ะ

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 2 พฤศจิกายน 2559 0:42:32 น.  

 

ส่งกำลังใจให้คุณแว่นฟ้าค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Technology Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: mambymam 2 พฤศจิกายน 2559 11:47:47 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ 

ผู้เขียน Blogหมวดเนื้อหาBlog ได้รับโหวต
ควายเฒ่าLiterature Blogดู Blog
QuelKlaibann Blogดู Blog
babybeehFood Blogดู Blog
life for eat and travelParenting Blogดู Blog
mcayenne94Home & Garden Blogดู Blog
The Kop CivilMovie Blogดู Blog
เวียงแว่นฟ้าBook Blogดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: pantawan 2 พฤศจิกายน 2559 23:44:26 น.  

 

ผู้ประพันธ์ : ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม
(หมวด Literature)

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

 

โดย: เศษเสี้ยว 3 พฤศจิกายน 2559 0:21:49 น.  

 



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า แวะมาอ่านต่อค่ะ กำลังสนุกเลยค่ะแล้วจะมาอ่านต่อนะคะ

หลับฝันดีค่ะ

 

โดย: กิ่งฟ้า 4 พฤศจิกายน 2559 2:09:00 น.  

 


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


วันนี้มาส่งกำลังใจก่อนนอนค่ะ

 

โดย: AppleWi 5 พฤศจิกายน 2559 21:48:48 น.  

 

ท่านมีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นตลอดเลยนะคะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
praewa cute Parenting Blog ดู Blog
ผีเสื้อยิปซี Literature Blog ดู Blog
แมวเซาผู้น่าสงสาร Travel Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
haiku Topical Blog ดู Blog
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
mariabamboo Parenting Blog ดู Blog
Mitsubachi Photo Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: จี๊ดจ๊าด (บ้านต้นคูน ) 9 พฤศจิกายน 2559 23:36:54 น.  

 

แวะมาทักทายอีกรอบค่า

 

โดย: mariabamboo 12 พฤศจิกายน 2559 12:32:29 น.  

 

เพิ่งจะได้กลับมาอ่าน ความจำหญิงชราอ่ะนะคะ

สนใจกรรมฐานมาสักพักใหญ่ๆ ไม่ได้จะรักษาโรคอะไร
แต่คิดว่าน่าจะทำแล้วสบายใจในทางใดทางหนึ่ง

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 21 พฤศจิกายน 2559 8:55:53 น.  

 

ขอบคุณสำหรับธรรมนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
ส่งกำลังใจให้คุณเวียงแว่นฟ้าค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

..................................

 

โดย: Sweet_pills 1 ธันวาคม 2559 23:39:18 น.  

 

แวะมาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
ขอให้มีความสุขมาก ๆ ค่ะ

 

โดย: mariabamboo 30 ธันวาคม 2559 10:11:41 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 1 มกราคม 2560 14:02:57 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ 2017 ค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า

 

โดย: Sweet_pills 2 มกราคม 2560 0:37:06 น.  

 




สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า
ขอให้มีความสุข สดชื่น สุขภาพแข็งแรงค่ะ

 

โดย: ที่เห็นและเป็นมา 2 มกราคม 2560 21:34:19 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า ^^

 

โดย: ปรัซซี่ 5 มกราคม 2560 23:15:38 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอให้มีความสุขนะคะ
รออ่านต่อค่ะ

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 6 มกราคม 2560 16:46:36 น.  

 

ยินดีกับสายสะพายปีนี้ด้วยจ้า

 

โดย: หอมกร 13 มกราคม 2560 21:17:00 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับด้วยนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 13 มกราคม 2560 22:15:38 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลอันทรงเกียรตินะคะคุณแว่นฟ้า สุดยอดจริงๆค่ะ

 

โดย: เกศสุริยง 14 มกราคม 2560 0:39:28 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับคุณเวียงแว่นฟ้าสำหรับรางวัลที่ได้รับด้วยนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 14 มกราคม 2560 9:18:04 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับ
ขอบคุณกำลังใจที่โหวตให้ตลอดมาด้วยครับ

 

โดย: moresaw 14 มกราคม 2560 16:34:41 น.  

 

ยินดีด้วยครับ

 

โดย: สองแผ่นดิน 17 มกราคม 2560 23:19:27 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับรางวัลสายสะพายที่ได้รับด้วยนะคะ

 

โดย: mastana 19 มกราคม 2560 15:22:25 น.  

 

อยากติดตามตอนต่อไปครับว่าชีวิตของอาจารย์ชิตจะดำเนินไปทางใด

 

โดย: Insignia_Museum 22 มกราคม 2560 11:02:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]