What so ever will do...
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
22 พฤษภาคม 2554

ชำแหละ Fwd mail ลวงโลก: เบนซีนในชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์รถ


เรื่องมีอยู่ว่า มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ไปแปล FWD Mail ของฝรั่งมาเผยแพร่ในเวอร์ชั่นไทย มีความดังต่อไปนี้


=======================================================


แฮปปี้ใจดีแปลให้







อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ  ( แอร์ ) ทันทีที่คุณขึ้นรถ ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดไว้   ให้เปิดหน้าต่างหลังจากขึ้นรถ   และอย่าเปิดแอร์ทันที   ตามผลการวิจัย   แผงหน้าปัทม์  ( คอนโซล ) เบาะที่นั่ง   และน้ำหอมปรับอากาศ   จะสร้างสารเบนซีน   ที่เป็นสารก่อมะเร็งขึ้น  ( อย่างที่คุณได้กลิ่นเหมือนพลาสติคจาง      ในรถ  " โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   รถใหม่ " : ผู้แปล ) นอกจากเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งแล้ว   สารดังกล่าวยังเป็นพิษต่อกระดูก   ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง   และลดจำนวนเม็ดเลือดขาว   ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคลูคีเมีย   และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มารดาได้





ระดับของสารเบนซีนที่ยอมรับได้ในอาคาร   / ในรถ   คือ   50 มิลลิกรัม   ต่อ   ตารางฟุต   แต่ระดับของสารเบนซีนในรถที่จอดอยู่ในร่มมีค่าอยู่ที่   400 - 800 มิลลิกรัม   หากรถจอดอยู่กลางแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า   60 องศาฟาร์เรนไฮท์  ( 15.5 องศาเซลเซียส  " ในเมืองไทยจอดในร่มอุณหภูมิก็สูงเกินแล้ว " : ผู้แปล ) ระดับของสารเบนซีนจะสูงขึ้นถึง   2000 -4000 มิลลิกรัม   คือสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง   40 เท่า   คนที่อยู่ในรถจะหายใจเอาสารพิษที่สูงเกินมาตรฐานดังกล่าวเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้





ดังนั้นจึงขอ แนะนำว่าให้คุณเปิดประตู   หน้าต่างรถ   ไว้สักระยะเพื่อให้อากาศที่อยู่ในตัวรถออกมาก่อนจะเข้าไปนั่ง   สารพิษที่ร่างกายคุณไม่สามารถขับออกได้โดยง่าย   ซึ่งส่งผลร้ายต่อ   ตับ   ไต   ไส้   พุง  (" สองอันหลังเพิ่มเอง " : ผู้แปล ) จะได้ลดปริมาณลง





" เมื่อใครบางคนแบ่งปันบางสิ่งที่มีค่ากับคุณ   และคุณได้รับประโยชน์จากมัน   คุณก็ควรจะแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับผู้อื่นด้วย "


=======================================================


อีแมวดังกล่าว เคยมีการระบาดมาหลายปีแล้ว มีคนตอบไปก็หลายหน ในภาษาอังกฤษ Hoax Buster จัดสิ่งนี้เป็น FAQ ถามบ่อยถามแล้วถามอีก ในหัวข้อ Automobile Air conditioner ในไทย ก็มีบล็อคที่ชำแหละ อีแมวนี้เป็นภาษาไทย (//thaihoax.blogspot.com/) แต่ยังอาจไม่เป็นกิจลักษณะดีนัก ดังนั้น ผมก็จะมาชำแหละไล่ให้มันไปถึงต้นตอเลยก็แล้วกัน


อีเมล์ขยะลวงโลกชิ้นนี้ ในเวอร์ชั่นภาษาไทย อาจไม่ได้บ่งชี้ที่มามากมายนักว่าไอ้บ้าที่ไหนทำแล้วมันอ้างมาจากไหน แต่เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมีบ่งชี้ไว้ว่า มันอ้างจากบทความของ Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation (CSIRO) ซึ่งเป็นองค์กรในออสเตรเลีย บทความต้นฉบับของ อีแมวนี้อยู่ที่นี่





แล้วจริงๆเรื่องมันเป็นอย่างไร


เรื่องจริงคือตัว CSIRO มีบทความเกี่ยวกับเบนซีนในรถยนต์จริง แต่เขาพูดถึงการได้รับเบนซีนจากท้องถนนและการมีอยู่ของเบนซีนในปั๊มน้ำมัน ไม่ได้เกี่ยวกับ เบนซีนในวัสดุที่ทำรถยนต์ เนี่ย มันมีอยู่แค่ Quote ข้างล่าง


“Particular problems with the control of benzene in Australia relate to a lack of timeliness in occupational standard setting, to the multiplicity of small workplaces where significant (and unmeasured) exposures may be occurring (such as in petrol stations and car repair shops) and to insufficient data about low dose population exposures and the degree of such exposure in Australia.”[1]


แถมเด็ดไปกว่านั้น เบนซีนที่มีในวัสดุนั้น เป็นเบนซีนที่อยู่ในวัสดุ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากการสลายตัวของพลาสติกที่สร้างขึ้นเป็นส่วนประกอบรถยนต์ ปรกติแล้ว เมื่อรถยนต์ใช้ไปสัก 6 เดือน กลิ่นเหล่านี้จะหมดไปเอง เรื่องการตากแดดแล้วพลาสติกจะเปลี่ยนรูปสลายตัวให้เบนซีน พวก PVC สามารถกลายเป็นเบนซีนด้วยความร้อนได้ครับ แต่นั่นน่ะ หมายถึงอุณหภูมิ เกิน 200 องศาเซลเซียสครับ[2]







และแน่นอนว่าถ้าในรถจะอุณหภูมิขนาดนั้น คุณคงไม่กลัวเรื่องเบนซีนแล้ว คุณควรกลัวเรื่องไข่สุกมากกว่า อุณหภูมิสัมผัสของแดดที่แรงที่สุดต่อวัสดุสีดำอุดมคติไม่สะท้อนแสงใดๆ อยู่ที่แค่ 123 องศาเซลเซียสเองหรอกครับ


//ทุบโต๊ะ ไม่ใช่โฆษณาฟิล์มกรองแสง Lamina นะเฟร้ย!!!







สำหรับในส่วนค่าปริมาณเบนซีนที่ยอมรับได้ อยู่ที่ 50 มก/ตารางเมตร อ่า คนแปลท่าจะไม่บ้าก็เมาครับ หน่วย Exposure มันต้องเป็นลูกบากศ์เมตรไม่ใช่ตารางเมตร เราเรียกง่ายๆว่าหน่วย ppm และข้อกำหนดปัจจุบันโดย OSHA อยู่ที่ 0.1 ppm (8 hr limit) และมนุษย์เราได้กลิ่นเบนซีนเมื่อมันเข้มถึง 1.5 – 4.7 ppm ถ้ามันไปถึง 4,000 ppm ตรงนี้ คุณจะมึน เวียนหัว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ [3] และ คุณก็คงไม่สนในเรื่องมะเร็งเท่าไหร่ตอนนั้น เพราะตอนนั้นรถมันก็จะเรียกว่าเหม็นจนขับไม่ไหวแล้ว







ทั้งนี้ ในแง่ดีการไม่เปิดแอร์เมื่อสตาร์รถทันทีก็เป็นข้อปฎิบัติที่ถูกต้องประการหนึ่ง ท่าน "ไอ้ขี้เมา" แห่งไร้สาระนุกรม ได้ให้เหตุผลไว้ว่า 


เพราะหลังจากรถจอดมาเป็นเวลานานระดับหนึ่งแล้ว น้ำมันหล่อลื่นจะไหลกลับสู่อ่างเก็บ ซึ่งพอสตาร์ทเครื่องโดยที่ไม่มีน้ำมันหล่อลื่นกลับจะทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์นั้นเสื่อมอายุ การเปิดระบบปรับอากาศเป็นการเพิ่มภาระให้แก่เครื่องยนต์ ยื่งถ้ารถไม่มีน้ำมันหล่อลื่นในระบบ จะทำให้ชิ้นส่วนนั้นสึกหรอเร็วยิ่งขึ้น
 ส่วนการเปิดกระจกหลังจากที่รถตากแดดมานานนั้น ก็เป็นข้อปฎิบัติเพื่อการระบายความร้อนออกจากห้องโดยสารที่ถูกต้องแล้ว เพราะรถที่ตากแห้ง เอ๊ย ตากแดดมานานนั้น อากาศในห้องโดยสารนั้นย่อมร้อนไปด้วย ดังนั้น การนำเอาอากาศร้อนส่วนนั้นไปทิ้งให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วยการเปิดกระจกหน้าต่างนั้น ถูกต้องแล้ว (ส่วนผมช่วยด้วยการเปิดพัดลมแอร์ แต่ไม่เปิดแอร์) แต่ในกรณีเร่งด่วน รีบไป ให้เอาน้ำราดกระจกหน้า เพราะกระจกหน้าเองก็ร้อน และมันกำลังแผ่รังสีความร้อนใส่หน้าเราอยู่ จึงทำให้รู้สึกร้อนเป็นพิเศษ (แต่ลองจับกระจกหน้าก่อนนะว่าร้อนไหม ไม่งั้นก็เสียเปล่าแล) แล้วระหว่างขับให้เปิดแอร์แล้วแง้มกระจกไว้สัก 3/4 เพื่อให้อากาศร้อนซึ่งเบากว่าไหลออกไปทางช่องหน้าต่าง ส่วนอากาศเย็นที่หนักกว่าไหลลงมาแทนที่ แต่ท้ายสุดมันก็แค่เป็นการบังเอิญขี้ตรงร่องแบบนานๆจะเกิดที การหลอกลวง ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ใช่สิ่งที่ควรอ้างอยู่นั่นเอง








ฟอร์เวิร์ดเมล์ ที่เห็นชอบๆส่งต่ออ้างว่าเป็นการเตือน หรือส่งด้วยความหวังดี ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นสิ่งที่ไม่ควรส่งต่อ ถ้าเป็นกรณีของพวกสุขภาพ การรักษาโรคมะเร็ง อย่างพวกลัทธิชีวจิต หรือการรักษาแบบ Popatas ของหมาแกน กายสิทธิ์ ความเชื่อโง่เขลาชั่วช้าเหล่านี้ ได้ทำให้คนตายเพราะรับการรักษาล่าช้ากันมาแล้ว แน่นอนว่าการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ใช่ความรู้ทั้งหมด มันยังอาจมีของดีๆอยู่ในการแพทย์แผนโบราณ แต่สิ่งใดที่การแพทย์แผนปัจจุบันไปถึง (วิทยาศาสตร์ไปถึง) เราไม่ควรให้การแพทย์ไสยศาสตร์เส็งเคร็ง (Pseudo Science) มามีน้ำหนักเหนือกว่าการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นอันขาด  






อ้างอิง







แหล่งข้อมูลอีเมล์ลวงโลก หาได้ที่






Create Date : 22 พฤษภาคม 2554
Last Update : 22 พฤษภาคม 2554 19:45:36 น. 0 comments
Counter : 3152 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Darth Prin
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




นี่คือกรุบทความของผม ซึ่งส่วนใหญ่ก็โพสไว้แล้วในหว้ากอ

ผมเชื่อ ในมุมมองที่ไม่เป็นกลาง ใครก็ตามเวลาพูดอะไรมันก็มีเอียงซ้ายเอียงขวากันทั้งนั้น สำคัญที่สุดคือการแสดงจุดยืนที่ไม่เป็นกลางออกมา ด้วยเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมมันควรเอียงไปด้านนั้น
[Add Darth Prin's blog to your web]