ทริปนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้ไปฮ่องกง คราวนี้เราตัดสินใจลากกระเป๋า แบกเป้ไปกันเองกับเพื่อนๆ 5 คน อาศัยวันหยุดยาว บวกกับลาพักร้อนช่วงวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2554 รวม 5 วัน 4 คืน ก่อนไปเตรียมข้อมูลไปพอสมควรแต่ไม่ได้เยอะแยะมากมายเหมือนทริปอื่นๆ เพราะมีเพื่อนที่เคยไปเที่ยงเองมาแล้ว และตัวเองก็เคยไปมาแล้วครั้งนึง เลยรู้สึกว่าฮ่องกงเที่ยวง่าย ตามเส้นทาง MTR ไปเรื่อยๆ ก็ไปเที่ยวได้สบาย แต่พอไปถึงจริงมันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เลย เพราะเพื่อนมีแผนการเดินทางพิเศษที่อยากหาของกินอร่อยๆ แต่แผนของเราไม่ได้วางไว้เลย ทริปนี้เลยเปลี่ยนแผนที่จะไปช้อปปิ้งกลายเป็นไปหาร้านอาหารดังตามหนังสือแนะนำแทน จริงๆ เราแค่กะจะไปเก็บที่เที่ยวต่างๆ ที่ไม่ได้ไปคราวก่อน และช้อปปิ้งเท่านั่นเอง



เราออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 15 กค. เป็นวันแรกของวันหยุดยาว 4 วัน รีบไปสนามบินเร็วหน่อย เพราะกลัวจะเสียเวลาต่อแถวผ่าน ตม. นาน พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิคนก็เยอะเหมือนปกตินะ ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร ไฟล์ท Air Asia ออกตอน 16.30 มีเวลาให้หาอะไรกิน และเดินช้อปปิ้งนิดหน่อย คราวนี้เราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่เกือน กพ. ได้ราคารวมทุกอย่างประมาณ 5,000 บาทไม่ถูกและไม่แพง

ประมาณ 20.00 ก็ถึงฮ่องกง กัปตันทำเวลาได้ดีมากถึงเร็วกว่ากำหนดเลยพาเราบินรอบเกาะฮ่องกงชมวิวสวยๆ และแถมลดระดับเครื่อง บินโฉบไปมาให้ได้เสียวกันนิดหน่อย





แล้วเครื่องบินก็แตะพื้นตามเวลา ผ่าน ตม. มาสบายๆ เดินต่อไปรับกระเป๋าเสร็จก็ไปซื้อบัตร Octopus แล้วเดินตามป้าย To City ไปขึ้น Airport bus สาย 21 ไปที่พักกัน เดินมาถึง Terminal รถเจอฝนตกค่อนข้างแรง เราเลยเริ่มเซ็งเล็กน้อยพอนึกว่า ถ้าพรุ่งนี้ฝนตกจะไปเที่ยวไหนกันดีล่ะเนี่ย

Airport bus เป็นรถมี 2 ชั้น เราเอากระเป๋าวางที่ชั้นล่าง แล้วขึ้นมานั่งกันที่ชั้น 2 ชอบรถที่นี่ เพราะมี Wifi ที่เร็วมากๆๆ (เร็วกว่า Hispeed บ้านเราด้วย) ให้เล่นฟรีบนรถ นั่งชั้น 2 ก็ไม่ต้องกลัวกระเป๋าหาย เพราะมีกล้องให้เราจ้องกระเป๋าได้ตลอดเวลา ที่ด้านหน้ารถก็มีป้ายบอกสถานี ไม่ต้องกลัวว่าจะลงไม่ถูกเลย



ลงจาก Airport bus ยืนเอ๋อกันเล็กน้อย เพราะเราดันลืมว่าจะเดินไปที่พักทางไหน เราจะเดินตามคนไทยอีกกลุ่มไป มั่นใจว่าต้องพักที่เดียวกันแน่ๆ แต่เพื่อนดันไม่ยอมตามไปด้วย แถมตาเขียวเล็กน้อยล่ะ สุดท้ายเลยไปถามทางคนฮ่องกงแถวๆ นั่นแทน

เราจองที่พักที่ Mei Mei Motel ตึก Sincere house ย่าน Mongkok วิธีเดินไปตึกก็ง่ายมาก ลงจากรถก็ลากกระเป๋าไปทางขวาทางเดียวกับที่รถวิ่งไป เลี้ยวซ้ายมุมตึก เข้าสู่ถนน Argyle Street เดินผ่าน MTR exit D1, D2 ข้ามถนน เดินผ่านอีก 1 block ตึก ข้ามถนนอีกรอบ จะเจอทางเข้าตึกเป็นประตูเหล็กเล็กๆ ด้านขวาทางเข้าจะมีร้านลูกชิ้นอยู่ตรงมุมตึก เข้าไปมีคุณลุงคอยดูแลคนขึ้นลงลิฟท์ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 จะเจอมาม่าคนดูแล Mei Mei Motel คะ แล้วเราก็ได้เจอคนไทยกลุ่มนั่นที่เจอกันบนรถ A21 นั่นแหละคะ

มาม่าคนดูแลอธิบายเราเป็นภาษาจีนกลาง เราได้ฟังแล้วได้แต่ขำ เพราะต้องพยายามเดาว่าแกพูดอะไรบ้าง พอสรุปความได้ว่า ที่นี่มีแต่คนไทยมาพักทุกห้องเลย กฎระเบียบก็เหมือนที่พักทั่วไป มีกระดาษเขียนภาษาไทยบอกกฎระเบียบมาให้เราอ่าน คงจะเป็นคนไทยที่มาพักเขียนไว้ให้ล่ะ มาม่าพาเราเดินไปห้องพัก อธิบายการเปิดปิดไฟ แอร์ หน้าต่าง และกฎที่พักเป็นภาษาจีนกลาง ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็เดาได้ล่ะ แกกำลังอธิบายอะไร

ห้องพักของเราเป็นแบบ Large Deluxe Room สำหรับ 3 คน และ Standard Deluxe Room สำหรับ 3 คน โดยรวมห้องสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ห้องน้ำแคบมากถึงมากที่สุด ได้แค่ยืนหมุนรอบตัว อาบน้ำที่ต้องปิดฝาชักโครกลง เพราะฝักบัวอยู่บนชักโครก โชคดีที่พวกเราตัวเล็กๆ กัน ถ้าคนที่ตัวใหญ่คงจะไม่เหมาะไปพักที่นี่แน่นอน



เก็บของเสร็จก็เกือบ 5 ทุ่ม ฝนยังไม่หยุดตกเลย เราออกไปหาอะไรกินกันใกล้ๆ ที่พักกัน เดินลงมาทางออกอีกประตู เจอ 7-11 ข้ามถนนไปหา 7-11 แล้วเดินตรงไปจะเจอร้านโจ๊ก ขายทั้งโจ๊ก น้ำเต้าหู้ และปาท่องโก๋ เพื่อนว่าโจ๊กไม่ค่อยอร่อย แต่น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋อร่อยดี ส่วนเราสั่งโจ๊กปลาก็ใช้ได้นะ




จานนี้คือเส้นใหญ่ห่อปาท่องโก๋ กินกับน้ำจิ้มซีอี๊วดำ แปลกดี



อิ่มแล้วเดินกลับที่พักเตรียมไปนอนเอาแรงไว้เที่ยววันพรุ่งนี้กัน