เฮฮาภาษางานแต่ง ตอนพิธีการงานมือโปร Four Seasons
ผ่านงานแต่งงานของเพื่อนที่ดุสิตธานีไม่ถึง 6 วันดีก็ถึงคิวเพื่อนในกลุ่มเดียวกันนี้อีกคนหนึ่ง คราวนี้ได้ไปช่วยงานหมั้น พร้อมแต่งตอนเช้าอีกรายหนึ่ง เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเล่าให้ฟังว่าเจ้าบ่าวขอให้ช่วยทำขนมอี้ให้หน่อย ทำเอาพวกเราออกจะแปลกใจเพราะปกติแล้วเรื่องของในพิธีนั้นไม่ค่อยจะมีใครไว้ใจไหว้วานคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติกันง่ายๆ เพื่อนชายคนนั้นถึงกับออกปากว่าอยากจะดูงานของเพื่อนคนนี้จริงๆ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะเจ้าบ่าวมักตอบคำถามแปลกๆ แต่แหมงานนี้ทำเอาพวกเราผิดคาดไม่นึกว่าเจ้าบ่าวจะทำงานออกมาได้ขนาดนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ข้อมูลที่ทราบอันดับแรกคือโรงแรมมีที่จอดรถน้อยมากๆ ให้รีบไปเร็วๆ มิฉะนั้นท่านจะต้องเสียใจ พิธีการหมั้นพร้อมแต่งเบ็ดเสร็จในตอนเช้านี้คนจำนวนไม่มากนัก เราก็เลยไม่รีบร้อน พอไปถึงก็ได้เวลาพอดิบพอดี
ที่จอดรถของโรงแรมอยู่ชั้นใต้ดิน ทำให้บริเวณไม่กว้างมากนัก จอดรถเสร็จเดินไม่ไกลก็ถึงทางขึ้นไปยังตัวโรงแรมเดินผ่านทางเดินไปนิดเดียวก็ถึงบันไดอันหรูหรา โอ่อ่า หันหน้าประชันกับประตูของโรงแรม มีบริกรหนุ่มสาวยืนต้อนรับเพื่อบอกทางไปถึงงานจัดเลี้ยง
งานเช้านี้จัดที่ห้องวิมานแมน อยู่บนชั้น 2 เป็นห้องขนาดจัดโต๊ะได้ประมาณ 10 - 15 โต๊ะ ห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องจัดงานหมั้น ยกน้ำชา รับไหว้ กินเลี้ยงเสร็จสรรพ ทำให้ตอนนี้แขกฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้นที่ยืนรออยู่ภายในห้อง ส่วนญาติๆ และแขกฝ่ายเจ้าบ่าวต้องเลี่ยงไปอยู่อีกห้องหนึ่งเพื่อเตรียมขบวน ห้องที่จัดให้เจ้าบ่าวนั้นอยู่บนชั้นเดียวกัน เดินเลี้ยวไปทางขวาจากห้องวิมานแมนเสร็จเล้วเดินไปทางโถงทางเดินกรุกระจกให้เห็นสวนภายในโรงแรมเพียง 1 บล๊อคก็ถึงห้องดังกล่าว
พอเข้ามาในห้องนี้ก็เลยได้เจอเพื่อนๆ นั่งๆ ยืนๆ คุยกันอยู่ บ้างก็เดินไปรับเครื่องดื่มตอนเช้าที่ทางโรงแรมจัดเครื่องดื่มจำพวกน้ำชา กาแฟ น้ำเปล่าและขนม นิดๆ หน่อยๆ ไว้รับรอง ถีงตอนนี้เห็นเจ้าบ่าวเดินไปเดินมาดูวุ่นๆ และร้อนรน เจ้าบ่าวมาในชุดสูทสีแปลกตา ออกจะสะดุดตาอยู่เพราะสีนี้ไม่เคยเห็นใครใส่มาก่อน ส่วนใหญ่แล้วมักจะใส่สีขาว หรือสีเข้มกันเลย แต่สูทสีนี้เป็นสีครีมออกน้ำตาล เลยออกปากชมว่าสูทสีนี้สวยทีเดียว เพื่อนเจ้าบ่าวเลยบอกว่าสูทสีนี้หาคนใส่แล้วดูดียากสักหน่อย แหมแฟชั่นผู้ชายคงต้องขอบาย เพราะไม่มีความรู้อะไรเลยสักนิด คนผอมๆ น่าจะใส่สีนี้ออกมาดูดี
คุยกันได้พักเดียวก็ถึงเวลายกขบวนพอดี ขบวนนั้นไม่ยาวมาก เพื่อนๆ ที่ตามขบวนกลับถกเถียงกันเองว่าของอะไรต้องก่อนต้องหลัง เราผู้ซึ่งเพิ่งจะผ่านพิธีในฐานะผู้แบกหามก็เลยอาสาบอกไปว่าอันนี้ต้องไปก่อน อันนี้ต้องมาหลัง แต่ได้ยินแว่วๆ จากหัวขบวนว่าแม่เจ้าบ่าวต้องร่วมขบวนไปด้วยไหม เพราะตามพิธีนี้เป็นงานหมั้นด้วยแต่งด้วย กึ่งๆ ว่าจะเป็นการรับตัวเจ้าสาว สุดท้ายปล่อยเลยตามเลยว่าร่วมขบวนไปพร้อมกันเลย
พานขันหมากของเจ้าบ่าวนั้นตกแต่งอย่างสวยงาม มีผ้าฉลุขลิบทองคลุมเป็นสุ่มไว้สำหรับพานขันหมากเอก ส่วนพานสินสอด และแหวนหมั้นนั้นมีกรวยใบตองครอบไว้สวยงามทีเดียว ขบวนเงียบมาก ไม่มีเสียงโห่ร้อง เป็นไปอย่างเงียบๆ เรียบร้อย กลิ่นตะไคร้ที่ทางโรงแรมจุดไว้บนชั้นนี้หอมเตะจมูก ทำให้บรรยากาศยิ่งดูจริงจังและศักดิ์สิทธิ์
งานเล็กๆ นี้ได้รับการตกแต่งดอกไม้ขนาดพอเหมาะ เวทียกพื้นเพียงเล็กน้อย มีฉากด้านหลัง และเสาดอกไม้ประมาณ 4 - 6 เสาสีโทนเดียวกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั้นนั่งบนพื้นเวทีที่ปูพรมไว้อย่างดี เมื่อนั่งกันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาอันสำคัญยิ่ง ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวซึ่งเป็นประธานนั้นกล่าวคำขอ ส่วนผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวกล่าวคำตอบรับ บรรยากาศเป็นไปตามขั้นตอนอย่างเงียบๆ โดยมีผู้ดำเนินรายการเป็นผู้ดำเนินพิธีการให้เป็นไปตามขั้นตอน จากนั้นทำพิธียกน้ำชา และรับไหว้ แม้กระทั้งเมื่อถึงตอนถ่ายรูปนั้นผู้ดำเนินรายการก็เป็นผู้เรียนเชิญตามลำดับญาติให้ขึ้นมาถ่ายรูปร่วมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว งานนี้ทำเอาเราเองขนลุกถึงกับคุยกันในกลุ่มเลยว่างานนี้ช่างผิดกับงานที่แล้วจริงๆ
หลังเสร็จสิ้นพิธีการต่างๆ ก็ถึงเวลาอาหาร ทางเจ้าสาวจัดงานโต๊ะจีนประมาณ 6 - 8 โต๊ะเห็นจะได้ การบริการของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์เยี่ยมยอดมาก เพราะตักแบ่งอาหารและเปลี่ยนจานทุกครั้งที่เสิร์ฟอาหารจานใหม่ อาหารที่นี่อร่อยสมคำร่ำลือ ทานไปได้สักพักก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำบนชั้นนี้ตกแต่งได้ถูกใจ ชอบที่สุดคือผนังและประตูของห้องน้ำนั้นปิดมิดชิดไม่ทำเป็นฉากกั่น ทำให้เห็นเงาสะท้อนบนพื้น
กลับมากินต่อได้แป๊บเดียวเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็แวะมาทักทายถ่ายรูปกัน เจ้าสาวอยู่ในชุดสีชมพูโอลด์โรสแขนสั้น เป็นชุดกระโปรงยาวเข้ารูปต่อสะโพก และมีผ้าปักเล็กน้อยป้ายมาด้านหน้าเพื่อให้นั่งได้สะดวก ชุดนี้รวมถึงชุดงานฉลองทราบว่าเช่าตัดที่ร้านชัชวาล พึ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรก เลยเห็นว่าเธอผอมมากๆ ในตอนแรกออกแปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยเห็นเจ้าสาวยิ้มแย้มสักเท่าไร พึ่งมาทราบในตอนนี้เองว่าช่างแต่งหน้าของเธอบอกว่าอย่ายิ้มมากเพราะมีรอยตีนกาเห็นชัดเจน เราก็เลยถึงบางอ้อ
ก่อนกลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแจกของชำร่วยให้ตามประเพณีคือของชำร่วยที่เป็นของหวานจำพวกน้ำตาล ของชำร่วยงานเช้านี้เป็นขวดแก้วรูปหัวใจใส่น้ำตาลกรวยสีขาว และชมพูคละกันในขวด ปิดจุกด้วยจุกก๊อกไม้ ผูกโบว์สีชมพู มีป้ายพิมพ์แบบ Inkjet เป็นคำขอบคุณ
เราออกจากโรงแรมด้วยความทึ่งต้องยกนิ้วให้เจ้าบ่าวงานนี้จริงๆ ว่าทำงานออกมาได้เนี้ยบ ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ มืออาชีพสุดๆ งานฉลองคืนนี้เลยดูน่าติดตามอีกตามเคย งานนี้ต้องขอแสดงความเสียใจที่ไม่ได้ติดกล้องไปถ่ายรูป แหมเสียดายอยากให้เห็นงานนี้จริงๆ นะ
Create Date : 27 ธันวาคม 2548 |
|
29 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2549 11:34:43 น. |
Counter : 2289 Pageviews. |
|
|
|