|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไปงานบอลสรุปแล้วได้อะไร
ณ อุทยานนี้งามด้วยจามจุรี เขียวขจีแผ่ปกพสกจุฬาฯ ไพศาลตระหง่านสาขา ใต้ร่มพฤกษาจุฬาฯร่มเย็น จามจุรีนี้เป็นฉัตรกั้น ปลอบขวัญเตือนใจเมื่อเห็น คราทุกข์ฉุกลำเค็ญ ใครจะเว้นสู่สนามจามจุรี งามเงาใจเรานี้เพราพิลาศ ผุดผาดผ่องพิพัฒน์จรัสศรี น้องจุฬาฯ พี่จุฬาฯ พร้อมกันมารื่นฤดี รักเราพูนเพิ่มทวีนิจนิรันดร์
มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้ตอนปีที่แล้ว ตอนไปงานไม้เรียวเกมส์ ตอนนั้นยังอยู่อีกมหาลัยนึงอยู่เลย ตอนนั้นรู้สึกว่าฟังเพลงนี้แล้วชอบมากๆเลยอ่ะ อยากเข้าจุฬาฯ ซึ่งตอนม.6ที่ยื่นเอนท์นั้นเราไม่ได้ยื่นจุฬาฯเลย แต่ถ้ายื่นเราก็คงติดคณะล่างๆของจุฬาอ่ะ แต่มาวันนี้เราก็เป็นนิสิตจุฬาฯเต็มตัวแล้วจากการซิ่ว นั่นเอง 555+ เมื่อวานได้มีโอกาสไปงานบอลก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกแบบว่าเหมือนเราอวดดี เหมือนเราโชว์พาวมากเกินไปรึเปล่า เด็กมหาลัยอื่นเขามองแล้วเขาจะคิดยังไง เราเคยเอาความรู้สึกไปใส่ใจเขารึเปล่า จริงอยู่จุฬาฯและธรรมศาสตร์ไม่เคยแตกแยกกัน แต่มันสร้างความแตกต่างจากประชาชนอ่ะ แต่เมื่อวานงานบอลก็สนุกดีนะ เราขึ้นสแตนเชียร์ ได้ของแจกโคตรเยอะแยะเลย ตอนลงจากสแตนยังได้หนังมือและซีดีเพลงมหาลัยด้วย ชอบจริงๆก็คงเป็นหมวกอ่ะสวยดี 555+ กลับมาบ้านก็ยังคงคิดอยู่ว่าสนุกรึเปล่า เปลืองรึเปล่า และจะจัดไปทำไม ไอ้คนที่สนุกสนาน มันก็บอกว่าจัดแล้วได้ประโยชน์ ประโยชน์มันอยู่ตรงไหน ก็คงจะเป็นรายได้จากการจัดงานถวายให้พระเทพฯ (ไม่แน่ใจว่าถวายให้พระเทพฯรึเปล่า) อีกพวกนึงก็บอกเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน แต่เรามองในมุมอีกมุม เราคิดว่าเป็นการอวดดีนิดๆน่ะ ที่มหาลัยเรา งานจุฬาฯวิชาการไม่เห็นเขาจะจัดยิ่งใหญ่แบบนี้เลย งานบอลจัดยิ่งใหญ่กว่าเตรียมตัวมากกว่า เหอๆ ไอ้เรื่องแบบนี้ก็นานาจิตตัง แต่เราคิดว่าการที่จัดงานบอลก็โอเคดีนะ แต่ให้ลดๆกันบ้างกับความอวดดี เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีแค่จุฬาฯและธรรมศาสตร์ มีประชาชนอีกเยอะแยะในประเทศที่ยังได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ เห็นได้จาก เด็กจุฬาฯและธรรมศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นเด็กในกรุงเทพฯ และเป็นเด็กโรงเรียนดังๆในต่างจังหวัด คิดดูเถิด ถ้าการศึกษาระดับสูงๆยังงี้มันยังกระจุกอยู่กับคนแค่เพียงบางชนชั้น และพวกที่อยู่ชนชั้นสูงๆ แน่นอนพวกเขาย่อมรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาเองและไม่อยากคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม เพราะพวกเขาต้องการที่จะคงอยู่ในสภาพแบบนั้น และมีการเหยียบย่ำชนชั้นที่ต่ำกว่า พร่ำมาเยอะ วันศุกร์นี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเราก็อยากจะจัดเสวนาอ่ะเกี่ยวกับหัวข้อได้อะไรจากงานบอล รายละเอียดคงจะโพสไปในโอกาสต่อไป ซึ่งครั้งนี้ไม่มีการยำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มาคุยๆกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
Create Date : 22 มกราคม 2549 |
|
11 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2549 13:08:35 น. |
Counter : 459 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แจ้น IP: 202.133.177.154 22 มกราคม 2549 14:09:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใครอ่ะ IP: 202.28.80.4 22 มกราคม 2549 21:59:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้อ IP: 61.47.100.34 22 มกราคม 2549 22:33:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผ่านมา IP: 203.156.72.40 22 มกราคม 2549 23:51:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลิว IP: 61.47.107.104 23 มกราคม 2549 0:03:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กรุ๊ป สไมล์ กอล์ฟ IP: 202.133.139.106 23 มกราคม 2549 12:37:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฮั้ว IP: 61.91.65.92 23 มกราคม 2549 20:19:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ~AnniE~ IP: 58.10.87.65 23 มกราคม 2549 20:21:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: nods 24 มกราคม 2549 12:50:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: GibZy IP: 203.155.221.253 24 มกราคม 2549 22:42:20 น. |
|
|
|
| |
|
|
เมื่อก่อนคนที่ได้เรียนมหาลัย(ซึ่งมีอยู่ไม่กี่แห่ง คือจุฬาฯ มธ.) ก็เป็นคนมีเงิน ลูกคนตระกูลเก่าแก่ ซึ่งก็คือการแบ่งชนชั้นกันกลายๆนั่นเอง อย่างเพลงดาวจุฬาฯนั้น ครูเอื้อ ครูแก้วแต่งให้ เป็นหลักฐานชั้นดี ที่บอกว่าสมัยก่อน ลูกคนมีเงินเท่านั้น ที่จะได้เรียนจุฬาฯ เพราะเนื้อเพลงกล่าวว่า สาวคนใดที่ได้เรียนจุฬาฯ คือคนมีเงิน มีตระกูล ฉะนั้น คำว่านิสิตจุฬาฯ กับคนมีเงิน คือคำๆเดียวกัน นั่นเอง
มาจนบัดนี้ มีมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นมากมายทั้งของรัฐและเอกชน แต่ก็แปลกเหมือนกัน ที่การแยกชนชั้นยังมีอยู่ คนที่ได้เรียนจุฬาฯ มธ.ในสมัยนี้ ถ้าไม่ใช่คนหัวดี ก็ต้องเป็นลูกคนรวย มีทุนทรัพย์ในการสนับสนุนลูกในทุกๆทางเพื่อให้ได้เข้าจุฬาฯ
เรียนจบ ได้รับใบปริญญาเหมือนกัน แต่ว่านัยทางสังคม มันไม่เหมือนกัน และไม่มีวันจะเท่ากันเลย ระหว่างบัณฑิตจุฬาฯกับบัณฑิตราชภัฎ บัณฑิตจุฬาฯ หางานไม่ยาก แทบจะ "อุ้ม" เข้าไปทำงานเสียเลย เงินเดือนก็ดีกว่า แต่พอมามองบัณฑิตราชภัฎ ถ้ามันเท่าเทียมกันจริงๆ ก็ควรจะได้งานที่ดี มีคุณภาพเหมือนเด็กจุฬาฯนแหละ แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว กว่าพวกเขาจะหางานได้ รองเท้าสึกไปไม่รู้กี่คู่ งานที่ได้ทำก็เงินเดือนนิดเดียว บางคนต้องยอมไปเป็นครูอัตราจ้างในโรงเรียนมัธยม ที่เงินเดือนแค่ 7--ถึง8พันกว่าบาท แล้วไม่ได้ขึ้นเงินเดือน ปิดเทอมไม่ได้เงิน เซ็นต์สัญญาเป็นรายปีๆไป
ก็ถึงบอกไง ว่าต่อให้ใครร้องปาวๆว่าเท่าเทียมกัน ใบปริญญาทุกใบจะเขียนว่ามีศักดิ์และสิทธิ์เท่ากัน คนส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยมองกันหรอก ความไม่เท่าทเยมกันในสมัยก่อน ยังคงเป็น "มรดก" ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันน่ะแหละ เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนรุปไปบ้าง จากอดีต คนมีเงินจะเป็นคนมีปริญญา คนไม่มี จบแค่ป.4 และในปัจจุบัน คนมีเงิน คือคนที่จบจุฬาฯ มธ. ส่วนคนไม่มีเงิน คือคนที่จบ ราชภัฎ มหาวิทยาลัยเปิด หรือมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด คนไม่เก่งจะเรียนมหาลัยเอกชน