จุดหมายปลายทางแรกของเราคือขึ้นเรือ ferry จาก north shield นิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ ข้ามไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์กัน ใช้เวลา 1 คืน คือ เรือออกจากท่า 5 pm และไปถึงเวลา 9.30 am ตอนแรกคิดว่าขึ้นเรือไปก็ชิลล์ เพราะที่ก็กว้างกว่านั่งเครื่อง มีห้องนอนและห้องน้ำส่วนตัว มีเตียงนอนสบายๆ แต่คงเป็นเพราะคลื่นลมแรง(มาก) ตลอดทั้งคืนทำให้เรือโคลงตลอดเวลา มึนหัวสุดๆ ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน
และเนื่องจากเรือโคลงสุดๆ พอได้เหยียบพื้นเท่านั้น ถึงจะมีอาการตื่นเต้นอยู่บ้างแต่อาการอย่างหนึ่งที่มาและรุนแรงมากคืออาการเมา บอกไม่ถูกว่าเมาคลื่นหรือเมาบก แต่หนักหน่วงจริงๆ แทบหมดแรง หมดอารมณ์เลยทีเดียวแต่ก็แข็งใจไปต่อ (แม้จะมีการคายของเก่าทิ้งไปบ้างก็ตาม)
จุดหมายต่อไปของเราก็คือ Zaan Schaans ลักษณะคล้ายเมืองจำลองที่เต็มไปด้วยบ้านรูปร่างเฉพาะแบบดัทช์ โดยจากท่าเรือเราจะต่อรถเมล์ 2 สายเพื่อไปขึ้นรถที่ Zaan dam station ต่อไปยัง Zaan Schaans อีกที
คนที่ประเทศนี้เป็นมิตรมากๆ และพูดภาษาอังกฤษได้ฟังง่ายชัดเจนสุดๆ (อยากบอกว่าสำเนียงฟังง่ายอังกฤษกว่านิวคาสเซิลเยอะ) เจ้าหน้าที่ที่สถานีให้คำตอบและให้คำแนะนำอย่างดีมากๆ รวมทั้งคนในร้านขายของด้วย รู้สึกได้ว่าเขาเต็มใจบริการและให้ความช่วยเหลือจริง และที่ประทับใจสุดๆ ก็คือตารางบอกเวลารถที่ตรงเวลาและชัดเจน ทั้งรถเมล์ และรถไฟ ทำให้การไปเที่ยวของเราวางแผนได้ง่าย และกะเวลาได้อย่างแม่นยำ
จากนั้นเราก็ต่อรถไป Zaan Schaans กัน และแล้วสิ่งที่เราคาดคิดไว้ก็เกิดขึ้น "หลง" สิ่งนี้เกิดขึ้นทุกครั้งในการเดินทางของเราสองคน ครั้งนี้ไม่ได้เดินหลงแต่ลงรถเลยป้ายไปสักป้ายหรือสองป้ายได้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่ารถเมล์มันไม่ได้วิ่งกลับมาทางเดมนี่สิเลยต้องเดินไปหารถเมล์คันอื่นไปต่อ อาศัยถามทางคนไปเรื่อย และดูป้ายแสดงตารางรถตรงป้ายรถเมล์ เดินๆๆๆ พร้อมสัมภาระใบใหญ่บนหลัง แต่วันแรกเองยังอึดอยู่ และที่สำคัญคือฝนที่ตกอยู่ตลอดทั้งวัน แต่งานนี้ต้องไปให้ถึง
และในที่สุดก็เจอสายรถเมล์ที่จะพาเราไปยังจุดที่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินต่อไป Zaan Schaans
มาดูแผนที่กันหน่อยดีกว่าจะได้ไม่หลงอีก แต่คราวนี้ก็อาศัยเดินตามคนอื่นๆไปบ้าง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็น่าจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
และแล้วเราก็มาถึง เย้ๆๆๆ
ภายใน Zaan Schaans ก็จะมีบ้านทรงดัทช์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อแสดงพวกอาชีพดั้งเดิมของคนในท้องถิ่น เช่น พิพิธภัณฑ์ชีส พิพิธภัณฑ์รองเท้าไม้ พิพิธภัณฑ์อัญมณี ร้านขายตุ๊กตา ซึ่งแต่ละที่จะมีวันเปิดปิดไม่ตรงกัน ดังนั้นแต่ละวันที่เราเข้าไปเที่ยวอาจจะได้เข้าบางร้านแต่อดดูบางร้านก็ได้ โทนสีของบ้านและร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีเขียวกับน้ำตาลแดง
แต่จะเห็นว่าสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ กังหันลม ที่นี่มีกังหันลมให้นักท่องเที่ยวได้เลือกถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย
เดินจนเหนื่อยแล้วก็ต้องเติมพลังกันหน่อย เราสองคนเลือกร้านแพนเค้กในหมู่บ้านเพื่อฝากท้องในมื้อบ่ายๆ วันแรกของทริป เมนูของร้านมีทั้งแพนเค้กแบบอาหารคาวและหวานเลย ครั้งนี้เราจัดแบบอาหารคาว คือ แพนเค้กเบคอนชีส ลักษณะและรสชาติออกมาคล้ายเครปที่แป้งหนาหน่อยนะแต่ก็เข้ากันดีกับแฮมชีส อร่อยและอันใหญ่มาก ดีนะที่สั่งไปจานเดียวแล้วมากินด้วยกัน ไม่งั้นคงจุกแน่นอน
ถึงแม้ว่าฝนจะตกอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเดินเที่ยว ถ่ายรูปลำบากไปหน่อย แต่เราสองคนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "ประทับใจที่นี่จริงๆ"
ดิฉันก็ชอบประเทศนี้เหมือนกันค่ะ ผู้คนเป็นมิตร ภาษาอังกฤษฟังง่ายเหมือนที่บอกจริงๆค่ะ ต้องกลับไปเยือนอีกแน่ๆ :)