สวัสดีค่ะ คุณวิบูลย์
ได้อ่านข้อความในบล็อคคุณ ชอบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล เพราะเอได้เปลี่ยนสายงานมาทำงานเป็นบุคลากร ได้ 2 อาทิตย์แล้ว ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน ตอนนี้กำลังศึกษางานอยู่ สิ่งหนึ่งที่พบในหน่วยงานราชการนี้ตลอด 2 อาทิตย์ คือ ความเป็นตัวของตัวเองสูง คือ แต่ละคนจะมีอีโก้สูงมาก มั่นใจในตัวเอง ในความรู้ความสามารถของตัวเอง จึงขาดความเคารพผู้อื่น แม้แต่หัวหน้างาน หรือรุ่นพี่ฝ่ายอื่น ก็มีเสียงแข็งใส่ อีกทั้งยังชอบปัดภาระ ธุระใดไม่ใช่ของตัวก็จะไม่สน เช่น ไปส่งงานให้คนในฝ่ายหนึ่ง คนนั้นไม่อยู่ คนที่อยู่ก็จะไม่เซ็นรับเอกสารให้ หรือไม่ก็ปัดงานให้ไปส่งที่คนอื่น
เหตุการณ์แบบนี้ ควรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนเหล่านี้ได้อย่างไร
ขอไอเดียคุณวิบูลย์ด้วยค่ะ เอ จะได้นำไปเสนอหัวหน้าฝ่าย เพราะเรื่องนี้หัวหน้าเขาก็ระอาอยู่เหมือนกัน หัวหน้าบอกว่า ก็ต้องค่อย ๆ ปรับไป เพราะแต่ละคนทำงานที่นี่มาตั้งแต่ต้น ไม่ได้ย้ายไปไหน ความรู้สึกว่าตัวเองใหญ่กว่าคนใหม่ ๆ จึงมี เห็นแบบนี้แล้ว ขอบอกว่าท้อนิด ๆ ค่ะ
คุณ เอ ผมตอบตามตรงเลยนะว่า ระบบราชการ เป็นระบบที่แก้ไขยากที่สุดตั้งแต่ผมแก้ไขระบบมา ทั้งนี้ ปัญหาไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีการแก้ไขนะครับ แต่ปัญหามันเกิดจาก การอ้างเอาหน้าที่การงาน สายงานที่รับผิดชอบ รวมถึง พรบ. ที่ใช้ควบคุม และ รายงานผล ทำให้เขามีอะไรเข้ามาปกป้องตนเองได้มากมายสุดจะสรรหามาปกป้องเลยทีเดียว (ขอโทษนะครับที่ตอบตรงๆ)
ขอทราบหน่วยงาน และ หน้าที่การทำงานของแต่ละคนนะครับ ถ้าต้องการให้ผมช่วยเหลือ เพื่อผมจะได้ดูว่า พฤติกรรมของพวกเขานั้น เกิดจากอะไร สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร หน้าที่เป็นอย่างไร เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการแก้ไขปรับปรุงครับ
ถ้าในตอนนี้ที่ผมไม่ทราบข้อมูลอะไรเลย ผมขอแนะนำวิธีการง่ายๆ เบื้องต้นก่อนว่า การที่จะให้เขารับรู้ถึงการทำงานต่างๆของเขามีผลเช่นใด อาจจะต้องใช้แรงของเจ้านายคุณเข้าช่วย โดยการจัดโครงการ ศึกษางานระหว่างฝ่ายหรือแผนก กันขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้การทำงานของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างให้เขาได้มีประสบการณ์ การโดนกีดกันจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น โดยแปลงสัญชาติของเขา เอ๊ย.. แปลงงานของเขาให้กลายมาเป็นงานใหม่ ของเด็กใหม่ เพื่อให้เขารับผลจากการกระทำของคนอื่น และ ให้เขาได้บันทึกข้อเสนอแนะต่างๆ ให้กับทางคุณ ซึ่งแค่ให้เขาไปลองทำงานคนอื่นสัก 1-2 วันก็พอ โดยทำงานร่วมกับคนที่ทำงานแล้ว 1 วัน และ อีก 1 วันเขาต้องทำงานเอง แน่นอนว่า เขาก็จะเจอว่า เพื่อนคนอื่นๆที่ทำพฤติกรรมเช่นเดียวกับเขา หรือ ไม่รู้จักเขาจะเป็นอย่างไร และ เขาก็จะรู้ว่าตัวเองถ้าทำเช่นนี้ ก็จะมีคนเขียนรายงานมาให้เจ้านายคุณด้วยว่าเป็นเช่นใด ก็เท่ากับว่าพวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น แค่ทำได้แค่นี้ก็เท่ากับเป็นการดัดนิสัยคนในองค์กรได้บางส่วน แต่ทั้งนี้ เจ้านายคุณมีแรงมากแค่ไหนในการดำเนินการ เพราะว่า ถ้าทำได้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ส่วนใหญ่ เสนอเรื่องเข้าไป ก็โดนกั๊ก หรือ ไม่กล้าทำเพราะว่า กลัวจะส่งผลกระทบถึงตนเองเป็นส่วนใหญ่
แต่ถ้าเจ้านายคุณจะทำจริงๆ เวลาเริ่มการทำโครงการ ต้องมีโครงการต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้การดำเนินกงานที่ทำไปชงัก หรือ มีจุดโหว่ ซึ่งถ้ามีการชงัก หรือ มีจุดโหว่ จะทำให้พฤติกรรมที่พยายามเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กลับเข้ามาอีก คราวนี้จะหนักกว่าเดิม ซึ่งต้องใช้จิตวิทยา และ การวางแผนกลยุทธ์ เข้าร่วมในเชิง Positive Sum Game ถึงจะได้ผลดีครับ
เรื่องนี้ ทั้งยาว ทั้งยุ่ง และ เสี่ยงกับหน้าที่การงานว่าจะโดนแช่แข็งหรือเปล่า รู้อย่างนี้แล้วยังกล้าที่จะทำหรือเปล่า ถ้าจะทำจริงๆ ผมยินดีให้คำปรึกษา รวมถึงการช่วยเข้าไปวางแผนกลยุทธ์ให้ครับ