|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หนึ่งตะวันกลางใจ ตอนที่ 4 (ถอยหลังหนึ่งก้าว)
ตอนที่ 4 ถอยหลังหนึ่งก้าว ระหว่าง ทางบนรถแท็กซี่ พฤฒิเหลือบตามองมิโยโกะบ่อยครั้ง เพราะอีกฝ่ายเอาแต่มองหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่คิดเอ่ยปากถาม ทำให้ในรถเกิดศึกประลองความอดทนอย่างไม่เป็นทางการขึ้น แม้ แต่คนขับรถแท็กซี่ยังรับรู้ถึงบรรยากาศประหลาดๆ นี้ ดังนั้นจากเดิมทีที่คิดจะชวนผู้โดยสารที่เป็นคนไทยพูดคุยจึงเปลี่ยนเป็นเปิด วิทยุแทน เผื่อเสียงใสๆ ของดี.เจ. สาวสุดโปรดจะช่วยลดทอนบรรยากาศแปลกๆ ในรถของเขาได้ ดังนั้นเมื่อส่งผู้โดยสารถึงที่หมายเรียบร้อยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเริ่มคิดว่าจะเล่าเรื่องผู้โดยสารแปลกๆ ครั้งนี้ให้ใครฟังเป็นคนแรกดี “ซากิ” “ครับ” พฤฒิกลั้นยิ้ม ในที่สุดคุณหนูจอมแสบของเขาก็อดรนทนไม่ไหว “คนนั้นแฟนเก่านายงั้นเหรอ” “ใครครับ” ชายหนุ่มแสร้งถามขณะที่เดินคู่กับมิโยโกะผ่านประตูโรงแรมเข้าไป “อย่าไก๋ไปหน่อยเลยน่า ก็ยัยคนที่เจอหน้าร้านข้าวต้มเมื่อกี้ไง” “ผมก็บอกแล้วไงครับว่าเป็นรุ่นน้อง แล้วก็เป็นเพื่อนบ้านกัน” “ถ้า แค่นั้นเขาจะมองนายตาละห้อยขนาดนั้นได้ไง คายความจริงออกมาเดี๋ยวนี้นะ” มิโยโกะคว้าท่อนแขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มไว้แล้วจิกเล็บลงไปเล็กน้อย เป็นการข่มขู่ “ผมพูดความจริงครับ” “คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ อย่างน้อยผู้หญิงคนนั้นก็ต้องชอบนายอยู่แน่ๆ” “ผมไม่ทราบหรอกครับ” อย่างน้อยเขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ลีลาคิดกับเขายังไงกันแน่ “จะให้เชื่อจริงๆ เหรอ นายก็ไม่ใช่คนโง่น่าจะดูออกไม่ใช่หรือไง” ว่าแล้วเด็กสาวก็กดเล็บจิกลงไปบนเนื้อชายหนุ่มลึกขึ้น “มิโยโกะ!” เสียง ทุ้มเคร่งขรึมเรียกชื่อเด็กสาวดังขึ้น ทำให้มิโยโกะเบิกตากว้างเพราะจำเสียงพี่ชายได้ขึ้นใจ จึงรีบปล่อยมือจากแขนของพฤฒิแล้วค่อยหันไปตามเสียงเรียกของพี่ชายซึ่งนั่งรอ อยู่ที่ล็อบบี้นั่นเอง “พี่ ฮิเดะ” มิโยโกะรี่เข้าไปนั่งข้างๆ พี่ชาย ลืมสนิทว่ากำลังงอนที่ฮิเดกิไปรับประทานอาหารค่ำกับปัญจพาณ์สองต่อสองเมื่อ ตอนหัวค่ำ “รอมิโยโกะอยู่เหรอคะ พี่ฮิเดะน่ารักที่สุดเลย” ทว่า สายตาของฮิเดกิกลับไม่ได้อยู่ที่น้องสาว แต่กลับไปอยู่ที่ผู้ช่วยคนสนิทของตน ประกายตาคมกริบเยือกเย็นนั้นทำเอาพฤฒิยืนนิ่ง รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมา “ทั้งสองคนไปไหนกันมา ทำไมพี่ติดต่อไม่ได้เลย” ในที่สุดฮิเดกิก็หันไปพูดกับน้องสาว “ไป กินข้าวต้มปลามาค่ะ อร่อยมาก ไว้มิโยโกะจะพาพี่ชายไปกินนะคะ” เด็กสาวเลือกตอบแค่คำถามแรก ส่วนอีกคำถามก็ทำเป็นหูทวนลมไปเสีย ใครจะยอมบอกว่าเธอจัดการกดปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งของตัวเองและของพฤฒิ พร้อมทั้งยึดไว้กับตัวเพื่อไม่ให้พวกเขาติดต่อกันได้ ฮิเดกินั้นพอจะเดาอะไรเองได้อยู่แล้วไม่ติดใจจะซักไซ้เรื่องนี้ต่อ “อิ่มแล้วก็ดี แต่ทีหลังอย่าไปไหนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้อีก พี่เป็นห่วง” เป็นอีกครั้งที่หนุ่มญี่ปุ่นเหลือบตาขึ้นมองพฤฒิ “รับ ทราบค่ะ ตอนนี้มิโยโกะเริ่มง่วงอีกแล้ว เรากลับห้องกันดีกว่าค่ะพี่ฮิเดะ” มิโยโกะลุกขึ้นดึงตัวพี่ชายจากที่นั่งให้ออกเดินตามไปที่ลิฟต์ พฤฒิ เดินตามสองพี่น้องโดยรักษาระยะห่างประมาณสามเมตร นอกจากตอนอยู่ในลิฟต์แล้ว เขายังคงรักษาระยะนั้นไปเรื่อยๆ จนฮิเดกิส่งน้องสาวถึงห้องพักและกล่าวราตรีสวัสดิ์กันเรียบร้อย เมื่อประตูห้องพักของมิโยโกะปิดลงพฤฒิก็ทราบว่าถึงคราวเขาแล้ว “ซากิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายสักหน่อย” “ครับ นายท่าน” พฤฒิเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องพักของฮิเดกิซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องพักของมิ โยโกะ พฤฒิยืนนิ่งอยู่ขณะที่เจ้านายทอดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ยาวของชุดรับแขก “นั่งลงก่อนสิ” เมื่อประโยคนั้นหลุดจากปากฮิเดกิ หนุ่มไทยจึงขยับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งในชุดรับแขก เขาปิดปากเงียบสนิทรอเจ้านายเป็นฝ่ายเริ่ม “รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ มิโยโกะสนิทกับนายมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะ” พฤฒินิ่งเงียบเพราะนี่ไม่ใช่คำถาม และเขาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ที่ จริงแล้วฮิเดกิค้นพบว่าความน้องสาวที่มีให้กับลูกน้องพัฒนาขึ้นมาอย่างรวด เร็วในช่วงปีนี้เอง ซึ่งสาเหตุน่าจะเป็นเพราะเขามีคนรักนั่นเอง จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้เขาเห็นว่าการที่ทั้งสองสนิทกันเป็นเรื่องดี มิโยโกะจะได้ไม่เหงาเกินไปเมื่อมีเพื่อนคุยเพิ่ม และพฤฒิก็เป็นคนที่เขามั่นใจว่าจะสามารถดูแลมิโยโกะได้เป็นอย่างดี แต่ภาพที่น้องสาวของเขาเกาะแขนพฤฒิเข้ามาในโรงแรมอย่างสนิทสนมทำให้เขา รู้สึกแปลกๆ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ท่าทีของคนที่อยู่ในฐานะเจ้านายกับลูกจ้าง “พรุ่ง นี้ฉันนัดกับอาอิจะไปเที่ยวข้างนอก ตั้งใจจะพามิโยโกะไปด้วย นายไม่ต้องตามไปด้วยหรอก นานๆ จะกลับมาเมืองไทยสักที ก็ใช้โอกาสนี้กลับไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนฝูงให้เต็มที่เถอะ ฉันอนุญาต” “ครับ” แล้วเขายังจะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกอย่างนั้นหรือ “เท่านี้แหละ กลับไปพักผ่อนเถอะ” “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” พฤฒิลุกขึ้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยให้ผู้เป็นนายก่อนจะออกจากห้องพักไปอย่างเงีย บกริบ ทว่าเมื่อประตูปิดลงเขากลับหยุดยืนอยู่ที่หน้าของพักของฮิเดกิ แล้วค่อยๆ หันหน้าไปยังประตูที่อยู่อีกฝั่ง ดวงตามองนิ่งอยู่ที่ประตูบานนั้น จากนั้นจึงสลัดศีรษะไปมาต้องการให้ความหม่นหมองที่ครอบคลุมจิตใจหลุดออกไป เสียที เสียง แก๊กเบาๆ ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งอย่างตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อประตูบานที่เขาจ้องมองอยู่เมื่อครู่แง้มเปิดออก แล้วตามมาด้วยดวงหน้าเล็กๆ น่ารักของเด็กสาวชาวญี่ปุ่น “คุณหนู?” “ชู่...เบาๆ สิ เดี๋ยวพี่ฮิเดะได้ยิน” มิโยโกะกระซิบ แล้วกวักมือเรียกชายหนุ่มให้เข้ามาใกล้ๆ ตน พฤฒิซึ่งยังมึนงงเนื่องจากพบเธออย่างไม่ทันตั้งตัวจนขยับเท้าเข้าไปหาโดยไม่ รู้ตัว “มีอะไรหรือครับคุณหนู” “ฉันน่ะไม่มี แต่นายน่ะ ถูกพี่ฮิเดะดุมาเหรอ” คำ ถามนั้นดึงสติของพฤฒิให้กลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชักเท้าถอยกลับหนึ่งก้าวเพื่อให้ช่องว่างระหว่างทั้งสองกว้างขึ้น เขาเห็นมิโยโกะขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เธอจะถามอะไรเขาก็ชิงพูดเสียก่อน “นายท่านบอกว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกับคุณหนู ให้ผมกลับไปเยี่ยมที่บ้านได้ครับ” “แค่นั้นเองเหรอ” “ครับ” “แต่ตอนกลับมาพี่ฮิเดะทำหน้าดุๆ แล้วเมื่อกี้นายก็ยืนจ๋อยอยู่ชัดๆ แน่ใจนะว่าพี่ชายไม่ได้ว่าอะไรนาย” “นาย ท่านฮิเดกิไม่ได้พูดว่าอะไรผมครับ” ไม่ได้พูดว่าอะไร แต่ทำให้เขารู้สึกตัวได้เองว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่เด็กน้อย หรือคุณหนูจอมแสบที่เขาจะมองด้วยสายตาเอื้อเอ็นดูได้ แต่เป็นคิคุจิ มิโยโกะ มีฐานะเป็นเจ้านายคนหนึ่งของเขา “ง...งั้น ก็ดีแล้ว” มิโยโกะตอบอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย นั่นเป็นประรู้สึกประหลาดกับดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมา มันดูอบอุ่นอ่อนโยนก็จริง แต่เหมือนมีบางอย่างที่ลึกซึ้งจนทำให้เธอเก้อกระดากขึ้นมา “ขอบคุณครับที่เป็นห่วง” พฤฒิพูดเสียงนุ่ม “บ้าแล้ว ใครห่วงนายกัน” มิโยโกะรีบส่ายหน้าหวือปฏิเสธโดยพลัน จึงไม่ทันสังเกตเห็นประกายตาของชายหนุ่มที่หม่นลงเล็กน้อย “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปพักผ่อนนะครับ” “อือ ไปสิ” เด็กสาวพยักหน้าทันที รู้สึกขัดใจตนเองที่เกิดอาการแปลกๆ คล้ายควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวใจก็เต้นแรงมือไม้ดูเกะกะไปหมด แต่เมื่อเห็นพฤฒิยังยืนเฉยจึงคิดว่าเขากำลังรอให้เธอปิดประตูเข้าห้องพักไป ก่อน แต่พอจะปิดประตู อีกฝ่ายกลับใช้มือข้างหนึ่งดันไว้ จนเธอต้องมองเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม นั่นเองจึงทำให้เธอสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาดูเศร้าๆ แม้ว่าริมฝีปากจะขยับยิ้มอย่างอ่อนโยนเช่นเคยก็ตาม “หลับฝันดีนะครับ คุณหนูมิโยโกะ” แล้ว หนุ่มไทยก็เป็นฝ่ายดึงประตูห้องพักของเด็กสาวปิดลงอย่างช้าๆ เสียงคลิกเบาๆ ท่ามกลางความเงียบเช่นนี้กลับฟังดูคล้ายเสียงลั่นดาลของประตูบานใหญ่ที่ทั้ง แข็งแรงและหนักอึ้งเกินกว่าเรี่ยวแรงของมนุษย์คนหนึ่งจะบุกทะลวงฝ่าเข้าไป ได้ มิ โยโกะมองประตูที่ปิดลงแล้วรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่อกจนต้องใช้ข้างหนึ่งกดลงบนตำแหน่งหัวใจ ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น สายตาของพฤฒิที่มองเธอก่อนที่ประตูจะปิดลงแฝงแววเศร้าปนอาลัย ราวกับว่าเธอกับเขาจะไม่ได้พบกันอีก เด็ก สาวส่ายหน้าไปมาบอกกับตัวเองว่าคงตาฝาดไปเอง เขาทำงานกับคิคุจิกรุ๊ป หนำซ้ำยังเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของพี่ชายเธอจะหายตัวไปไหนได้อย่างไรกัน ต้องเป็นเพราะเธอรู้สึกง่วงจนมองพลาดไปเองแน่ๆ ใช่แล้วแค่มองพลาด มองพลาดไปเท่านั้น ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่เมื่อยามเช้ามาถึงมิโยโกะกลับใจหายที่ไม่เห็นพฤฒิร่วมโต๊ะอาหารกับเธอและพี่ชาย “ซากิหายไปไหนคะพี่ฮิเดะ” “ออกไปแต่เช้าแล้ว พี่ให้เขาใช้เวลาที่ไทยได้ตามสะดวก นานๆ จะได้กลับบ้านสักที” “อะไรกัน!” มิโยโกะทำหน้ามุ่ย “ให้พักตามสบายแบบนี้ได้ยังไงคะ ถึงยังไงซากิก็ยังรับเงินเดือน น่าจะอำนวยความสะดวกให้เราสองคนถึงจะถูก” “ไม่ ได้มาทำงานสักหน่อย อีกอย่างถ้ามีธุระเรียกใช้จะโทรศัพท์ตามตัวทีหลังก็ได้นี่” ฮิเดกิตอบน้องสาวเสียงเรียบ ดวงตาแฝงยิ้มน้อยๆ แต่ภายใต้ดวงตาที่มิโยโกะแสนจะคุ้นเคยคู่นั้นกลับจับสังเกตทุกอากัปกิริยา ของน้องสาว “แล้ว ใครจะเป็นคนพาพี่ฮิเดะกับมิโยโกะเที่ยวล่ะคะ” ตอนที่เขาบอกว่าพี่ชายเธออนุญาตให้ไปเยี่ยมบ้านคิดว่าจะหายหน้าไปแค่วันนี้ วันเดียวเสียอีก “เดี๋ยวอาอิก็มารับพวกเราแล้ว น้องก็รู้นี่ว่าอาอิทำงานเป็นมัคคุเทศก์ ที่เที่ยวในกรุงเทพฯ เขารู้เรื่องกว่าซากิเป็นไหนๆ” “ค่ะๆๆ” มิโยโกะทำปากยื่นน้อยๆ กับน้ำเสียงของพี่ชายที่พูดถึงคนรักอย่างชื่นชมออกนอกหน้า แล้วก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารเช้าต่อ นึกเซ็งจัดจนอยากเหวี่ยงใส่ใครสักคน และคนที่เธอคิดชื่อออกเป็นคนแรกก็ไม่พ้นพฤฒิ เด็กสาวฉวยโอกาสระหว่างที่พี่ชายรอปัญจพาณ์ขอกลับขึ้นไปห้องพัก แล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเพื่อนติดต่อกับหนุ่มไทย แต่เมื่อเปิดกระเป๋าถือลายปลาทองใบเล็กซึ่งเป็นใบเดียวกับที่เธอถือไปกิน ข้าวต้มเมื่อคืนก็พบว่ามีโทรศัพท์สองเครื่องอยู่ในนั้น เครื่องหนึ่งเป็นของเธออย่างแน่นอนที่สุด แต่อีกเครื่องเป็นของพฤฒิที่เธอยึดมาไว้กับตัวแต่ลืมคืนให้เขา อะไรกัน! นี่ก็เท่ากับว่าวันนี้ทั้งวันจะไม่สามารถติดต่อเขาได้เลยล่ะสิ “เฮ้อ...น่าเบื่อชะมัด” มิโยโกะ วางกระเป๋าถือลงข้างตัวแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงอย่างเซ็งจัด ชั่วโมงถัดมาเด็กสาวชาวญี่ปุ่นก็ยังรู้สึกเบื่อหน่ายจนไม่สนใจจะหมั่นไส้ขุ่นขวางภาพหวานแหววระหว่างพี่ชายกับแฟนสาวเหมือนทุกที ดัง นั้นวันนี้ปัญจพาณ์ซึ่งรับหน้าที่ขับรถจึงพูดคุยกับฮิเดกิที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่มีเสียงจากมิโยโกะซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังเข้ามาแทรก จนสาวไทยเริ่มเอะใจเหลือบมองเด็กสาวจากทางกระจกหน้ารถ เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่มองออกไปนอกรถท่าทางเหงาๆ จึงลองชวยคุย “คุณหนูมิโยโกะ เห็นว่าโปรแกรมวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ปัญจพาณ์ยังคงเรียกเด็กสาวว่า ‘คุณหนู’ แม้ ว่าฮิเดกิจะเคยบอกให้เธอเรียกแค่ชื่อน้องสาวของเขาก็ตาม นอกจากเพราะความชินปากแล้ว ยังเป็นเพราะมิโยโกะยังไม่ยอมสนิทสนมกับเธอง่ายๆ ซึ่งปัญจพาณ์ไม่อยากเซ้าซี้ฝืนใจเด็กสาว ต้องการให้ค่อยๆ เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า แต่ดูเหมือนว่ามิโยโกะจะไม่ได้ยินคำถามของปัญจพาณ์ เพราะยังคงนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกเช่นเดิม จนฮิเดกิต้องถามให้อีกครั้ง “มิโยโกะ ไม่ได้ยินที่อาอิถามเหรอ มิโยโกะ” “คะ? พี่ฮิเดะเรียกมิโยโกะทำไม” เด็กสาวหันมองพี่ชาย แล้วเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นพี่ชายกับคนรักสาวสบตากัน ในลักษณะที่เป็นการสื่อสารชนิดหนึ่ง “เมื่อกี้อาอิเขาถามว่าชอบโปรแกรมเที่ยวที่เขาจัดให้วันนี้ไหม” “นั่งรถรางชมเมืองน่ะเหรอ ก็โอเคนี่คะ” “ฟังอยู่หรือเนี่ย พี่นึกว่าใจลอยไปถึงไหนแล้วเสียอีก” ฮิเดกิพูดกึ่งประชด “ก็ฟังอยู่ตลอดนั่นแหละค่ะ” เด็กสาวยักไหล่ “ถ้าฟังอยู่เมื่อกี้ถามทำไมไม่ได้ยินตอนเรียก” “เมื่อกี้ พวกพี่ยังคุยกันเรื่องหาของขวัญให้คุณพ่ออาอิอยู่นี่คะ มิโยโกะเลยไม่อยากจะสนใจ ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่าจู่ๆ จะเปลี่ยนเรื่องมาถามมิโยโกะได้” มิโยโกะตวัดตาค้อนใส่ปัญจพาณ์ผ่านกระจกหน้ารถ ปัญจ พาณ์ยิ้มแหยเมื่อสบสายตาดุๆ นั้นเข้า ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ อุตส่าห์เห็นว่าเด็กเหงากะจะชวนคุยกลายเป็นว่าเธอผิดที่เปลี่ยนเรื่อง กะทันหันจนมิโยโกะตามไม่ทันเสียอย่างนั้น เฮ้อ...เวลาแบบนี้ถ้าพฤฒิอยู่ถึงเด็กสาวจะวีนจะเหวี่ยงบรรยากาศก็ไม่เคยอึด อัดเช่นนี้ “คิดๆ ไปแล้วก็เสียดายนะคะ พี่ซากิน่าจะมาเที่ยวด้วยกัน” ปัญจพาณ์เรียกพฤฒิว่าซากิเช่นเดียวกับสองพี่น้อง เพราะคุ้นปากตั้งแต่ไปเที่ยวกับเพื่อนสาวเมื่อต้นปี ทำให้ได้รู้จักพฤฒิและฮิเดกิพร้อมๆ กัน เพราะทั้งคู่เป็นคนรู้จักของจารวีเพื่อนเธอนั่นเอง “หมอนั่นน่ะเหรอ ป่านนี้คงรีบไปเจ๊าะแจ๊ะกับสาวข้างบ้านแล้วมั้ง” ปัญจ พาณ์หน้าเหวอทันทีเมื่อมิโยโกะที่วันนี้ทำตัวเรื่อยเฉื่อยมากว่าชั่วโมงสวน กลับมาแบบทันควัน และที่น่าประหลาดใจก็คือทำไมเด็กสาวต้องทำน้ำเสียงเคียดแค้นขนาดนั้นด้วย “สาวข้างบ้านเหรอคะ พี่ซากิมีคนรักอยู่ที่เมืองไทยด้วยเหรอคะเนี่ย ไม่เห็นเคยพูดถึงเลย” “นี่คุณอาอิคะ ฉันบอกว่า ‘สาวข้างบ้าน’ หูข้างไหนของคุณได้ยินว่า ‘คนรัก’ งั้นเหรอ” “แหม...ก็ คุณหนูพูดแบบนั้นจะให้เข้าใจว่ายังไงล่ะคะ แล้วนี่ไปรู้เรื่องสาวข้างบ้านของพี่ซากิได้ยังไงคะเนี่ย” สาวไทยไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองน้องสาวของคนรักเพราะพอรู้นิสัยกันดีอยู่แล้ว “เมื่อวานไปเจอกันที่ร้านข้าวต้มปลา” “ข้าว ต้มปลาแถวตรอกจันทร์เหรอคะ” ปัญจพาณ์ถามต่อทันที ทำให้มิโยโกะแปลกใจอยู่บ้างก่อนจะคิดได้ว่าร้านข้าวต้มนั้นคงมีชื่อ เสียงอยู่ไม่น้อยจริงๆ “ใช่ ไม่รู้ว่าซากิพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นก่อนกลับ แต่มิโยโกะคิดว่าคงจะนัดแนะกับผู้หญิงคนนั้น ถึงได้หายไปตั้งแต่เช้าแบบนี้” ภาพที่พฤฒิทำท่าละล่ำละลักพูดกับลีลา ก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่แล้วพาเธอกลับโรงแรมอย่างรีบด่วน ทำให้มิโยโกะสรุปได้ดังนี้ “ซา กิอายุไม่น้อยแล้ว จะมีผู้หญิงมาติดพันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่เห็นต้องกระแนะกระแหนเขาอย่างนี้เลย” ฮิเดกิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ทำให้มิโยโกะที่ตั้งท่าจะนินทาพฤฒิเงียบกริบ แล้วหันกลับไปมองนอกตัวรถอีกครั้ง สาวไทยเหลือบมองไปยังชายหนุ่มข้างตัว จึงเห็นว่านอกจากเขาจะพูดเสียงเย็นแล้ว ยังนั่งกอดอกติดจะขรึมๆ อีกด้วย ทำไมพี่น้องคู่นี้ทำท่าแปลกๆ ตอนพูดเรื่องพฤฒิได้ล่ะเนี่ย ปัญจ พาณ์ลองนึกทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งแต่ไปถึงโรงแรมเมื่อสามสิบนาทีก่อน มิโยโกะทำสีหน้าเบื่อหน่ายไม่ได้มองเธอด้วยสายตาเอาเรื่องเหมือนทุกที ครั้นพอเธอถามถึงพฤฒิเอากับฮิเดกิ เขาก็บอกว่าอนุญาตให้พฤฒิมีเวลาส่วนตัว ทั้งที่เมื่อคือก็นัดแนะกับเธอเป็นอย่างดีว่าพวกเขา ซึ่งหมายรวมถึงพฤฒิด้วย จะไปเที่ยวด้วยกันในวันนี้ เขาเป็นคนให้เธอเตรียมทุกอย่างสำหรับคนสี่คนแท้ๆ ไม่น่าจะเปลี่ยนแผนเอาดื้อๆ โดยไม่บอกล่วงหน้าก่อนเช่นนี้ แล้วเมื่อครู่ตอนเธอเอ่ยถึงพฤฒิ มิโยโกะก็กระโจนเข้าร่วมวงสนทนาด้วยท่าทีขุ่นขวาง ส่วนฮิเดกิกอดอกทำขรึม ไม่ ว่าคิดอย่างไร ก็ต้องออกมาเป็นว่า พฤฒิทำให้สองพี่น้องคู่นี้ไม่พอใจเข้าแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่ามิโยโกะไม่พอใจพฤฒิเรื่องสาวข้างบ้านของเขาที่เอ่ยถึง เมื่อครู่ แล้วทำไมถึงไม่พอใจล่ะ อย่าบอกนะว่า.... พลันนั้นปัญจพาณ์ก็เบิกตากว้างขึ้น พยายามหาจังหวะว่างจากการมองยวดยานบนท้องถนน มองใบหน้าน่ารักของสาวญี่ปุ่นผ่านทางกระจกหน้ารถ มิ โยโกะชอบพฤฒิอย่างนั้นเหรอ? ไม่น่าเป็นไปได้ ในเมื่อทั้งสองอายุห่างกันตั้งสิบปี ปัญจพาณ์พยายามสลัดความคิดนี้ทิ้ง แต่มันก็ไม่ยอมหลุดจากหัวไปง่ายๆ เพราะเมื่อนำมันมารวมกับที่ฮิเดกิเก็กหน้าขรึมอยู่นี่แล้วช่างสมเหตุสมผล เหลือเกิน ไม่ ไม่ ไม่ ยังไงก็ยังฟันธงตรงนี้ไม่ได้ ขอให้เธอได้เห็นพวกเขาทั้งหมดตอนอยู่ด้วยกันอีกสักครั้งเถอะ เธอมั่นใจว่าความสงสัยนี้จะต้องมีข้อสรุปอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่ปัญจพาณ์คิดไว้ก่อนจะนำรถเข้าจอดที่บริเวณท้องสนามหลวงเพื่อเริ่มเที่ยวชมเมืองด้วยรถราง ตามโปรแกรมที่วางไว้ในตอนแรก .............(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)..............
Create Date : 16 สิงหาคม 2554 |
|
7 comments |
Last Update : 16 สิงหาคม 2554 1:15:58 น. |
Counter : 700 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Prajoa IP: 86.6.102.250 17 สิงหาคม 2554 12:15:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: goldensun IP: 203.121.167.246 17 สิงหาคม 2554 22:04:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: Polball 25 สิงหาคม 2554 14:31:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: lovekalo 18 กันยายน 2554 9:30:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: wayo 21 ตุลาคม 2554 14:23:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เอ่อ...ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงคลิกกล่องคอมเม้นต์ไม่ได้ กดไม่ติดเลยอะค่ะ ตอบคอมเม้นไม่ได้ เดี๋ยวขอหาทางแก้ก่อนนะคะ
ยังไงก็ขอบคุณทุกคน ที่แวะมานะคะ (Y)(^O^")(Y)
|
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีคาบ เข้ามาเยี่มชม มาทักทายกัน แวะไปทักทายกันบ้างนะคาบ