Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด :

Sherlock Holmes : A Game Of Shadows : เชอร์ล๊อค โฮล์มส์ : เกมพญายมเงามรณะ , นักสืบกลับมาแนว 2

Sherlock Holmes : A Game Of Shadows (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG-13 for intense sequences of violence and action, and some drug material

ถึงแม้ส่วนตัวจะรู้สึกเฉยๆกับภาคแรก แต่ในเมื่อหนังมีการสร้างภาคต่อมาก็เป็นธรรมเนียมของผม ที่กล้าสร้างภาคต่อก็กล้าลอง ซึ่งก่อนอื่นเลยคือผมไม่เคยอ่านหนังสือชุด เชอร์ล๊อค โฮมส์ เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นคงจะนำเรื่องราวต่างไปเปรียบในหนังสือไม่ได้มากนัก ซึ่งตัวหนังเป็นอย่างไรไปอ่านเลยครับ

เชอร์ล็อค โฮล์มส เป็นผู้ที่ชาญฉลาดที่สุดในวงการ…จนกระทั่งตอนนี้ ที่มีอาชญากรจอมบงการคนใหม่ที่ปรากฏตัวออกมาอย่าง ศาสตราจารย์มอริอาร์ตี้ (จาเร็ด แฮร์ริส) และไม่ใช่แค่สติปัญญาของเขาที่เทียบเท่ากับโฮล์มส แต่ความสามารถในด้านชั่วร้ายด้วย ควบคู่ไปกับการขาดความรู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจริงๆ แล้วอาจทำให้เขาช่วงชิงผลประโยชน์ไปจากนักสืบผู้เลื่องชื่อได้ เมื่อพบการสิ้นพระชนม์ของฟ้าชายแห่งออสเตรีย การวิเคราะห์หลักฐานที่ตีความโดยสารวัตเลอสตราด (เอ็ดดี้ มาร์แซน) ชี้ว่าเป็นฆ่าตัวตาย แต่เชอร์ล็อค โฮล์มส พิจารณาว่าเจ้าชายถูกลอบสังหาร ซึ่งเป็นการสังหารที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่และมีความสำคัญมาก ที่มีการวางแผนโดยศาสตราจารย์มอริอาร์ตี้เพียงผู้เดียว โฮมส์ จะสามารถชนะแผนการร้ายได้หรือไม่หน่ะ

Sherlock Holmes : A Game Of Shadows ยังคงเป็นหน้าที่ของผู้กำกับคนเดิมจากภาคแรกอย่าง กาย ริตชีย์ ที่ขาโจ๋ และ เด็กแนว คงรู้จักผู้กำกับคนนี้ดีจากหนังแนวๆหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็น Snatch , Lock, Stock and Two Smoking Barrels หรือแม้แต่กระทั่ง RocknRolla จนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีให้หลังนั้นเขาเริ่มมีความโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจากการกำกับ Sherlock Holmes ในภาคแรกที่ได้ลบลักษณะของ โฮมส์ ในหนังสือออกไปอย่างหมดจด ไม่ว่าจะเป็นการสูบไปป์ หรือ ใส่หมวก และนี้คือภาคต่อของหนังนักสืบแนวๆเรื่องนั้น โดยก่อนอื่นถ้าหากถามว่า คนที่ไม่ได้ดูภาคแรกแล้วมาดูภาคนี้นั้นรู้เรื่องไหม ก็คงต้องตอบว่ารู้เรื่องแน่นอนครับ เพราะมันเป็นคนละคดีกับภาคแรก ส่วนถ้าถามว่าอะไรติดใจในหนังชุด เชอร์ล๊อค โฮมส์ จนทำให้อยากดูภาคนี้

ก็คงต้องขอตอบว่า ด้านสไตล์การกำกับของผู้กำกับ กาย ริตชีย์ ที่มีต่อหนังชุดเชอร์ล๊อค โฮมส์ ที่ในภาคแรกถึงแม้อาจจะเฉยๆต่อด้านความสนุกและอะไรหลายๆอย่าง แต่สิ่งที่ชอบมากคงหนีไม่พ้นด้านของตัวละคร โฮมส์ ที่ กาย ริตชี่ย์ สามารถปั้นขึ้นมาใหม่ได้อย่างมีอารมณ์ขัน ออกแนวกวนๆได้อย่างดีเยี่ยม พร้้อมทั้งในภาคนี้ยังถือได้ว่าแอบมีมุขตลกออกแนวอยากให้ คุณหมอวัตสัน กับ โฮมส์ เป็นคู่เกย์กันอีกด้วย รวมไปถึงด้านฉากแอ็คชั่นในภาคนี้ที่ต้องบอกว่า สามารถออกแบบได้ดีกว่าภาคแรก และทั้งหมดนั้นต้องขอบคุณ กาย ริตชี่ย์ ที่สามารถทำฉากแอ็คชั่นในรูปแบบสโลว โมชั่น ออกมาได้มันส์กำลังดี

แต่อย่างไรก็ตาม อย่างว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลยละกัน ข้อเสียของ Sherlock Holmes ในภาคนี้ก็ยังคงซ้ำรอยกับภาคแรก นั้นคือด้านของ ความสนุก ของหนัง ที่ในภาคนี้ต้องเรียกได้ว่า ลดลงจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด เริ่มตั้งแต่ที่ตัวร้ายของหนังอย่าง ดร.มอริอาร์ตี้ ที่ตัวหนังนั้นพยายามจะดันให้เห็นถึงความร้ายกาจของเขามากจนเกินไป ทั้งที่เมื่อมองดูจริงๆแล้ว ตัวละครร้ายในภาคนี้ดูแล้วยังไม่สามารถเทียบทั้งความฉลาดและร้ายการในภาคแรกอย่าง ลอร์ด แบล็กวูด ได้เลย รวมไปถึงด้านของ บท ในภาคนี้ ที่คดีต่างๆดูแล้วยังไม่ค่อยทำให้อารมณ์คนดูรู้สึกน่าสนใจพอ เพราะ คดี ที่เชอร์ล๊อค โฮมส์ ต้องไขในภาคนี้

มันเหมือนกับว่าไปเป็นการตะลุยเป็นด่านๆมากกว่า จะมานั่งหาเบาะแสเหมือนภาคแรก เพราะฉะนั้นด้านความน่าติดตาม และ อะไรหลายๆอย่างของหนังจึงดูลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสำหรับใครที่หวังจะเข้าไปดู เชอร์ล๊อค โฮมส์ ในภาคนี้เผื่อหวังเห็นหนังนักสืบ ตามสืบคดีอันน่าติดตามแบบภาคแรกก็คงต้องผิดหวัง เพราะเอาเข้าจริงๆนั้น ภาคนี้เน้นไปที่ด้านของฉากแอ็คชั่น และ มุขตลกต่างๆมากกว่า ที่จะมานั่งเน้นด้านความน่าสนใจที่คดีเหมือนกับที่ภาคแรกทำไว้ และอย่างสุดท้ายคือภาคนี้คงถูกใจสาวๆไม่น้อยเพราะว่า โฮมส์ และ วัตสัน ในภาคนี้มีความสัมพันธ์กันชนิดที่ว่าเอาใจสาวแท้ สาวเทียม มากๆ

สรุปแล้ว Sherlock Holmes : A Game Of Shadows ถือว่าเป็นหนังภาคต่อ ของนักสืบสุดกวน ที่มีดีตรงที่ฉากแอ็คชั่นและมุขตลกนั้นจัดหนักกว่าภาคแรก แต่น่าเสียดายที่ด้านบทและความน่าติดตามของคดีในภาคนี้นั้น กลับแผ่วลงกว่าภาคแรกอย่างมาก แต่ใครที่ไปดู โฮมส์ และ วัตสัน คงไม่ผิดหวังกันนะ