เรื่องของ...กว่าจะเป็นคนขี่เสือ...(ภูเขา) ที่ไม่ค่อยเก่ง
จำได้ว่า... ตอนเด็กเป็นคนที่ชอบขี่จักรยานเอามาก เพราะตั้งแต่ขี่จักรยานเป็น ก็เริ่มสร้างวีรกรรมกับจักรยานของตัวเองเสียแล้ว คงไม่เคยมีใครที่บ้าอย่างเราที่ดีดกริ่งจักรยาน เพื่อขอทางกับรถสิบล้อ ก็แถวบ้านนอกสมัยนั้น มีไร่อ้อยมากมาย และก็มีรถบรรทุกอ้อยมากเช่นกัน ที่ๆ เรามักไปขี่จักรยานมันคือศาลาประโยชน์มวลชน ที่นี่เป็นที่สำหรับการจัดเลี้ยงหรือประชุมขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน เพราะมันเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีพื้นข้างในเรียบๆ เหมาะแก่การฝึกฝนการผาดโผนโจนทะยานของพวกเราเด็กๆมาก และบริเวณด้านหน้าก็เป็นอู่ซ่อมรถบรรทุก ซึ่งจะมีรถเข้าออกเป็นประจำ แต่วันนั้น...โซ่รถจักรยานคันเก่งของฉัน มันดันมาหลุดเอาตอนที่รถสิบล้อกำลังถอยหลังออกจากอู่ซ่อมพอดี เล่นเอาทำอะไรไม่ถูก รถก็ไปไม่ได้ แถมน้ำหนักรถก็ไม่ได้เบาเหมือนเสือภูเขาสมัยนี้ ยกไม่ไหวหรอกเวลานั้นฉันจึงลากมันสุดแรงที่มี เพื่อให้พ้นรัศมีล้อรถบรรทุกคันใหญ่คันนั้น เกือบไปแล้วไหมล่ะเรา จักรยานที่หัดขี่สมัยเด็กนั้น เป็นจักรยานที่แม่บ้านมักขี่ไปจ่ายตลาดแบบจักรยานเฟสสันเสียมากกว่า หรือจักรยานโบราณรุ่นเจ้าคุณปู่ ฉันก็เคยขี่มาแล้ว เป็นของลุงที่บ้าน แต่โครงมันสูงเอามากๆ แต่ก็สบายๆชิวๆๆเลยล่ะ คราวนี้เมื่อมาทำงานเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวแถวเชียงของนี่ เริ่มที่จะคุ้นเคยกับเจ้าเสือภูเขามากขึ้น เห็นฝรั่งหลายๆคนที่ขี่จักรยาน และมีโอกาสได้พูดคุยกับพวกนี้ ก็รู้ได้ว่า ไอ้เจ้าเสือภูเขาเนี่ย ในต่างประเทศเค้าฮิตมาก เป็นการเดินทางที่ประหยัดกว่าวิธีอื่นๆ แถมได้ออกกำลังการเพื่อสุขภาพแบบแอโรบิคเอ็กซ์เซอร์ไซน์ด้วยซิ
แต่ในเวลานั้น... ฉันยังไม่มีปัญญา หามันมาขี่หรอก เพราะมันราคาหลายตังค์มาก ก็ขี่เจ้าเฒ่าสีน้ำเงินจนลิ้นห้อยมาหลายปีอยู่เหมือนกัน และแล้วอีกไม่กี่ปีถัดมา ฉันก็มีเสือภูเขาที่ร่างกำยำกับเขาด้วยคันหนึ่ง มันเป็นเสือภูเขาที่ดูน่ารักดี สีเทาอ่อนเข้มตัดกัน เห็นมันครั้งแรกก็ตกหลุมรักทันที คราวนี้ก็ได้ขี่เสือภูเขาสมใจอยาก แต่เสือภูเขานี่มันมีเกียร์อยู่หลายเกียร์ มันไม่ได้ง่ายเหมือนขี่เจ้าเฒ่าสีน้ำเงินเลยสักนิด ยากพอดูนะ กว่าจะขี่ให้คุ้นเคย... แต่มันก็ไม่ค่อยได้ออกไปสมบุกสมบันสมชื่อของมันเท่าไหร่ เพราะเจ้าของมันขี้เกียจมาก ไอ้เราถนัดทางเรียบและบวกกับข้ออ้างต่างๆมากมายที่จะสรรหามาได้ที่จะไม่เอามันไปทดลองกับเส้นทางหฤโหดเหมือนเสือตัวอื่นๆ เขา มันคงจะเบื่อเจ้าของมันที่ไม่เคยสร้างความตื่นเต้นให้กับมันเลยสักครั้ง และแล้ววันที่ทำให้เจ้าของรู้สึกเสียใจและเป็นกังวลกับมันมากก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อฉันได้ทดลองซ่อมจักรยานด้วยตัวเองครั้งแรก แบบว่าถอดเกียร์ออกมาเลย เพราะได้ยินเสียงโซ่มันกระทบกับเฟืองถีบก็เกิดอาการรำคาญ และแล้ว จุดจบของเจ้าเสือภูเขาของฉันมันก็เกิดขึ้นจนได้ ตลอด4 ชม. กับการปล้ำเกียร์เพื่อให้รถมันกลับมาวิ่งได้เหมือนเดิมไม่มีประโยชน์ เพราะฉันไม่สามารถทำมันให้เหมือนเดิมได้ แล้วสายเกียร์ก็ขาดจนได้ เจ็บใจที่ไม่สามารถซ่อมได้ แถมยังจะทำข้าวของเสียหายอีก ดูซิ ฉันยังไม่ได้เอามันออกไปสมบุกสมบันเลย แล้วนี่ยังจะทำมันเสียหายจนขี่ไม่ได้อีก แย่มากเลย ฉันเลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนที่มีความรู้เกี่ยวกับจักรยานเพื่อว่าจะได้มาช่วยซ่อมมันให้กับฉัน แต่... เขาคนนั้นไม่อยู่บ้าน แล้วจะทำไงต่อเนี่ย ช่างแถวบ้านที่รู้จักกันก็ไม่อยู่ต้องรออีก 2 วันถึงจะกลับมา ฉันจึงต้องรอช่างเพื่อจะได้ช่วยซ่อมมันให้กับฉัน ฉันเอาเจ้าเสือภูเขาไปให้ช่างดูในวันต่อมา แต่มันก็ถูกเมิน เพราะช่างมีงานอื่นที่เร่งมากกว่าจะซ่อมมันให้กับฉัน ฉันจึงต้องรอ และนึกสงสารมันเพราะว่ามันไม่เคยต้องไปตากฝนตามลำพัง เพราะทุกครัง้ที่เจอฝนฉันจะอยู่ข้างๆ มันเสมอ แต่วันนั้นมันจำเป็นต้องยืนอยู่คนเดียวลำพังมองช่างซ่อมรถคันอื่นๆ ก่อน แล้วเขาก็จอดมันไว้ที่ริมรั้วบ้านเพื่อไม่ให้มันเกะกะการทำงานของเขา จนล่วงเลยมาอีกวัน มันจึงได้กลับบ้านมาหาฉัน และฉันก็ดีใจที่อาการที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้มันต้องเจ็บตัวหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อช่างได้ซ่อมมันให้ใหม่ ไม่ได้ยินเสียงใดๆให้กวนใจอีกต่อไป และสายเกียรที่ขาดช่างก็ปรับแต่งให้เพื่อไม่ให้มันขาดได้ต่อไป ต้องขอบคุณช่างอย่างแรง ที่เป็นธุระปรับแต่งเจ้าเสือภูเขาของฉันให้มันวิ่งได้ดังเดิม และฉันคิดว่าในวันข้างหน้า เจ้าเสืออ้วนตัวนี้คงได้ทำงานตามที่มันอยากทำและได้ออกไปทดสอบความแข็งแกร่งของมันบ้าง ตามสมควร มันจะไม่ได้เป็นแค่เสือทางเรียบอีกต่อไป ฉันจะหาเวลาเอามันไปทดสอบภาคสนามกับเขาบ้าง และเมื่อมีโอกาสฉันจะถ่ายภาพมันมาให้ชมกัน
Create Date : 22 กันยายน 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2549 12:52:15 น. |
Counter : 1530 Pageviews. |
|
|
|
สบายดีนะคะ
เราทุกคนเมื่อพูดถึงอดีต อย่างน้อยเราก็จะมีรอยยิ้มทั้งผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวและผู้เล่า
แต่เรานะข้อมืองออยู่ทุกวันนี้ก็เพราะจักรยานคันแรกเลยน้า