Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

ว่ากันด้วยการถ่ายรูปให้ Colorful ก้น

ถ่ายรูปและแต่งรูปให้ Colorful กัน

ชื่อก็บอกแล้วว่า Colorful=สีสันสดใส ฉูดฉาด ดังนั้นสิ่งแรกที่่่ต้องหาคือตัวแบบที่มีสีสันสดใส 


สี

ว่ากันด้วยเรื่องของสีก่อน สีที่เรารู้จักกันดีก็มีสองโทนหลักๆ ด้วยกันคือสีโทนร้อน และสีโทนเย็น



สีโทนเย็น Cool Tone

ได้แก่ น้ำเงิน ม่วง เขียว โดยสีโทนนี้จะให้ความรู้สึกนิ่ง สงบ ร่มเย็น



สีโทนร้อน Warm Tone

ได้แก่สีแดง ส้ม เหลือง โดยสีโทนนี้จะให้ความรู้สึกอบอุ่น มีพลัง เร้าใจ ร่าเริง ตื่นเต้น



แล้วเอามาใช้อย่างไร?

หลักการง่ายๆ คือ ภาพไหนที่มีสีทั้งสองโทนอยู่ด้วยกันแล้วนั้น ภาพนั้นจะให้สีที่อิ่ม เป็นธรรมชาติ ดูสวยงาม สบายตาได้ง่ายกว่าสีแบบ Mono tone หรือสีแบบโทนเดียว เช่น ช่วงเวลา Twilight ของวันมักจะมีสีที่ครบโทนมากที่สุดของวัน คือสีโทนร้อนจากแสงสีส้ม เหลือง ของดวงอาทิตย์สะท้อนกับเมฆกลายเป็นสีทอง ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ในยามเย็น หรือหากใครปรับ White balance เป็นพวก Tangsten หรือ Incandescent ด้วยละก็จะได้บรรยากาศของสีฟ้าเพิ่มเข้ามาอีก สีของพระอาทิตย์จะยิ่งโดดเด่น ดังนั้นคนที่ชอบถ่าย Landscape นั้น ช่วงเช้าตรู่ และ ก่อนค่ำนั้นเป็นเวลาทองของพวกเขาเลยทีเดียวครับ



นอกจากนั้นเรายังนิยม ใช้สีคู่ตรงข้ามเข้ามาใช้สำหรับการเน้นองค์ประกอบของภาพ เช่น วัตถุสีโทนเย็น มาอยู่ท่ามกลางวัตถุสีโทนร้อน ก็จะทำให้วัตถุสีโทนเย็นนั้นเด่นขึ้นมาได้




แสง

อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้สีสดใสได้นอกจากตัวแบบแล้ว "แสง" ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญอีกด้วย เคยออกไปถ่ายภาพในวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Colorful สุดของเทศกาลบ้านเราแล้ว แต่แล้วภาพที่ได้มากลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะ

1.ช่วงสงกรานต์ฝนตกทุกปี ทำให้ฟ้าหม่น และอิทธิพลของสีเทาของเมฆทำให้สีทุกสีดูหม่นไปด้วย (ลองเอาของที่มีสีสันสวยๆ ไปวางไว้บนกระดาษเทาดูก็ได้ครับ อิทธิพลของสีเทาจะทำให้สิ่งที่วางนั้นดูหมองได้ภายในพริบตาครับ)

2.ความชื้นในอากาศสูง แสงฟุ้งกระจาย

3.ตัวแบบเปียก โดนแป้ง ทำให้สีสันซีดจากหายไปพอควร


ดังนั้นการถ่ายภาพจึงต้องคำนึงถึงฟ้าฝนด้วยครับ


Process

นอกจากนี้การตกแต่ง หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าการ Process ภาพก็มีส่วนสำคัญยิ่งในการทำให้สีสันดูสวยสดใส แต่หากจะพูดไปทั้งหมดนั้นคงเป็นเรื่องยาวแน่นอน ดังนั้นจึงขอพูดเฉพาะการปรับแต่งสี โดยเฉพาะ Saturation กับ Vibrance กัน เพราะเป็นคำสั่งที่มีผลทำให้สีดูฉูดฉาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้ที่ใช้ Photoshop หรือ Lightroom


Saturation

คือการปรับเพิ่ม-ลด ความสดของสี หมายความว่าในการปรับนั้นทุกสีจะมีผลต่อการปรับ ทำให้สีสดขึ้นแต่ก็จะทำให้ภาพนั้นขาดมิติเพราะสีในส่วนของเงาในภาพนั้นถูกแร่งออกมาด้วย และหากปรับเพิ่มมากเกินไปภาพจะดูแบนๆ ลอยๆ ดูหลอกตา หรือหากเป็นการปรับลดมากๆ ก็จะทำให้ภาพนั้นเป็นภาพขาวดำได้เช่นกันครับ



Vibrance

คือการปรับ-เพิ่ม ความอิ่มของสี หมายความว่าในการปรับนั้นสีจะถูกเร่งให้อิ่มขึ้น (คล้ายความสดแต่จะจัดจ้านน้อยกว่า) ดังนั้นความฉูดฉาดของสีจะน้อยกว่าและมิติของภาพก็ยังคงมีอยู่มากกว่านั่นเองครับ



Pastel

สีพาสเทล


คือการนำสีขาวเข้ามาผสมในภาพครับ วิธีการปรับแต่งที่นิยมก็คือการปรับด้วย Curve โดยการยกในส่วนของ Black point ขึ้น ซึ่งสีดำหรือส่วนที่เป็นเงาในภาพนั้นจะไม่มืดสนิทอีกต่อไปเหมือนการเอาสีขาวเข้าไปเจือนั่นเอง




 นอกจากนี้หากเรายกในส่วนของ Midtone ขึ้นก็จะเหมือนการนำสีขาวเจือเข้าไปในภาพเพิ่มเข้าไปอีกนั่นเอง




Crossprocess

คือการนำน้ำยาล้างฟิลม์ Nagative ไปล้างฟิลม์ Slide หรือ นำน้ำยาล้างฟิลม์ Slide ไปล้างฟิลม์ Nagative เรียกง่ายๆ ว่าคือเอาน้ำยาล้างฟิลม์มาสลับกันนั่นเอง

ซึ่งผลที่ได้จะทำให้รูปนั้นมีสีเพี้ยนไปครับ

สำหรับ Basic การปรับก็เช่นเคยคือปรับด้วย Curve โดยปรับสีใดสีหนึ่งให้ผิดแปลกไป

ปรับเฉพาะสีแดง



ปรับเฉพาะสีเขียว



ปรับเฉพาะสีน้ำเงิน


สำหรับคราวนี้ไว้เท่านี้ก่อน แล้วพบกันใหม่ครับ ^^


เด็กวัดช้าง

Facebook : Naris Pichedpan (รูปหน้าแมวครับ)




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2558
0 comments
Last Update : 29 กรกฎาคม 2558 10:04:24 น.
Counter : 7078 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กวัดช้าง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add เด็กวัดช้าง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.