Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
กู้วิกฤติธรรมชาติด้วยวิทยาศาสตร์

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก มาจากมนุษย์ หากเรารู้เท่าทัน วิทยาศาสตร์ที่มีในมือก็จะสามารถรับมือกับมันได้อย่างแยบยล

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายประเทศและเมืองใหญ่ทั่วโลกต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงมาเป็นระยะๆ ซึ่งสาเหตุหลักก็คงไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบผิดธรรมชาติ อันเนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อน (Global Warming) ที่มีผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่า หากไม่มีการยับยั้งหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สภาพบรรยากาศ ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า “โลก” ก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ย 1.5-4.5 องศาเซลเซียส ภายในศตวรรษนี้

ปัญหาข้างต้นมีจุดกำเนิดมาจากน้ำมือมนุษย์ และวิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้น ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอันล้ำหน้าอย่างรวดเร็ว จนนำมาซึ่ง “ความไม่สมดุล” กับภาวะธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเริ่มมีความตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาดังกล่าวมากขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ และคนในสาขาที่เกี่ยวข้อง เริ่มหันมาศึกษาถึงการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และวิทยาการใหม่ๆ เข้ามาใช้ “รับมือ” หรือ “ป้องกัน” อนาคตของมนุษยชาติ

โครงการป้องกันน้ำท่วมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หันกลับมามองวิกฤติอุทกภัยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของประเทศไทยขณะนี้ ก็นึกย้อนไปถึง “เวนิส” เมืองท่องเที่ยวที่ถูกโอบล้อมด้วยสายน้ำของประเทศอิตาลี ท่ามกลางความโด่งดังในเรื่องความงดงามของทัศนียภาพดังกล่าวในสายตานักท่องเที่ยว

ในอีกด้านหนึ่ง ทั้งชาวเวนิส และรัฐบาลอิตาลี ต้องเผชิญหน้ากับภาวะน้ำท่วมทุกปี เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูง และแนวโน้มความร้ายแรงของปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเฉลี่ยปีละ 10 ครั้ง เป็น 200 ครั้งในบางปี สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และทำลายสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่งดงาม นอกจากนั้นการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ยังทำให้พื้นดินในเมืองเวนิสทรุดลงไปถึง 23 เซนติเมตร

จึงเป็นที่มาของโครงการ “โมเสส (Mose - Modulo Sperimentale Eletromeccanico)” โครงการป้องกันน้ำท่วมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งชื่อ Mose ออกเสียงคล้ายกับชื่อของ “โมเสส (Moses)” ในพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งแสดงปาฏิหาริย์ทะเลแดง นำพาชาวยิวอพยพหนีจากกองทัพอียิปต์ โครงการนี้ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 4,200 ล้านยูโร หรือประมาณ 174,000 ล้านบาท และเริ่มเดินหน้างานก่อสร้างประตูเหล็กบานใหญ่กว่า 78 บาน ที่จะสร้างกั้นระหว่างทะเลอะเดรียอาติกกับเมืองเวนิส ซึ่งแต่ละบานมีขนาดกว้างเกือบ 30 เมตร และสูงกว่า 20 เมตร โดยบานที่ใหญ่ที่สุดอาจกว้างถึง 60 เมตร และสูงถึง 27 เมตร หรือเท่ากับตึก 7 ชั้น

แต่สิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือ ในยามปกติประตูเหล่านี้จะถูกพับเก็บไว้ใต้ท้องทะเล แต่จะถูกยกสูงขึ้นมาเมื่อมีคลื่นยักษ์พัดเข้าเมืองเวนิส หรือในยามที่น้ำทะเลหนุนสูงเท่านั้น และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2557 เพื่อป้องกันน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นได้อีกถึง 60 เซนติเมตร

แผนที่ดาวเทียม เครื่องมือยามฉุกเฉิน
แม้ปัจจุบันยังไม่เห็นโครงการระยะยาวที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลหลายๆ ชาติ แต่ก็มีการเริ่มนำข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาเป็นเครื่องมือสำหรับรับมือปัญหายามฉุกเฉิน

หนึ่งในเครื่องมือที่โดดเด่น และกำลังถูกใช้งานเพื่อรับมือปัญหาน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 2 ใน 3 ส่วนของประเทศไทยขณะนี้ ก็คือ แผนที่ Crisis Maps ซึ่ง กูเกิล ต่อยอดการพัฒนาเพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวไทย () โดยเป็นแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม แสดงจุดพื้นที่ประสบภัยและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแบบเรียลไทม์ ตลอดจนแสดงพื้นที่น้ำท่วม ที่สามารถซูมเข้าไปยังพื้นที่นั้นๆ ได้

ทั้งยังเป็นแหล่งรวมทุกข้อมูลข่าวสารจำเป็น รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ของผู้ที่ประสบภัย หรือผู้ที่เป็นอาสาสมัคร-จิตอาสาด้วย โดยมีอาสาสมัครจากกูเกิลไปทำหน้าที่ดูแลข้อมูลบนแผนที่ และอธิบายให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้อีกด้วย

ก่อนหน้า แผนที่ดาวเทียม Crisis Maps จากกูเกิล มีส่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่อื่นๆ ของโลกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ หรือย้อนไปในเดือนกุมภาพันธ์ ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์

โครงการนี้ดำเนินการภายใต้ทีม “Crisis Response Team “ ของกูเกิล ซึ่งเหล่าอาสาสมัครของทีมงานนี้ ให้คำจำกัดความทีมตัวเองว่า “A small team tackling with big problems” หรือทีมคนเล็กที่พร้อมต่อกรทุกปัญหาใหญ่

....ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่มนุษยชาติจะร่วมแรงร่วมใจนำเอาความรู้ความก้าวหน้าของวิทยาการ และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย “กู้” โลกใบนี้ หลังจากที่ผ่านมาได้นำความล้ำหน้าทั้งหลายเป็นอาวุธสังหารโลกใบนี้ให้ตายไปช้าๆ อย่างเลือดเย็นมาเป็นเวลานับร้อยปี

เนื้อเรื่อง : นสพ.คมชัดลึก


Create Date : 04 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2554 7:27:14 น. 1 comments
Counter : 421 Pageviews.

 


โดย: todsvuth1 วันที่: 1 ธันวาคม 2554 เวลา:22:50:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

wattana13
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wattana13's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.