Understanding Society
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

Tsuki no koibito : เพราะ ความรักนั้นธรรมดา และ สามัญ



ชีวิตตอนที่เป็นผู้ใหญ่กับชีวิตสมัยเด็กนั้นแสนต่าง ครั้งเป็นเด็กไม่เคยเห็นข้อดีของการได้เป็นเด็กตลอดไป อย่างที่ผู้ใหญ่หลายคนเขารำพึงกัน กระทั่งโตขึ้นและทำงานจึงรู้สึกว่าเป็นเด็กนั้นแสนสุข ตอนเป็นเด็กนั้นเราก็อยากเหลือเกินที่จะเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดอะไรมากมายแค่คิดว่าเป็นผู้ใหญ่นั้น คือ คนทำงานหาเงินได้ มีโอกาสแต่งชุดทำงานใส่รองเท้าส้นสูงถือกระเป๋าเอกสารไม่เคยนึกว่าการเป็นผู้ใหญ่นั้นจะตามมาด้วยเรื่องราวซับซ้อนวุ่นวาย และ ยุ่งยาก ยิ่งอายุมากขึ้นความซับซ้อนยุ่งยากก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เรื่องง่ายๆ รายละเอียดเล็กๆ ที่ธรรมดาสามัญจะเหลือไว้ก็เพียงในความทรงจำ บางครั้งก็เลือนหายไปจากความทรงจำหากเวลานั้นต้องวิ่งหน้าตั้งรีบทำงานรีบตื่นรีบหลับแล้วก็รีบตื่นอีกทีไปทำงาน

ก็แปลกดีที่ความรู้สึกเช่นว่านี้ผุดขึ้นมา ณ ซอกมุมเล็ก ๆ ของความคิดเมื่อได้รับชม Tsuki no koibito ซึ่งปะหน้าว่าเป็นละครโรแมนติค ตอนแรกคิดว่าจะเป็นละครแนวเดียวกับที่ทาคุยะเคยเล่นเมื่อสมัยซักเกือบ 10 ปีที่แล้วประมาณ Beautiful life Pride ทำนองนั้น กลายเป็นว่าละครเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญอย่าง "ความรัก" ที่กลายเป็นว่าไม่ธรรมดาสามัญเสียเลยเมื่อเกิดขึ้นกับผู้คนที่เลยวัยจะสวมแว่นตาสีกุหลาบเสียแล้ว คนที่ "รู้" ว่าโลกนี้ไม่ใช่สีชมพ แต่มีหลากหลายสี ด้วยเหตุว่าคนเหล่านั้นมีอารมณ์ ความคิด ความปรารถนา ที่บ่มเพาะมาจากประสบการณ์ชีวิตอันซับซ้อน หรือ เรียกกันสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่าเป็น "ผู้ใหญ่" กันแล้ว ซึ่งนอกจะทำให้รักเป็นเรื่องไม่ธรรมดาแล้วก็พลอยทำให้สิ่งอื่น ๆ ที่ควรจะเป็นเรื่องธรรมดากลับเป็นเรื่องยากไปเสียอีกด้วย



เธอหรือคือพระจันทร์

Tsuki no Koibito นั้นหมายความว่า คนรักของดวงจันทร์ แต่ก่อนจะถามว่าใครเป็นคนรักของดวงจันทร์ต้องถามก่อนว่า "พระจันทร์" น่ะคือใคร พูดถึงพระจันทร์สิ่งแรกที่เตะตาในละครเรื่องนี้ คือ งานออกแบบของบริษัทเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งภายในชื่อ Regolith ซึ่งเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของสสารชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายฝุ่นผงบนดวงจันทร์ หรือ ที่เขาเรียก ๆ กันว่า "ดินบนดวงจันทร์" นั่นเองนอกจากนั้นเครื่องหมายการค้า ถ้าเรียกให้ทันสมัยหน่อยก็ต้องบอกว่า "โลโก้" ของ Regolith นั้นได้แก่ จันทร์เสี้ยว ซึ่งผู้ที่ว่าราชการงานเมืองในบริษัทนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนประธาน ฮาสีกิ เรนสึเกะ นั่นเอง

ประธาน ฮาสึกิ หรือ ถ้าจะเรียกกันตามแบบญี่ปุ่นก็ต้องเรียกว่า ฮาสึกิฉะโจว แต่เป็นท่านประธานที่ไม่ชอบให้ใครเรียกว่าท่านประธาน ฮาสึกิเป็นผู้ชายที่ดูแล้วเอาแต่ใจติดจะเย็นชา และ ต้องการความเพอเฟ็คในชิ้นงานที่ทำ ฮาสึกิตั้งบริษัทเล็ก ๆ ขึ้นมาในตอนต้นโดยมีสโลแกนว่า The finest furniture for you มุ่งมั่นที่ส่งเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ เพื่อคนทั่วไปได้ใช้ ด้วยฝีมือและความละเอียดละออ Regolith เติบโตอย่างรวดเร็ว และ ใหญ่โตเกินความคาดหมาย จนกลายเป็นเบอร์สองของวงการในเวลาไม่นาน

ระหว่างการเดินทางขึ้นมาถึงอันดับสองนี้ ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่พูดไม่ค่อยเก่ง สานสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ค่อยเป็น แต่มีฝีมือดี กลายเป็นคนที่เลือดเย็นไร้น้ำใจ เมื่อต้องทำงานกับคนมาก ๆ เมื่อต้องเจอเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงทางธุรกิจที่สุดแล้วเนื้อที่สมองก็คงไม่เหลืออะไรให้ต้องคิดมากไปกว่าจะทำอย่างไรจึงจะพาบริษัท และ องค์กรให้ไปรอด ซึ่งมีทั้งตรงไปตรงมา มีทั้งใช้ชั้นเชิง รวมถึงการเล่มเกมส์ใต้โต๊ะ แต่ละวันที่ต้องแย่่งชิงและแข่งขันก็ผันผ่านไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดกลายเป็นความชินชา ... ไม่มีใครเข้าใจก็ไม่เป็นไร จะถูกเกลียดก็ไม่รู้สึก อย่างไรก็ได้ที่ทำให้ Regolith เติบโต

ฮาสึกิจึงเดียวดายเหมือนดวงจันทร์บนฟ้ากว้างยามค่ำคืน ดวงจันทร์ที่ไม่มีชั้นบรรยากาศ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่รอด แต่มองภายนอกแล้วสวยเย็นตาเพราะแสงอันนุ่มนวล คนจึงมองข้ามรอยแผลแห่งการเวลา หลุมบ่อขรุขระ บนดวงจันทร์ไปเสียสิ้น งดงาม อันตราย และ เงียบเหงาจับใจ



ฤาดวงจันทร์จะมีรัก

ในขณะที่ชีวิตของฮาสึกิกำลังดำเนินไปตามรูปรอยที่เคยเป็นมา เครียดเคร่งกับการบริหารบริษัทให้รุดหน้า จัดการปัญหาอุปสรรคข้อขัดข้องต่าง ๆ ตามวิถีเพื่อมุ่งสู่จุดหมายที่ตั้งใจอย่างไม่เลือกวิธี แต่กำลังเล่นตามเกมส์ของตัวเองอยู่ดี ๆ เส้นทางทั้งหมดทั้งมวลของฮาสึกิก็พลิกผันเมื่อชะตาของเขาได้โยงใยเข้ากับผู้หญิงสามคนซึ่งผ่านเข้ามาในชีวิต และ เธอทั้งสามก็ได้มอบ "ความรัก" ต่างรูปแบบให้ฮาสึกิได้เรียนรู้ และ เข้าใจ รักที่มิได้จบลงแค่เอ่ยปากบอกรักเพียงเท่านั้น

คนหนึ่งคือสาวใสผู้มีความคิดความอ่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง และ จริงใจ เปิดเผยมุมมองสดใหม่ให้ฮาสึกิได้เห็น ซูเหม่ยเหมือนแหล่งน้ำบริสุทธิ์สะอาดชุ่มชื่นให้ตักตวงดื่มกิน เธอคือตัวแทนของความสดใสร่าเริงเหมือนน้ำฝนสะอาดใสผ่องแผ้ว ตัวแทนของอดีตที่ฮาสึกิโหยหา ในช่วงชีวิตของเขาก่อนจะกระโจนเข้าสู่วังวนแห่งการคร่ำเคร่งแข่งขัน ฮาสึกิก็เคยมีวันเรียบง่าย ผ่อนคลายกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เมื่อซูเหม่ยเดินเข้ามาในชีวิตหัวใจดวงเดิมของฮาสึกิก็คล้ายจะเต้นขึ้นมาใหม่ และ .... อะไร ๆ รอบตัวก็เริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่หยุดนิ่งมานาน

อีกสาวหนึ่งเป็นนางแบบนามไพเพราะ เปรี้ยวเฉี่ยวไฉไลแบบลูกคนรวย มั่นใจเกิน 100 % เพราะ ความสวยและชื่อเสียง โอนุกิ ยูสึกิ คิดเสมอว่าดวงจันทร์ดวงนี้หรือดวงไหน ถ้าเธอคิดจะสอยจะคว้าไม่มีทางที่จะไม่ได้มา ด้วยความสาวความสวย ด้วยความรวยและเด่น มีหรือที่จะพลาดเป้า แม้วันนี้ฮาสึกิจะยังไม่มีทีท่าใด ๆ กับเธอ นอกจากความนิ่งเฉย แต่เมื่อไม่เย็นชา แต่เมื่อไม่ปฏิเสธ แปลว่าเธอยังมีหนทาง โอนุกิไม่ใช่น้ำใสไหลเย็น แต่เธอก็มีเสน่ห์น่ารักดื้อรั้นในแบบของเธอ เปรี้ยวเชิดแบบโก๊ะกัง แต่อีกทางหนึ่งก็ไร้เดียงสาคล้ายเข้ารบรากับเด็กแสนงอน น่ารำคาญแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดู

สาวรายสุดท้ายเธอแกร่งงานเยี่ยงชายอกสามศอก เป็นผู้ใหญ่ และ มีเหตุผล ไม่เคยฉุดรั้ง และ ดึงดัน ไม่เคยแทรกแซงชีวิตส่วนตัวของใคร แต่ถึงเวลามีปัญหาเธอจะยืดหยัดอยู่ข้าง ๆ ฮาสึกิเป็นคนสุดท้าย เป็นคนหนึ่งคนที่พร้อมให้ฮาสึกิวิ่งมาหาเพื่อปรับทุกข์ และ เมื่อขาวิ่งจากไปเมื่อสบายหายดีแล้วเธอก็คงยังอยู่ตรงนั้น เหมือนสายลมอยู่ข้าง ๆ กัน เมื่อไหร่ที่ร้อนใจมองไม่เห็นใครแต่ นิโนมิยะ มาเอมิ จะอยู่ตรงนั้นเสมอ อยู่ด้วยอารมณ์รักเล็ก ๆ ช้ำนิด ๆ กับความรู้สึกของ "เพื่อนรักที่รักเพื่อน" โดยที่ตัวต้นเหตุก็ช่างไม่รู้อะไรเสียบ้างเลย

ความรักแสนกล

เมื่อความรักเข้ามาชะตาก็แปรเปลี่ยน การตัดสินใจรุกคืบทางการค้าของเรนสึเกะพาให้อะไรต่าง ๆ มากมายในชีวิตได้พลิกผัน ในขณะที่เจ้าตัวหัวหมุนกับเรื่องรักลุ้น ๆ สีซ้าห้าเส้า กลเกมส์ทางธุรกิจก็ปั่นป่วนเช่นคลื่นใต้น้ำ สิ่งละเอียดอ่อนเยี่ยงความรักกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือที่ใช้ในการชิงชัย

ฮาสึกิจัดการชักใยซูเหม่ยให้เล่นตามเกมส์ โดยไม่คิดว่าโยงใยเหล่านั้นจะมัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด จากสาวน้อยซื่อใสซูเหม่ยจำต้องลุกขึ้นสู้เพื่อไม่ให้ล้มคว่ำแต่ก็กังขา และ สับสนกับความรู้สึกของเรนสึเกะที่มีให้ สิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" มันคืออะไรกันหรือ สาวน้อยสงสัย สิ่งที่ควรธรรมดาสามัญอย่างประโยค "ฉันรักเธอ" ทำไมมันถึงได้ซับซ้อน และ ยากที่จะเข้าใจ ในยามที่คิดว่าเข้าใจแล้ว และ ส่งผ่านความรู้สึกที่สำคัญไป ทำไมจึงไม่ได้กลับมาเท่ากัน

ฮาสึกิเองก็ไม่ต่างด้วยปัจจัยเหตุผลนานัปการ ด้วยฐานะประธานเรื่องที่ควรจะง่ายกลับยากเย็น เรื่องที่ควรจะธรรมดาสามัญกลับยากเย็นเกินจะให้คนอื่นทำความเข้าใจ ยิ่งไขว่ขว้าเท่าไหร่ก็ยิ่งล่องลอยออกไปไกลเท่านั้นสุดท้ายความสัมพันธ์ก็แตกร้าวรวมทั้งยังพาให้อย่างอื่นพังทลายไปกับตาด้วย

ยูสึกิเปิดเกมส์รุกกับฮาสึกิด้วยความสาวสวยรวยเด่นแต่ไม่เคยได้ผล ฮาสึกิเพียงต้องการจะใช้เธอเป็นทางผ่าน และ เป็นการโฆษณาในฐานะคนมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับลูกสาวประธานบริษัทอันดับหนึ่งในวงการเฟอร์นิเจอร์ หลงลืมไปแล้วกับวันวานที่เคยต่อโต๊ะเก้าอี้ให้สาวน้อยได้ประทับใจ แต่ความอ่อนหวานอันนั้นยังคงจับใจยูสึกิเธอจึงวิ่งไล่คว้าเงา และ มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ฮาสึกิเสมอมา เธอให้ "ความรัก" ในแบบของเธอ ตามตื๊อให้กำลังใจแบบโหวกเหวกวีน ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ทุกอย่างที่ฮาสึกิทำนั้นก่อเกิดความกังวลอยู่ในใจมาเอมิอย่างเงียบ ๆ แต่เธอก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าไปแทรกแซง ไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่เพราะว่าไม่ว่าจะห่วงขนาดไหน คนเราย่อมตัดสินใจด้วยตัวเองและรับผลของตัวเองก็เป็นผู้ใหญ่ผู้โตกันแล้ว ทุกวันก็ได้แต่เฝ้ามองอย่างเป็นห่วงแล้วก็เตือนอ้อม ๆ แบบที่เล่นที่จริง

ตัวจริง

ในขณะที่ฮาสึกิชักนำใคร ๆ เข้าสู่กลเกมส์แห่งการชิงชัยทั้งในแง่ความรัก และ ธุรกิจการงาน ก็มีอยู่หนึ่งคนที่ฮาสึกิไม่ยอมให้เข้ามาแปดเปื้อน ทำโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าได้ทำลงไปแล้ว นั่นก็คือ มาเอมิ แม้จะใช้งานหนักเยี่ยงทาส ต่อล้อต่อเถียง ไม่เคยที่จะคิดในเชิงชู้สาวอย่างใคร ๆ ไม่เคยกระทั้งหึงหวงหรือคิดเป็นอื่นไกล แต่ฮาสึกิไม่เคยนำมาเอมิเข้าสู่วังวนการต่อสู้ ไม่เคยใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหาชื่อเสียง มากสุดที่หาประโยชน์คือฝีมือ ไม่มีการเขี่ยทิ้ง ไม่มีการใช้กลโกง ตรงไปตรงมาพอใจหรือไม่พอใจก็เปิดอกคุยกันได้ตรง ๆ โดยไม่มีอารมณ์อื่นมาเกี่ยว

ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร และ ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นความจริงข้อนี้ซักคนนอกจากมือขวาอย่างคาซามิ ที่มองขาดผ่านตลอดว่าอดีตเจ้านายนั้นมีแก่ใจกับคน ๆ นี้ อยู่นานแล้วแต่ไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันมีรสหวานแหลมอย่างความรักที่เขามักจะเป็นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกันและกันเป็นสิ่งแสนธรรมดาเหมือนที่หัวใจเต้น เหมือนการหายใจของคน สำคัญอย่างยิ่งแต่ก็ธรรมดาอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอย่างธรรมดา สิ่งรอบตัวก็ผ่านไปอย่างธรรมดา เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนทึ่มทื่อทักษะด้านอารมณ์อย่างฮาสึกิจะมองไม่เห็นสิ่งที่ก่อตัวมากว่า 15 ปีระหว่างคนสองคน เพริดไปกับรสหวานซ่านร้อนแรงกับความรู้สึกที่มีต่อซูเหม่ย แน่นอนว่านั่นก็ถือเป็นรักจริง เป็นอารมณ์ที่แท้จริง แต่หวานง่ายก็เมาง่ายเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากฐานที่เรียกว่าความเข้าใจเมื่อเหตุพลิกผันพายุแห่งชีวิตพัดผ่านเข้ามาให้เซซังคนที่เขารับไม่ได้ และ ไม่เข้าใจก็จากไป

เหลือแต่ "ตัวจริง" ที่อยู่เคียงใกล้ให้ฮาสึกิได้เปิดตา และ เปิดใจมองสิ่งธรรมดาสามัญที่อยู่ใกล้ตัว เลือกจะเดินทางชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง เลือกในสิ่งที่เป็นตัวต้น ย้อนกลับไปตรงจุดเริ่มต้นเพื่อวกเลี้ยวไปในทางที่ถูกที่ควร


รักของดวงจันทร์

ฮาสึกิเปรียบตัวเองเสมือนดวงจันทร์ มีแสงนวลพอเห็นได้ แต่ก็สังเกตยากเหลือเกินว่าเมื่อใดจะปรากฎบนท้องฟ้า และ พอหันไปหันมาก็ไม่รู้ว่าลับหายไปเมื่อไหร่ นอกจากนั้นพระจันทร์ยังขรุขระ พระจันทร์ยังเว้าแหว่ง ไม่สมบูรณ์อีกต่างหาก น่าเสียดาย .... ฮาสึกิ เรนสึเกะ บอกไว้เช่นนี้ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ มาเอมิว่า พระจันทร์น่ะ .... ไม่ว่าอย่างไร (จะเต็มดวง จะครึ่งเสี้ยว จะขรุขระ จะขึ้นหรือตกแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้)ก็สวยอย่างที่มันเป็นอยู่ดี

นั้นสินะไม่ว่าสรรพสิ่งใด ๆ ก็ไม่สมบูรณ์แบบหรอก อาจจะมีบาดแผล มีจุดอ่อน มีข้อตำหนิมากมายหลายหลาก แต่นั้นก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของความสวยงามของสรรพสิ่งไม่ใช่หรือ imperfection is a beauty ที่เขาว่า เมื่อความไม่สมบูรณ์เป็นของธรรมดา จะรักในใครซักคนที่มีข้อตำหนิ .... ก็ไม่แปลกนินา เป็นแค่เรื่องธรรมดา และ สามัญ เฉกเช่นเดียวกัน




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2553
10 comments
Last Update : 11 สิงหาคม 2553 16:37:09 น.
Counter : 977 Pageviews.

 

น่าดูอย่างแรง

 

โดย: kanit2425 11 สิงหาคม 2553 16:56:05 น.  

 

อ๊ายยยยยยยยย นี่แหละ ที่อยากดูมาก..

 

โดย: poongie 11 สิงหาคม 2553 20:01:08 น.  

 




ขอให้มีความสุขในวันแม่นะคะ

 

โดย: หน่อยอิง 11 สิงหาคม 2553 21:01:10 น.  

 

บรรยายได้เห็นภาพของทั้งเรนสึเกะ ซูเหม่ย ยูสึกิ และมาเอมิเลยค่ะ
สุดท้าย"เพื่อนรักที่รักเพื่อน" ก็เป็นผู้ที่กุมหัวใจคนเลือดเย็นไร้น้ำใจสินะคะ

 

โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.22.8 11 สิงหาคม 2553 23:06:09 น.  

 

เคยอ่านบล็อกอื่นของคุณวรินทร์รตามาด้วย ยังคงยืนยันกับตัวเองดังเดิมว่าสำนวนการเขียนสละสลวยจังเลยค่ะ

พูดถึง ความหมายของพระจันทร์ ตอนแรกไม่ได้นึกถึงเลยว่าเป็นฮาสึกิหรือมีความหมายอะไรนอกเหนือไปจากเป็นสัญลักษณ์ของ Regolith ซึ่งหมายถึง Regolith ที่ปกคลุมดวงจันทร์เหมือนที่ฮาสึกิอยากส่งมอบเฟอร์นิเจอร์ดีๆ ไปทั่วโลก

แต่เมื่อฮาสึกิกับมาเอมิกลับไปสถานที่สมัยเรียน แล้วฮาสึกิรำพึงถึงดวงจันทร์ จึงเพิ่งรู้สึกถึงดวงจันทร์เป็นครั้งแรก แต่ที่นึกถึงกลับเป็นมาเอมิค่ะ มาเอมิไงดวงจันทร์ มีแสงนวลพอเห็นได้ และแม้จะถูกบดบังไม่สังเกตเห็น แต่ก็อยู่ที่นั่นเสมอ ที่คิดแบบนั้นเพราะมาเอมิกำลังเป็นดวงจันทร์อยู่ข้างๆ คอยเป็นแสงสว่างนวลตาเป็นเพื่อนปลอบใจฮาสึกิอยู่นั่นเอง เหมือนคนเหงาแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วเห็นหน้าดวงจันทร์

พล็อตเรื่องโอเคมากเลย ..แต่ที่ทำให้ดูละครเรื่องนี้ไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะมันคลุมเครือมากระหว่างมาเอมิกับซื่อเมย ว่าจะยังไงกับใครกันแน่ คิดอยู่แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นมาเอมิแน่นอน 100% ต่อให้พบกับความคลุมเครือก็ยังหวังสุดใจให้เป็นเช่นนั้น และเพราะบทของทาคุยะที่มีต่อมาเอมิ ดูความรักความสำคัญที่ว่า มันจะอยู่ลึกไปหน่อย (จนแทบไม่รู้สึกถึง) ที่ขัดใจมากคือรู้จักกันมา 15 ปี แต่ยังเรียกด้วยนามสกุล นิโนมิยะ อยู่เลย ทำไมจะต้องทำห่างเหินกับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากนั่นแหละ จึงเริ่มมีสายตาระลึกเอาความรู้สึกในส่วนลึกที่ควรจะเป็นกระเตื้องขึ้นมาอยู่ระดับตื้นๆ ให้สัมผัสได้บ้าง

แต่ว่า นั่นก็ถึงเวลารวบรัดให้เรื่องราวจบลงในตอนที่แปดซะแล้ว

 

โดย: prysang 11 สิงหาคม 2553 23:49:57 น.  

 

รีวิวซึ้งจังค่ะ

 

โดย: sakura IP: 124.122.23.154 15 สิงหาคม 2553 20:21:01 น.  

 

ใช้ภาษาได้งดงามมากล้นเลยละท่าน

ก็แปลกใจที่อยู่ๆ ท่านก็หายจากการรีวิวตอนที่สองไปเลย

เหมือนกับ่ว่าสอดรับกับกระแสเรตติ้งไม่มั่นคง

มองได้ว่ามีปัญหาความเป้นพล็อตร่วมสมัย

ขณะที่ทาคุยะก็เล่นบทที่ออกไปในเชิงลบ

ีที่ไม่สงวนอารมณ์แฟนๆ

Moon Lover เป็นการจัดลำดับความสัมพันธ์ของความรัก

ที่เป็นไปตามลำดับ ที่ต่างก็มีความสำคัญในความหมายของผูั้ชายคนหนึ่ง

จะจัดสรรให้กับนางทั้งหลาย

แต่ถ้าเป็นผม จะเหมาเสียให้เกลี้ยง แล้่วค่อยๆสลับสับรางให้ทุกจังหวะจักโคน

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 16 สิงหาคม 2553 22:46:55 น.  

 

ใช้ภาษาได้งดงามมากล้นเลยละท่าน

ก็แปลกใจที่อยู่ๆ ท่านก็หายจากการรีวิวตอนที่สองไปเลย

เหมือนกับ่ว่าสอดรับกับกระแสเรตติ้งไม่มั่นคง

มองได้ว่ามีปัญหาความเป้นพล็อตร่วมสมัย

ขณะที่ทาคุยะก็เล่นบทที่ออกไปในเชิงลบ

ีที่ไม่สงวนอารมณ์แฟนๆ

Moon Lover เป็นการจัดลำดับความสัมพันธ์ของความรัก

ที่เป็นไปตามลำดับ ที่ต่างก็มีความสำคัญในความหมายของผูั้ชายคนหนึ่ง

ขณะทืัี้่่กว่าเขาจะรู้ซึ้ง ก็ทำร้ายจิตใจสาวข้างเคียงไปตั้งหลายคน

เจตนาดี แต่วิธีการนำเสนอนั้นผิดพลาดไป

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 16 สิงหาคม 2553 22:54:20 น.  

 

เพิ่งดูจบค่ะ จบแล้วแบบค้าง อารมณ์ค้าง

ก็รู้อยู่นะ ว่าป๋าคงไม้ได้คู่กับซูเหม่ย หรือว่ายูสูแน่ๆ แต่ก็ลุ้นว่าจะทำออกมายังไงให้เนียน
เพราะดูมาตลอดทุกตอน แอบเชียร์คาซามิกะมาเอมิตลอดเวลา (ออกแนวรักเด็ก อิอิ )

แต่พอถึงตอนสุดท้ายเท่านั้นแหละ ป๋ายะมาแรงแซงทุกโค้ง
ตอนพรีเซนต์ แบบว่าดูดีมาก เทคะแนนให้เลย
ยิ่งตอนช็อตซ่อมประตู ตายๆ ตายไปเลย ทำไมเรนสึเกะถึงน่ารักเยี่ยงนี้
สรุปว่าเพราะเรานั้นคู่กันจริงๆ
แต่แอบสงสัย ถ้าวันนั้นมาเอมิไม่พูด จะมีวันนี้มั้ยเนี่ย

 

โดย: +ordinary imp+ 17 สิงหาคม 2553 1:46:56 น.  

 

เราว่าปัญหาจริง ๆ อยู่ที่สองเรื่อง บท กับ แคสติ้ง

บท

เรื่องนี้เป็นอะไรที่ลับลมคมในสำหรับตัวเองมาก การเฉลี่ยบทค่อนข้างแปลกสำหรับคุณอาซาโนะ ทาเอโกะ ที่มีผลงานการันตีในทั้ง Love Generation และ Last Friends ที่ปกติแล้วเธอเป็นคนหนึ่งที่เฉลี่ยบทได้ดีมีมิติมีความเหมาะสม แต่บทเรื่องนี้เธอค่อนข้างเทบทไปเน้นที่ความสัมพันธ์ของเรนสึเกะกับซูเหม่ยซึ่งบอกตามตรงว่ามันเยอะเกิน

ถ้าเล่าแล้วบอกความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวจะไม่ว่า แต่มันกลายเป็นพายเรือในอ่างไปซะ เมื่อนำเรื่องนี้มาประกอบกับข่าวที่เคยได้ยินเรื่องวุ่น ๆ ของบทนักแสดงหญิงในเรื่องที่ออกมาว่าต้องแก้ไขอะไร ๆ กัน คนนั้นบทน้อยไป คนนี้บทเยอะไป คนโน้นบทไม่มีมิติ เลยอนุมานว่าคงแก้สุดความสามารถแล้วได้ออกมาแบบนี้

แคสติ้ง

บทซูเหม่ยค่ะ ... การแสดงของหลินจื่อหลิงประคองตัวไปได้ระดับหนึ่งนะ แต่บทนี้เราว่าต้องการคนมีฝีมือพอตัว เนื่องจากตัวละครมีความซับซ้อน จากสาวใสซื่อเธอจะต้องเอาตัวรอด แต่ก็ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนหมด มีบางส่วนที่ยังซื่ออยู่ บางส่วนที่เปลี่ยน และ ต้องผนวกด้วยความลังเล

อารมณ์ความรู้สึกมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากต้องแสดงความซับซ้อนของอารมณ์แล้ว บุคคลิกต้องมีความต่อเนื่องด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่จือหลิงขาด แล้วทีมงานญี่ปุ่น ... อย่างที่ทราบ มีทีมผู้กำกับและผู้เขียนบท ที่สไตล์ต่างกัน

ดังนั้นจะคงคาแรคเตอร์ให้ต่อเนื่องเวลาผู้กำกับ และ คนเขียนบทเปลี่ยนไปมันยากสำหรับคนไม่คุ้นเคยที่จะให้ตัวละครมีความคงเส้นคงวา การแสดงของจื่อหลิงทำให้คนดูเกิดความสับสน ว่าคาแรคเตอร์ตัวละครนี้มันอะไรของมัน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ไม่สูงสุดก็ต่ำสุดไปเลย ไม่มีลักษณะลังเลเหมือนที่ตัวละครควรมีทำให้คนดูไม่อิน

 

โดย: วรินทร์รตา 17 สิงหาคม 2553 19:58:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วรินทร์รตา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Light&Truth
Friends' blogs
[Add วรินทร์รตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.