|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รูปแบบการปฏิบัติการทางอากาศที่ ทอ. คาดว่าจะเกิดขึ้น
จากเอกสาร เรื่อง นโยบายผู้บัญชาการทหารอากาศ พ.ศ.2550 ในหัวข้อ "การประเมินสถานการณ์และสภาพแวดล้อม" กล่าวไว้ว่า
ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการก่อการร้ายสากล ปัญหากระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดนซึ่งเกิดจากเรื่องเล็ก ๆ แต่มีความไม่แน่นอนสูง และมีโอกาสที่จะลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น การปราบปรามชนกลุ่มน้อย ปัญหาประมง ปัญหาเขตแดนบางแห่ง และการยึดหรือทำลายทรัพย์สินของไทยในต่างประเทศยังคงเป็นปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันกระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลต่อความสมดุลในด้านการพัฒนาประเทศซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาในสังคมไทยที่ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง ได้แก่ ปัญหาความยากจนและปัญหายาเสพติด เป็นต้น อีกทั้งผลจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงเพิ่มสูงขึ้น
จากการประเมินสถานการณ์และสภาพแวดล้อมข้างต้น สามารถพยากรณ์ได้ว่าโอกาสและความเป็นไปได้ที่รัฐจะใช้กำลังทางอากาศ เพื่อแก้ปัญหายังคงมีอยู่ทั้งด้านการรบและมิใช่การรบ โดยความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดอย่างต่อเนื่อง การต่อต้านการก่อการร้ายจะเป็นเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดมากที่สุดดังที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ติดตามมาด้วยการใช้กำลังทางอากาศในภารกิจที่มิใช่การรบ การสู้รบยังคงมีโอกาสเกิดขึ้นในลักษณะจำกัดห้วงเวลาสั้น ๆ (ไม่เกิน ๑๐วัน) และจะเกิดขึ้นโดยฉับพลัน มีสิ่งบอกเหตุในระยะเวลากระชั้นชิด จึงทำให้มีเวลาเตรียมการน้อยหรืออีกนัยหนึ่ง คือ การใช้กำลังทางอากาศในอนาคตจะเป็นลักษณะที่มีสิ่งบอกเหตุในระยะเวลาอันสั้น และต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็ว (Short Notice/Rapid Reaction) การพิจารณาใช้กำลังทางอากาศจึงต้องเพิ่มความละเอียดรอบคอบมากขึ้น
เหตุการณ์ที่มีโอกาสใช้กำลังทางอากาศมากที่สุด มีดังนี้
๑. การใช้กำลังทางอากาศต่อต้านการก่อการร้าย ได้แก่ ภารกิจประเภท ISR (Intelligence Surveillance Reconnaissance) การลำเลียง การปฏิบัติการจิตวิทยา และการใช้อาวุธขนาดเบาเป็นต้น และจะเป็นภารกิจที่ต้องปฏิบัติประจำอย่างต่อเนื่อง
๒. การใช้กำลังทางอากาศในภารกิจที่มิใช่การรบ ได้แก่ การปฏิบัติกิจเฉพาะพิเศษต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติเพื่อสนองโครงการตามพระราชดำริเพื่อพัฒนาประเทศ การบรรเทาสาธารณภัย การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสังคม การลำเลียง และการสนับสนุนประชาคมโลกตามนโยบายของรัฐบาล
๓. การปะทะขนาดย่อมตามแนวชายแดน หรือทะเลอาณาเขต โดยมีกำลังทางอากาศร่วมด้วย ในภารกิจ ISR, CAS (Close Air Support) และการลำเลียง เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดแล้วบ่อยครั้ง และยังมีโอกาสเกิดขึ้นต่อไป
๔. สงครามจำกัดเขตขนาดย่อยที่ฝ่ายเราใช้กำลังทางอากาศฝ่ายเดียว เช่น การรบบริเวณชายแดนบ้านร่มเกล้า ฝ่ายเราต้องเผชิญกับอาวุธต่อสู้อากาศยานที่มีสมรรถนะไม่สูงแต่มีปริมาณมาก เพราะเรายังไม่มีอาวุธ Stand Off ที่ใช้ได้ในระยะเกิน ๑๐ ไมล์จากเป้าหมาย
๕. สงครามจำกัดเขตขนาดย่อยที่ใช้กำลังทางอากาศทั้ง ๒ ฝ่าย กองทัพอากาศยังไม่มีประสบการณ์ แต่เป็น Worst Case Scenario ที่ต้องเตรียมการไว้
พิจารณาจากเหตุการณ์ที่มีโอกาสที่ ทอ. จะต้องใช้กำลังทางอากาศ เริ่มจากข้อ 1 ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในขณะนี้ นั่นคือ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอาจหมายถึงในพื้นที่อื่นๆ ถ้ามีเหตุก่อการร้ายลุกลามออกไป อากาศยานที่อยู่ในข่ายที่ ทอ. จะนำมาใช้งานจะเป็น บ.ลำเลียง และ บ.ธุรการ/ตรวจการณ์ รวมทั้ง ฮ.ลำเลียง ด้วย เช่น C-130, G-222, BT-67 ในภารกิจลำเลียง, Nomad และ AU-23 ในภารกิจลำเลียงขนาดเบา ปฏิบัติการจิตวิทยา และตรวจการณ์ถ่ายภาพ และ AU-23 ในภารกิจยังสนับสนุนทางอากาศ และ ฮ. Bell-412, UH-1H ในภารกิจลำเลียง และอาจรวมถึงการแทรกซึม/รับกลับหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย (ถ้าจำเป็นต้องใช้)
ทอ. ขาดอะไรในการใช้กำลังในข้อนี้บ้าง 1) UAV สำหรับเฝ้าตรวจ ปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ที่เพดานบินปานกลางถึงต่ำ บินได้นานระดับหลัก 10 ชม. ขึ้นไป มี data-link ส่งภาพและ VDO ได้แบบ real-time 2) อุปกรณ์ปฏิบัติการในเวลากลางคืนสำหรับ บ.ลำเลียง แบบต่างๆ เช่น FLIR, NVG 3) ฮ.ลำเลียงที่ปฏิบัติการได้ทุกสภาพอากาศ 4) กล้องถ่ายภาพแบบ digital พร้อม data-link ติดตั้งกับ บ.ตรวจการณ์ถ่ายภาพ
ในข้อ 2 ก็เป็นสิ่งที่ ทอ. ปฏิบัติอยู่แล้วเช่นกัน อากาศยานที่ใช้หลักๆ คือ บ.ลำเลียงแบบต่างๆ ทุกแบบที่ ทอ. มีอยู่ รวมทั้งการใช้ บ.อย่าง AlphaJet ในภารกิจทำฝนเทียมด้วย ข้อนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติการที่ไม่ใช่การรบ ปัญหาที่อาจพบน่าจะเป็นจำนวนอากาศยานลำเลียงที่ไม่เพียงพอ และอากาศยานที่มีอายุการใช้งานมาก
ในข้อ 3 อาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เช่น บริเวณชายแดนไทย-พม่า เป็นต้น อากาศยานที่คาดว่า ทอ. จะนำมาใช้ประกอบด้วย บ.ลำเลียงทางยุทธวิธี, บ.ตรวจการณ์ถ่ายภาพ, บ.โจมตี, บ.ขับไล่โจมตี และ ฮ.กู้ภัย (เผื่อเอาไว้) เช่น C-130, G-222, BT-67, Nomad ในภารกิจลำเลียงทางยุทธวิธี AU-23, Nomad ในภารกิจตรวจการณ์ถ่ายภาพ L-39 และ AlphaJet ในภารกิจ CAS และ ฮ.UH-1H สำหรับกู้ภัย
ทอ. ขาดอะไรบ้าง ที่เหมือนกับการปฏิบัติการในข้อ 1 (ต่อต้านการก่อการร้าย) คือ 1) UAV 2) อุปกรณ์ FLIR, NVG สำหรับ บ.ลำเลียง 3) กล้องถ่ายภาพสำหรับ บ.ตรวจการณ์ สำหรับสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมา คือ 1) ฮ.กู้ภัยใหม่ทดแทน UH-1H 2) ขีดความสามารถในการใช้ อาวุธอากาศ-สู่-พื้นที่มีความแม่นยำสูง และอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติการได้ทุกสภาพอากาศของ บ.โจมตี/ขับไล่โจมตี เช่น อุปกรณ์ FLIR, NVG เป็นต้น
การปฏิบัติการในข้อ 4 นั้น หลักสำคัญยังคงเน้นไปที่ภารกิจอากาศ-สู่-พื้น เช่น การสนับสนุนกำลังทางบกในภารกิจ CAS และ BAI, การขัดขวางทางอากาศ (AI) แต่จะมีการต่อต้านจากภาคพื้นด้วยอาวุธประเภทปืนทุกขนาดไล่ตั้งแต่อาวุธประจำกายไปจนถึง ปตอ. แต่จะเป็น ปตอ. ที่ไม่มีระบบควบคุมการยิงซับซ้อนหรือไม่มีเลย และจากอาวุธนำวิถีพื้น-สู่-อากาศประทับบ่ายิง หรือบนแท่นยิงทั้งแบบตั้งพื้นและติดตั้งกับยานพาหนะ แต่มีระยะยิงใกล้ และนำวิถีด้วยอินฟราเรดเป็นหลัก อากาศยานที่จะต้องนำมาใช้งานจะครอบคลุมทั้ง บ.ขับไล่ทางยุทธวิธี (F-16 และ F-5), บ.ขับไล่โจมตี (L-39), บ.โจมตี (AlphaJet), บ.ลาดตระเวน (Learjet และ Arava), บ.ลำเลียงทางยุทธวิธี (C-130, G-222, BT-67, Nomad), ฮ.กู้ภัยในพื้นที่การรบ และ ฮ.ลำเลียง (UH-1H และ Bell-412)
สิ่งที่ ทอ. ขาดนั้น นอกจากเหมือนกับข้อข้างบนทั้งหมดแล้ว ทอ.ยังต้องการ 1) อาวุธอากาศ-สู่-พื้น แบบต่างๆ ที่มีคุณลักษณะเหล่านี้ คือ stand-off range (ระยะยิงเกินกว่า 10 ไมล์ จากความสูง 10,000 ฟุต ขึ้นไป), all-weather (ใช้งานได้ทุกสภาพอากาศและเวลา), precision (มีความแม่นยำสูง), fire-and-forget (ยิงแล้วลืม) และ penetration (มีหัวรบที่มีอำนาจทะลุทะลวง) สำหรับใช้งานต่อเป้าหมายไม่เคลื่อนที่ (fixed target) 2) อุปกรณ์ลาดตระเวนทำงานด้วยระบบ digital และมี data-link เช่น กล้อง LOROP และอุปกรณ์ SIGINT 3) บ.ลาดตระเวนติดตั้งเรดาร์เฝ้าตรวจภาคพื้นดินที่มี mode SAR และ GMTI 4) กระเปาะตรวจจับและชี้เป้าสำหรับ บ.ขับไล่ ที่ปฏิบัติการที่เพดานบินปานกลาง และมี data-link 5) กระเปาะลาดตระเวนทางอากาศ ติดตั้งกับ บ.ขับไล่ พร้อม data-link 6) ฮ.กู้ภัยในพื้นที่การรบ (CSAR) ขนาดกลาง 7) อุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากการถูกยิงด้วยอาวุธนำวิถีแบบอินฟราเรด สำหรับ บ. และ ฮ.ลำเลียง
สำหรับในข้อ 5 ซึ่งเป็น worst case scenario นั้น จะมีสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากข้อ 4 คือ การปฏิบัติการจะต้องมีรบแบบอากาศ-สู่-อากาศ ด้วย ในภารกิจตอบโต้ทางอากาศทั้งเชิงรุกและเชิงรับ (OCA และ DCA) เช่น การครองอากาศในพื้นที่การรบ, การลาดตระเวนรบทางอากาศ (CAP) หรือการบินสกัดกั้น ส่วนการรบอากาศ-สู่-พื้น อาจต้องทำการโจมตีสนามบิน รวมทั้งการกดดัน/ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึกด้วย อากาศยานที่จะใช้งานจะเหมือนในข้อ 4 แต่ที่เพิ่มเติมมาจะเป็นส่วนของ บ.ขับไล่สกัดกั้น/ครองอากาศ (F-16 และ F-5)
สิ่งที่ ทอ. ยังขาดอยู่ นั่นคือ 1) จำนวน บ.ขับไล่ ที่มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธ BVR พร้อมระบบ data-link, IFF และเรดาร์ที่ทันสมัย 2) อาวุธนำวิถี WVR ประเภท HOBS และหมวก HMD 3) บ. AWACS 4) ระบบป้องกันตัวเองจากการถูกยิงด้วยอาวุธนำวิถีด้วยเรดาร์ของ บ.ขับไล่ 5) อุปกรณ์สงครามอิเล็กทรอนิกส์ชนิดต่างๆ 6) อาวุธประเภท anti-radiation และ runway destruction/denial 7) บ. tanker
รวมทั้งในข้อ 5 นี้ จะมีส่วนที่ไม่ใช่การปฏิบัติการทางอากาศด้วย ที่สำคัญ คือ การป้องกันภัยทางอากาศต่อสนามบินที่อยู่ใกล้พื้นที่การรบ ซึ่งอาจถูกโจมตีได้
Create Date : 04 มีนาคม 2551 |
Last Update : 4 มีนาคม 2551 17:47:38 น. |
|
7 comments
|
Counter : 2579 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:22:34:50 น. |
|
|
|
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:21:47:54 น. |
|
|
|
โดย: ped cad IP: 69.205.47.202 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:03:57 น. |
|
|
|
โดย: tik IP: 125.25.24.104 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:18:52:32 น. |
|
|
|
โดย: PJ IP: 119.42.64.189 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:29:45 น. |
|
|
|
โดย: เอก.....รักชาติ IP: 118.173.42.167 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:29:10 น. |
|
|
|
โดย: ขอพูด IP: 58.11.150.39 วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:16:47:57 น. |
|
|
|
|
|
|
|